พระวาจาทรงชีวิต กันยายน 2012

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
salvation7
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 522
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
ติดต่อ:

อังคาร ก.ย. 25, 2012 2:54 pm

พระวาจาทรงชีวิต
กันยายน 2012


“ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้นั้น จะไม่กระหายอีก น้ำที่เราจะให้เขา จะกลายเป็นธารน้ำในตัวเขาไหลรินเพื่อชีวิตนิรันดร” (ยอห์น 4:13-14)

พระวาจาตอนนี้นำมาจากบทสนทนาที่พระเยซูเจ้าตรัสกับหญิงชาวสะมาเรียที่บริเวณบ่อน้ำยาโคบ พระเยซูเจ้าตรัสถึงน้ำซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมดามาก แต่ใคร ๆ ก็อยากได้เพราะเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับคนที่อาศัยอยู่ใกล้ทะเลทราย พระเยซูเจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายมากเลยว่า น้ำมีความสำคัญเพียงใด
น้ำจากบ่อเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตตามธรรมชาติฉันใด น้ำทรงชีวิตที่พระเยซูเจ้าตรัสถึง ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตนิรันดรฉันนั้น

ในทะเลทราย ต้นพืชจะงอกได้หลังจากที่มีฝนตกอย่างชุ่มฉ่ำเท่านั้นฉันใดเช่นเดียวกับเมล็ดพันธุ์ที่พระเจ้าทรงเพาะไว้ในจิตวิญญาณของเราโดยศีลล้างบาปจะงอกได้ก็ต่อเมื่อได้รับพระวาจาของพระเจ้าเหมือนดังได้รับฝนฉันนั้น
ต้นไม้แห่งชีวิตจิตของเราจะงอกและเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ให้ดอกที่สวยงามได้ ก็เป็นผลของการได้รับน้ำทรงชีวิตและดำรงรักษาไว้ตลอดนิรันดร

“ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้น้ำ จะไม่กระหายอีก น้ำที่เราจะให้เขา จะกลายเป็นธารน้ำในตัวเขาไหลรินเพื่อชีวิตนิรันดร”

พระวาจาของพระเยซูเจ้านี้มุ่งหมายถึงเรา ซึ่งมีความหมายกระหายอยู่ในโลกนี้บางคนที่รู้ดีว่ามีความแห้งแล้งฝ่ายจิตใจ มีความกระหายอยากดื่ม บางคนไม่รู้สึกกระหายอะไรเลย ไม่แสวงหาน้ำพุแห้งชีวิตแท้จริง หรือไม่แสวงหาคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ

พระเยซูเจ้าตรัสพระวาจานี้กับพวกเราทุกคนในปัจจุบันนี้ พระองค์ทรงบอกว่าเราจะพบคำตอบสำหรับปัญหามากมายของเราได้ที่ไหน เราจะพบความสุขใจอย่างบริบูรณ์ได้จากที่ได้
ดังนั้น พวกเราทุกคน จะยึดพระวาจาของพระองค์ไว้ให้มั่น ให้สารของพระองค์ซาบซ่านเข้าในจิตใจของเรา
เราจะทำได้อย่างไร
โดยการฟื้นฟูชีวิตของเราเสียใหม่ตามแนวพระวรสาร ตรวจสอบดูว่า ชีวิตจิตของเราสอดคล้องกับพระวาจาของพระเจ้าหรือไม่ เราพยายามคิดด้วยความคิดของพระเยซูเจ้า และรักด้วยหัวใจของพระองค์หรือไม่
ทุกครั้งที่เราเจริญชีวิตตามพระวาจา ก็เท่ากับว่าเราได้ดื่มน้ำทรงชีวิตนั้นที่ละหยด
ทุกกิจการที่เราทำเพราะความรักต่อพี่น้อง ก็เป็นหยดเล็ก ๆ ของน้ำทรงชีวิตนั้น
ถูกแล้ว เพราะน้ำนั้นทรงชีวิตทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง และจะพลุ่งขึ้นภายในตัวเรา ทุกครั้งที่เราเปิดใจเพื่อรักทุก ๆ คน พระเจ้าทรงเป็นน้ำพุที่ให้น้ำแก่เรา เพื่อเราใช้ดับกระหายของผู้อื่น ทุกครั้งที่เรากระทำกิจการเพื่อแสดงความรักต่อเขา

“ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้นั้น จะไม่กระหายอีก น้ำที่เราจะให้เขา จะกลายเป็นธารน้ำในตัวเขาไหลรินเพื่อชีวิตนิรันดร”

ดังนั้น เราได้เข้าใจแล้วว่า เพื่อจะดับความกระหายของเรา เราจะต้องให้น้ำทรงชีวิตกับผู้อื่น ซึ่งน้ำนี้เรารับมาจากพระองค์ ผู้ประทับอยู่ในเรา
บางครั้ง แค่คำพูดเดียวก็พอ แค่รอยยิ้ม หรือท่าทีเข้าอกเข้าใจ และเราเองก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นใหม่ เหมือนกับน้ำพวยพลุ่งขึ้นทำให้รู้สึกเต็มอิ่ม สุขใจลึก ๆ มีความยินดีอันแท้จริง และหากเราปฏิบัติเช่นนี้ต่อไป น้ำพุทรงชีวิตและองค์แห่งสันติจะให้น้ำกับเราต่อไปอย่างอุดมบริบูรณ์อย่างไม่มีวันเหือดแห้ง
แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่พระเยซูเจ้าเองทรงเปิดเผยให้เราทราบเกี่ยวกับน้ำพุที่ไม่มีวันเหือดแห้ง ซึ่งเราจะได้น้ำนั้นมา เมื่อเราสองหรือสามคนรวมกันในนามพระองค์ โดยรักซึ่งกันและกันเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงรักเรา พระองค์จะประทับอยู่ท่ามกลางเราจะรู้สึกเป็นอิสระเป็นหนึ่งเดียว ได้รับแสงสว่าง และรู้สึกเสมือนมีน้ำพุพวยพลุ่งขึ้นภายในจิตใจ
นี่แหล่ะเป็นคำสัญญาของพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นจริงแน่นอน เพราะว่าจากพระองค์ ผู้ทรงประทับท่ามกลางเรานั้นเอง ที่ทรงให้น้ำดับกระหายตลอดนิรันดร
เคียร่า ลูบิค

==========================================================

ประสบการณ์การเจริญชีวิตตามพระวาจา
ช่างตัดผม

ดิฉันมีร้านตัดผมเล็ก ๆ วันหนึ่งดิฉันรอจนสายก็ยังไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย ดิฉันจำได้ดีว่า วันั้นไม่มีสตางค์ติดกระเป๋าเลย ไม่มีแม้แต่จะซื้ออาหารสำหรับลูก ๆ 3 คน สักพักใหญ่มีเพื่อนบ้านเข้ามาขออาหารสำหรับครอบครัวของเธอ ดิฉันได้แต่รับฟังเพราะไม่มีอะไรจะให้ แต่ได้ให้สัญญาว่า ค่าตัดผมจากลูกค้าคนแรกจะให้กับเธอ...เธอกลับออกไปด้วยความดีใจ

ดิฉันรู้สึกเป็นกังวลว่าจะช่วยอะไรเธอไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็มีความเชื่อว่าต้องเป็นไปได้ แม้จะเป็นเวลาบ่ายมาก แล้วก็ตาม ดิฉันก็ได้ขอลูกค้าจากพระเยซูเจ้า เพื่อที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือเพื่อนบ้านได้

หลังจากนั้นไม่นาน มีเด็กหนุ่ม 2 คนเข้าร้านมาเพื่อตัดผม พวกเขาขอโทษที่มาเวลาใกล้ปิดร้าน ดิฉันไม่แปลกใจเลย เป็นพระเยซูเจ้าที่ส่งพวกเขามา ทันทีที่พวกเขาออกจากร้าน ดิฉันรีบเอาสตางค์ไปให้เพื่อนบ้านตามที่สัญญาไว้ เธอแปลกใจมาก ไม่อยากที่จะรับเงินนั้น เพราะทราบดีว่าดิฉันก็มีความจำเป็น ดิฉันบอกเธอว่า รับไว้เถอะ เพราะพระเยซูเจ้าจะดูแลดิฉัน และก็เป็นเช่นนั้น ไม่นานก็มีลูกค้าเข้ามาอีกหลายคน พร้อมทั้งยังกล่าวขอโทษที่มาตอนที่จะปิดร้านแล้ว

อ.ร.
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

อังคาร ก.ย. 25, 2012 4:53 pm

:s015:
ตอบกลับโพส