เสาร์ศักดิ์สิทธ์ และสมโภชปัสกา หรือ อีสเตอร์
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ ( สำหรับคาทอลิก )
พิธีกรรมในวันเสาร์ศักดิ๋สิทธิ์ของคริสตชนคาทอลิก โปรเตสแตนต์ไม่มีค่ะ
1.พิธีตื่นเฝ้า
ตามธรรมเนียมแต่โบราณ คืนนี้เป็นคืนพิเศษ ถวายเป็นเกียรติ แด่พระเจ้า (อพย. 12:42) เป็นคืนที่บรรดาคริสตชนปฏิบัติตาม คำตักเตือนของพระวรสาร (ลก.12:35-38) ถือเทียนจุดอยู่ในมือ เหมือนคนใช้ที่คอยนายกลับมา เมื่อนายกลับ จะได้พบเขาตื่นคอยอยู่ แล้วจะจัดให้เขานั่งกินเลี้ยงที่โต๊ะของนาย
พิธีตื่นเฝ้าเริ่มด้วย พิธีแสงสว่าง(ซึ่งเป็นภาคที่ 1 ของพิธีตื่นฝ้า) แล้วพระศาสนจักรพิจารณาคำนึงถึงกิจการอัน น่าพิศวงที่พระเป็นเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อช่วยประชากรของพระองค์ตั้งแต่ปฐมกาล ด้วยความเชื่อมั่นในพระวาจาและพระสัญญาของพระองค์
(ภาคที่ 2 หรือวจนพิธีกรรม) เมื่อใกล้จะถึงเวลาพระคริสตเจ้ากลับคืนชีพ พระศาสนจักรก็ได้รับเชิญร่วมกับบรรดาสมาชิกที่บังเกิดใหม่ด้วยศีลล้าง (ภาคที่ 3) ให้เข้าไปยังโต๊ะที่พระคริสตเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับประชากรของพระองค์ด้วยการสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ (ภาคที่ 4)
2.พิธีแสงสว่างเสกไฟและเทียนปัสกา
-มีการเตรียมกองไฟไว้นอกวัดและปิดไฟในวัด
- บาทหลวงทำพิธีเสกไฟ สวดว่า "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ประทานไฟอันสว่างสุกใสของพระองค์ให้แก่คริสตชน โดยทางพระบุตร ขอได้โปรดประทานความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ไฟใหม่นี้และโปรดให้งานสมโภชปัสกาบันดาลให้ข้าพเจ้าท้งหลายมีใจเร่าร้อนไปด้วยความปรารถนาถึงสิ่งของในสวรรค์ เพื่อจะสามารถบรรลุถึงงานสมโภชอันสว่างโชติช่วงทั้งชั่วนิรันดร ด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ทั้งนี้ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย
- บาทหลวงขีดสัญญาลักษณ์บนเทียนปัสกาที่จุด แล้วเขียนอักษรกรีก
พิธีกรรมในวันเสาร์ศักดิ๋สิทธิ์ของคริสตชนคาทอลิก โปรเตสแตนต์ไม่มีค่ะ
1.พิธีตื่นเฝ้า
ตามธรรมเนียมแต่โบราณ คืนนี้เป็นคืนพิเศษ ถวายเป็นเกียรติ แด่พระเจ้า (อพย. 12:42) เป็นคืนที่บรรดาคริสตชนปฏิบัติตาม คำตักเตือนของพระวรสาร (ลก.12:35-38) ถือเทียนจุดอยู่ในมือ เหมือนคนใช้ที่คอยนายกลับมา เมื่อนายกลับ จะได้พบเขาตื่นคอยอยู่ แล้วจะจัดให้เขานั่งกินเลี้ยงที่โต๊ะของนาย
พิธีตื่นเฝ้าเริ่มด้วย พิธีแสงสว่าง(ซึ่งเป็นภาคที่ 1 ของพิธีตื่นฝ้า) แล้วพระศาสนจักรพิจารณาคำนึงถึงกิจการอัน น่าพิศวงที่พระเป็นเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อช่วยประชากรของพระองค์ตั้งแต่ปฐมกาล ด้วยความเชื่อมั่นในพระวาจาและพระสัญญาของพระองค์
(ภาคที่ 2 หรือวจนพิธีกรรม) เมื่อใกล้จะถึงเวลาพระคริสตเจ้ากลับคืนชีพ พระศาสนจักรก็ได้รับเชิญร่วมกับบรรดาสมาชิกที่บังเกิดใหม่ด้วยศีลล้าง (ภาคที่ 3) ให้เข้าไปยังโต๊ะที่พระคริสตเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับประชากรของพระองค์ด้วยการสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ (ภาคที่ 4)
2.พิธีแสงสว่างเสกไฟและเทียนปัสกา
-มีการเตรียมกองไฟไว้นอกวัดและปิดไฟในวัด
- บาทหลวงทำพิธีเสกไฟ สวดว่า "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ประทานไฟอันสว่างสุกใสของพระองค์ให้แก่คริสตชน โดยทางพระบุตร ขอได้โปรดประทานความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ไฟใหม่นี้และโปรดให้งานสมโภชปัสกาบันดาลให้ข้าพเจ้าท้งหลายมีใจเร่าร้อนไปด้วยความปรารถนาถึงสิ่งของในสวรรค์ เพื่อจะสามารถบรรลุถึงงานสมโภชอันสว่างโชติช่วงทั้งชั่วนิรันดร ด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ทั้งนี้ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย
- บาทหลวงขีดสัญญาลักษณ์บนเทียนปัสกาที่จุด แล้วเขียนอักษรกรีก
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ปฏิทินเทศกาลของคริสตจักรสากล
(The Universal Christian Year)
ปฏิทินในรอบปีของเทศกาลต่างๆ ที่คริสตจักรสากลถือปฏิบัติร่วมกัน ทั้งพระศาสนจักรของโรมันคาทอลิกและคริสตจักรของโปรเตสแตนต์ ต่างยึดเอาวันคืนพระชนม์ (Easter) เป็นหลักซึ่งในแต่ละปีวันคืนพระชนม์จะไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะตรงกับวันไหน เพราะขึ้นอยู่กับการนับวันตามจันทรคติ คือถือเอาวันอาทิตย์แรกหลังวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 5 เป็นวันคืนพระชนม์ โดยปกติแล้วมักจะอยู่หลังวันที่ 21 ของเดือนมีนาคม ส่วนคริสตจักรของพวกกรีกออธอร์ดอกซ์จะกำหนดวันคืนพระชนม์โดยขึ้นอยู่กับเทศกาลปัสกาของพวกยิว
กำหนดวันในเทศกาลคืนพระชนม์ ในรอบ 10 ปี (ค.ศ. 2002
(The Universal Christian Year)
ปฏิทินในรอบปีของเทศกาลต่างๆ ที่คริสตจักรสากลถือปฏิบัติร่วมกัน ทั้งพระศาสนจักรของโรมันคาทอลิกและคริสตจักรของโปรเตสแตนต์ ต่างยึดเอาวันคืนพระชนม์ (Easter) เป็นหลักซึ่งในแต่ละปีวันคืนพระชนม์จะไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะตรงกับวันไหน เพราะขึ้นอยู่กับการนับวันตามจันทรคติ คือถือเอาวันอาทิตย์แรกหลังวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 5 เป็นวันคืนพระชนม์ โดยปกติแล้วมักจะอยู่หลังวันที่ 21 ของเดือนมีนาคม ส่วนคริสตจักรของพวกกรีกออธอร์ดอกซ์จะกำหนดวันคืนพระชนม์โดยขึ้นอยู่กับเทศกาลปัสกาของพวกยิว
กำหนดวันในเทศกาลคืนพระชนม์ ในรอบ 10 ปี (ค.ศ. 2002
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
4.หลายคนอ้างว่าได้เห็นพระองค์ทรงพระชนม์อยู่
ประมาณ ค.ศ. 55 อัครทูตเปาโล บันทึกว่า พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากความตายได้ปรากฏแก่อัครสาวกเปโตร และอัครสาวก อื่นๆ นอกจากนั้นก็ทรงปรากฏแก่สาวกกว่า 500 คน ( หลายคนยังมีชีวิตอยู่ในเวลาที่ท่านเปาโลบันทึก ) รวมทั้งท่านยากอบ และอัครทูตเปาโลเอง ( 1คร.15.5-8 ) การที่ท่านเปาโลกล้ากล่าวอย่างเปิดเผยเช่นนี้เพราะท่านให้โอกาสแก่คนที่จับผิดท่านตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ยิ่งกว่านั้น พระคัมภีร์ใหม่ ยังเริ่มต้นประวัติโดยการที่สาวกของพระคริสต์กล่าว่า พระเยซู
ประมาณ ค.ศ. 55 อัครทูตเปาโล บันทึกว่า พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากความตายได้ปรากฏแก่อัครสาวกเปโตร และอัครสาวก อื่นๆ นอกจากนั้นก็ทรงปรากฏแก่สาวกกว่า 500 คน ( หลายคนยังมีชีวิตอยู่ในเวลาที่ท่านเปาโลบันทึก ) รวมทั้งท่านยากอบ และอัครทูตเปาโลเอง ( 1คร.15.5-8 ) การที่ท่านเปาโลกล้ากล่าวอย่างเปิดเผยเช่นนี้เพราะท่านให้โอกาสแก่คนที่จับผิดท่านตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ยิ่งกว่านั้น พระคัมภีร์ใหม่ ยังเริ่มต้นประวัติโดยการที่สาวกของพระคริสต์กล่าว่า พระเยซู
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
7.ผู้เชื่อชาวยิวได้เปลี่ยนวันนมัสการ
วันสะบาโตเพื่อการพักผ่อน และการนมัสการนั้น ถือเป็นพื้นฐานวิถีชีวิตของชาวยิว เพราะถ้ายิวคนใดไม่ถือวันสะบาโต ก็มีความผิดต่อบัญญัติของโมเสส แต่ชาวยิวที่เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์และผู้เชื่อชาวต่างชาติ เริ่มนมัสการพระเจ้าในวันใหม่คือ วันแรกของสัปดาห์ นั่นคือวันอาทิตย์ ( ดู 1 โครินธ์ 16:1-4 ) วันอาทิตย์ คือวันที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นวันที่พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย ใช้แทนวันเสาร์ สะบาโต สำหรับชาวยิวแล้ว การที่เขากล้าเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ถือว่าสำคัญมาก สำคัญต่อชีวิตที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจาก ขนบธรรมเนียมประเพณีเดิม หรือบัญญัติของโมเสส การเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างสิ้นเชิงแบบนี้เพราะว่าพวกเขาได้กลับใจแบบคริสเตียน บัพติสมา ประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจ มีความเชื่อว่า การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์นั้นสำคัญมาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าโดยความตายของพระเยซูคริสต์ นั้นประตูแห่งความสัมพันธ์ใหม่ กับพระเจ้าได้เปิดออก วิถีชีวิตใหม่นี้ไม่ใช่การถือธรรมบัญญัติขิงโมเสส แต่ตั้งอยู่บนความเชื่อ การได้รับความช่วยเหลือในการยกโทษบาป และได้รับชีวิตใหม่ในพระคริสต์ นั่นคือได้รับความรอด และมีความหวังใจถึงชีวิตนิรันดร์ ที่พวกเขาได้รับเพราะความตายของพระเยซู และการเป็นขึ้นจากความตายนั่นคือชัยชนะศัตรู คือมารซาตานที่พระเยซูได้รับ และผู้เชื่อและวางใจในพระองค์จะได้มีส่วนในมรดกนี้ด้วย
8. แม้ว่าเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง แต่ก็ถูกทำนายไว้อย่างชัดเจน
บรรดาสาวกยังไม่ทันตั้งตัว เพราะพวกเขาเองมัวคิดถึงพระเมสสิยาห์จะทรงตั้งอาณาจักรของอิสราเอล เพราะสถานการณ์ที่พวกเขากำลังผจญอยู่คือการตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมัน จึงทำให้เหล่าสาวกมัวคิดตื้นๆว่า แผ่นดินที่พระเมสสิยาห์ที่จะมาครอบครองนั้น คือด้านการเมือง พวกเขาจึงไม่เคยเฉลียวใจว่า พระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าส่งเข้ามาในโลกเพื่อปกครองนั้นคือ ฝ่ายจิตวิญญาณ จนพวกเขาคาดคิดไม่ถึงว่าพระเยซูเจ้าตรัสแล้วตรัสอีก ถึงความจำเป็นที่พระองค์ จะต้องเสด็จเข้าไปที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อสิ้นพระชนม์ และในที่สุดวันที่สามจะทรงเป็นขึ้นจากความตาย พวกเขาได้มองข้ามคำทำนายของผู้เผยพระวจนะ อิสยาห์ ( อสย.53:10 )
+++++++++++++++++++++++++++++++
หมายเหตุ: ก่อนเสด็จเข้าสู่เยรูซาเล็มในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ( Holy Week ) พระเยซู ทรงทำนายถึงมรณกรรมของพระองค์ สามครั้ง ดังนี้:
ครั้งแรก พระคัมภีร์มัทธิว16:21-23 พระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกว่าพระองค์ต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ จากพวกผู้ใหญ่ จากมหาปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ และในที่สุดต้องถูกประหารชีวิต แต่จะทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่ 3 แล้วอัครสาวกเปโตร บอกว่าขออย่าให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเลย พระเยซู ทรงตำหนิอย่างแรงว่า เขาเป็นซาตานเพราะคิดอย่างคน ไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า
ครั้งที่ สอง พระคัมภีร์มัทธิว 17: 22-23พระเยซูตรัสแก่บรรดาสาวกที่ชุมนุมกันที่แคว้นกาลิลีว่าบุตรมนุษย์ จะต้องถูกอายัดไว้ และจะประหารชีวิต แล้วในวันที่ สาม ก็จะคืนพระชนม์ บรรดาสาวกพากันทุกข์ใจยิ่งนัก
ครั้งที่สาม พระคัมภีร์ มัทธิว 20:17-19 พระเยซูกำลังจะเสด็จขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม พร้อมกับอัครสาวก 12 คน ระหว่างทางพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า บุตรมนุษย์จะถูกมอบไว้ในมือของปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ และคนพวกนั้นจะปรับโทษพระองค์จนต้องมรณา พวกเขาจะมอบพระองค์ไว้กับคนต่างชาติ จะถูกเยาะเย้ย ถูกโบยตี และในที่สุดต้องถูกตรึงที่กางเขน และในวันที่ สามพระองค์ก็จะฟื้นคืนพระชนม์
9.เป็นจุดสุดยอดของชีวิตที่อัศจรรย์
ขณะที่พระเยซูถูกตรึงไว้บนไม้กางเขนนั้น ฝูงชนเยาะเย้ยพระองค์ว่า ทรงช่วยคนอื่นได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ การอัศจรรย์ได้สิ้นสุดลงแล้วหรือ ดูเหมือนว่าการอัศจรรย์ได้สิ้นสุดลงอย่างไม่คาดฝันของผู้ที่เริ่มตันต่อสาธารณชน โดยการเปลี่ยนน้ำธรรมดาให้เป็นเหล้าองุ่น ในงานสมรสที่หมู่บ้านคานา ตลอดสามปีแห่งการทำพันธกิจ พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์มากมายเช่น ทรงรักษาคนเจ็บป่วย คนผีเข้า เปิดตาคนตาบอด เปิดหูคนใบ้ คนหูหนวก ทำให้คนง่อยเดินได้ ห้ามลมพายุ และทรงเรียกคนตายให้ฟื้น ทรงตอบคำถามที่ยากๆนักปราชญ์ตอบไม่ได้ พระองค์ทรงเป็นบรมครูเพราะทรงสอน ความจริงที่ลึกซึ้งเปรียบเทียบที่ง่ายที่สุด ทรงยืนต่อหน้าคนหน้าซื่อใจคดและทรงเปิดเผยความจริง เราแปลกใจหรือเมื่อศัตรูของพระองค์ไม่ได้เป็นฝ่ายชนะ (โรม 10:9-10 )
10.สอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้ที่วางใจในพระองค์
อัครทูตเปาโล กล่าวว่า
วันสะบาโตเพื่อการพักผ่อน และการนมัสการนั้น ถือเป็นพื้นฐานวิถีชีวิตของชาวยิว เพราะถ้ายิวคนใดไม่ถือวันสะบาโต ก็มีความผิดต่อบัญญัติของโมเสส แต่ชาวยิวที่เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์และผู้เชื่อชาวต่างชาติ เริ่มนมัสการพระเจ้าในวันใหม่คือ วันแรกของสัปดาห์ นั่นคือวันอาทิตย์ ( ดู 1 โครินธ์ 16:1-4 ) วันอาทิตย์ คือวันที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นวันที่พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย ใช้แทนวันเสาร์ สะบาโต สำหรับชาวยิวแล้ว การที่เขากล้าเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ถือว่าสำคัญมาก สำคัญต่อชีวิตที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจาก ขนบธรรมเนียมประเพณีเดิม หรือบัญญัติของโมเสส การเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างสิ้นเชิงแบบนี้เพราะว่าพวกเขาได้กลับใจแบบคริสเตียน บัพติสมา ประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจ มีความเชื่อว่า การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์นั้นสำคัญมาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าโดยความตายของพระเยซูคริสต์ นั้นประตูแห่งความสัมพันธ์ใหม่ กับพระเจ้าได้เปิดออก วิถีชีวิตใหม่นี้ไม่ใช่การถือธรรมบัญญัติขิงโมเสส แต่ตั้งอยู่บนความเชื่อ การได้รับความช่วยเหลือในการยกโทษบาป และได้รับชีวิตใหม่ในพระคริสต์ นั่นคือได้รับความรอด และมีความหวังใจถึงชีวิตนิรันดร์ ที่พวกเขาได้รับเพราะความตายของพระเยซู และการเป็นขึ้นจากความตายนั่นคือชัยชนะศัตรู คือมารซาตานที่พระเยซูได้รับ และผู้เชื่อและวางใจในพระองค์จะได้มีส่วนในมรดกนี้ด้วย
8. แม้ว่าเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง แต่ก็ถูกทำนายไว้อย่างชัดเจน
บรรดาสาวกยังไม่ทันตั้งตัว เพราะพวกเขาเองมัวคิดถึงพระเมสสิยาห์จะทรงตั้งอาณาจักรของอิสราเอล เพราะสถานการณ์ที่พวกเขากำลังผจญอยู่คือการตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมัน จึงทำให้เหล่าสาวกมัวคิดตื้นๆว่า แผ่นดินที่พระเมสสิยาห์ที่จะมาครอบครองนั้น คือด้านการเมือง พวกเขาจึงไม่เคยเฉลียวใจว่า พระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าส่งเข้ามาในโลกเพื่อปกครองนั้นคือ ฝ่ายจิตวิญญาณ จนพวกเขาคาดคิดไม่ถึงว่าพระเยซูเจ้าตรัสแล้วตรัสอีก ถึงความจำเป็นที่พระองค์ จะต้องเสด็จเข้าไปที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อสิ้นพระชนม์ และในที่สุดวันที่สามจะทรงเป็นขึ้นจากความตาย พวกเขาได้มองข้ามคำทำนายของผู้เผยพระวจนะ อิสยาห์ ( อสย.53:10 )
+++++++++++++++++++++++++++++++
หมายเหตุ: ก่อนเสด็จเข้าสู่เยรูซาเล็มในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ( Holy Week ) พระเยซู ทรงทำนายถึงมรณกรรมของพระองค์ สามครั้ง ดังนี้:
ครั้งแรก พระคัมภีร์มัทธิว16:21-23 พระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกว่าพระองค์ต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ จากพวกผู้ใหญ่ จากมหาปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ และในที่สุดต้องถูกประหารชีวิต แต่จะทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่ 3 แล้วอัครสาวกเปโตร บอกว่าขออย่าให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเลย พระเยซู ทรงตำหนิอย่างแรงว่า เขาเป็นซาตานเพราะคิดอย่างคน ไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า
ครั้งที่ สอง พระคัมภีร์มัทธิว 17: 22-23พระเยซูตรัสแก่บรรดาสาวกที่ชุมนุมกันที่แคว้นกาลิลีว่าบุตรมนุษย์ จะต้องถูกอายัดไว้ และจะประหารชีวิต แล้วในวันที่ สาม ก็จะคืนพระชนม์ บรรดาสาวกพากันทุกข์ใจยิ่งนัก
ครั้งที่สาม พระคัมภีร์ มัทธิว 20:17-19 พระเยซูกำลังจะเสด็จขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม พร้อมกับอัครสาวก 12 คน ระหว่างทางพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า บุตรมนุษย์จะถูกมอบไว้ในมือของปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ และคนพวกนั้นจะปรับโทษพระองค์จนต้องมรณา พวกเขาจะมอบพระองค์ไว้กับคนต่างชาติ จะถูกเยาะเย้ย ถูกโบยตี และในที่สุดต้องถูกตรึงที่กางเขน และในวันที่ สามพระองค์ก็จะฟื้นคืนพระชนม์
9.เป็นจุดสุดยอดของชีวิตที่อัศจรรย์
ขณะที่พระเยซูถูกตรึงไว้บนไม้กางเขนนั้น ฝูงชนเยาะเย้ยพระองค์ว่า ทรงช่วยคนอื่นได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ การอัศจรรย์ได้สิ้นสุดลงแล้วหรือ ดูเหมือนว่าการอัศจรรย์ได้สิ้นสุดลงอย่างไม่คาดฝันของผู้ที่เริ่มตันต่อสาธารณชน โดยการเปลี่ยนน้ำธรรมดาให้เป็นเหล้าองุ่น ในงานสมรสที่หมู่บ้านคานา ตลอดสามปีแห่งการทำพันธกิจ พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์มากมายเช่น ทรงรักษาคนเจ็บป่วย คนผีเข้า เปิดตาคนตาบอด เปิดหูคนใบ้ คนหูหนวก ทำให้คนง่อยเดินได้ ห้ามลมพายุ และทรงเรียกคนตายให้ฟื้น ทรงตอบคำถามที่ยากๆนักปราชญ์ตอบไม่ได้ พระองค์ทรงเป็นบรมครูเพราะทรงสอน ความจริงที่ลึกซึ้งเปรียบเทียบที่ง่ายที่สุด ทรงยืนต่อหน้าคนหน้าซื่อใจคดและทรงเปิดเผยความจริง เราแปลกใจหรือเมื่อศัตรูของพระองค์ไม่ได้เป็นฝ่ายชนะ (โรม 10:9-10 )
10.สอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้ที่วางใจในพระองค์
อัครทูตเปาโล กล่าวว่า
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
2. Easter Eggs: ไข่อีสเตอร์
การหาไข่อีสเตอร์ กลาย เป็นธรรมเนียมประเพณีที่สนุกสนาน เคียงคู่ไปกับการเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ จนยากที่จะตัดทิ้ง ทั้งๆที่ไข่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอีสเตอร์แรกเลย เริ่มแรกเมื่อมีการใช้ไข่ในยุโรปสมัยโบราณ หมายถึง
การหาไข่อีสเตอร์ กลาย เป็นธรรมเนียมประเพณีที่สนุกสนาน เคียงคู่ไปกับการเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ จนยากที่จะตัดทิ้ง ทั้งๆที่ไข่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอีสเตอร์แรกเลย เริ่มแรกเมื่อมีการใช้ไข่ในยุโรปสมัยโบราณ หมายถึง
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พระเยซูคริสต์เจ้า ทรงเป็นขึ้นจากความตายแล้ว ...ฮาเลลูยา
ขอพระเจ้าทรงประทานสันติสุขของพระผู้ไถ่แก่ พี่ๆ เพื่อนๆทุกๆท่านฮะ
ขอพระเจ้าทรงประทานสันติสุขของพระผู้ไถ่แก่ พี่ๆ เพื่อนๆทุกๆท่านฮะ
Amen *blushhappyJeab Agape เขียน:
พระเยซูคริสต์เจ้า ทรงเป็นขึ้นจากความตายแล้ว ...ฮาเลลูยา
ขอพระเจ้าทรงประทานสันติสุขของพระผู้ไถ่แก่ พี่ๆ เพื่อนๆทุกๆท่านฮะ
นางมารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนที่รู้เรื่องนี้คนเเรก
นางไปยังหลุมฝังศพของพระเยซู
เเต่เเล้วนางก็ได้พบกับความว่างเปล่า
มีทูตสวรรค์เเจ้งกับนางว่าบัดนี้พระเจ้าของเจ้า
ได้ฟื้นกลับมาเป็นคนป็นเเล้วพระองค์ได้ล่วงหน้าไปรอ
พวกเจ้าเเล้ว....
:D สุขสันต์อีสเตอร์คับเย้ๆ
นางไปยังหลุมฝังศพของพระเยซู
เเต่เเล้วนางก็ได้พบกับความว่างเปล่า
มีทูตสวรรค์เเจ้งกับนางว่าบัดนี้พระเจ้าของเจ้า
ได้ฟื้นกลับมาเป็นคนป็นเเล้วพระองค์ได้ล่วงหน้าไปรอ
พวกเจ้าเเล้ว....
:D สุขสันต์อีสเตอร์คับเย้ๆ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พระเยซูกลับเป็นขึ้นมา อัลเลลูยา~~~ *ho
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
สุขสันต์วันอีสเตอร์ครับทุกคน
สิ่งสำคัญลำดับ2รองจากการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าคือ
การประกันว่า เราทุกคน ก็จะกลับคืนชีพเช่นกันในวันสุดท้ายด้วยเช่นกัน และในวันนั้นเราจะรวบรวมอยู่กับพระองค์ และนี่เป็นเหตุให้คริสตชนทุกคน ไม่ควรกลัวความตาย เพราะมันได้พ่ายแพ้แก่พระเจ้าของเราแล้ว และพระองค์จะประทานชัยชนะอย่างเดียวกันนี้ให้เราด้วย
การประกันว่า เราทุกคน ก็จะกลับคืนชีพเช่นกันในวันสุดท้ายด้วยเช่นกัน และในวันนั้นเราจะรวบรวมอยู่กับพระองค์ และนี่เป็นเหตุให้คริสตชนทุกคน ไม่ควรกลัวความตาย เพราะมันได้พ่ายแพ้แก่พระเจ้าของเราแล้ว และพระองค์จะประทานชัยชนะอย่างเดียวกันนี้ให้เราด้วย
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
อาแมน
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เจ๊ หา วีซีดี the passion of the Christ ดูด้วยนะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ดึงมาให้ คุณMozart ศึกษา ขอรับ :cheesy:
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
มารีย์ มักดาลา มาบอกเราแล้วว่า พระเยซูเจ้า กลับเป็นขึ้นมา
อา อัลเลลูยา
ตื่นเต้นจัง ใกล้เข้ามาแล้ว
อา อัลเลลูยา
ตื่นเต้นจัง ใกล้เข้ามาแล้ว
...............
ขอบคุณสำหรับบทความ ถ้ามีใครว่างๆ แวะเข้ามาอ่านได้ครับ
http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 64027.html
..............
ขอบคุณสำหรับบทความ ถ้ามีใครว่างๆ แวะเข้ามาอ่านได้ครับ
http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 64027.html
..............