พระิดำรัสของ สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2
เกี่ยวกับ "คุณค่าชีวิตพิศเพ่ง ภาวนา ของบรรดานักพรตสตรี ที่ปิดขังตนอยู่ในอาราม"
ชีวิตนักพรตสตรีที่ปิดขังตนในอาราม สมควรได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษสำหรับความยกย่องเป็นอย่างสูง ซึ่งขุมนุม
ชาวคริสต์หล่อเลี้ยงไว้ต่อชีวิตประเภทนี้ อันเป็นเครื่องหมายแห่งความสนิทเป็นหนึ่งเดียวอันเป็นสิทธิโดยเฉพาะระหว่าง
พระศาสนจักรผู้เป็นคู่วิญญาณกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของตน ซึ่งเป็นที่รักเหนืออื่นใด แท้จริง ชีวิตนักพรตสตรีที่ปิดขังตนอยู่
ในอารามและอุทิศตนให้แก่การภาวนา การบำเพ็ญพรตและการก้าวหน้าอย่างร้อนรนในชีวิตจิตเป็นสำคัญนั้น
"มิใช่อื่นใดนอกจากหนทางไปสู่เยรูซาเล็มในสรวงสวรรค์" และการคาดหมายล่วงหน้าถึงพระศาสนจักรในยุคสุดท้าย
ซึ่งมีพระเจ้าไว้เป็นสมบัติในกรรมสิทธิ์ และได้มีโอกาสพินิจพิศเพ่งพระองค์อยู่ตลอดเวลา เมื่อมองจากแง่มุมของกระแสเรียก
และพันธกิจที่ได้รับมาจากพระศาสนจักร การปิดขังตนเองก็ถือได้ว่าเป็นการตอบสนองข้อเรียกร้องซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า
มีความสำคัญเป็นอันดับแรกที่จะอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า โดยการเลือกพื้นที่อันจำกัดให้เป็นแหล่งดำเนินชีวิต นักพรตหญิง
ที่ปิดขังตัวอยู่ในอารามก็มีส่วนร่วมใน "การสลายพระองค์" ของพระคริสต์ในความยากจนถึงที่สุด ซึ่งแสดงออกโดยการ
ตัดสละ มิเพียงสิ่งของเชิงวัตถุเท่านั้น แต่ยังสละแม้กระทั่ง "พื้นที่" สละการติดต่อสัมพันธ์และประโยชน์สุขอีกเป็นจำนวน
มากจากสิ่งสร้างวิธีพิเศษในการมอบ "กายตน" แบบนี้ ช่วยชักนำนักพรตสตรีให้เข้าถึงธรรมล้ำลึกแห่งศีลมหาสนิท
ได้อย่างซาบซึ้งยิ่งขึ้นพวกเขาถวายตนเองร่วมกับพระเยซูเจ้าเพื่อช่วยโลกให้รอด นอกเหนือจากมิติด้านการเสียสละและ
การใช้โทษบาปแล้ว การถวายตนเองของพวกเขายังมีความหมาย เป็นการโมทนาคุณขององค์พระบุตรสุดที่รักของพระบิดา
เมื่อหยั่งรากลึกอยู่ในพลังที่เคลื่อนไหวฝ่ายจิตดังกล่าวนี้ การปิดขังตนเองจึงมิเพียงเป็นวิธีการบำเพ็ญพรตแบบหนึ่ง
ที่ทรงคุณค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการดำเนินชีวิตตามธรรมล้ำลึกแห่งปาสกาของพระคริสต์อีกด้วย
จากประสบการณ์ด้าน "ความตาย" การปิดขังตนเองจึงกลายเป็นความอุดมสมบูรณ์อย่างล้นเหลือของชีวิตและปรากฏ
เป็นเสมือนการป่าวประกาศอย่างชืนชม และการคาดหวังเชิงประกาศกของความเป็นไปได้ี่ที่เสนอมายังบุคคลทุกคน และ
มนุษยชาติทั้งมวล ที่จะดำเนินชีวิตอยู่เพียงเพื่อพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างเดียว ในองค์พระเยซูคริสต์ (เทียบ รม.6:11)
การปิดขังตน ชวนให้คิดถึง ห้องน้อยในหัวใจ ซึ่ง ณ ที่นั้นแต่ละคนได้รับการเรียกให้มาำดำเนินชีวิต สนิทเป็นหนึ่ง
เดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อการปิดล้อมตนอยู่ในอาราม เป็นที่ต้อนรับเสมือนของประทาน และเลือกสรรไว้ในฐานะเป็น
การตอบสนองด้วยความรักอย่างอิสระ อารามจึงกลายเป็นแหล่งของความสนิทสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณกับพระเจ้าและกับ
พี่น้องชายหญิง ซึ่งคับแคบจำกัดด้วยพื้นที่และเข้มงวดในการติดต่อ กลายเป็นเครื่องส่งเสริม เอื้ออำนวยได้รับค่านิยมใน
พระวรสารไว้ในชีวิตภายใน (เทียบ ยน.13:34, มธ.5:3-8)
นักพรตที่ปิดขังตนอยู่ในอาราม ซึ่งตั้งประดุจนครบนภูเขาประหนึ่งดวงประทีปบนโคมระย้า (เทียบ มธ.5:14-15)
แม้จะใช้ชีวิตอยู่อย่างราบเรียบ ก็ชวนให้นึกถึงจุดหมายซึ่งชุมชนพระศาสนจักรทั้งหมดกำลังดำเนินไปสู่อย่างเห็นได้ชัด
"ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยความร้อนรนที่จะปฏิบัติงาน และอุทิศตนให้แก่การพิศเพ่งภาวนา" ชุมชนพระศาสนจักรก็ก้าวเิดิน
ไปบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ด้วยสายตาที่เพ่งจับอยู่ที่การทบทวนทุกสิ่งทุกอย่าง ในอนาคต ในองค์พระคริสต์ ในขณะที่
พระศาสนจักร "จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์" (เทียบ คส.3:1-4) และองค์พระคริสต์ "และทรงมอบ
พระอาณาจักรให้แก่พระเจ้า พระบิดา หลังจากที่ได้ทำลายการปกครอง อำนาจ และอานุภาพ ทั้งหลาย เพื่อว่าพระเจ้า
จะได้ทรงเป็น ทุกสิ่งในทุกคน
ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอแสดงความรู้คุณ ต่อภคินีผู้เป็นที่น่ารักยิ่งทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าขอให้กำลังใจยังคงซื่อสัตย์ต่อชีวิต
ที่ปิดขังตนอยู่ในอารามตามพระพรพิเศษของพวกเธอ อาศัยแบบฉบับของบุคคลเหล่านี้ชีิวตบำเพ็ญพรตในอารามก็ยังมี
กระแสเรียกอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้รับการชักนำเข้ามา อาศัยรากฐานอันลึกซึ้งของชีวิตการเป็น "คู่วิญญาณ" ซึ่งอุิทศ
ตนแด่พระผู้เป็นเจ้าโดยสิ้นเชิง ในการพิศเพ่งภาวนา ในฐานะเป็็นการแสดงออกถึงความรักอันบริสุทธิ์ ซึ่งทรงคุณค่ายิ่ง
กว่าภารกิจใดๆ ชีวิตพิศเพ่งภาวนามีประสิทธิภาพอยู่ในตนอย่างน่าประหลาดมหัศจรรย์ ทั้งในด้านการแพร่ธรรมและ
การเป็นธรรมทูต
( VIA CONSECRATA 59 )
ให้ไว้ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1996
ณ กรุงโรม ใกล้มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
ในวันสมโภชพระนางมารีรับสารจากอัครเทวดากาเบรียล

