คุณคิดว่า การมีสิ่งเตือนใจให้คิดถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าส

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 12:28 pm

คุณคิดว่า การมีสิ่งเตือนใจให้คิดถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าสำคัญมั้ย

บ่อยครั้งที่เราคริสตังต้องเผชิญโลกภายนอกกับสังคมของความบาป และความสกปรกของจิตใจมนุษย์ เราต้องยอมรับว่าโลกเราทุกวันนี้ไม่ใช่โลกทางจิตวิญญาณ และผู้คนที่เรายอมรับและรู้จักล้วนแต่ไม่ใช่คนดีเท่าไรนักในบางคน แม้นมีคำกล่าวในพระคัมภีร์ว่า "จงใช้ชีวิตกับคนภายนอกแบบฉวยโอกาส " แต่บ่อยครั้งที่เราอยู่ในสังคมที่วุ่นวายจนนำเอาจิตใจของตนเองออกมาแทนที่พระจิตของพระเจ้า คริสตังบางคนเวลาเจอสภาวะแนบแน่นแบบนี้ถึงกับบ้า

ทำให้เราลืมหน้าที่ของเรา คือ "การเตือนใจให้คิดถึงการทรงสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้า" ส่วนตัวเพื่อนผมได้นำเอาไม้กางเขนเล็กๆตั้งไว้ที่โต๊ะทำงาน เพื่อเตือนใจว่าพระเยซูคริสต์ผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนและทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย สถิตอยู่กับเพื่อนผมเสมอ สิ่งสำคัญคือ เราต้องไม่ลืมตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าเสมอ เพื่อเตือนใจว่าพระองค์ทรงอยู่กับเราเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุคและพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย

ผมคิดถึงเรื่องของบาทหลวงลอเรนซ์ ที่ทำงานในครัวอยู่หลายปี ล้างหม้อ ล้างกระทะ และซ่อมรองเท้าให้กับบาทหลวงท่านอื่นๆ ท่านเขียนเล่าว่า "ผมนมัสการยกย่องพระเจ้า และคิดถึงการสถิตอยู่ด้วยของพระองค์ให้มากเท่าที่ผมจะทำได้"

ผมคิดว่าเราที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับสังคมภายนอก คุณคิดว่ามีความจำเป็นมากมั้ยในการมีสิ่งเตือนใจให้รำลึกถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้า เช่น ไม้กางเขนแบบตั้งโต๊ะ เรซิ่นพระแม่มารีย์ตัวไว้เฝ้ามอง กางเขนสำหรับห้อยคอ เรซิ่นพระเยซูคริสต์ พระกุมารในรางหญ้า ลองช่วยกันตอบหน่อยนะครับ สาธุ

:s024:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 12:43 pm

เมจิคิดว่าไม่จำเป็นหรอกค่ะสิ่งของรูปปั้นนั้นมีไว้ระลึกเเต่ความจริงเเล้วพระสถิตอยู่ในใจของเราทุกคน :s012:
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 1:35 pm

เมจิ เขียน:เมจิคิดว่าไม่จำเป็นหรอกค่ะสิ่งของรูปปั้นนั้นมีไว้ระลึกเเต่ความจริงเเล้วพระสถิตอยู่ในใจของเราทุกคน :s012:
แต่ถ้าเราเจอปัญหามากๆ แล้วเราลืมละ บางครั้งการมีแฟน การสอบเข้า การเอ็นทราน ทำให้เธอว้าวุ่น ต้องการโบสถ์ หรือเครื่องเตือนใจไม่ให้เธอพลั้งเผลอละ แม้แต่ในโบสถ์ยังต้องตกแต่งให้สวยงามเพื่อความเลื่อมใสศรัทธา :s002:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 1:44 pm

มันก็มีส่วนอ่าน้า :s012:
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 2:30 pm

ผมไม่ใช่คาทอลิกอะนะครับ ส่วนตัวผมว่าไปจำเป็น มีก็ได้ ไม่มีก็ดี แต่ที่ต้องมีคือ"ความเที่ยงแท้"ของการทรงสถิต ไม่เช่นนั้น เป็นคริสต์ ก็ไม่ต่างอะไรกับไม่เป็น เพราะจะได้แต่ใช้ชีวิตประจำวันเหมือนคนทั่วไป หรืออาจแย่กว่าคนไม่เชื่อด้วยซ้ำ พิเศษกว่าก็แค่เป็นพวกไม่ว่างวันอาทิตย์ ต้องไปโบสถ์ตามหน้าที่ แค่ให้ได้ชื่อว่าเป็นคริสต์ จบ แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา

แม้แต่การตกแต่งโบสถ์ให้สวยเพื่อความศรัทธาก็ไม่จำเป็น ถ้าคนจะไปโบสถ์เพราะศรัทธาที่โบสถ์สวย ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร จุดมุ่งหมายเราต้องเที่ยงตรง ถ้าเป้าหมายเราไม่ตรง ทางที่จะเดินมันจะตรงไหมหละครับ คนตั้งใจไปหาพระเจ้าต่างหาก ถึงนับค่าได้ในสายพระเนตรพระองค์ สำหรับผม ถ้าอยากดูของสวยๆงามๆ ไปหอศิลป์ ไม่ดีกว่าหรอครับ
ในยุคแรกเริ่ม คริสตจักรประชุมกันตามบ้าน ก็บ้านอย่างเราๆ ไม่ใช่ว่าไม่มีกระจกสี กางเขนอันใหญ่ ถึงจะร่วมประชุมกันได้ซะหน่อย มิหนำซ้ำ ในยุคนั้นไม่มีอะไรเลย แต่ประกาศกิตติคุณของพระคริสต์ทีนึง คนกลับใจเป็นพัน สัมผัสถึงการทรงสถิต
หลายยุค หรือแม้แต่ในสมัยนี้ก็ยังมีบางประเทศที่กฎหมายไม่อนุญาตคริสตชนชุมนุมกัน เค้บต้องแอบประชุมกันใต้ดิน ที่นั่งแทบจะไม่มี แต่ก็สัมผัสถึงการทรงสถิตของพระเจ้า
ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ว่าไม่จำเป็น ผมไม่ได้หมายความว่าการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมไม่ดี แต่คือเราต้องมีท่าทีที่ว่า มีก็ขอบคุณพระเจ้า ไม่มีก็ขอบคุณพระเจ้า ขอเพียงมีการทรงสถิต เพราะไม่งั้น ต่อให้สวยเป็นราชวัง ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไปนั่งตากแอร์ ฟังเทศน์ ฝ่ายวิญญาณก็ไม่ได้โตขึ้น โตแต่หัว เพราะได้แต่ความรู้ แล้วก็กลับบ้าน
สิ่งของที่มีไว้ระลึกถึงพระเจ้าก็เช่นกัน ก็ต้องยอมรับว่า แต่ละคน ฝ่ายวิญญาณไม่ได้เจริญเติบโตเท่ากัน ฉนั้นจึงจำเป็นสำหรับบางคน ไม่จำเป็นสำหรับบางคน ประเด็นมันจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า ต้องมีหรือไม่ต้องมี แต่ถ้ามีแล้ว มีอีก มีจนคลั่งศาสนภัณฑ์ ขอโทษเถอะครับ อย่ามีเลยดีกว่า ถ้ามันจะช่วยให้คุณหันมาคลั่งใน"ตัว"พระคริสต์ผู้เป็นขึ้นพระองค์เอง เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ใจที่ควรอยู่ที่พระเจ้า เป็นของพระเจ้า ก็กลับอยู่ที่เรซิ่น อยู่ที่ไม้ อยู่ที่ปูนขาว ไม่ได้อยู่ที่พระเจ้าแล้ว
ขอพระเจ้าทรงส่องสว่าง

ปล.อิมมานูเอล
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 3:46 pm

ข้าพเจ้ากล่าวว่า "คุณคิดว่า การมีสิ่งเตือนใจให้คิดถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าสำคัญแค่ไหน"

ผมขออธิบายห้าข้อครับ เพื่อความกระจ่าง

ข้อ 1.การมีสิ่งเตือนใจเพื่อให้เราคิดถึงพระเจ้าดีมั้ย ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวว่าพระเจ้าอยู่ในสิ่งเตือนใจนั้น
ข้อ 2.การมีพระคัมภีร์ไบเบิลพกไปไหน เพื่อให้เราคิดถึงพระเจ้า และใช้เพื่อเตือนใจให้รำลึกการทรงสถิตอยู่ของพระองค์ ดีมั้ย? ผมไม่ได้กล่าวว่าพระเจ้าอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิล เพราะพระคัมภีร์ทำให้เรารู้จักพระเจ้า
ข้อ 3.การมีสายประคำเพื่อให้เราคิดถึงพระเจ้าดีมั้ย ไม่ใช่พระเจ้าอยู่ในสายประคำ
ข้อ 4.การครุ่นคิดใคร่ครวญถึงข้อพระคัมภีร์เพื่อให้เราคิดถึงพระเจ้าดีมั้ย ไม่ใช่พระเจ้าอยู่ในการคิดใคร่ครวญของเรานั้น
ข้อ 5.การมีโบสถ์ กางเขนในโบสถ์ พระแม่มารีย์ เพื่อให้เรารับทราบว่าเราไม่ได้อยู่ในสังคมเพียงคนเดียว มีเพื่อนผู้รับใช้คอยให้กำลังใจ ลองไปอยู่ในอูกานดาหรือธิเบต ที่ไม่มีโบสถ์คริสต์ดูซิครับ คุณอาจจะถูกชักจูงไป และถ้าคุณต้องทำงาน ณ สถานที่นั้นซัก ๑๐ ปี เพื่อนผมไปเรียนอเมริกาเค้าบอกเค้านับถือพุทธ แต่รับวัฒนธรรมอเมริกามาหมด แถมยังเปงคริสต์แบบพุทธ ผมเหงจิตวิญญาณครับ ผมถามว่าการมีไม้กางเขน พระแม่มารีย์ รูปภาพพระคริสต์ หรือ พกกางเขน ดีมั้ย เพื่อเป็นเครื่องรำลึกถึงพระคริสต์ ถ้าเป็นอิสลามผมก็เห็นเค้ากราบ แขวนพวกตัวอักษรไม่ใช่หรือครับ ถ้าวันนี้เราทุกคนไม่มีใครเห็นพระแม่มารีย์ ห้ามวาดภาพ ห้ามปั้นปูน ห้ามให้เห็น เหลือแต่คำว่า พระแม่มารีย์ พวกเราทุกคนคงจินตนาการหน้าตาเครื่องแต่งกายรางหญ้า และพระเยซูไม่ถูก เพราะเราใช้สิ่งนี้ในการรำลึกถึงพระองค์ สุดท้ายคงเหมือนมุสลิม เขียนคำว่า "พระแม่มารีย์" แล้วก็กราบไหว้ เพราะตั้งแต่คริสตกาลไม่มีใครวาดรูปท่านเลย เพราะเค้าไม่เข้าใจว่า "การมีสิ่งเตือนใจให้คิดถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าสำคัญแค่ไหน"

และถ้าไม่มีความสำคัญในโบสถ์คริสต์ อิสลาม พุทธ ฮินดู จะทำโบสถ์ให้ใหญ่โตสวยงาม สร้างมัสยิดจากทองคำ พระพุทธรูปใหญ่เท่าตึกเจ็ดชั้นกันทำไมหนอ เพื่อให้คนมีสิ่งเตือนใจให้คิดถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าและอยู่ในความดีงามของศาสนาของตนใช่หรือเปล่า


:s024:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 3:50 pm

:s004: :s004: :s005: :s005:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ohmmiez
โพสต์: 138
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 20, 2011 3:28 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 5:43 pm

อย่ากลัวครับ อย่ากลัวจะไม่มีพระเจ้า อย่ากลัวความยุติธรรมของพระองค์

"เพราะมนุษย์เรานั้น กลัวต่อความเที่ยงธรรมของพระผู้เป็นเจ้า จนลืมความเมตตาของพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์นั้น ให้เราก่อนเหนือสิ่งอื่นใด อย่ากลัวในการมาหาพระองค์ เพราะพระเมตตานั้น มาก่อนสิ่งใด" ข้อคิดจาก นักบุญมารีอา โฟสตินา โควัลสกา (SAINT MARIA FAUSTINA KOWALSKA) :s007: :s007:

จงเชื่อในความเป็นบุตรในพระบิดา แม้เราตายเราก็มีพระองค์ แม้เราเปลือยเปล่าเราก็เป็นบุตรพระองค์ ด้วยความจริงแท้ และเป็นความจริงสูงสุด ถ้าเราเชื่อว่าเราเป็นบุตรพระองค์ เราก็เป็นเยี่ยงนั้นครับ

นักบุญเพอร์พิทัวร์ กล่าวกับบิดาที่อยากให้ท่านเลิกเป็นคริสตชน
" ถ้าท่านพ่อไม่สามารถที่จะมองเหยือกน้ำนั้น ให้กลายเป็นสิ่งอื่นได้ ชั้นก็คงไม่สามารถจะเปลี่ยนไปจากความเป็นคริสเตียนได้เช่นกัน" :s015: :s015:

โดยส่วนตัวคิดว่า เรื่องของต่างๆที่กล่าวมา ผมว่าเราลองคิดเล่นๆนะครับว่า ถ้าคนที่ยากจนที่สุด เค้าไม่มีเงินซื้อมา เค้าจะมีพระเจ้าไหมอ่ะครับ มีได้แน่นอน ขอแค่เราเชื่อว่าพระองค์อยู่กะเรา เฝ้ามองเราเสมอครับ

สรุปผมว่า ถ้าเราคิดว่าจำเป็นก็หาซื้อมาครับ แต่อย่ายึดติดกะวัตถุ เพราะมันเป็นเพียงสิ่งสร้างของพระบิดาครับ เมื่อเรากลับคืนสู่พระองค์มันไม่ได้มีประโยชน์กับเราเท่าความเชื่อที่เรามีต่อพระองค์แน่นอนครับ

ปล. ผมเป็นคาทอลิคเหมือนกันครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ohmmiez
โพสต์: 138
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 20, 2011 3:28 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 5:54 pm

เคยมีพี่ๆ โพสไว้ในกระทู้นานแล้วเลยเอามาให้อ่านครับ

เราจะได้มีแนวทางในการคิดว่า

เราเอามาแล้วเป็น icon หรือ idol


Credit :: พี่ Edwardius

Icon กับ Idol มีรูปร่างภายนอก คือ เป็น manmade เหมือนกัน

แต่สาระของ Icon กับ Idol ต่างกัน

Icon

หมายถึง รูปภาพ ปูนปั้น งานศิลป์ หรือสิ่งใดๆ ที่ทำให้ "ระลึกถึง" ฟังอีกครั้งนะครับ "ระลึกถึง"

ระลึกถึงไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งนั้นๆ เป็นเป็น reminder หรือ link ไปสู่สิ่งนั้นๆ

อาทิ เวลาเรา click ที่ ICON ของ IE บน MENUBAR มัน "เชื่อมโยง" เราเข้าสู่โปรแกรม IE แต่มันไม่ได้เป็น IE ด้วยตัวของมันเอง

Idol

หมายถึง รูปเคารพ หรือสิ่งใดๆ ที่เชื่อว่ามีฤทธิ์ด้วยตัวของมันเอง

ตามหลักเทววิทยาแบบโบราณนั้นถือว่า รูปเคารพคือ งานใดๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้วให้ความเคารพด้วยเชื่อว่ามีฤทธิ์เดช

ผู้ที่ประพฤติตนเป็นพวกเคารพงานเหล่านี้ถือว่าเป็น Idolatry
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 5:54 pm

:s027: :s027: :s027:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ohmmiez
โพสต์: 138
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 20, 2011 3:28 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 6:04 pm

:s023: :s023:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 6:43 pm

:s023: :s023: :s023:
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 7:40 pm

ถ้าเป็นอิสลามผมก็เห็นเค้ากราบ แขวนพวกตัวอักษรไม่ใช่หรือครับ ถ้าวันนี้เราทุกคนไม่มีใครเห็นพระแม่มารีย์ ห้ามวาดภาพ ห้ามปั้นปูน ห้ามให้เห็น เหลือแต่คำว่า พระแม่มารีย์ พวกเราทุกคนคงจินตนาการหน้าตาเครื่องแต่งกายรางหญ้า และพระเยซูไม่ถูก เพราะเราใช้สิ่งนี้ในการรำลึกถึงพระองค์ สุดท้ายคงเหมือนมุสลิม เขียนคำว่า "พระแม่มารีย์" แล้วก็กราบไหว้ เพราะตั้งแต่คริสตกาลไม่มีใครวาดรูปท่านเลย เพราะเค้าไม่เข้าใจว่า "การมีสิ่งเตือนใจให้คิดถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าสำคัญแค่ไหน"
เท่าที่ทราบ ทุกครั้งที่มุสลิมละหมาด ไม่ได้กราบอะไรทั้งนั้น หากแต่หันหน้าสู่มักกะห์(ตอนที่ยังไม่มีมัสยิดแห่งมักกะห์ เค้าก็หันหน้าสู่เยรูซาเล็ม สู่อาณาบริเวณที่ตั้งวิหารของพระเจ้า) หรือมีแม้แต่ตัวหนังสือก็เพื่อประดับให้ได้กลิ่นอายอาหรับ หรือไม่ก็เหมือนที่เราเขียนข้อพระวจนะที่เราประทับใจ ใส่กรอบไว้อ่านเตือนใจอะไรประมาณนั้น
เหตุที่มุสลิมมิอนุญาตให้ทำ icon ใดๆ ก็เพรากลัวว่ามันจะเป็นช่องว่างให้มารฟ้องร้อง และในวันหนึ่งมันจะค่อยๆกลายเป็น idol โดยไม่รู้ตัว จนถึงขั้นขาดไม่ได้ ยังไงก็ต้องมีในที่สุด เช่นชาวพุทธ ทีแรกเค้าก็ทำไว้รำลึก ทว่า ที่สุดแล้ว สิ่งที่อยู่ในพระพุทธรูปก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าวิญญาณชั่วและคาถาอาคม ในมัสยิดจึงไม่มีแม้แต่ลายตกแต่งทั้งคนและสัตว์ ทั้ง 2 มิติและ 3 มิติ มีเพียงลวดลายเรขาคณิตหรือลายอื่นๆ
อันที่จริงการที่คุณกราบลงตรงหน้ารูปแม่พระ มันไม่ได้เท่ากับการกราบแม่พระเลย แม่พระไม่ได้อยู่ตรงนั้น(หรือถ้าใจคุณน้อมกราบลงที่อิฐที่ปูนนั้นจริงก็ไม่ต่างกับการไหว้รูปเคารพของชาวต่างศาสนา) หากแต่ในขณะกราบแล้วคุณนำใจคุณสู่เบื้องบน ระลึกถึงท่านต่างหาก ถึงจะถูก

โทษเถอะครับ จินตนาการถูกหรือไม่ คริสเตียนโปรฯก็ยังใกล้ชิดพระเจ้าถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครกลายเป็นลูกผสมคริสตพุทธ อีกประการ ถ้าคุณมีการมองเห็นนะครับ คุณจะทราบว่าพระคริสต์เองไม่ได้เป็นลักษณะอย่างที่คุณๆท่านๆจินตนาการแล้ว ไม่ใช่หน้าฝรั่งๆ ใส่เสื้อขาวคลุมเสื้อยาวสีแดงที่คุ้นๆหน้ากัน
ตั้งแต่ทรงเป็นขึ้นแม้มาเรียมัคดาลาพบพระองค์ ยังถามพระองค์เลยว่า ท่านเห็นใครเอาพระศพไปรึเปล่า ทั้งที่เธอใกล้ชิดพระองค์ขนาดนั้น แต่เธอจำพระองค์ไม่ได้จริงๆ พระองค์ไม่ใช่พระเยซูคริสต์แล้ว แต่ทรงเป็นขึ้นเป็นพระคริสต์เยซู เมื่อพระองค์ทรงตรัส "มาเรียเอ๋ย" วิญญาณนางเพิ่งจะรับรู้ ตอบว่า "รับโบนี" พูดง่ายๆ ไม่มองด้วยวิญญาณก้ไม่มีทางรู้เลยว่าคือพระองค์ พระองค์ผู้นี้เราต้องนมัสการด้วยวิญญาณและความจริง ไม่ใช่เอามือไหว้
เมื่อทรงเปิดเผยพระองค์แก่ยอห์นที่ปัทมอส พระองค์ก็เปลี่ยน look ใหม่อีก เมื่อยอห์นเห็นถึงกลับล้มลงเหมือนคนตาย พระองค์ทรงรับสภาพหมากษัตริย์และปุโรหิตหลวง ผู้ดำเนินท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ด ผมขาวดุจขนแกะ เสื้อสว่าง รัดประคตทองคำ พักตร์ดุจดวงอาทิตย์แสงแรงกล้า พระโอษฐ์มีดาบสองคม เท้าดุจทองเหลืองผ่านไฟ(ล้วนแต่มีความหมายทั้งสิ้น) คุณจินตนาการถึงหรอครับ พระองค์ไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง

ปล.อิมมานูเอล
ภาพประจำตัวสมาชิก
ohmmiez
โพสต์: 138
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 20, 2011 3:28 pm

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:46 pm

aqua-alta เขียน: เช่นชาวพุทธ ทีแรกเค้าก็ทำไว้รำลึก ทว่า ที่สุดแล้ว สิ่งที่อยู่ในพระพุทธรูปก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าวิญญาณชั่วและคาถาอาคม
ผมว่าอย่าไปพาดพิงดีกว่าครับ
อีกอย่างความเข้าใจของเรากับศาสนาพุทธ เราเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกครับผมว่านะ

ขอแสดงความเป็นห่วงและเสนอความคิดนะครับ......
1.เรื่องการมีรูปเคารพ เป็นเรื่องที่ในบอร์ดนี้และภายนอกมีการถกเถียงกันมาโดยตลอด และผมคิดว่าเราในปัจจุบันเรื่องนี้ได้รับการศึกษาและทำความเข้าใจกันอย่างเรียบร้อยแล้วครับ ผมอยากให้ลองหาในกระทู้เก่าๆในบอร์ดจะเจอเยอะเลยที่พี่ๆ หลายๆคนในบอร์ดได้แสดงความคิดและเอาข้อมูลต่างๆมาให้เราอ่านกัน
2.ผมว่าเราอย่ามาแตกแยกกันดีกว่าครับ แค่ในปัจจุบันโลกเราก็ขาดความรักและความเมตตาต่อกันมากแล้ว เรื่องระหว่างนิกายเป็นอะไรที่ผมไม่เคยเข้าใจเลนครับ ผมเป็นคริสเตียนมาก่อนแล้วมาเป็นคาทอลิค เพราะอะไรรู้ไหมครับ ผมอยากทำให้พี่น้องคริสเตียนของผม เห็นว่าพระเจ้าได้บอกให้เรานั้น "รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง" แล้วการที่เราจะรักกัน รักคน "ในบ้าน" ที่เป็นพี่น้องร่วมพระบิดาเดียวกัน ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ คำถามที่ผมได้จากพระวิญญาณในการถามพี่น้องในตอนนั้นคือ "ทำไมเราต้องเกลียดชังกัน" ผมทุกวันนี้เลยทำให้เห็นครับว่าผมร่วมกิจกรรมกับทั้งสองนิกายได้อย่างเป็นสุข เพราะผมทำตามพระเจ้าจริงๆ พระองค์ไม่เคยแบ่งแยกครับ เราต่างหากที่แยกออกมาจากพระองค์ อย่างที่ผมบอก พระเจ้าอยู่ที่เราเสมอครับ จะยังไงเราก็คือเรา เราคือลูกพระเจ้า ไม่มีทางเปลี่ยนได้ ผมว่า เราจงถ่อมตัว เหมือนพระเยซูดีกว่าครับ :s002:

พระเจ้าอวยพรครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

อังคาร ต.ค. 09, 2012 1:48 pm

ผมเห็นมุสลิมเค้ากราบไหว้ เดินเวียนเทียนประทักษิณ ก้อนหินสีดำ ที่ไม่ใช่พระเจ้าอยู่ที่เมกะเลย เหอๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

อังคาร ต.ค. 09, 2012 1:51 pm

ผมเห็นมุสลิมเค้ากราบไหว้ เดินเวียนเทียนประทักษิณ ก้อนหินสีดำ ที่ไม่ใช่พระเจ้าอยู่ที่เมกะเลย เหอๆ บางคนยึดติดสถานที่ต้องไปหาพระเจ้าที่นครเมกะให้ได้ก็ยังมี บางคนติดภาพเมกะปูชา ถ้าเราจะติดภาพพระแม่มารีย์ กางเขน พระเยซู ทำไมเหยอ :s013:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ohmmiez
โพสต์: 138
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 20, 2011 3:28 pm

อังคาร ต.ค. 09, 2012 2:08 pm

:s005: :s005:
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

อังคาร ต.ค. 09, 2012 5:22 pm

เอิ่ม ถ้าผมโพสอะไรที่ทำให้คาทอลิกคิดว่าผมเกลียดคาทอลิก และ/หรือเข้าใจว่าผมกำลังจะทำให้กระทู้นี้ลุกเป็นไฟ เหมือนใครหลายๆคนที่เคยทำ ก็ต้องขออภัยด้วย คริสเตียนไม่ได้มีแต่ประเภท ไม่รับข่าวสารบ้านเมืองแล้วเที่ยวเกลียดเขาไปทั่วหรอกนะครับ ผมก็เชื่อว่าคาทอลิกก็เช่นกัน (ที่โพส ถ้าลองอ่านดูผมออกแนวโพสเข้าข้างมุสลิมด้วยซ้ำ ไม่รู้อ่านแล้วรู้สึกว่าก่อความแตกแยกกันเองที่ตรงไหน)
ส่วนตัวผมไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเลย ไม่เช่นนั้น ผมก็คงไม่เล่นในบอร์ดนี้จนทุกวันนี้ คงถูกเฉดหัวออกไปตั้งนานแล้วหละครับคุณ :s013:
ผมออกความเห็นตามหัวข้อกระทู้จริงๆ ในกระทู้ไม่ได้ถามจำกัดเพียงทัศนะคาทอลิก ไม่งั้มผมไม่บังอาจโพสหรอกครับ ^^
เรื่องพุทธ ขอบคุณในความเป็นห่วงครับ(ฝากเป็นห่วงคุณ roseofshalon อีกคนได้ไหมครับ ระวังจะมีเรื่องกับมุสลิมไม่รู้ตัว ทุกวันนี้เราๆท่านๆก็มีคดีพัวพันกับพวกเค้ามากเกินพอแล้ว) ถ้าพุทธสายวิปัสนามาดูที่ผมโพสแล้วละก็ เค้าจะไม่ว่าอะไรผมเลยหละครับ จะถูกชมเอาซะดิวยสิ ผมว่าผมเข้าใจพุทธมากกว่าชาวพุทธหลายคนเสียอีก แน่นอนที่สุด ย่อมต้องไม่สุดโต่งเกินอย่างพระที่เคยออกข่าว (ในบอร์ดนี้ก็เคยมาลงนิครับ)
บางคนติดภาพเมกะปูชา
ส่วนมุสลิม เค้าก็เหมือนอย่างเราๆ นานๆก็อยากไปเยรูซาเล็มซักครั้ง หินนั้นมีความสำคัญต่อมุสลิมพอควร ตามความเชื่อเค้าว่า อับรบฮัมกับอิสมาเอลเป็นคนตั้งหินที่บริเวณนั้น พระเจ้าก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นหรอก หากแต่ทรงประทับเหนือทุกที่ ที่มีคำสรรเสริญพระองค์ (สดด 22:3)

ปล.อิมมานูเอล
ตอบกลับโพส