ตัวอย่างชั้นสูงของทฤษฎีวิวัฒนาการที่ถูกสอยล่วงลงมา
" ภาพถ่ายปลอม "
ซากผีเสื้อกลางคืนถูกทากาวติดบนต้นไม้
คาร์ล Carl Wieland ( เวียแลนด์ )
ในตำราผีเสื้อกลางคืนลายฝุ่นพริกไทยของอังกฤษที่โด่งดัง ( บิสตัน เบทิวลาเรีย Biston betularia ) ของอังกฤษเขียนไว้ว่า
ผีเสื้อกลางคืนนี้มีทั้งชนิดสีอ่อนและสีเข้ม ( เมลานิค ) มลพิษจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้ลำต้นไม้ดำคล้ำขึ้น โดยการฆ่าไลเคนสีอ่อนที่ปกคลุมลำต้น ( รวมถึงเขม่าด้วย )
ผีเสื้อกลางคืนสีอ่อนกว่าที่เคยอำพรางดีบนพื้นสีอ่อน มาตอนนี้เป็นที่สังเกตได้ชัดขึ้นก็ถูกนกกินง่ายมากขึ้น ดังนั้นจำนวนประชากรของผีเสื้อกลางคืนชนิดสีเข้มจึงเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ต่อมาเมื่อมลพิษถูกกำจัดให้หมดไปผีเสื้อกลางคืนสีอ่อนก็กลับมามีจำนวนมากกว่าอีกครั้ง
ได้มีการจดบันทึกอย่างละเอียดในการเปลี่ยนแปลงจำนวนผีเสื้อกลางคืนที่จับได้โดยใช้กับดักแมลงและจากการทดลองประเภทปล่อยแล้วจับใหม่ก็ยืนยันว่าในป่าที่มีมลพิษผีเสื้อกลางคืนชนิดสีเข้มเหลือรอดจากการจับซ้ำ (recapture) มากกว่า(เพราะสีกลมกลืนกันต้นไม้ซึ่งดำคล้ำ ) ส่วนผีเสื้อสีอ่อนจะมีน้อยลง นอกเหนือจากนี้ยังมีภาพยนต์ที่ถ่ายไว้แสดงให้เห็นว่านกเลือกกินผีเสื้อกลางคืนที่มีสีแตกต่างจากสีของลำต้นไม้

เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกันกับแนวคิดวิวัฒนาการที่เชื่อกันนักหนาเลย เฮช . บี . เค็ทเทิลเวลล์ , ซึ่งทำการทดลองอันคลาสสิคนี้กล่าวว่าถ้า ดาร์วินใด้เห็นผลการทดลองนี้ " เขาคงจะเป็นประจักษ์พยานในการทดลองที่ละเอียดครบถ้วนและเป็นเครื่องยืนยันว่างานที่เขาทุ่มเททำทั้งชีวิตนั้น....... (1)
แท้จริงแล้ว ( ตามที่ประจักษ์ในการทดลอง ) เรื่องที่เขียนเป็นตัวอย่างอันปรากฏอยู่ในตำรานั้นไม่ได้ เป็น อะไรมากไปกว่า ความถี่ของพันธุกรรม (gene) ที่ เปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาที่เกิดขึ้นจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเท่านั้น
มันไม่ได้ให้อะไรมากนักถึงแม้ว่าจะให้เวลานับล้าน ๆ ปีก็ตาม ก็ไม่สามารถเพิ่มเติม อะไรให้กับ ข้อมูลอันสลับซับซ้อนที่จำเป็นสำหรับการวิวัฒนาการ จากตัวอะมีบาจนเป็นมนุษย์
แม้แต่ แอล . แฮร์ริสัน แมธธิวส์ นักชีววิทยาที่โดดเด่นคนหนึ่งผู้ได้รับคำเชื้อเชิญให้เขียนคำนำสำหรับหนังสือเรื่อง Origin of Species ของ ดาร์วิน เล่มที่ตีพิมพ์ในปี 1971 กล่าวว่า ตัวอย่างเรื่องผีเสื้อกลางคืนลายฝุ่นพริกไทยในหนังสือนั้นแสดงถึงการคัดเลือกพันธุ์โดยธรรมชาติแต่ไม่ได้แสดงถึง " ตัวอย่างของการวิวัฒนาการที่เป็นจริง "
แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า ตัวอย่างที่ถือเป็นแบบฉบับดังกล่าวข้างต้นนี้ เต็มไปด้วยข้อพิรุธมากมาย ผีเสื้อกลางคืนลายฝุ่นพริกไทยไม่เคยเกาะพักบนลำต้นไม้ในตอนกลางวันซักหน่อย
นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ซิเรล คลาก สำรวจผีเสื้อลายฝุ่นพริกไทยอยู่ 25 ปี พบแค่สองตัวเท่านั้นในถิ่นธรรมชาติของมันเอง ในตอนกลางวัน - ส่วนนักวิจัยคนอื่น ๆ นั้นก็ไม่ได้เห็นเลยซักตัว แค็ทเทิลล์เวลล์และคนอื่น ๆใช้วิธี ล่อผีเสื้อกลางคืนเข้าไปในกับดักแมลงในป่าโดยใช้ไฟ หรือ โดยปล่อยสารที่มีกลิ่นคล้ายแมลงตัวเมีย ล่อ - ในทั้งสองกรณีนั้นพบว่า มันบินออกมาแต่ในเวลากลางคืน แล้วมันจึงอยู่ที่ไหนในตอนกลางวัน คลาก เขียนว่า ' ข้อสันนิษฐานสุดท้ายคือ มันเกาะพักบนใบไม้บนยอดของต้นไม้แต่ไม่มีใครรู้คำตอบแน่นอนว่ามันอยู่ที่ไหนตอนกลางวัน , มันคงจะแอบเก่ง ' (2)
ผีเสื้อกลางคืนในภาพยนตร์ที่ถ่ายทำมา,ที่ถูกนกกินนั้นเป็นผีเสื้อกลางคืนที่ถูกเพาะเลี้ยงในห้องทดลองและแค็ทเทิลล์เวลลจับมันวางใว้บนลำต้นไม้ มันอ่อนเปลี้ยมากถึงกับครั้งหนึ่งเขาต้องเอามันวางบนกระโปรงรถยนต์ เพื่อให้มันอบอุ่นขึ้น (3)
แล้วรูปถ่ายผีเสื้อกลางคืนบนลำต้นไม้เหล่านั้นล่ะ ? วารสารฉบับหนึ่งได้เล่า ว่ามีวิธีทำอย่างไร - ซากผีเสื้อกลางคืนถูกทากาวแล้วนำมาติดบนต้นไม้ 4 นักชีววิทยาของมหาวิทยาลัยแมซซ่าชูเสธส์ ทีโอดอร์ ซาร์เจนท์ เป็นคนช่วย ทากาวผีเสื้อกลางคืนแล้วติดบนต้นไม้ เพื่อถ่ายทำสารคดีให้กับ NOVA เขาบอกว่าตำราและภาพยนต์ที่ทำขึ้นนี้ ใช้ ' ภาพถ่ายปลอมเป็นจำนวนมาก ' (5,6)
รายงานวิจัยอื่น ๆ ก็แสดงให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์กันน้อยมากระหว่างไลเคนที่ปกคลุมต้นไม้กับจำนวนประชากรผีเสื้อกลางคืนที่ศึกษา แล้วเมื่อพวกนักวิจัยกลุ่มหนึ่งทากาวผีเสื้อติดบนต้นไม้ในป่าที่ไม่มีมลพิษ นกก็เลือกกินผีเสื้อกลางคืนสีเข้ม ( อำพรางน้อย ) มากกว่าตามที่คาดไว้ แต่ในกับดักเขาจับตัวสีเข้มได้จำนวนมากเป็นสี่เท่าของตัวสีอ่อน ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ พยากรณ์ไว้ในตำรา (7) (ควรจับสีอ่อนได้มากกว่า)
นักชีววิทยา เจอร์รี่ คอยน์ จากมหาวิทยาลัยชิคาโก เห็นพ้องว่าเรื่องผีเสื้อกลางคืนลายฝุ่นพริกไทยที่เคยเป็น ' ม้าแข่งชนะเลิศในคอก ' ถึงเวลาที่ต้องโยนทิ้งไป ได้แล้ว
เขาบอกว่าข้อเท็จจริงที่ได้รับรู้นี้ทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนกับตอนที่เขารู้ความจริงว่าซานต้าค้ลอส์ ไม่ใช่เรื่องจริง (5)
น่าเสียใจว่ามีนักเรียนหลายร้อยล้านคนได้ถูกปลูกฝังความเชื่อเกี่ยวกับ ' หลักฐาน ' ที่เต็มด้วยข้อผิดพลาด ข้อมูลปลอมและข้อมูล ครึ่งจริงครึ่งเท็จ (8)
เอกสารอ้างถึง
1.H. Kettlewell (1959), 'Darwin's missing evidence' in Evolution and the fossil record, readings from Scientific American, W.H. Freeman and Co., San Francisco, 1978, p.23.
2.C.A. Clarke, 'Evolution in reverse: clean air and the peppered moth', Biological Journal of the Linnean Society 26:189-199, 1985.
3.Calgary Herald, March 21, 1999, p. D3.
4.D.R. Lees & E.R. Creed, 'Industrial melanism in Biston betularia: the role of selective predation', Journal of Animal Ecology 44:67-83,1975.
5.J.A. Coyne, Nature 396(6706):35-36.
6.The Washington Times, January 17, 1999, p. D8
7.D.R. Lees & E.R. Creed, ref. 4.
8.Unfettered by evolutionary 'just so' stories, researchers can now look for the real causes of these population shifts. Might the dark form actually have a function, like absorbing more warmth? Could it reflect the conditions in the caterpillar stage? In a different nocturnal moth species, Sargent has found that plants eaten by the larvae may induce or repress the expression of such 'melanism' in adult moths (see Sargent T.R. et al in M.K. Hecht et al, Evolutionary Biology 30:299-322, Plenum Press, New York, 1998)
http://www.answersingenesis.org/transla ... ppered.asp