อยากทราบว่า ความครบครัน คืออะไรหรือครับ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

จันทร์ พ.ย. 26, 2012 10:47 pm

ความครบครัน ในความหมายของเราหมายถึงเรื่องอะไรอ่อครับ :s030:
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

อังคาร พ.ย. 27, 2012 12:50 am

ความครบครันในกรณีไหนอะครับ
ความครบครันของพระเจ้า ของมนุษย์ ของอาณาจักร ของพระคริสต์ หรือของใคร มันกว้างมากอะครับ
ปล.ไม่รู้ผมเข้าใจคำถามผิดรึเปล่า ถ้าผิดก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ
อิมมานูเอล
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

อังคาร พ.ย. 27, 2012 10:50 am

ผมถามไม่เคลียเองแหละ คือ อย่างการที่มนุษย์จะบรรลุความครบครันขั้นแรก อย่างนี้อ่ะครับ หมายถึงอะไรอ่อฮับ :s030:
ภาพประจำตัวสมาชิก
salvation7
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 522
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
ติดต่อ:

พุธ พ.ย. 28, 2012 9:22 am

ใช่เลย...
กว้างไปไหม...
aqua-alta เขียน:ความครบครันในกรณีไหนอะครับ
ความครบครันของพระเจ้า ของมนุษย์ ของอาณาจักร ของพระคริสต์ หรือของใคร มันกว้างมากอะครับ
ปล.ไม่รู้ผมเข้าใจคำถามผิดรึเปล่า ถ้าผิดก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ
อิมมานูเอล
คำถามที่ถามใช่ "ความครบครันของนักบุญเทเรซา กับ นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน" หรือเปล่า
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

พุธ พ.ย. 28, 2012 10:31 am

อันนี้ผมไปเจอมา ที่ http://www.creation-church.com/sermon_100711.php
แต่เป็นความครบครันบริบูรณ์ของพระคริสต์นะครับ ที่จะสำเร็จภายในเราทั้งหลาย
แต่ถ้าคุณถามถึงความครบครันในกรณีอื่นก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ เพราะคำถามมันกว้างมาก ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วก็ถือซะว่าอ่านไว้เป็นข้อมูลละกันนะครับ

ชีวิตที่เติบโตขึ้นในพระคริสต์ : ตอนที่ 8 ชีวิตที่สมบูรณ์ในพระคริสต์ (คส.2:8-15)

เป้าหมายเป็นแรงผลักดันให้คนทำสิ่งต่างๆ มากมาย เมื่อเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จก็มักจะตั้งเป้าหมายสำหรับสิ่งใหม่เสมอ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตนกำหนดนั้นไม่ได้นำความอิ่มเอมใจที่แท้จริงมาให้ เป้าหมายที่ปราศจากพระเจ้านั้นว่างเปล่า เป็นอนิจจังทั้งสิ้น การตั้งเป้าหมายชีวิตให้ตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญและเราทุกคนควรจะทำ แต่ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เราควรถามพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตเราว่าพระองค์มีเป้าหมายอะไรสำหรับเรา แล้วตั้งเป้าหมายชีวิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายของพระเจ้า หากเป็นเช่นนั้น เราจะได้รับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง

เปาโลได้กล่าวถึงเป้าหมายหลักที่พระเจ้าปรารถนาให้เราทุกคนไปถึงก็คือ การบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและความรู้ความเข้าใจเรื่องพระเจ้า รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ไปสู่ความไพบูลย์ในพระคริสต์ (อฟ.4:13)

จากคำเทศนาพระธรรมโคโลสี ตอนที่ 7 ที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้ถึงชีวิตที่ “เติบโตอย่างมั่นคงในพระคริสต์” ชีวิตที่เติบโตอย่างมั่นคงในพระคริสต์นั้น คือ ชีวิตที่ดำเนินชีวิตติดตามพระคริสต์อย่างใกล้ชิด หยั่งรากและก่อร่างสร้างชีวิตในพระคริสต์ มั่นคงอยู่ในความเชื่อ และบริบูรณ์ด้วยการขอบพระคุณ ชีวิตที่เติบโตอย่างมั่นคงคือเป้าหมายที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับคริสเตียนทุกคน การที่เราจะเติบโตอย่างมั่นคงในพระคริสต์ได้นั้น เราจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องชีวิตที่สมบูรณ์ในพระคริสต์ด้วย เพราะความเข้าใจเรื่องชีวิตที่สมบูรณ์ในพระคริสต์นั้นจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตที่เติบโตอย่างมั่นคงในพระคริสต์ ดังนั้น คำเทศนาในวันนี้ ซึ่งเป็นตอนที่ 8 จึงให้ชื่อว่า “ชีวิตที่สมบูรณ์ในพระคริสต์”

พวกสอนผิดทั้งหลายสอนว่า การเชื่อในพระเยซูคริสต์เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอสำหรับชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่เปาโลยืนยันว่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในชีวิตคริสเตียนเมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ดังนั้น เปาโลจึงกล่าวไว้ใน คส.2:8 ว่า“จงระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดทำให้ท่านตกเป็นเหยื่อด้วยหลักปรัชญา และด้วยคำล่อลวงอันเหลวไหลตามตำนานของมนุษย์ ตามภูตผีปิศาจของจักรวาล ไม่ใช่ตามพระคริสต์” การล่อลวงนั้นเป็นวิธีการที่มารนิยมใช้ตั้งแต่สมัยปฐมกาล (ปฐก.3) จุดประสงค์ของการล่อลวงก็คือ เพื่อทำให้มนุษย์พลาดจากแผนการหรือเป้าหมายของพระเจ้า มารใช้วิธีนี้เรื่อยมา และมันก็มักจะใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือของมัน พวกสอนผิดก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มารใช้เป็นเครื่องมือในการล่อลวงคนของพระองค์ให้หลงไปจากความจริง และพลาดสิ่งที่ดีที่สุดที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับเรา

เปาโลบอกกับพี่น้องที่เมืองเอเฟซัสว่าพวกสอนผิดทั้งหลายนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์กลตามอุบายอันชาญฉลาด เพื่อล่อลวงคนหลงไปจากความจริง (อฟ.4:14) เปาโลชี้ให้เห็นว่าคำสอนหรือตำนานต่างๆ ที่มนุษย์ตั้งขึ้นเพื่อจะทำให้ตนเองได้รับความรอดนั้น หรือวิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผีวิญญาณชั่วทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์ ไม่มีทางรอดทางอื่นนอกจากทางพระเยซูคริสต์ ดังนั้น เราต้องพิจารณาหลักคำสอนหรือปรัชญาต่างๆ ให้ดี เพื่อเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของการล่อลวง หลักปรัชญาหรือคำสอนต่างๆ อาจจะฟังดูดี ดูเหมือนมีปัญญา ดูเหมือนตอบสนองความต้องการของมนุษย์ แต่เปาโลบอกว่าสิ่งเหล่านั้นเปล่าประโยชน์ ไม่ได้เสริมสร้างชีวิตของเราให้ไปถึงความบริบูรณ์หรือความไพบูลย์ในพระเจ้า
แก้ไขล่าสุดโดย aqua-alta เมื่อ พุธ พ.ย. 28, 2012 11:49 am, แก้ไขไปแล้ว 6 ครั้ง.
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

พุธ พ.ย. 28, 2012 10:31 am

ในข้อ 9 เปาโลย้ำอีกครั้งว่าพระเยซูคริสต์ทรงมีสภาพของพระเจ้าดำรงอยู่อย่างบริบูรณ์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ พวกนอสติคได้ลดฐานะของพระเยซูให้เท่ากับทูตสวรรค์ซึ่งมีร่างกายแต่ไม่ใช่ร่างกายแบบมนุษย์ เปาโลยืนยันว่าพระเยซูทรงเป็นมนุษย์แท้และเป็นพระเจ้าที่สมบูรณ์ ดังนั้น อย่าตกเป็นเหยื่อของคำสอนหรือหลักปรัชญาที่ล่อลวง ที่สอนว่าเชื่อพระเยซูอย่างเดียวไม่พอต้องทำสิ่งอื่นด้วย เพราะพระคริสต์ทรงเป็นความบริบูรณ์ และข้อ 10 เปาโลบอกว่าพี่น้องคริสเตียนชาวโคโลสีได้บรรลุถึงความบริบูรณ์ในพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นประมุขเหนือปวงเทพทั้งหลายด้วย ดังเช่น ที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้ในพระธรรม ยน.10:10 ว่า “…เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์” ชีวิตที่ครบบริบูรณ์นั้นไม่ได้เกิดจากการกระทำของเราเอง หรือมนุษย์คนใดหยิบยื่นให้ แต่พระเยซูคริสต์เป็นผู้กระทำให้เรามีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ชีวิตที่ครบบริบูรณ์มีอยู่ในพระเยซูคริสต์เท่านั้น เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ปราศจากบาป พระองค์เป็นพระผู้สร้าง เป็นปฐมและอวสาน (วว.22:13) ถ้าต้องการมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ต้องมารับเอาจากพระเยซู ไม่ใช่ไปแสวงหาจากแหล่งอื่น เพราะพระเยซูทรงเป็นทางเดียวที่จะนำมนุษย์ไปสู่ความจริงและความรอดที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้สำหรับเรา (ยน.14:6) ชีวิตที่สมบูรณ์นั้นมีอยู่จริง เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับมนุษย์ทุกคน เพียงแต่เราเปิดใจรับเอาสิ่งนี้ก็จะเป็นของเรา (วว.21:6)


เหตุผลที่ทำให้เรามั่นว่าเราได้รับชีวิตที่สมบูรณ์ในพระคริสต์แล้ว

1. เพราะเราเป็นประชากรของพระเจ้าทางพระคริสต์ (ข้อ 11)

ในสมัยพระคัมภีร์เดิมนั้นการเข้าสุหนัตเป็นเครื่องหมายของการเข้าในพันธสัญญาของพระเจ้า และเป็นเครื่องหมายของการเป็นชนชาติและเป็นประชากรของพระเจ้า การเข้าสุหนัตเป็นเหมือนตราประทับแสดงความเป็นเจ้าของ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นของพระเจ้า พวกลัทธิยูดาห์พยายามเรียกร้องให้คริสเตียนซึ่งเป็นคนต่างชาติเข้าสุหนัต แต่เปาโลบอกว่าคริสเตียนต่างชาติเหล่านี้เข้าสุหนัตแล้วทางพระเยซูคริสต์ พวกเขาจึงเป็นประชากรแห่งอาณาจักรของพระเจ้าแล้วผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์

การเข้าสุหนัตเพื่อแสดงตัวเป็นประชากรของพระเจ้าในสมัยพระคัมภีร์เดิมนั้น เป็นเพียงภาพเงาของการเข้าสุหนัตแท้ที่จะมาทางพระเยซูคริสต์ พระเยซูเป็นสุหนัตสุดท้ายที่สละเลือดและชีวิตของพระองค์เองที่ไม้กางเขนเพื่อยกโทษบาปคนทั้งปวง และทำให้คนทั้งปวงที่เชื่อวางใจในพระองค์ได้กลับมาคืนดีกับพระเจ้าและเป็นประชากรของพระเจ้า

สุหนัตแท้คือการเข้าสุหนัตที่ใจ เป็นการเอาธรรมชาติบาปออกไป เพราะเราได้รับพิธีสุหนัตจากพระคริสต์ เป็นประชากรแท้ของพระเจ้าทางความเชื่อ (ยรม.4:4) สุหนัตแท้คือการมอบถวายชีวิตของเราแด่พระเจ้า (รม.2:28-29) เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซู และต้อนรับพระเยซูมาเป็นพระเจ้า เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เราก็ได้เข้าสุหนัตแท้ฝ่ายวิญญาณ ซึ่งเป็นการเข้าสุหนัตด้วยใจ ดังนั้น เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซู เราก็ได้เข้าส่วนในพันธสัญญากับพระเจ้าแล้ว การสละกายแห่งเนื้อหนังก็คือการทิ้งชีวิตเก่า ซึ่งเป็นชีวิตเนื้อหนัง ชีวิตแห่งความบาป ความอสัตย์อธรรม และเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปของเรา และดำเนินชีวิตที่ตายต่อตัวเองเหมือนอย่างที่พระเยซูสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน (กท.2:20)
แก้ไขล่าสุดโดย aqua-alta เมื่อ พุธ พ.ย. 28, 2012 10:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

พุธ พ.ย. 28, 2012 10:32 am

2. เพราะเรามีชีวิตใหม่ในพระคริสต์ (ข้อ 12-13)

เปาโลใช้ภาพการบัพติศมามาอธิบายถึงสภาพชีวิตใหม่ที่เราได้รับในพระเยซูคริสต์ ในข้อ 12 ตอนปลาย เปาโลบอกว่าเราไม่ได้รับความรอดหรือชีวิตใหม่ผ่านพิธีบัพติศมาในน้ำ แต่เรารอดเพราะเราเชื่อในการไถ่ของพระเยซูคริสต์ พิธีบัพติศมาเป็นเพียงการแสดงตัวร่วม หรือรับประสบการณ์ร่วมกับพระเยซูในประสบการณ์แห่งการตาย การถูกฝัง และการฟื้นคืนพระชนม์เท่านั้น เมื่อเราถูกจุ่มลงไปในน้ำก็แสดงถึงชีวิตเก่าของเราได้ตายและถูกฝังไว้กับพระเยซูแล้ว และเมื่อเราขึ้นมาจากน้ำเราก็ได้ร่วมในประสบการณ์แห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูด้วยเช่นกัน (รม.6:3-4)

ในข้อ 13 เปาโลบอกว่าในอดีตนั้นเราทุกคนได้ตายแล้วเพราะความบาปของเรา “ความตาย” คือ การแยกออก ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราถูกแยกออกจากพระเจ้า เพราะเราดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง ไม่ได้อยู่ในพันธสัญญาของพระเจ้า แต่บัดนี้ พระเยซูทรงโปรดยกโทษความบาปของเราทั้งหลายแล้ว และทรงให้เรามีชีวิตร่วมกับพระองค์ นอกจากนี้ การรับบัพติศมาในน้ำยังเป็นการประกาศต่อหน้าสาธารณะชนว่าเราได้ตายต่อตัวเก่าหรือชีวิตเก่าแล้ว เราได้รับชีวิตใหม่ซึ่งเป็นชีวิตแห่งชัยชนะร่วมกับพระเยซู และมีสภาพที่สมบูรณ์จำเพาะพระพักตร์ของพระองค์ คริสเตียนคือคนที่รับการไถ่ และรับการสร้างชีวิตใหม่จากพระเจ้า เราจึงสำแดงลักษณะชีวิตใหม่ให้คนได้เห็น และเรากำลังก้าวไปสู่ชีวิตที่สมบูรณ์ในพระเยซูคริสต์มากขึ้นทุกๆ วัน

3. เพราะพระคริสต์ช่วยเราให้หลุดพ้นจากธรรมบัญญัติ (ข้อ 14)

ธรรมบัญญัติเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์รู้ว่าอะไรคือบาป มนุษย์เคยอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของธรรมบัญญัติต่างๆ ซึ่งไม่สามารถทำให้เราเป็นคนชอบธรรมได้ เมื่อก่อนเราถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์และธรรมบัญญัติต่างๆ แต่ปัจจุบัน เราเป็นอิสระแล้ว พระเยซูทรงช่วยเราให้พ้นจากธรรมบัญญัติแล้ว

ลัทธิยูดาพยายามให้คริสเตียนต่างชาติยึดกฎเกณฑ์ธรรมบัญญัติต่างๆ แต่เปาโลบอกว่าพระเยซูทรงยกเลิกหนังสือสัญญาและกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ขัดขวางเรา พระเยซูถูกตรึงที่กางเขนทำให้ธรรมบัญญัติถูกยกเลิก (มธ.5:17) สิ่งที่ธรรมบัญญัติเรียกร้องซึ่งมนุษย์ทำไม่ได้นั้น พระเยซูทรงมาทำให้เสร็จสมบูรณ์ทุกประการแล้วที่กางเขน พระองค์ทรงหยิบเอาโทษทัณฑ์ของบาป ค่าจ้างของบาป และคำสาปแช่งต่างๆ เอาไปตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว ดังนั้น เราจึงมีเสรีภาพพ้นจากพันธนาการของธรรมบัญญัติแล้ว (กท.4:5) ณ วินาทีที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงฉีกกรมธรรม์ของธรรมบัญญัติและบทบัญญัติต่างๆ ของมนุษย์ให้หมดสิ้นไป ดังนั้น ตั้งแต่วันที่เราเชื่อวางใจในพระองค์เราจึงหลุดพ้นจากธรรมบัญญัติ และดำเนินชีวิตด้วยพระคุณของพระเจ้า พระเยซูทรงปลดปล่อยเราจากพันธนาการของธรรมบัญญัติต่างๆ เพื่อให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีเสรีภาพด้วยพระคุณของพระเจ้า

ชีวิตที่สมบูรณ์ในพระคริสต์คือชีวิตที่ไม่ดำเนินใต้ธรรมบัญญัติ แต่ดำเนินภายใต้พระคุณและการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (รม.6:14) เราจำเป็นต้องดำเนินชีวิตภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้พระวิญญาณเป็นเจ้านายเหนือชีวิตของเรา ควบคุมชีวิตของเรา และไม่นำตัวเองกลับไปอยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติของมนุษย์อีก เหมือนอย่างที่เปาโลเตือนพี่น้องที่เมืองกาลาเทีย (กท.5:18)
แก้ไขล่าสุดโดย aqua-alta เมื่อ พุธ พ.ย. 28, 2012 10:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

พุธ พ.ย. 28, 2012 10:32 am

4. เพราะพระคริสต์ชนะวิญญาณชั่วอย่างเด็ดขาด (ข้อ 15)

เปาโลบอกว่าพระเยซูทรงปลดอาวุธของเหล่าเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ทรงกระทำให้พวกมันหมดฤทธิ์และพ่ายแพ้แล้ว ที่กางเขนนั้นพระองค์ได้ทรงมีชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ คำว่า “ศีรษะ” ในภาษากรีกใช้คำว่า “kephale” (เคฟาเล่) หมายถึง เจ้านาย หรือ หัวหน้า ดังนั้น ศีรษะหรือประมุขจึงเล็งถึงสิทธิอำนาจและการครอบครอง การที่พระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูทรงเป็นศีรษะแห่งปวงเทพผู้ครองและศักดิเทพ ก็หมายความว่า พระเยซูทรงมีสิทธิอำนาจเหนือเทพผู้ครอง ศักดิเทพ และผีวิญญาณชั่วทั้งหลาย (1 คร.15:27; อฟ.1:22)

ก่อนที่เราจะรู้จักพระเจ้า เราไม่มีสิทธิอำนาจ เพราะเราเป็นทาสของบาป เป็นทาสของมารซาตาน แต่เมื่อเราเปิดใจต้อนรับพระเยซูเป็นพระเจ้า เราได้รับชัยชนะร่วมกับพระเยซูคริสต์แล้ว ชีวิตใหม่ในพระเยซูทำให้เรามีสิทธิในการครอบครองสิ่งสารพัดร่วมกับพระองค์ด้วย เราจึงมีสิทธิอำนาจสามารถวางมือคนเจ็บป่วยให้หายโรค และขับผีให้ออกได้ (ลก.10:19; 1 ยน.4:4) พระคัมภีร์บอกว่าเราสามารถมีชัยชนะเหนือมาได้หลายวิธี เช่น ด้วยการดำเนินชีวิตภายใต้สิทธิอำนาจของพระเจ้าในคริสตจักร (อฟ.1:19-22) หากเราดำเนินชีวิตภายใต้สิทธิอำนาจของพระเจ้า เชื่อฟังและทำตามคำสอนของพระองค์ เราก็จะมีสิทธิอำนาจเหนือมารและสมุนของมัน เช่น เปโตรวางมือรักษาและโรคขับผี (กจ.5:15-16) ฟีลิปวางมือรักษาและโรคขับผี (กจ.8:6-7) เปาโลวางมือรักษาและโรคขับผี (กจ.16:16; กจ.16:18; กจ.19:12) นอกจากนี้เรายังสามารถชนะมารได้ด้วยคำพยานชีวิตของเรา (วว.12:11)

เมื่อเราวางใจให้พระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ภาระหนักอันเป็นผลของความบาปก็ถูกยกออกไป เราจึงมีเสรีภาพฝ่ายวิญญาณ อิสรภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราได้รับก็คือ อิสรภาพจากพันธนาการของบาป เราต้องไม่ลืมว่าเราเป็นประชากรของพระเจ้าทางพระคริสต์ เรามีชีวิตใหม่ในพระคริสต์ พระคริสต์ช่วยเราให้หลุดพ้นจากธรรมบัญญัติ พระคริสต์ชนะวิญญาณชั่วอย่างเด็ดขาด โดยนิตินัยเรามีชีวิตที่สมบูรณ์ในพระคริสต์แล้วตั้งแต่วันที่เราเชื่อวางใจในพระองค์ แต่ในด้านพฤตินัยหรือในภาคปฏิบัติเรากำลังก้าวไปสู่ความสมบูรณ์ในพระคริสต์มากขึ้นทุกๆ วัน โดยการร่วมมือกับพระเจ้า ดำเนินชีวิตที่ใกล้ชิดพระเจ้า รักษาความเชื่อ และพึ่งพาพระเจ้าเสมอ


ปล.ต้องขออภัยอีกครั้งหากตอบไม่ตรงคำถาม อย่างไรก็ดี ผมว่าก็เป็นประโยชน์ต่อชีวิตฝ่ายวิญญาณไม่มากก็น้อยนะครับ ^^
อิมมานูเอล
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

พุธ พ.ย. 28, 2012 11:21 am

ไม่เป็นไรจ้า สิ่งใดเป็นความรู้โปรดบอกเถิดไม่ต้องตรงคำถามเสียทีเดียวก็ได้คับ ^^ขอบคุณมากคับ :s012:
ตอบกลับโพส