ชีวประวัติ นักบุญ นิมาตุลเลาะห์ คัสซับ เอล ฮาร์ดินี (Saint Nimatullah Kassab El Hardini)

Arttise · พฤหัสฯ. ส.ค. 08, 2024 2:26 pm

Youssef Kessab เกิดที่เมือง Hardine ทางตอนเหนือของประเทศเลบานอน ในปีค.ศ. 1808 จากครอบครัวมารอนไนต์คาทอลิกที่เคร่งศาสนา โดยมีบิดาชื่อ Gergis Kessab และมารดาชื่อ Mariam Raad เมื่อท่านยังเป็นเด็ก ท่านเข้าเรียนที่โรงเรียนของอารามของคณะมารอนไนต์แห่งเลบานอนของนักบุญอันตน (Maronite Lebanese Order of Saint Anthony)ในเมือง Houb (ค.ศ. 1816 - 1822) หลังจากนั้น ท่านก็ได้เข้าร่วมชีวิตนักบวชในอารามเดียวกัน และสวมเครื่องแบบของสามเณรในอารามนักบุญอันตนผู้ยิ่งใหญ่ หรือ Gazo d’Hayo (ออกเสียงว่า Kozhayya ในภาษาเลบานอน จากภาษาอาราเมอิก Gazo d’Hayo ซึ่งแปลว่า สมบัติแห่งชีวิต เป็นคำที่มักใช้ในศัพท์ภาษาอาราเมอิกมารอนไนต์เพื่ออ้างถึงห้องเก็บศาสนภัณฑ์ ซึ่งเก็บศีลมหาสนิท และพระธาตุของบรรดามรณสักขีและบรรดานักบุญ) ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1828 โดยใช้ชื่อของพี่ชาย นิมาตุลเลาะห์ - Nimatullah (ซึ่งแปลว่า พระหรรษทานของพระเจ้า) ท่านใช้เวลาที่นั่นอย่างสันติสุข โดยเติบโตในความศักดิ์สิทธิ์และเรียนรู้ทักษะต่างๆ เช่น การเข้าเล่มหนังสือในโรงพิมพ์ของอาราม ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1830 นักบุญนิมาตุลเลาะห์ได้ปฏิญาณตนอย่างจริงจัง และหลังจากที่ท่านเรียนจบวิชาเทววิทยาแล้ว ท่านก็ได้รับศีลบวชในอารามนักบุญ Qobrianos กับ นักบุญ Youstina ในเมือง Kfifane (Batroun ภาคเหนือของประเทศเลบานอน) ในวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1833 โดยการปกมือของบิชอป Simon Zouein ท่านได้รับเลือกเป็นที่ปรึกษา (ระดับอธิการเจ้าคณะแขวง) โดยคณะของท่านถึง 3 ครั้ง ได้แก่ ค.ศ. 1845 - 1848 , ค.ศ. 1850 - 1853 และ ค.ศ. 1856 - 1858 ท่านทำงานเข้าเล่มหนังสือเสมอมา แม้กระทั่งเมื่อท่านเป็นที่ปรึกษาในฝ่ายบริหารทั่วไปของคณะมารอนไนต์ของเลบานอน ท่านเป็นครูในโรงเรียนหลายแห่งที่ดำเนินการโดยคณะของท่าน โดยเฉพาะโรงเรียนที่สังกัดอาราม Kfifane หนึ่งในลูกศิษย์ที่ดีที่สุดของท่านคือ “นักบุญ ชาร์เบล มาคลุฟ (Saint Sharbel Makhlouf)” ซึ่งศึกษาภายใต้การดูแลของท่านนักบุญนิมาตุลเลาะห์ตั้งแต่ปีค.ศ. 1853 ถึง 1858

รูปภาพ

“นักบุญ ชาร์เบล มาคลุฟ (Saint Sharbel Makhlouf)” หนึ่งในลูกศิษย์ที่ดีที่สุดภายใต้การดูแลของนักบุญนิมาตุลเลาะห์

นักบุญนิมาตุลเลาะห์เสียชีวิตที่อารามนักบุญ Qobrianos กับ นักบุญ Youstina เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1858 หลังจากที่ท่านป่วยหนักมาหลายปี หลังจากได้รับคำสั่งจากบิชอป Boulos Massad และเนื่องจากมีผู้มาเยี่ยมเยียนเพิ่มมากขึ้น ร่างที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านจึงถูกปิดในโลงศพที่ปิดผนึกและถูกย้ายไปที่ห้องที่อยู่ของฤาษีในอารามในปีค.ศ. 1862 ในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1926 เคสการประกาศแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศีถูกนำเสนอต่อวาติกัน ในกรุงโรม ในวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1989 ท่านได้รับการประกาศให้เป็นผู้น่าเคารพ (Honorable หรือ Venerable)

ในวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1996 ตามคำสั่งของอัครบิดร Mar Nisrallah Peter Sfeir ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นเพื่อตรวจสอบร่างของนักบุญนิมาตุลเลาะห์ ซึ่งได้ถูกย้ายไปยังโลงศพใหม่ จากนั้นจึงนำไปวางไว้ในห้องใหม่ในอารามเดียวกันในวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1998

พระเจ้าทรงประทานการรักษาและอัศจรรย์มากมายแก่ประชากรของพระองค์ผ่านการวิงวอนของนักบุญนิมาตุลเลาะห์ ในจำนวนนี้ เราจะขอยกตัวอย่างเพียงไม่กี่ตัวอย่างเท่านั้น ได้แก่ การทำให้คนตาบอดมองเห็นได้ , ทำให้คนอัมพาตเดินได้ , การคืนชีพเด็กที่เสียชีวิตไปแล้ว , การรักษาเด็กคนอื่นๆ , การรักษาโรคมะเร็ง และโรคทางประสาทอื่นๆ

ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1998 พระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 (Pope John Paul II) ทรงเป็นประธานในการเฉลิมฉลองการประกาศแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศี - Blessed และการประกาศแต่งตั้งท่านเป็นนักบุญของพระศาสนจักรคาทอลิกสากล (ทั้งจารีตตะวันตก [โรมันคาทอลิก] กับจารีตตะวันออก) ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 ขอให้คำเร้าวิงวอนของท่านนักบุญนิมาตุลเลาะห์สถิตอยู่กับเราตลอดไป อาแมน

รูปภาพ

พระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 (Pope John Paul II) ทรงเป็นประธานในการเฉลิมฉลองการประกาศแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศี - Blessed ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1998 และการประกาศแต่งตั้งท่านเป็นนักบุญของพระศาสนจักรคาทอลิกสากล (ทั้งจารีตตะวันตก [โรมันคาทอลิก] กับจารีตตะวันออก) ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2004

CR. : https://www.maronite-heritage.com/Saint ... ardini.php

Sanctuary of Saint Nimatullah Hardini

Google Maps
https://maps.app.goo.gl/Tt9R1VwYTcErDwZ ... eview.copy

ชีวประวีติ นักบุญชาร์เบล (Saint Sharbel's Biography)
https://www.facebook.com/share/1iAs6UED ... tid=WC7FNe

รูปภาพ

มารอไนต์คาทอลิก - หลายปีที่จาก แต่ไม่เคยพลัดพรากสันตะบิดร
https://www.facebook.com/share/5nriLCwR ... tid=WC7FNe

รูปภาพ

#คริสต์ #คาทอลิก #ชีวประวัติ #นักบุญนิมาตุลเลาะห์คัสซับเอลฮาร์ดินี #ฤาษี #นักพรต #พระสงฆ์ #ประวัติศาสตร์ #เลบานอน #ประเทศเลบานอน #คาทอลิกตะวันออก #มารอนไนต์ #มารอนไนต์คาทอลิก #นักบุญ #อัศจรรย์ #catholic #SaintNimatullahKassabElHardini #EasternCatholic #maronite #lebanon

Arttise · พฤหัสฯ. ส.ค. 08, 2024 2:27 pm

ชีวประวีติ นักบุญชาร์เบล (Saint Sharbel's Biography)

รูปภาพ

ชีวิตของท่านบนโลกนี้

นักบุญชาร์เบล มาคลุฟ (Saint Sharbel Makhlouf) เกิดที่หมู่บ้าน Bekaa Kafra เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1828 Bekaa Kafra เป็นหมู่บ้านบนภูเขาเล็กๆที่สูงที่สุดในประเทศเลบานอน

และตะวันออกกลาง สูงจากระดับน้ำทะเล 5,118 ฟุต (1,560 เมตร) ในภูมิภาคของ Bsharri (เลบานอนตอนเหนือ) ในบริเวณใกล้เคียงมีต้นสนซีดาร์โบราณแห่งเลบานอน (Cedars of Lebanon) ซึ่งชาวเลบานอนเรียกว่า "ต้นสนซีดาร์แห่งพระผู้เป็นเจ้า (Cedars of the Lord)"

ที่หมู่บ้าน Bekaa Kafra สามารถมองเห็นหุบเขา Qadeesha ซึ่งนักบุญชาร์เบลมีลุง 2 คนที่อาศัยอยู่เป็นฤาษี (Monk) ในอารามของนักบุญอันตนแห่งโคซายาห์ (Saint Anthony of Kozhayah) พวกท่านเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจและแบบอย่างให้กับท่าน

ท่านได้รับศีลล้างบาปเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1828 โดยใช้ชื่อว่า Youssef Antoun Makhlouf ท่านเป็นบุตรคนที่ 5 ในครอบครัวฐานะยากจน แต่มีเกียรติและเคร่งศาสนา มีพี่ชาย 2 คน กับ พี่สาว 2 คน

บิดาของท่านเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1831 ขณะที่เขากำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากถูกเกณฑ์เข้ากองทัพตุรกีภายใต้การปกครองของออตโตมันในเลบานอน

Youssef ได้เรียนรู้ภาษาอาหรับ กับ ภาษาซีรีแอก จากพระสงฆ์ในหมู่บ้านพร้อมกับเด็กคนอื่นๆ

Youssef เป็นคนเคร่งศาสนามากจนถึงขนาดที่ชาวบ้านเรียกเขาว่า “นักบุญ (Saint)” ทุกวันท่านมักจะพาฝูงสัตว์เล็กๆของท่าน ไปที่ทุ่งนาและปล่อยให้พวกมันกินหญ้า ในขณะที่ท่านไปที่ถ้ำที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อสวดภาวนาอย่างล้ำลึกต่อหน้าไอคอนของพระแม่มารีย์ ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นพระแท่นและอาศรมแห่งแรกของเขา

ในปี ค.ศ. 1851 เมื่อท่านอายุได้ 23 ปี ท่านออกจากครอบครัวและหมู่บ้านเพื่อเริ่มต้นปีแรกของการเป็นผู้ฝึกหัด (Novitiate) ในอารามที่ Mayfouk ท่านเลือกชื่อ "ชาร์เบล (Sharbel)" เพื่อเป็นเกียรติแก่มรณสักขีในศตวรรษที่ 2 ในพระศาสนจักรจารีต Antiochene

ในปี ค.ศ. 1852 ท่านย้ายไปที่อารามที่ Annaya เพื่อเริ่มต้นการเป็นผู้ฝึกหัดในปีที่ 2 ที่นั่น ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1853 ท่านได้ปฏิญาณตนเป็นฤาษีว่า จะรักษาความบริสุทธิ์ , ความยากจน และความนบนอบ

ท่านได้รับการอบรมด้านเทววิทยาที่อารามของนักบุญ Cyprian และ นักบุญ Justina ใน Kfifan ระหว่างปีค.ศ. 1853 ถึง 1859 คุณพ่อ Nemtallah Kassab El-Hardini (ได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2004) เป็นอาจารย์ของนักบุญชาร์เบล และบรรดาเพื่อนสามเณรของท่าน

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 1859 นักบุญชาร์เบลได้รับการสถาปนาเป็นพระสงฆ์ของคณะ Lebanese Maronite Order ท่านใช้เวลา 16 ปี (ค.ศ. 1859 - 1875) ในอารามที่ Annaya โดยสวดภาวนาและทำงานในทุ่งนาพร้อมกับบรรดาพี่น้องฤาษีของท่าน ท่านเชื่อฟังอธิการอย่างไม่ลังเล ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทุกประการอย่างซื่อสัตย์ และดำเนินชีวิตอย่างการเสียสละภายใต้เงื่อนไขที่เคร่งครัด

คำขอของเขาที่จะย้ายไปอยู่ที่อารามของนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลบนเนินเขาใกล้เคียงได้รับการอนุมัติหลังจากที่อธิการของท่านได้เห็น "อัศจรรย์ของตะเกียง (miracle of the lamp)" คืนหนึ่ง นักบุญชาร์เบลได้ขอให้คนงานในอารามเติมน้ำมันลงในตะเกียงที่ท่านใช้ แม้ว่าคนงานจะเติมน้ำเปล่าแทนน้ำมัน แต่ตะเกียงก็ยังคงให้แสงสว่างตามปกติ และยังคงจุดอยู่ตลอดทั้งคืน

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1875 เป็นวันแรกของชีวิตท่านในอาราม ท่านมีชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 23 ปี ท่านใช้เวลาไปกับการสวดภาวนา , การเพ่งพินิจ และการนมัสการ รวมทั้งการทำงานด้วยมืออย่างขยันขันแข็งในทุ่งนากับไร่องุ่น ท่านเป็นแบบอย่างของการเสียสละตนเองและการไม่ยึดติดกับโลกภายนอก นักบุญชาร์เบลสะท้อนให้เห็นพระหรรษทานและพละกำลังที่พระเจ้าประทานให้ท่านผ่านการดำเนินชีวิตตามคุณธรรมของฤาษี ได้แก่ ความบริสุทธิ์ , ความยากจน และความนบนอบ ท่านไม่เคยออกจากอารามเลย ยกเว้นเมื่อได้รับคำสั่งจากอธิการ ซึ่งจะขอให้ท่านออกไปรักษาผู่ป่วย

ท่านเดินตามรอยเท้าของบรรดาบิดาผู้เป็นฤๅษีโดยคุกเข่าลงอย่างเคร่งขรึมต่อหน้าพระเยซูในศีลมหาสนิท ภาวนาต่อพระองค์อย่างเงียบๆ และจมดิ่งลงในพระองค์ตลอดทั้งคืน ท่านได้รับการขนานนามว่า “นักบุญผู้ดื่มด่ำในพระเจ้า (the saint inebriated with God)” ในช่วงชีวิตของท่าน นักบุญชาร์เบลไม่เพียงแต่รักษาโรคทางกายได้เท่านั้น แต่ยังรักษาโรคทางจิตวิญญาณได้อีกด้วย แม้กระทั่งไล่บรรดาปีศาจออกไปได้ด้วย

ขณะที่กำลังประกอบพิธีมิสซาในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1898 ท่านก็ได้ประสบกับอาการเส้นเลือดในสมองแตก และทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเป็นเวลา 8 วัน ด้วยความสงบเงียบและการสวดภาวนา นักบุญชาร์เบลได้ภาวนาซ้ำๆ หลายครั้งซึ่งไม่สามารถสวดจบได้ในพิธีกรรม “พระบิดาแห่งความจริง ขอทรงมองดูพระบุตรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงพอพระทัยยิ่ง ขอทรงรับผู้ที่สิ้นพระชนม์เพื่อข้าพเจ้า...” ท่านยังได้ภาวนาพระนามของพระเยซู พระแม่มารีย์ นักบุญยอเซฟ ตลอดจนนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล ซึ่งเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของอารามแห่งนี้ด้วย ท่านเสียชีวิตในวันคริสต์มาสอีฟ ค.ศ. 1898 และถูกฝังที่อารามในวันที่อากาศหนาวเย็นและมีหิมะตกหนัก มีฤาษีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมพิธีฝังศพของท่านได้

คุณพ่อ Antonios Mishimshany ผู้เป็นอธิการของนักบุญชาร์เบล เขียนถึงท่านในบันทึกของผู้ล่วงหลับของอารามว่า “ในวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1898 คุณพ่อ ชาร์เบล ฤๅษีแห่ง Bekaa Kafra เสียชีวิตหลังจากเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกและได้รับศีลเจิมคนไข้ ท่านถูกฝังไว้ในสุสานของอาราม ขณะนั้นท่านมีอายุ 68 ปี คุณพ่อ Antonios Mishimshany เป็นอธิการของอาราม สิ่งที่พระเจ้าจะทรงกระทำหลังจากที่ท่านเสียชีวิตจะเป็นหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงการกระทำที่เป็นแบบอย่างของท่าน ในการปฏิบัติตามคำปฏิญาณของท่าน ในระดับหนึ่งที่เราสามารถกล่าวได้ว่า ความนบนอบของท่านนั้นเป็นแบบอย่างเหมือนทูตสวรรค์ ไม่ใช่แบบอย่างเหมือนมนุษย์”

ชีวิตของท่านหลังจากเสียชีวิต

หลังจากที่ท่านเสียชีวิต ผู้คนเริ่มรายงานว่า เห็นแสงรอบๆ หลุมศพของท่าน เมื่อเจ้าหน้าที่วัดเปิดหลุมศพ พวกเขาพบว่า ร่างของนักบุญชาร์เบลอยู่ในสภาพสมบูรณ์ กับมีเหงื่อและเลือดไหลออกมา

ในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1899 อัครบิดรจารีตมารอนไนต์ (Maronite Patriarch) อนุญาตให้ย้ายร่างของเขาไปที่โลงศพพิเศษ ซึ่งถูกวางไว้ในหลุมศพใหม่ภายในอาราม ผู้แสวงบุญเริ่มหลั่งไหลไปยังหลุมศพของท่านและสวดภาวนาขอให้ท่านช่วยเหลือ พระเจ้าทรงประทานการรักษาฝ่ายกายและพระพรฝ่ายจิตวิญญาณแก่ผู้แสวงบุญหลายคน

เนื่องจากร่างกายของนักบุญชาร์เบลถูกนำไปเสนออย่างเป็นทางการต่อสมเด็จพระสันตปาปาปิอุสที่ 11 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1925

เนื่องจากเหงื่อและเลือดไหลออกมา โลงศพและหลุมศพของนักบุญชาร์เบลจึงต้องเปลี่ยนหลายครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1927 ร่างของนักบุญชาร์เบลถูกย้ายไปยังหลุมศพแห่งที่ 3

ในปี ค.ศ. 1950 หลุมฝังศพของนักบุญชาร์เบลถูกเปิดต่อหน้าแพทย์ที่ได้รับการรับรองและสมาชิกของคณะกรรมการอย่างเป็นทางการจากพระศาสนจักร และรัฐบาลประเทศเลบานอน ซึ่งตรวจสอบความสมบูรณ์ของร่างกาย พวกเขาเขียนรายงานทางการแพทย์และใส่ไว้ในกล่องภายในหลุมฝังศพ ทันใดนั้น การรักษาโรคก็แพร่หลายอย่างรวดเร็ว! ผู้แสวงบุญหลายหมื่นคนจากหลากหลายศาสนาและหลากหลายชุมชน หลั่งไหลมายังอารามที่ Annaya เพื่อขอการวิงวอนจากฤๅษีผู้ศักดิ์สิทธิ์ ร่างของนักบุญชาร์เบลยังคงมีเลือดไหลและเหงื่อออกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 65 ปีหลังจากที่ท่านเสียชีวิต

การสถาปนาเป็นบุญราศีของนักบุญชาร์เบล

พระสันตะปาปา ปิอุส ที่ 12 (Pope Pius XII) ทรงเห็นชอบพระราชกฤษฎีกาที่รับรองคุณธรรมอันกล้าหาญของนักบุญในอนาคตเมื่อวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 1954 นักบุญพระสันตะปาปา ปอล ที่ 6 (Saint Paul VI) ทรงเป็นประธานในพิธีประกาศแต่งตั้งนักบุญชาร์เบลเป็นบุญราศีในนครรัฐวาติกันเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1965 เมื่อการประชุมสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง

รูปภาพ

การตัดสินใจประกาศแต่งตั้งนักบุญชาร์เบลเป็นบุญราศีมีพื้นฐานมาจากอัศจรรย์ 2 ประการ :

1. การรักษาซิสเตอร์มาเรีย Maria Abel Kamari คณะ S.S.C.C. (Congregation of the Sacred Hearts of Jesus and Mary) จากแผลในกระเพาะอาหารอย่างอัศจรรย์เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1950 ซิสเตอร์ Kamari มีอาการตับ , ถุงน้ำดี และไตทำงานผิดปกติ ลำไส้ของเธอก็ติดกันด้วย เธออาเจียนอาหารเกือบหมดปนเลือด มือขวาของเธอเป็นอัมพาต และเธอต้องได้รับความช่วยเหลือในการเดิน เธอเกือบตายถึง 3 ครั้ง

2. การรักษาที่น่าอัศจรรย์ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1950 ของนาย Alessandro Obeid ซึ่งตาขวาที่บอดไปจากอุบัติเหตุ กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1937

การประกาศเป็นนักบุญของนักบุญชาร์เบล

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1977 นักบุญพระสันตะปาปา ปอล ที่ 6 เสด็จเป็นประธานในพิธีประกาศแต่งตั้งบุญราศีชาร์เบลเป็นนักบุญในมหาวิหารนักบุญเปโตร (Saint Peter's Basilica) การรักษา Miriam Awad จากมะเร็งลำคออย่างอัศจรรย์ในปีค.ศ. 1967 ได้รับการยอมรับให้เป็นอัศจรรย์อย่างเป็นทางการในการประกาศแต่งตั้งท่านนักบุญให้เป็นนักบุญ

รูปภาพ

CR. : https://www.familyofsaintsharbel.org/biography.html

Monastery Saint Maroun

Google Maps
https://maps.app.goo.gl/zfz2sRKqRUoh7xa ... eview.copy

เว็บไซต์
http://saintcharbel.com/home.php?lgid=0

เพจ
https://www.facebook.com/MazarSaintChar ... tid=LQQJ4d

instagram
https://www.instagram.com/saintcharbelo ... UxamducQ==

X
https://x.com/lbmaroniteorder?s=21

YouTube
https://youtube.com/@lebanesemaroniteor ... Re7CoBKp8C

TikTok
https://www.tiktok.com/@lebanesemaronit ... dvs5S&_r=1

ปล. หากมีการแปลผิดพลาดประการใด หรือข้อมูลผิดพลาด แอดมินก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวีติ #นักบุญชาร์เบลมาคลุฟ #นักบุญชาร์เบล #ฤาษี #นักพรต #พระสงฆ์ #ประวัติศาสตร์ #เลบานอน #ประเทศเลบานอน #คาทอลิกตะวันออก #มารอนไนต์ #นักบุญ #อัศจรรย์ #รักษาโรค #ชีวิต #แบบอย่าง #ตัวอย่าง #catholic #SaintSharbelMakhlouf #SaintSharbel #EasternCatholic #maronite #lebanon

CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/CSteE8 ... tid=WC7FNe

Arttise · พฤหัสฯ. ส.ค. 08, 2024 2:28 pm

มารอไนต์คาทอลิก - หลายปีที่จาก แต่ไม่เคยพลัดพรากสันตะบิดร
.
ใครที่ศึกษาเรื่องตะวันออกกลาง อาจพอคุ้นชื่อ "มารอไนต์" (Maronites) กันมาบ้างล่ะ เคยสงสัยมั้ยครับว่าพวกเขาเป็นใคร? และทำไมผมถึงตั้งหัวเรื่องแบบนี้? วันนี้เดี๋ยวจะมาเล่าให้ทุกท่านอ่านกัน
.
กลุ่มมารอไนต์เป็นคริสเตียนกลุ่มหนึ่งสังกัดนิกายคาทอลิก (คาทอลิกจารีตตะวันออก) มีต้นกำเนิดจากนักบุญมารอน (St. Maron) นักพรตชาวซีเรียซึ่งมีชีวิตช่วงศตวรรษที่ 4-5
.
ตำนานว่านักบุญมารอนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา ออกเทศนาและทำการอัศจรรย์มากมาย จึงมีลูกศิษย์และผู้ติดตามเยอะ เมื่อท่านเสียชีวิต เหล่าลูกศิษย์ก็เดินหน้าพันธกิจท่านต่อ นำชาวฟินิเชียนแถบนั้นที่ยังเป็นเพแกนให้กลับใจ กลุ่มคริสเตียนที่ติดตามนักบุญมารอนและลูกศิษย์จึงได้ชื่อว่า "มารอไนต์" จากชื่อท่านนี่เอง
.
มารอไนต์ขึ้นกับอัครบิดรแห่งอันติออก (Patriarch of Antioch) และมีศูนย์กลางในซีเรีย แต่เมื่ออัครบิดรอธานาซิอุสที่ 2 สิ้นพระชนม์ในปี 609 อัครบิดรองค์ถัดมาได้ประทับที่คอนสแตนติโนเปิลแทน เพราะแถบซีเรียวุ่นวายมาก โดยเฉพาะสงครามระหว่างไบแซนไทน์กับเปอร์เซีย
.
กลุ่มมารอไนต์ที่ขาดผู้นำเป็นเวลานาน จึงเลือกอัครบิดรแห่งอันติออกขึ้นปกครองเองในปี 685 ชื่อท่านจอห์น มารอน (John Maron) ถือเป็นผู้นำศาสนจักรมารอไนต์คนแรก โดยมีพระสันตะปาปาเซอร์จีอุสที่ 1 รับรอง และหลังมุสลิมเข้ายึดครองตะวันออกกลาง พวกเขาจึงอพยพไปยังหุบเขาในเลบานอนที่ปลอดภัยกว่าแทน
.
มารอไนต์ผ่านการข่มเหงเบียดเบียนอย่างยาวนาน ทั้งพวกมัมลุกจากอียิปต์และออตโตมัน แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ ก่อนได้รับการคุ้มครองอุปถัมภ์จากฝรั่งเศส จนทุกวันนี้ มารอไนต์คาทอลิกได้กลายเป็นศาสนจักรที่มีอิทธิพลต่อเลบานอนมากที่สุด มีศาสนิกราว 3.4 ล้านคนทั่วโลก
.
ทีนี้ก็มาถึงคำถาม ทำไมผมถึงตั้งหัวเรื่องแบบนี้? ก็เพราะมารอไนต์ถือตนว่าเป็นศาสนจักรตะวันออกเดียวที่ "ไม่เคยแยกกับพระสันตะปาปาแห่งโรม" แค่ขาดการติดต่อไปเฉยๆ นับตั้งแต่อิสลามเข้ายึดครองตะวันออกกลาง แล้วยืนยันว่าตนเองยังคงอยู่กับพระสันตะปาปาแห่งโรมอีกทีตอนพวกครูเสดมาถึง จะเห็นได้ว่ามารอไนต์ไม่มีศาสนจักรคู่ขนาน ไม่มีมารอไนต์ออร์โธด็อกซ์ ทั้งกลุ่มอยู่กับโรมหมด
.
และแม้เคยถูกกล่าวหาว่าไปเข้ากับโมโนธีไลต์ - Monothelitism แต่ยังกังขากันอยู่ และทางมารอไนต์ออกมายืนยันตลอดว่าไม่เคยสังฆกรรมใดๆกับลัทธินอกรีต ยังคงนบนอบพระสันตะปาปาแห่งโรมและยึดมั่นในหลักความเชื่อที่ถูกต้องเสมอมา
.
มารอไนต์ใช้พิธีกรรมจารีตซีรีแอกตะวันตก (West Syriac Liturgy) แต่เนื่องจากติดต่อกับโรมันคาทอลิกมานานมาก มารอไนต์จึงรับอิทธิพลจารีตละตินมากที่สุดในบรรดาคาทอลิกตะวันออกทั้งหมด เช่น การใช้หมวกสูง (mitre) ของบิชอปแบบเดียวกับโรมันคาทอลิก แผ่นปังแบบไร้เชื้อ รวมถึง Devotion ต่างๆ เช่น สายประคำแบบละติน พระหฤทัย การเฝ้าศีลมหาสนิท เป็นต้น
.
ในภาพที่ผมทำมา ด้านซ้ายมีนักบุญของมารอนไนต์ 3 องค์ ดังนี้
1. คนผู้หญิงชื่อนักบุญราฟคา (St. Rafqa) เป็นแม่ชีผู้รับทรมานอย่างพระคริสต์
2. คนขวาชื่อนักบุญนีมาตุลลอฮ์ คาซซาบ (St. Nimatullah Kassab) เป็นนักพรต องค์อุปถัมภ์กรุงเบรุต เมืองหลวงเลบานอน
3. คนล่างซึ่งถือว่าเป็นที่รู้จักมากที่สุด ชื่อนักบุญชาร์เบล มาคลุฟ (St. Charbel Makhlouf) เป็นนักพรตเช่นกัน มีชื่อเรื่องชีวิตศักดิ์สิทธิ์และการอัศจรรย์รักษาโรค

ทั้งสามได้รับสถาปนาโดยพระสันตะปาปาทั้งหมด และเป็นที่เคารพของชาวมารอไนต์มาก
.
สำหรับนิกายคาทอลิกแล้ว มารอไนต์นับว่าเป็นประจักษ์พยานอย่างหนึ่ง ถึงการมีเอกภาพระหว่างศาสนจักรตะวันตกและตะวันออก ที่ยังคงสืบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จึงเหมาะสมแล้วแก่การตั้งหัวเรื่องว่า "หลายปีที่จาก แต่ไม่เคยพลัดพรากสันตะบิดร"
.
/AdminMichael

รูปภาพ

หมายเหตุ :
Monothelitism = ลัทธินอกรีตที่เชื่อว่าพระเจ้ามีสองธรรมชาติ แต่มีจิตใจของความเป็นพระเจ้าเท่านั้น ไม่มีจิตใจความเป็นมนุษย์ - ถูกประณามไปในสภาสังคายนาสากลแห่งคอนสแตนติโนเปิลครั้งที่ 3 ปี 681

CR. : ประวัติศาสตร์คริสต์ศาสนา
https://www.facebook.com/share/5nriLCwR ... tid=WC7FNe

Arttise · พฤหัสฯ. ส.ค. 08, 2024 2:28 pm

อัศจรรย์ของนักบุญชาร์เบล (Saint Sharbel's Miracles)

รูปภาพ

นักบุญชาร์เบล มาคลุฟ (Saint Sharbel Makhlouf)

ตั้งแต่สมัยที่พระองค์เสด็จลงมาบังเกิด พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เป็นที่มาของอัศจรรย์ทั้งหมด ดังที่เห็นได้อย่างชัดเจนในพันธสัญญาใหม่ นอกจากนี้กับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ “ทุกคนที่มีพระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ ย่อมเป็นบุตรของพระเจ้า ท่านทั้งหลายไม่ได้รับจิตการเป็นทาสซึ่งมีแต่ความหวาดกลัวอีก แต่ได้รับจิตการเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งทำให้เราร้องออกมาว่า “อับบาพ่อจ๋า” พระจิตเจ้าทรงเป็นพยานยืนยันร่วมกับจิตของเราว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้า เมื่อเราเป็นบุตร เราก็เป็นทายาทด้วย เป็นทายาทของพระเจ้าและเป็นทายาทร่วมกับพระคริสตเจ้า ถ้าเรารับการทรมานร่วมกับพระองค์ เราก็จะรับพระสิริรุ่งโรจน์ร่วมกับพระองค์ด้วย ข้าพเจ้าคิดว่า ความทุกข์ทรมานในปัจจุบันเปรียบไม่ได้เลยกับพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะทรงบันดาลให้ปรากฏแก่เรา” (โรม 8:14-18) ในช่วงชีวิตของท่าน นักบุญชาร์เบลละทิ้งสิ่งที่เป็นทางโลกและอุทิศทั้งกายและใจแด่พระเจ้า ตั้งแต่สมัยเด็ก ท่านอุทิศเวลาว่างให้กับการสวดภาวนา และด้วยแบบอย่างของลุง 2 คน ท่านจึงถูกดึงดูดเข้าสู่ชีวิตแบบฤาษี

ท่านใช้ชีวิตเป็นฆราวาส 23 ปี บวชเป็นฤาษีอีก 23 ปี และบวชเป็นพระสงฆ์อีก 23 ปี ท่านนอนวันละไม่กี่ชั่วโมง เตรียมตัวเข้าพิธีมิสซา สวดภาวนาในทุ่งนา อุทิศตนในการเฝ้าศีลมหาสนิท และภาวนาพระวาจาของพระเจ้า ท่านดำรงชีวิตด้วยความยากจน , ความเงียบ , ความนบนอบ , การอดอาหาร และการอดอาหาร ท่านอดทนต่อการดูถูกเหยียดหยามและอับอายด้วยความรักต่อผู้อื่น

อัศจรรย์ในช่วงชีวิตของท่าน : พระเจ้าทรงสื่อสารกับนักบุญชาร์เบลในช่วงเวลาต่างๆ เกี่ยวกับการที่มีอิทธิพลที่มีต่อสัตว์ต่างๆ (บรรดาตั๊กแตน , บรรดางู...) ท่านยังรักษาคนป่วย , สวดภาวนาช่วยสตรีที่เป็นหมันตั้งครรภ์ , ไล่ปีศาจ และมีบทบาทสำคัญในการกลับใจทางจิตวิญญาณของผู้อื่น

อัศจรรย์ต่างๆ

บันทึกของอารามนักบุญ Maron-Annaya ได้รายงานเรื่องอัศจรรย์การรักษาโรคไปแล้วมากกว่า 33,000 ครั้ง นอกจากนี้ ยังมีรายงานเรื่องอัศจรรย์อีกนับไม่ถ้วนในประเทศเลบานอน

และต่างประเทศที่ไม่ได้ปรากฏในบันทึกเหล่านี้

เหนือสิ่งอื่นใด พระหรรษทานแห่งการกลับใจอย่างแท้จริงเป็นผลงานที่สำคัญและจำเป็นที่สุดของพระจิตเจ้า สักการสถานนักบุญชาร์เบล (Shrine of Saint Sharbel) ในประเทศเลบานอน ถือเป็นสักการสถาน (Shrine) ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยการประทับอยู่ของนักบุญชาร์เบล ผู้คนมักจะได้เห็นพระหรรษทานแห่งการกลับใจ การเป็นทุกข์ถึงบาป และการคืนดีกับพระเจ้า รวมถึงของขวัญแห่งจิตสำนึกที่หลุดพ้นจากพันธนาการของบาป

พระเยซูยังคงมีพระชนม์อยู่ ทรงรักษาบาดแผลของมนุษยชาติที่กำลังทนทุกข์ทรมาน ทรงอภัยบาปที่ทำให้เกิดความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และทรงประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่พวกเขา (“นักบุญชาร์เบลจากผู้ร่วมสมัยของพระองค์สู่ยุคของเรา” โดย คุณพ่อ Hanna Skandar)

ข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับพระหรรษทานและอัศจรรย์ของนักบุญชาร์เบลยังคงหลั่งไหลมายังอารามนักบุญ Maron ใน Annaya ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพของนักบุญชาร์เบล นักท่องเที่ยวประมาณ 4.5 ล้านคนต่อปี เดินทางมาที่ Annaya ในประเทศเลบานอน เพื่อสวดภาวนาและขอการวิงวอนจากท่านนักบุญ

นักบุญชาร์เบลเป็นผู้วิงวอนที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งพัฒนาความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับผู้ที่ขอการวิงวอนจากท่านด้วยศรัทธา และการสวดภาวนา หลายครั้งสิ่งนี้นำไปสู่อัศจรรย์ผ่านน้ำพระทัยของพระเจ้า

นาง Nohad El Shamy

รูปภาพ

นาง Nohad El Shamy ผู้ได้รับอัศจรรย์จาก นักบุญชาร์เบล มาคลุฟ (Saint Sharbel Makhlouf)

นักบุญชาร์เบลได้ทำอัศจรรย์มากมายนับตั้งแต่ท่านเสียชีวิต อัศจรรย์ที่โด่งดังที่สุด คือ อัศจรรย์ของนาง Nohad El Shamy คุณแม่ผู้มีลูก 12 คน วัย 55 ปี (ในช่วงเวลาที่เกิดอัศจรรย์) ซึ่งได้รับการรักษาจากอัมพาตครึ่งซีกซ้าย [เธอมีอาการอัมพาตครึ่งซีกซ้าย ส่งผลต่อขา , แขน และปาก]

เธอเล่าว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1993 เธอฝันเห็นฤาษีมารอนไนต์ (Maronite) 2 คนยืนอยู่ข้างเตียงของเธอ คนหนึ่งวางมือบนคอของเธอแล้วผ่าตัด ทำให้ความเจ็บปวดของเธอบรรเทาลง ส่วนอีกคนหนึ่งเอาหมอนมาไว้ด้านหลังเธอ เมื่อเธอตื่นขึ้น Nohad พบบาดแผล 2 แผลที่คอของเธอ ข้างละแผล และอาการป่วยได้รับการรักษาให้หายเป็นปกติแล้ว คืนต่อมา นักบุญชาร์เบลได้พูดกับเธอในฝันว่า :

“… พ่อผ่าตัดลูกด้วยฤทธิ์อำนาจจากพระเจ้าเพื่อให้พวกเขา (ผู้คน) ได้เห็นลูก เพราะบางคนละทิ้งการสวดภาวนา , จากการเข้าวัด และการเคารพนักบุญ และลูกไม่สามารถทำอะไรกับผู้คนได้! แต่ใครก็ตามที่ต้องการอะไรจากพ่อ ตัวพ่อ คุณพ่อชาร์เบล จะอยู่ที่อารามเสมอ พ่อขอให้ลูกไปที่อารามในวันที่ 22 ของทุกเดือนและเข้าร่วมพิธีมิสซา ตราบเท่าที่ลูกยังมีชีวิตอยู่”

พระหรรษทานและการรักษาโรคอื่นๆ

ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน บรรดาฤาษีของอารามนักบุญ Maron ใน Annaya ไม่เคยหยุดที่จะบันทึกพระหรรษทานต่างๆ ที่เชื่อว่า มาจากการเร้าวิงวอนของนักบุญชาร์เบล อัศจรรย์ที่ท่านกระทำนั้นมีนับไม่ถ้วน และถูกเก็บรักษาไว้ในหอจดหมายเหตุของอาราม

ควรกล่าวได้ว่า อัศจรรย์เหล่านี้ซึ่งแผ่ขยายไปทั่วโลก รวมถึงผู้คนที่มีความเชื่อทางศาสนาต่างๆ (คริสตชน , มุสลิม เป็นต้น) จะได้รับการบันทึกหลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องแล้วเท่านั้น หลังจากที่ได้รับการตัดสินว่า สมควรแก่การเชื่อว่าเป็นอัศจรรย์ การรักษาทางกายภาพส่วนใหญ่ อยู่ในกลุ่มของโรคที่รักษาไม่หายและร้ายแรง และวิธีการรักษาที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี มีผู้ได้รับการรักษาด้วยการสวดภาวนา บางคนได้รับการรักษาด้วยน้ำมันหรือกำยานที่ได้รับการเสก หรือโดยการสวมเข็มขัดหรือชุดที่ได้รับการเสก หรือโดยการเข้าร่วมพิธีมิสซาที่หลุมฝังศพของนักบุญหรือที่อาราม หรือโดยการสวดนพวาร (Novena) ต่อนักบุญชาร์เบล การรักษาเหล่านี้มักจะไปไกลเกินกว่าลักษณะทางกายภาพและสัมผัสทางจิตวิญญาณของผู้ที่ได้รับผล ดึงพวกเขาให้หันกลับใจจากบาป และหันเข้าสู่พระเจ้า

รูปภาพ

จดหมายของอัศจรรย์และธงของประเทศที่เกิดอัศจรรย์ ภาพโดย Naanouh Productions

รูปภาพ

การรักษาที่จดบันทึกของ Yasine Nidal Jaber มุสลิม นิกายซุนนี จากประเทศเลบานอน ภาพโดย Naanouh Productions

สิ่งที่เชื่อมโยงกันในอัศจรรย์ทั้งหมดเหล่านี้ คือ ความเชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสตเจ้าที่ทรงทำงานผ่านการเร้าวิงวอนของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ คือ นักบุญชาร์เบล

มีการบันทึกอัศจรรย์ (รายงานทางการแพทย์ที่ครบถ้วน) หลายร้อยเรื่องทุกปี (จนถึงปัจจุบัน) ที่อารามที่ Annaya (ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพของนักบุญชาร์เบล) ในโอกาสพิเศษ (เช่น วันฉลองนักบุญและอื่นๆ) บรรดาฤาษีในอารามได้รายงานว่า ได้แจกศีลมหาสนิทแก่ผู้ศรัทธา 300,000 คน ในช่วง 22 ปีที่ผ่านมา "ปรากฏการณ์น่าพิศวง (Phenomenon)" ของนักบุญชาร์เบล ได้รับการนำเสนอผ่านสื่อกระแสหลักและโซเชียลมีเดียต่างๆ รายงานและหนังสือเกี่ยวกับนักบุญชาร์เบลมีอยู่ในหลายภาษา (อาหรับ , รัสเซีย , โปแลนด์ , สเปน , เยอรมัน , อิตาลี , โปรตุเกส , ฝรั่งเศส...)

CR. : https://www.familyofsaintsharbel.org/miracles.html