![รูปภาพ](http://www.up2disk.com/uploads/532f3f2.jpg)
ถ้าเราภาวนาประคำวันละหนึ่งร้อยจบ ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลาสามปีโดยมิได้ขาด พระแม่มารีย์ พระเยซูคริสต์ จักเสด็จมาประสิทธิ์ให้ ถ้าตัวคนสวดสายประคำยังได้รับการประสิทธิ์ถึงขนาดนี้ แล้วประคำบริสุทธิ์เส้นนี้(ที่สวดจนครบตามนี้)จักยังความบริสุทธิ์ และชำระให้แก่ผู้ที่ได้ถือครองขนาดไหน
![รูปภาพ](http://www.up2disk.com/uploads/db5d2a6.jpg)
ของใช้นักบุญดีมิเทรียส (St. Demetrius) ที่มหาวิหาร Thessalonika, ประเทศกรีซ
ในต่างประเทศนิยมนำของใช้นักบุญมาเก็บรักษาสำหรับรำลึกเพราะเชื่อพลังศักสิทธิ์บริสุทธิ์เชื่อว่าช่วยให้โชคดีเนื่องจาก มีอำนาจในการป้องกันสิ่งชั่วร้าย ของใช้นักบุญจึงยังมีความนิยมและความสำคัญทางคริสต์ศาสนา ความศักดิ์สิทธิ์อันนี้อาจครอบคลุมไปถึงบริเวณที่มีวัตถุมงคลตั้งอยู่เช่นตัวเมือง เมื่อนักบุญมาร์ตินแห่งทัวร์เสียชีวิตเมื่อ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 397 หมู่บ้านระหว่างเมืองทัวร์ไปจนถึงปัวตีเย ต่างหวังได้ร่างของท่านมาเป็นสมบัติแต่เมืองทัวร์เป็นผู้ได้ไป บางครั้งความที่อยากเป็นเจ้าของทำให้มีการโขมยกันเช่นร่างของนักบุญนิโคลัสแห่งไมรา (St Nicholas of Myra) ตำนานหนึ่งว่ากลาสีจากอิตาลีไปเอามาจากบาทหลวงออร์ทอดอกซ์ที่อาร์มีเนียหลังศึกแมนซิเคิท (Battle of Manzikert) เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่าวัตถุมงคลของท่านเกือบทั้งหมดถูกนำไปไว้ที่เมืองเวนิส หรือความชื่อที่ว่าของใช้ที่เรียกว่า “รูปเอเดสสา” (Image of Edessa) ซึ่งเป็นผืนผ้าที่มีรูปพระพักตร์ของพระเยซู สามารถปกป้องเมืองไม่ให้ศัตรูเข้าเมืองได้
หลักฐานแรกที่กล่าวถึงปรากฏใน “คัมภีร์ไบเบิลฉบับคิงเจมส์” (King James' Bible) กล่าวถึงปาฏิหาริย์ว่า “เอลิชา (Elisha) ตายและถูกฝัง ปัจจุบันมีโจรเข้ามาทุกฤดูใบไม้ผลิ ครั้งหนึ่งขณะที่ชาวยิวกำลังฝังศพอยู่ เห็นโจรกลุ่มหนึ่ง ชาวยิวจึงจับโจรโยนลงไปในที่ฝังศพของเอลิชา เมื่อร่างของโจรถูกกระดูกของเอลิชา โจรฟื้นชึวิตขึ้นมาและยืนบนขาของตัวเอง”
เอกสารอีกฉบับหนึ่งที่เขียนไว้ใน “การเป็นมรณสักขีของโพลิคาร์ป” (Martyrdom of Polycarp) เมื่อระหว่างปี ค.ศ. 150 ถึงปี ค.ศ. 160 กล่าวถึงของใช้ของนักบุญโพลิคาร์ป (Polycarp) ตามเอกสาร กิจการของอัครทูต 19:11-12 กล่าวถึงผ้าเช็ดหน้าของนักบุญโพลิคาร์พว่า ได้รับอำนาจจากพระเยโฮวาห์ทำให้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
ตำนานปาฏิหาริย์เกื่ยวกับของใช้เริ่มมีกันมาตั้งแต่เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคต้นของคริสต์ศาสนา แล้วนิยมแพร่หลายกันมากในยุคกลาง มีการรวบรวมเป็นหนังสือแบบที่เรียกว่า “วิทยานักบุญ” เช่น “ตำนานทอง” หรืองานเขียนโดยซีซาร์แห่งไฮสเตอร์บาค (Caesar of Heisterbach) หนังสีอเหล่านี้เป็นที่นิยมและเสาะหากันมากในสมัยยุคกลาง
![Pray :s002:](./images/smilies/Sheep_Pray.gif)