อาทิตย์ที่ 15 ในเทศกาลธรรมดา 13 กรกฎาคม 2025
บทอ่านและบทเทศน์เด็ดของคุณพ่อ โยแซฟ Father Joseph วัดนักบุญอันโทนี มารีย์ ดี แคลเรท เมืองคายร์ รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ( Father Joseph, Saint Anthony Marie de Claret, Kyle, Texas, U.S.A.)
บทอ่านที่หนึ่ง เฉลยธรรมบัญญัติ 30: 10-14
แต่ท่านจะต้องเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อกำหนดที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติเล่มนี้ ท่านจะต้องกลับใจมาหา พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสุดจิตใจและสุดวิญญาณ บทบัญญัติที่ข้าพเจ้าสั่งท่านในวันนี้ ไม่ยากเกินไปหรืออยู่ไกลสุดเอื้อม ไม่ได้อยู่สูงบนฟ้าจนต้องถามว่า “ใครจะขึ้นไปเอาลงมาให้เราฟังและปฏิบัติตามได้เล่า” บทบัญญัติเหล่านี้ไม่ได้อยู่โพ้นทะเล จนต้องถามว่า “ใครจะข้ามทะเลไปเอามาให้เราได้ฟังและปฏิบัติตามได้เล่า พระวาจานี้อยู่ใกล้กับท่านมาก คืออยู่ในปากและในใจของท่าน เพื่อท่านจะนำไปปฏิบัติได้”
บทอ่านที่สอง โคโลสี 1:15-20
พระองค์ทรงเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่เรามองไม่เห็น ทรงเป็นบุตรคนแรกในบรรดาสิ่งสร้างทั้งปวง เพราะสรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน ทั้งที่แลเห็นได้และไม่อาจแลเห็นได้ เทพนิกรบัลลังก์ เทพนิกรนาย เทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำนาจ ล้วนถูกสร้างโดยพระองค์ทั้งสิ้น ทุกสิ่งถูกเนรมิตขึ้นโดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่ง และสรรพสิ่งดำรงอยู่เป็นระเบียบในพระองค์ พระองค์ทรงเป็นศีรษะของร่างกาย คือพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นปฐมเหตุ ทรงเป็นบุคคลแรกในบรรดาผู้ตายที่กลับคืนชีพ ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในทุกสิ่ง เพราะพระเจ้าพอพระทัยให้ความบริบูรณ์ทั้งปวงอยู่ในพระคริสตเจ้า และให้สรรพสิ่งคืนดีกับพระเจ้าโดยทางพระคริสตเจ้า ผู้โปรดให้ทุกสิ่งมีสันติ ด้วยพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของพระองค์ ทั้งสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในสวรรค์
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 10:25-37
ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำสิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงทำเช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต” ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้อง จึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกโจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่ง เดินทางผ่านมาใกล้ ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำเขาขึ้นหลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำเงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้กล่าวว่า “ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา” ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด”
คุณพ่อโยแซฟ: โมเสส พูดว่า ธรรมบัญญัติไม่ได้อยู่บนฟ้าหรืออยู่โพ้นทะเล แต่อยู่ใกล้ตัวเรา อยู่ในปากและใจของเรา...จงทําเถอะ...จงรักพระเจ้าแล้วเราจะมีชีวิต จงทําเหมือนชาวสะมาเรียผู้นั้น...จงทําเถอะ แล้วเราจะมีชีวิต
พ่อไปหาหมอตรวจสุขภาพประจําปี ปีแล้วปีเล่า หมอบอกทุกปีว่า โคเลสตอรอล/ ไขมัน ในเลือดสูง ต้องออกกําลังกาย จงทําเถอะ...แต่พ่อเลือกที่จะไม่ทํา ด้วยการแก้ตัวและมีสิ่งที่ทําให้วอกแวก
พระเป็นเจ้าทรงให้นํ้าใจอิสระและการให้เหตุผลแก่เราทุกคน...พ่อเลือกที่จะไม่ทําตามนํ้าพระทัยของพระองค์...พระองค์ทรงบอกพ่อว่า พ่อจบกับลูกแล้ว ( จบไม่ใช่ว่าทิ้งขว้าง แต่จบที่ได้ทรงบอกทุกสิ่งทุกอย่างให้พ่อแต่พ่อเลือกที่จะไม่ทํา) พระองค์บอกพ่อว่า ถ้าลูกทําเมื่อไหร่ พ่อพร้อมที่จะช่วย...จงยอมสยบตัวเราให้พระองค์แล้วเราจะมีชีวิต
ในประเทศสหรัฐอเมริกาของเรา เรามีสิ่งอํานวยความสะดวกมากมายในชีวิต แม้กระทั่งวัด... พวกเราที่เมืองคายร์มีวัดสามแห่งในระยะขับรถ 15 นาทีถึงในเมืองข้างเคียง ในบางประเทศ วัดห่างไกลแบบต้องเดินสามชั่วโมง มีคุณพ่อทํามิสซาหนึ่งครั้งต่อเดือน เรามีระบบและองค์กรของสังคมที่ให้ความช่วยเหลือผู้ตกภัย...เราเลยเลือกที่จะไม่ทํา
แต่พระเยซูเจ้าทรงเลือกที่จะทํา...พระองค์ทรงสิ้นพระชนมชีพบนไม้กางเขนเพื่อเรา...เราต้องสวดภาวนาขอให้พระองค์ทรงช่วยให้เราทําเถอะ!
( ระยะทางระหว่างเมืองเยรูซาเล็มและเมืองเยรีโค : 38 กิโลเมตร/ เดิน 7 ชั่วโมง 34 นาที/ ขับรถ 38 นาที)
____________________
อ่านแล้วถูกใจ อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทอ่านและบทเทศน์เด็ดของมิสซาวันอาทิตย์ และบทอ่านเสริมศรัทธาหลากหลาย เชิญอ่านได้ที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และ สารแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewtopic.php?f=8&t=20940.