อัศจรรย์ดวงอาทิตย์ยืนยันรหัสธรรมการเสด็จสู่สวรรค์ของแม่พระ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ พ.ย. 16, 2012 1:16 am

อัศจรรย์ดวงอาทิตย์ยืนยันรหัสธรรมการเสด็จสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของแม่พระ


รูปภาพ

รหัสธรรมการเสด็จสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของแม่พระ ได้รับการประกาศโดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 เมื่อ 1 พ.ย. 1950 โดยมีเนื้อหาว่า “พระมารดาของพระเจ้าผู้ปฏิสนธินิรมล พระนางมารีย์พรหมจารีย์ เมื่อระยะเวลาแห่งการดำเนินชีวิตบนโลกนี้สิ้นสุดลงแล้ว พระนางได้รับการยกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ”

ในการประกาศครั้งนี้ไม่ได้บอกว่าแม่พระทรงสิ้นชีวิตตามปกติก่อนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในสาส์นแรกของแม่พระที่เมดจูกอเรจ์นั้น แม่พระทรงตรัสตอบต่อผู้เห็นแม่พระคนหนึ่งซึ่งถามแม่พระว่า ทรงเสด็จสู่สวรรค์ก่อนหรือหลังจากสิ้นชีวิตแล้ว

“แม่เป็นมารดาของพระเจ้าและเป็นราชินีแห่งสันติภาพ แม่ได้ไปสู่สวรรค์ก่อนที่จะสิ้นชีวิต”
12 ต.ค. 1981


รูปภาพ


เมื่อสี่ปีก่อน มีเอกสารที่ไม่เปิดเผยชิ้นหนึ่งระบุว่า พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงได้เห็นอัศจรรย์ดวงอาทิตย์ถึง สี่ครั้ง และพระองค์ทรงพิจารณาว่า ปรากฏการณ์นี้เป็นการยืนยันความคิดของพระองค์ที่จะประกาศรหัสธรรมข้อนี้ รายละเอียดในเอกสารนี้เขียนด้วยลายพระหัตถ์ของพระสันตปาปาปีโอที่ 12 ซึ่งได้นำออกแสดงต่อสาธารณชนที่วาติกันนานสองเดือนเมื่อ พ.ย. 2008

รูปภาพ


วว 12:1
เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือ สตรีผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ นางมีครรภ์แก่


พระสันตะปาปาทรงเป็นพยานยืนยันถึงอัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ที่รงเห็นด้วยพระองค์เองถึงสี่ครั้ง

ข้อมูลนี้ยืนยันได้จากลายพระหัตถ์ที่พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงเขียนบันทึกไว้ในเอกสาร อันเป็นเอกสารส่วนหนึ่งที่แสดงในนิทรรศการ Pius XII: The Man and the Pontificate

นาย Giornale, Andrea Tornielli, ผู้อำนวยการนิทรรศการและผู้รายงานข่าวของวาติกันเดลลี่ ได้อธิบายให้ทาง ซีนิท ZENIT ทราบว่า เอกสารนี้ถูกพบอยู่ในเอกสารของครอบครัวของปาเชลลิ ซึ่งได้บรรยายถึง “อัศจรรย์ดวงอาทิตย์” และเรื่องนี้ได้รับการรับรองอย่างไม่เป็นทางการจากพระคาร์ดินัล Federico Tedeschini (1873-1959), โดยท่านเคยพูดว่า องค์พระสันตะปาปาได้เห็นอัศจรรย์

พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงเขียนไว้ว่า “เราได้เห็น อัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ นี่เป็นความจริงแน่แท้”

รูปภาพ

อัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์นี้เป็นแบบเดียวกับที่เกิดที่ฟาติมา โปรตุเกส ในวันที่ 13 ต.ค. 1917 ตามที่เด็กๆที่เห็นแม่พระได้แจ้งล่วงหน้าให้ทราบว่า แม่พระตรัสว่าจะมีอัศจรรย์ในวันดังกล่าวและประชาชนจะมาดูเพื่อจะได้เชื่อ มีประชาชนนับหมื่นคนได้มาในวันนั้นและได้เห็นพระอาทิตย์ “เต้น” เสื้อผ้าของพวกเขาซึ่งเปียกชุ่มเนื่องด้วยมีฝนตกก่อนหน้านั้นก็แห้งผาก พื้นดินที่เป็นโคลนก็แห้งด้วย

บันทึกของพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ระบุว่า พระองค์เห็นอัศจรรย์ดวงอาทิตย์ในปีที่พระองค์ประกาศรหัสธรรมการเสด็จสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของแม่พระ ปี 1950 ขณะนั้นพระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ในสวนชองวาติกัน พระองค์ทรงเห็นปรากฏการณ์นี้ในหลายโอกาส ซึ่งเท่ากับเป็นการยืนยันความคิดของพระองค์ที่จะประกาศรหัสธรรมข้อนี้

รูปภาพ

พระองค์บันทึกว่า เวลา 16.00 น.ของวันที่ 30 ต.ค. 1950 ระหว่างที่กำลังเดินเล่นในสวนของวาติกัน อ่านหนังสือและศึกษาอยู่ เมื่อมาถึงพระรูปของแม่พระแห่งลูรดส์ ทรงมองไปที่ยอดเนินเขา […] เราต้องประหลาดใจที่ได้เห็นปรากฏการณ์ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

“พระอาทิตย์ที่อยู่เหนือสูงขึ้นไปนั้น ดูเหมือน ทรงกลมทึบสีซีดล้อมรอบด้วยแสงกระจ่าง และเราสามารถมองดูได้โดยไม่ระคายสายตา มีเมฆที่มีแสงอ่อนลอยอยู่ข้างหน้าด้วย”

พระสันตะปาปาบรรยายต่อไปว่า “ทรงกลมทึบนี้เคลื่อนไหวเล็กน้อย คล้ายกับหมุน หรือเคลื่อนจากซ้ายไปขวาและสลับกัน แต่ยังอยู่ในทรงกลม เราสามารถมองดูการเคลื่อนไหวนี้ได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง”

พระสันตะปาปาตรัสว่า พระองค์ทรงเห็นปรากฏการณ์เดียวกันนี้อีก "ในวันที่ 31 ต.ค. และ 1 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่จะประกาศรหัสธรรมด้วย และยังได้เห็นในวันที่ 8 พ.ย. อีกครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนี้ก็ไม่เห็นอีกเลย”

พระสันตะปาปาตรัสว่า หลังจากวันเหล่านี้แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกัน พระองค์พยายามมองดูว่าจะเกิดปรากฏการณ์ซ้ำอีกหรือไม่ “แต่ไม่มีเลย – เราไม่สามารถจ้องมองดูดวงอาทิตย์แม้เพียงชั่วครู่เดียว สายตาของเราไม่อาจทนได้”

พระสันตะปาปาทรงเล่าเรื่องนี้ให้พระคาร์ดินัลบางคนและผู้ใกล้ชิดเท่านั้น อย่างเช่น ซิสเตอร์ Pascalina Lehnert ซึ่งเป็นผู้ดูแลห้องพักของพระสันตะปาปา และเธอได้ยืนยันกับเราว่า “พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงมั่นพระทัยเป็นอย่างยิ่งที่ทรงได้เห็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดานี้ถึงสี่ครั้ง”

พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงรับรองการประจักษ์ของแม่พระที่ฟาติมา และในปี 1942 พระองค์ทรงถวายโลกทั้งโลกแด่ดวงหทัยนิรมลของแม่พระ

รูปภาพ

- - - ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์นี้ได้มีผู้เห็นในเมดจูกอเรจ์ ภาพถ่ายด้านบนสุดนี้ถ่ายโดยผู้แสวงบุญในเวลา 15.50 น. (ตามเวลาท้องถิ่นที่นั่น) เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2008 ดวงอาทิตย์ดูเหมือนหมุน(spinning)และเต้นอยู่เบื้องหลังภูเขาครีซาวัก

http://www.palangjai.0fees.net/Assumption.html
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ พ.ย. 16, 2012 1:31 am

บทเทศน์วันสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2012


ทำไมเราซึ่งเป็น“คาทอลิก” จึงเชื่อ ให้เกียรติ ยกย่อง และมีความศรัทธาในตัวของแม่พระเป็นพิเศษ ในขณะที่พี่น้องโปรเตสตันท์หรือที่เรามักจะเรียกพวกเขาว่า “คริสเตียน” ละเลยในเรื่องนี้? พ่อคิดว่าเหตุผลที่เป็นไปได้ประการหนึ่งคือ พระศาสนจักรคาทอลิกของเรากำลังพยายามนำเสนอประวัติศาสตร์แห่งความรอดที่ครบบริบูรณ์หรือประกาศ“พระวรสาร”ที่ครบถ้วนนั่นเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้บางคนอาจเกิดคำถามขึ้นในใจว่“พระวรสารทั้งหมดไม่ได้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์หรือพระคริสตเจ้า และสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำและทรงสอนดอกหรือ?” คำตอบคือทั้ง“ใช่” และ“ไม่ใช่”พระวรสารเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าในทำนองเดียวกันกับบาปกำเนิดเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาดัมเหมือนที่นักบุญเปาโลบอกเราในบทอ่านที่สองในวันนี้ว่า “มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น” (1 คร 15:22) นี่คือเหตุผลที่เราเรียกพระเยซูเจ้าว่า “อาดัมคนใหม่” แต่ทันทีที่เราพูดเช่นนี้ เราจะรู้สึกว่ายังมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเสมือนตัวเชื่อมเหตุการณ์ทั้งหมดขาดไป


รูปภาพ


เราต้องเข้าใจว่าบาปกำเนิดไม่ใช่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาดัมเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของอาดัมและเอวา ถ้าพระเยซูเจ้าทรงเป็นอาดัมคนใหม่ แล้วใครละที่เป็น “เอวาคนใหม่”? คำตอบคือ แม่พระของเรานี่แหละที่ทรงเป็นเอวาคนใหม่ เหมือนที่เรื่องราวทั้งครบเกี่ยวกับบาปกำเนิดไม่สามารถถูกบอกเล่าโดยปราศจากเอวา เรื่องราวทั้งครบเกี่ยวกับการไถ่กู้มนุษยชาติก็ไม่สามารถถูกบอกเล่าโดยปราศจากแม่พระได้เช่นเดียวกัน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คู่ขนานกันไปและสามารถเปรียบเทียบกันได้ระหว่างอาดัมและเอวาเก่าในด้านหนึ่งและพระเยซูเจ้าและแม่พระ ซึ่งเป็นอาดัมและเอวาใหม่ในอีกด้านหนึ่ง
ในที่นี่พ่อขอนำเสนอเพียงบางประเด็นเท่านั้น

รูปภาพ

ในระบบเก่าหญิง (เอวา) มาจากร่างกายของชาย (อาดัม)
แต่ในระบบใหม่ชาย (พระเยซูเจ้า) มาจากร่างกายของหญิง (แม่พระ)

ในระบบเก่าหญิง (เอวา) ไม่เชื่อฟังพระเจ้าก่อน แล้วจึงนำชาย (อาดัม) ให้กระทำเช่นเดียวกัน
ในระบบใหม่หญิง (แม่พระ) ได้ตอบรับพระประสงค์ของพระเจ้าก่อน “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ลก 1:38) และได้อบรมสั่งสอนพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระนาง ให้กระทำสิ่งเดียวกัน

อาดัมและเอวาดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันในสวนเอเดน แต่กลับไม่นบนอบเชื่อฟังพระเจ้า ส่วนพระเยซูเจ้าและแม่พระประสบกับความทุกข์ยากลำบากด้วยกันเพราะการทำตามประสงค์ของพระเจ้า ดาบแห่งความทุกข์โศกได้ทิ่มแทงดวงใจของท่านทั้งสอง (ยน19:34; ลก 2:35b)

ในระบบเก่าอาดัมและเอวาได้รับการลงโทษซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำผิดของท่านทั้งสองทันที ในระบบใหม่ทั้งพระเยซูเจ้าและแม่พระต่างก็ได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ซึ่งเป็นผลมาจากความนบนอบเชื่อฟังของท่านทั้งสองเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าได้รับผ่านทางการกลับคืนพระชนมชีพและเสด็จสู่สวรรค์ ส่วนแม่พระได้รับผ่านทางการได้รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ

รูปภาพ

ข้อความเชื่อเกี่ยวกับการได้รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของแม่พระสอนเราว่า ณ บั้นปลายชีวิตบนโลกนี้ของพระนางพระเจ้าได้ประทานเกียรติสูงส่งแก่พระนางด้วยการยกทั้งร่างกายและวิญญาณของพระนางเข้าสู่สวรรค์ นั่นก็หมายความว่า ณ เวลานี้มีร่างกายของมนุษย์สองคนที่เรารู้จักดีอยู่บนสวรรค์พร้อมกับพระเจ้า นั่นคือ ร่างกายที่เป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้าและของแม่พระ

ในข้อความเชื่อเรื่องนี้เราสามารถมองเห็นความร่วมมือกันของชายและหญิงในงานกอบกู้มนุษยชาติซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาที่มนุษย์คู่แรกตกในบาปไปจนถึงการไถ่กู้ของพระเยซูเจ้าด้วยการสิ้นพระชนม์บนกางเขน ซึ่งส่งผลให้มนุษย์ทุกคนมีโอกาสได้เข้าร่วมในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าในสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง ปราศจากการรับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของแม่พระ เอวาคนใหม่ การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า อาดัมคนใหม่คงขาดความสมดุลไปอย่างไม่ต้องสงสัยและประวัติศาสตร์แห่งความรอดของมวลมนุษย์คงจะถูกถ่ายทอดเพียงส่วนเดียว ดังนั้น การรับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของแม่พระจึงเป็นบทพิสูจน์ความเสมอภาคของชายและหญิงเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า และทำให้เราสามารถประกาศข่าวดีแห่งรอดพ้นได้ทั้งครบ กล่าวคือ ความรอดพ้นมีไว้สำหรับมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง และความรอดพ้นมีไว้สำหรับมนุษย์ทั้งครบ นั่นคือ ทั้งร่างกายและวิญญาณ

พี่น้องที่รัก ความเชื่อและความศรัทธาในแม่พระไม่ทำให้ความเชื่อของเราในพระเยซูเจ้าลดน้อยถอยลง แต่ทำให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นพระศาสนจักรสอนเราว่าการรับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของแม่พระเป็นการมีส่วนร่วมในการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าและเป็นเครื่องหมายล่วงหน้าถึงการกลับคืนชีพของคริสตชนทุกคน ขอให้การได้รับเกียรติสูงส่งของแม่พระเป็นความหวังและเป็นกำลังใจให้เราสามารถติดตามพระบุตรของพระนางได้อย่างซื่อสัตย์เพื่อว่าสักวันหนึ่งเราจะมีส่วนร่วมในการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเหมือนพระนางในสวรรค์

ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน

พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย

สังฆมณฑลอุดรธานี
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

ศุกร์ พ.ย. 23, 2012 10:43 am

มีหลายคนนะที่กลับใจเพราะอัศจรรย์ดวงอาทิตย์ของพระแม่ :s007: :s007: :s002:
ตอบกลับโพส