สารวัดอาสนวิหารนักบุญอันนา

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Tawan
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 21, 2006 10:54 pm
ที่อยู่: Nakhonsawan

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 10:27 pm

ไม่แน่ใจว่าได้อ่านกันรึยัง แต่ ณัฐเอามาจาก
สารวัดอาสนวิหารนักบุญอันนา ฉบับที่ 42 อาทิตย์ที่ 4 เทศการมหาพรต ความว่า

บางสิ่งเกี่ยวกับชีวิตเรา

จง...รักคนที่รักคุณ
จง...รักคนที่ไม่รักคุณแล้วสักวันหนึ่ง...เขาอาจจะเปลี่ยนใจ
จง...เข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริง
จง...อ่อนแอพอที่จะรับรู้ว่าลำพังเรานั้น ทำอะไรไม่ได้ทุกอย่าง
จง...ประหยัดสิ่งจำเป็นไว้ โดยเฉพาะคำพูด
จง...ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเราไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
จง...โง่พอที่จะเชื่อในปาฎิหาริย์
จง...เต็มใจจะแบ่งปันความสุขของตัวเอง
จง...เต็มใจจะแบ่งรับควมทุกข์ของผู้อื่น
จง...เป็นผู้นำหากทางที่ผู้อื่นทิ้งไว้เลือนลาง
จง...เป็นผู้ตามหากตกอยู่ในวงล้อมแห่งความไม่แน่นอน
จง...เป็นคนแรกที่แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของคู่แข่ง
จง...เป็นคนสุดท้ายที่จะวิจาณ์ความผิดของเพื่อน
จง...มองเพียงแค่ก้าวถัดไป เพราะมันจะทำให้เราไม่ล้ม
จง...มองเพียงจุดหมายปลายทางให้แน่ใจ ว่าไม่ได้กำลังเดินผิดทาง แต่เหนือสิ่งอื่นใด จงเป็นตัวของตัวเอง

อย่ารอคอย ให้ได้รับรอยยิ้ม...แล้วจึงทำดี
อย่ารอคอย ให้มีคนรัก...แล้วจึงมบความรักแก่ผู้อื่น
อย่ารอคอย จนรู้สึกโดดเดี่ยว...แล้วจึงยอมรับคุณค่าของเพื่อน
อย่ารอคอย ให้มีมาก ๆ...แล้วจึงเริ่มแบ่งปัน
อย่ารอคอย จนพบความล้มเหลว...แล้วจึงจดจำคำแนะนำของผู้อื่น
อย่ารอคอย จนพบเนื้อคู่...แล้วจึงเชื่อในคำอธิษฐาน
อย่ารอคอย ให้มีเวลา...แล้วจึงทำประโยชน์
อย่ารอคอย ให้คนอื่นเจ็บปวดเสียก่อน...แล้วจึงขอโทษ หรือ เลิกคบกันก่อนแล้วจึงหวนมาคืนดี
อย่ารอคอย ...เพราะคุณไม่รู้ว่า...จะต้องใช้เวลานานเท่าไรในการคอย.....

ถ้าเคยอ่านกันแล้วก็อ่านอีกสักรอบก็ได้นะคะ ;D

ปล.เบื้องหลังสำคัญที่สุด คือ "ความรัก"
แก้ไขล่าสุดโดย Tawan เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 02, 2006 3:34 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Good Nanny
~@
โพสต์: 227
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 13, 2005 10:32 pm
ที่อยู่: BKK

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 11:09 pm

ชอบ ชอบ ;D
ภาพประจำตัวสมาชิก
yuki
โพสต์: 681
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 01, 2006 5:02 am

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 9:04 pm

ได้ข้อคิดดีๆอีกแล้วเรา
Tawan
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 21, 2006 10:54 pm
ที่อยู่: Nakhonsawan

พุธ มี.ค. 29, 2006 11:23 pm

ต้องขอบคุณ คุณพ่อ ศิริชาญ เอียงผาสุข ค่ะ ที่นำบทความนี้มาลงในสารวัดเจ้าค่ะ *thx
Tawan
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 21, 2006 10:54 pm
ที่อยู่: Nakhonsawan

อาทิตย์ เม.ย. 02, 2006 4:12 pm

หลาย ๆท่านอาจจะเคยได้อ่านกันแล้ว..แต่ก็น่าจะมีผู้ที่ยังไม่เคยอ่านนะคะ... ;D

สารวัด ฉบับที่ 43 อาทิตย์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต

เลียนแบบพระเยซูเจ้า

นักเล่นกลคนหนึ่งบังเอิญได้อ่านพระคัมภีร์ เขาอ่านเรื่องอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้าด้วยความสนใจ และด้วยแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของพระเยซูที่เขาอ่าน นักเล่นกลปรารถนาที่จะเลียนแบบพระเยซูเจ้าและรับศีลล้างบาป

เขาตัดสินใจเดินทางไปที่วัดที่อยู่ใกล้หมู่บ้านของเขา เพื่อขอรับศีลล้างบาปจากคุณพ่อเจ้าวัด ในระหว่างทางเขาพบกับขบวนแห่ศพ โดยปรารถนา จะเลียนแบบพระเยซูเจ้า เขาบอกให้ขบวนแห่ศพหยุดและเดินตรงไปที่โลงของเด็กหนุ่มผู้ตาย นักเล่นกลกล่าวถ้อยคำ 2-3 คำต่อหน้าศพของเด็ก หนุ่มผู้นั้น ทันใดนั้นผู้ตายก็กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นนักเล่นกลก็เดินทางต่อไป

เมื่อเขาเข้ามาในหมู่บ้าน เขาเห็นคนยากจนกำลังรวมตัวกัน พวกเขามีเพียงขนมปังห้าก้อนเป็นอาหารที่เหลืออยู่สำหรับทุกคน นักเล่นกลหยิบขนมปังห้าก้อนขึ้นมา เขาเสกมันด้วยเวทย์มนต์ของเขา และมันทวีจำนวนมากมาย และคนจนที่นั่นทุกคนสามารถกินขนมปังอย่างอิ่มหนำ นักเล่นกลมีความสุขมาก เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถเลียนแบบพระเยซูเจ้าได้อีกครั้งหนึ่ง

ที่สุดเขามาถึงฝั่งตรงข้ามของวัดซึ่งมีแม่น้ำขวางอยู่ เขาใช้เวทย์มนต์ของเขาอีกครั้ง และช่างน่าอัศจรรย์ใจอะไรเช่นนั้น เขาสามารถเดินบนน้ำได้ เขาภาคภูมิใจมาก เพราะเขาคิดว่านี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาเลียนแบบพระเยซู "ฉันกำลังเลียนแบบพระเยซู" เขารำพึงกับตนเอง "ตอนนี้ฉันคง เป็นคริสตชนได้แล้วซินะ"
นักเล่นกลเดินตรงไปที่วัดและแนะนำตนเองกับคุณพ่อ "คุณพ่อครับผมอยากเป็นคริสตชน" "ลูกที่รัก ลูกทราบไหมว่าการเป็นคริสตชนมีความหมายอย่างไร " คุณพ่อถาม " ผมคิดว่า ผมทราบนะครับ เพราะจริง ๆ แล้ว คุณพ่อทราบไหมครับว่า วันนี้ผมเลียนแบบพระเยซูเจ้า โดยทำอัศจรรย์ ปลุก คนตายให้กลับคืนชีพ ทวีขนมปัง และเดินบนน้ำ" นักเล่นกลตอบอย่างภาคภูมิใจ

"บอกพ่ออีกนิดหนึ่งนะว่า ลูกสามารถรักศัตรู รับใช้เพื่อนบ้านของลูก ปฏิเสธตนเองและแบกกางเขนของลูกติดตามพระเยซูได้ไหม?" คุณพ่อถาม อย่างนุ่มนวล "มันบ้าชัด ๆ เลย สิ่งที่คุณพ่อพูดมา มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ทำแบบนี้" ชายนักเล่นกลตอบคุณพ่ออย่างหัวเสีย

"แต่ลูกรัก สิ่งเหล่านี้แหละเป็นความหมายของการเป็นคริสตชน ที่พระเยซูเจ้าทรงสอน" คุณพ่อย้ำ เมื่อได้ยินดังนี้ นักเล่นกลเดินจากไปในทันที เขาคิดในใจว่าเขาจะไม่ยอมเป็นคริสตชนอย่างเด็ดขาดมันง่ายที่จะเลียนแบบอัศจรรย์ของพระเยซู แต่มันยากที่จะเลียนแบบความรักของพระองค์

ข้อคิด "ผู้รักพระราชัยสวรรค์ของพระเยซูมีมาก แต่ผู้แบกกางเขนของพระองค์มีน้อย คนจำนวนมากชอบความบรรเทาใจของพระเยซู แต่คนจำนวนน้อยชอบความลำบากของพระองค์...ส่วนคนที่รักพระเยซูเพราะพระเยซู และมิใช่เพราะความบรรเทาใจจากพระองค์ ย่อมถวายพรแด่พระองค์เสมอเป็นนิตย์ ไม่ว่าเขาจะได้รับความยากลำบาก คับแค้นใจ หรือเป็นสุขใจ" (จากหนังสือ "จำลองแบบพระคริสต์" ภาค 2 บทที่ 11 ข้อ 1-2, 10 หน้า 159-160) ไม่ผิดหรอกที่เราจะแสวงหาความชื่นชมยินดีในพระเยซูเจ้า เพียงแต่ขอเราอย่าลืมว่า เราก็ต้องแบกกางเขนของเราติดตามพระองค์ด้วยเช่นกัน



;D
Tawan
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 21, 2006 10:54 pm
ที่อยู่: Nakhonsawan

อาทิตย์ เม.ย. 02, 2006 5:37 pm

บางคนอาจสงสัยว่า เราจะร่วมแบกกางเขน ได้อย่างไร คุณพ่อศิริชาญให้คำตอบไว้ในมิสซาวันนี้ (เท่าที่ณัฐจำได้ค่ะ :P) ว่า ...

ให้เราปฏิบัติตน ตามแบบพระเยซู คือให้มอบความรักแก่กันและกัน รู้จักเสียสละ แบ่งปัน ไม่เห็นแก่ตัว ต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ดังที่พระเยซูทรงเป็นแบบฉบับแห่งการยอมสละชีวิต เครื่องหมายแห่งความรัก และความรอดสำหรับทุกคนที่จะติดตามพระองค์ หมายถึงการติดตามพันธกิจแห่งความรักที่พระองค์ทรงมอบให้เรา

พระองค์ทรงย้ำความจริงว่า "ผู้ที่รักชีวิตของตนจะเสียชีวิตนั้น ผู้ที่เกลียดชีวิตของตนในโลกนี้ ก็จะรักษาชีวิตนั้นไว้สำหรับชีวิตนิรันดร"

และการจะรับชีวิตนิรันดรได้ ก็ต้องเดินทางเดียวกับพระองค์ สนิทกับพระองค์ ;D
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร เม.ย. 04, 2006 2:26 am

เป็นบทความที่ดีมาก ๆ ครับ
Tawan
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 21, 2006 10:54 pm
ที่อยู่: Nakhonsawan

เสาร์ เม.ย. 08, 2006 9:25 pm

;D ค่ะ
ตอบกลับโพส