ประวัติของมาตุส ลาซุต
มาตุส ลาซุต เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ.1916 ที่หมู่บ้านวีโซเคจ นัด กีซูโก เขาเป็นลูกคนที่สองจากสามของครอบครัวคริสตัง ในวัยห้าปีเข้าต้องสูญเสียมารดาที่เขารักไป ดังนั้นเมื่อเขามีอายุได้เจ็ดปีเขาจึงต้องออกไปหางานทำเพื่อจุนเจือครอบครัว เขาไปทำงานเป็นคนเลี้ยงวัว และได้ที่พักเป็นยุ้งฉางร่วมกับพวกวัวเหล่านั้น ส่วนเรื่องการเรียน เขาก็ได้เข้าเรียนเพียงแค่ในช่วงฤดูหนาว
เท่านั้น เขาทำงานเป็นคนเลี้ยงวัว จนวัยสิบสามปีเขาก็ย้ายไปทำงานให้กบครอบครัวคริสตังที่ดี
ครอบครัวนี้ดูแลเขาอย่างดี และก็ด้วยครอบครัวนี้เขาจึงได้รับศีลกำลังและศีลมหาสนิทครั้งแรก
หลังจากนั้นเมื่อมีสงครามเขาก็ถูกเรียกตัวไปรับราชการทหาร กระทั้งปลดประจำการเขาก็กลับมาที่ตูร์โซวกาและได้เข้าพิธีสมรส พร้อมมีธิดาสี่คน แต่หนึ่งคนเสียชีวิตแต่แรกคลอด งานของเขาในตูร์โซวกาคือเป็นคนตัดไม้ เขาทำงานนี้กระทั้งปี ค.ศ.1956 เขาก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นคนรักษาป่า ที่มีอาณาเขตรวมไปถึงต้นสนที่มีรูปพระมารดานิจจานุเคราะห์ ที่เขาชอบหยุดคุกเข่าสวดเมื่อผ่าน และชอบเก็บดอกไม้ป่าแถวนั้นมาประดับอยู่บ่อยๆ
และแม้จะขาดมารดาไปแต่เล็ก เขาก็มีพื้นฐานความเชื่อคริสตังอยู่พอควร เขาสวดบทข้าแต่พระบิดา บทวันทามารีย์ได้ แต่สวดสายประคำไม่เป็น และเข้าใจคำสอนบางอัน เสียอย่างเดียวคือเขาไม่ร้อนรนที่จะไปมิสซา ไปแก้บาป ไปรับศีล และปฏิบัติกิจเมตตา
พระมารดาพระเจ้าทรงประจักษ์มาหาขระเขาอายุ 42 ปี เจ็ดครั้ง โดยได้ไขแสดงว่าพระนางทรงประสงค์การกลับใจ สันติภาพ ความรุ่งเรืองของโลก และความรอดของวิญญาณ แต่เขาไม่บอกใครกระทั้งวันฉลองแม่พระบังเกิดเขาถึงเปิดเผยเรื่องทั้งหมด ซึ่งระหว่างที่เก็บเรื่องเงียบหลายคนก็เห็นเขาปรับพฤติกรรมจากที่ไม่ร้อนรนก็ร้อนรน
การเปิดเผยทำให้เขาถูกจับและถูกประกาศว่าเป็น “คนวิกลจริต” โดยพรรคคอมมิวนิสต์ เขาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลบ้า ถูกสอบสวนทั้งด้วยไฟฟ้า การสะกดจิต และวิธีเคมีนานถึงห้าปี แต่เขาก็ยังคงยึดมั่นในการอารักษ์ของพระมารดาเจ้า เขาจึงถูกปล่อยตัว เหตุการณ์นั้นทำให้เขาตาซ้ายบอดสนิท และถูกจับตามองตอลดชีวิต
ภายหลังเมื่อได้กลับมาแล้ว ก็มีผู้แสวงบุญหลายคนเสนอจะมอบเงินให้เขา แต่มาตุสปฏิเสธและยังคงดำเนินชีวิตอย่างยากไร้ เขาเป็นพยานถึงการมาเยือนของพระมารดเจ้าจวบจนวาระสุดท้าย เขาถึงแก่มรณกรรมอย่างสงบในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ.2010 ด้วยอายุ 92 ปี ร่างของเขาถูกฝังไว้ในสุสานของหมู่บ้าน