จะทำอย่างไรเมื่อสัตบุรุษไม่ชอบมีส่วนร่วมในพิธีมิสซาฯ
ผมมีเรื่องหนึ่งอย่างปรึกษาครับ คือว่า ผมได้มีโอกาสไปเล่นอิเลคโทนที่วัดแห่งหนึ่งที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่วัดแห่งนี้สัตบุรุษที่มาร่วมมิสซาไม่ค่อยจะตอบรับพระสงฆ์ในการร่วมมิสซา เวลาคุณพ่อกล่าวว่า "พระเจ้าสถิตกับท่าน" ก็มีบางคนที่ตอบให้ได้ยินเสียง แต่ส่วนมากตอบเบา ๆ หรือปิดปากไม่เอยอะไร ทั้ง ๆ ในวัดก็มีคนมากกว่าครึ่งวัด บางครั้งคุณพ่อต้อง กล่าวประโยคที่พระสงฆ์ต้องพูดซ้ำถึง 2 ครั้ง สัตบุรุษจึงจะตอบเสียงดังขึ้น มีคุณพ่อท่านหนึ่ง สายตาของท่านก็มีปัญหามาก ท่านมองเห็นไม่ค่อยชัด และสัตบุรุษก็ตอบรับเสียเบามาก คิดดูสิครับว่าเวลาท่านทำมิสซาให้พวกเขา ท่านจะลำบากขนาดไหน ยิ่งเวลาร้องเพลงก็เช่นเดียวกัน มีร้องกันไม่กี่คน ทั้ง ๆ ที่เพลงเลือกให้ร้องก็เป็นเพลงที่ร้องกันประจำอยู่แล้ว คุณพ่อที่วัดเคยเตือนสัตบุรุษในเรื่องการมีส่วนร่วมตอบรับในมิสซาแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จะมีบางอาทิตย์เท่านั้นที่ดูมีเสียงดังขึ้นมาบ้างให้พอชื่นใจ แต่ก็ไม่บ่อยนัก ทั้ง ๆ ที่คนมาวัดก็เกือบเต็ม
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีครับ หลาย ๆ คนก็หนักใจ โดยเฉพาะคุณพ่อที่วัดนี้ และอีกหลายคนที่มาเย็นสภาพแล้ว
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีครับ หลาย ๆ คนก็หนักใจ โดยเฉพาะคุณพ่อที่วัดนี้ และอีกหลายคนที่มาเย็นสภาพแล้ว
พี่คะ หนูว่าเป็นกันหลายวัดนะคะ หนูก็เคยสังเกตเห็นเหมือนกันว่าสัตบุรุษไม่ชอบร่วมใจร้องเพลง ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการตอบรับ บางทีพ่อก็ตอบรับเองเลย เนื่องจากตอบยังไงก็ดัง เพราะพ่อใช้ไมโครโฟน อิ อิ ลองคิดดูสิคะ ถ้าพ่อบอกว่า พระเจ้าสถิตย์กับท่าน สัตบุรุษตอบเบาๆ อย่างกับไม่เต็มใจตอบ เหมือนไม่น้อมรับว่าพระเจ้าสถิตย์กับฉัน และในขณะเดียวกันก็ไม่เต็มใจขอให้พระเจ้าสถิตย์กับพ่อด้วย ถ้าเป็นมุขตลก ก็ต้องเรียกว่าแป้ก พ่อคงเสียความรู้สึกอยู่เหมือนกัน คือก่อออกมาดังเชียว แต่สัตบุรุษตอบแผ่วมาก ทั้งที่ในวัดไม่ได้มีอยู่แค่คนสองเสียที่ไหน บางทีหนูว่าบางวัดมีมิสซาเย็นกับสัตบุรุษใจศรัทธา พวกมักทายก สตรีใจศรัทธา ที่ศรัทธาแม้แต่จะมาวัดวันธรรมดาก็ยังยอม พวกเขาตอบรับเมื่อเทียบเป็นอัตราส่วนจำนวนสัตบุรุษวันอาทิตย์แล้วยังดังกว่าอีกนะคะ หนูอยากรู้จริงจริ๊งงงงงงงงงงงงงง ตอบดังๆมันน่าอายเหรอคะ หรือจะมีใครที่ไหนมาก่นด่า จะกลัวอะไร หนูล่ะเป็นเง็งเป็นงง...ฮึ ปกติหนูก็ตอบรับดัง ร้องเพลงดัง(แต่ไม่ได้ตะโกนนะคะ) ยังเคยมีพ่อทักเลยค่ะว่าดังดี และก็เคยมีพี่สัตบุรุษคนหนึ่งว่าดังไป แต่หนูว่าหนูตอบออกมาจากจิตใจ ดังแล้วไง...เจ๊ มาต่อยกันไหม อิ อิ
หนูก็เสียความรู้สึกกับสัตบุรุษแบบนี้ค่ะ ยิ่งคนหนุ่มสาวด้วยแล้ว สปิริตสู้พ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย ปู่ยาตายายหลายท่านไม่ได้ สังขารก็ไม่อำนวยแล้ว แต่ท่านก็ยังมาวัดด้วยใจ พยายามตอบรับ ให้ความร่วมมือกับศาสนบริกร พวกหนุ่มสาวหลายคนที่หนูเห็น เห็นแล้วก็ขัดตา ขัดหู ขัดหลายอย่างที่ไม่ได้ขัดคอ อิ อิ เพราะเหมือนไม่เต็มใจมาวัด มาเพราะเป็นพระบัญญัติ ไม่ได้นมัสการพระเจ้าด้วยจิตใจและความจริง การที่พวกเขามีท่าทีแบบนี้ หนูว่าก็เป็นการนมัสการด้วยความเท็จแล้วล่ะค่ะ แต่หนูจะทำอะไรได้ล่ะคะ เฮ้อ เหนื่อยใจ แล้วพวกที่มาวัดแบบไม่เต็มใจนี้ มาก็สาย บางทีบทอ่านก็ไม่ได้ฟัง เทศน์ก็ไม่ได้ฟัง เรียกว่าขาดส่วนสำคัญคือช่วงพระวาจาของพระเจ้ามาอีกทีถวายเลย หรือบางคนก็มาตอนจะศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา สิริรุ่งโรจนาเต็มแหล่งหล้าว่าศักดิ์สิทธิ์ ถ-วง ถวาย พ่อถวายแทนฉันแล้วกัน ขอบคุณพ่อนะ เหอะ เหอะ มาสายอย่างนี้ มิสซาที่ร่วมก็ไม่สมบูรณ์ คุณค่าของมิสซาที่ควรมีก็ลดหายไป เช่นนี้ก็น่าจะรอวัดรอบต่อไป ในกรณีที่รอได้ หรือไปเข้าวัดอื่นก็ได้ บางคนมีรถมีรา ไม่สนใจ ฉันมาสาย ได้กินหนมปัง(ต้องเรียกหนมปัง เพราะหลายคนเหล่านั้นไม่ได้ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าในปังนั้นอย่างแท้จริง เชื่อแต่หลักทฤษฎีว่าใช่ศีลมหาสนิท แต่ไม่ได้เชื่อด้วยจิตใจ)ก็พอแล้ว แล้วก็ขับรถรับกิ๊กไปเที่ยวต่อไป แถมออกจากวัดเป็นคนแรกๆด้วยค่ะ
คนทั้งหลายเหล่านั้น หนูยังเคยคิดเลย ถ้าพระบัญญัติไม่กำหนดว่าวันพระเจ้าให้ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ และร่วมมิสซาในวันอาทิตย์และวันฉลองบังคับแล้ว ก็คงไม่มาวัดหรอกค่ะ แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่หนูก็ย้ากกกกกกกอยากให้ไม่ต้องกำหนดให้ไปวัดวันอาทิตย์ อยากไปก็ไป ไม่อยากก็ไม่เป็นไร ทีนี้แหละ จะได้เห็นกันล่ะ ว่าใครเป็นพวกหน้าซื่อใจคด อยากเห็นจังเลยว่าจะไปวัดกันกี่คน สงสัยคงเหมือนกับมิสซาวันธรรมดา อิ อิ หนูว่าพวกเราจะเห็นคนที่นับถือศาสนาแต่ปากเยอะแยะ ผุดเป็นดอกเห็ดเลยแหละค่ะ สะใจนัก แล้วพวกเขาก็จะเข้าวัดแค่ตอนล้างบาป รับศีลกำลัง ตอนเด็กนิดหน่อย แล้วแต่ว่าจะโดนบังคับแค่ไหน เข้าอีกทีตอนแต่งงาน แล้วก็ตอนหายไปจากโลกนี้แล้ว
พี่คะ หนูพล่ามไปเยอะนี่ เพราะหนูก็เหมือนพี่เจ้าของกระทู้ค่ะ คืออึดอัดใจมาก หนูคิดว่าคุณพ่อหลายคนกลายเป็นคนเช้าชามเย็นชามไป ทั้งๆที่ตอนบวชใหม่ๆไฟแรง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสัตบุรุษมีท่าทีแบบนี้แหละค่ะ พ่ออาจคิดว่าฉันจะไปร้อนรนทำไม ร้อนไปก็โดนหมั่นไส้ สัตบุรุษก็ไม่ร่วมมือ ก็เย็นชาต่อไปดีกว่า หนูเห็นว่าการให้ความร่วมมือกับพ่อจะเป็นการให้กำลังใจให้พ่อด้วย ช่วยให้พ่อมั่นคงในกระแสเรียก เพราะเห็นคุณค่าของการเป็นนักบวช ทำงานเพื่อพระแล้วเห็นผล และนี่แหละเป็นการสนับสนุนกระแสเรียกในอีกทางหนึ่งค่ะนอกจากสนับสนุนผ่านกองทุนกระแสเรียก เพราะเด็กรุ่นหลังเห็นพ่อทำงานแล้วเกิดผล เขาก็อาจอยากสมัครไปบวชด้วยบ้าง พ่อเองก็เกิดกำลังใจในการเป็นนักบวชที่ดีต่อไป
เห็นไหมคะ แค่ตั้งใจร่วมมิสซามีผลแค่ไหน การเย็นเฉย เพิกเฉย เย็นชาต่อการร่วมมิสซา ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง มันกระเทือนในวงกว้างมาก สัตบุรุษพวกที่เย็นชาเหล่านั้น หนูขอบอกเลยว่าใจร้ายมากค่ะ ใจร้ายกับพระเป็นเจ้า ใจร้ายกับคุณพ่อผู้ประกอบพิธี และใจร้ายกับสัตบุรุษด้วยกัน เพราะแทนที่จะเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน ซึ่งส่อสะท้อนถึงคุณค่าของชุมชนคริสตชนที่ร่วมประชุมกันเพื่อนมัสการพระเป็นเจ้า กลับเอาเปรียบ กลัวเมื่อยปาก เปลืองแรง พะงาบๆปากแง่กๆแบบพอแผ่วๆ หรือไม่ก็มุบมิบ งุบงิบอะไรก็ไม่รู้ สงสัยกลัวดอกพิกุลทองจะร่วงจากปากมังคะ ถ้ากลัวจริงหนูว่าพวกเขาก็น่าไปยืมจานรองศีลที่เด็กช่วยจารีตใช้ตอนรับศีลมารองปากแล้วตอบรับและร้องเพลงดังๆก็ได้ แล้วเอาทองไปขายหลังวัดเลิก ทองคำตอนนี้ก็บาทละกว่าหมื่นบาทแล้วนะคะ
สรุป วิบัติแก่คนที่ไม่ร่วมมิสซาอย่างตั้งใจค่ะ ฮึ
เฮ้อ...หนูเซ็งจริงๆค่ะ ::001::
หนูก็เสียความรู้สึกกับสัตบุรุษแบบนี้ค่ะ ยิ่งคนหนุ่มสาวด้วยแล้ว สปิริตสู้พ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย ปู่ยาตายายหลายท่านไม่ได้ สังขารก็ไม่อำนวยแล้ว แต่ท่านก็ยังมาวัดด้วยใจ พยายามตอบรับ ให้ความร่วมมือกับศาสนบริกร พวกหนุ่มสาวหลายคนที่หนูเห็น เห็นแล้วก็ขัดตา ขัดหู ขัดหลายอย่างที่ไม่ได้ขัดคอ อิ อิ เพราะเหมือนไม่เต็มใจมาวัด มาเพราะเป็นพระบัญญัติ ไม่ได้นมัสการพระเจ้าด้วยจิตใจและความจริง การที่พวกเขามีท่าทีแบบนี้ หนูว่าก็เป็นการนมัสการด้วยความเท็จแล้วล่ะค่ะ แต่หนูจะทำอะไรได้ล่ะคะ เฮ้อ เหนื่อยใจ แล้วพวกที่มาวัดแบบไม่เต็มใจนี้ มาก็สาย บางทีบทอ่านก็ไม่ได้ฟัง เทศน์ก็ไม่ได้ฟัง เรียกว่าขาดส่วนสำคัญคือช่วงพระวาจาของพระเจ้ามาอีกทีถวายเลย หรือบางคนก็มาตอนจะศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา สิริรุ่งโรจนาเต็มแหล่งหล้าว่าศักดิ์สิทธิ์ ถ-วง ถวาย พ่อถวายแทนฉันแล้วกัน ขอบคุณพ่อนะ เหอะ เหอะ มาสายอย่างนี้ มิสซาที่ร่วมก็ไม่สมบูรณ์ คุณค่าของมิสซาที่ควรมีก็ลดหายไป เช่นนี้ก็น่าจะรอวัดรอบต่อไป ในกรณีที่รอได้ หรือไปเข้าวัดอื่นก็ได้ บางคนมีรถมีรา ไม่สนใจ ฉันมาสาย ได้กินหนมปัง(ต้องเรียกหนมปัง เพราะหลายคนเหล่านั้นไม่ได้ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าในปังนั้นอย่างแท้จริง เชื่อแต่หลักทฤษฎีว่าใช่ศีลมหาสนิท แต่ไม่ได้เชื่อด้วยจิตใจ)ก็พอแล้ว แล้วก็ขับรถรับกิ๊กไปเที่ยวต่อไป แถมออกจากวัดเป็นคนแรกๆด้วยค่ะ
คนทั้งหลายเหล่านั้น หนูยังเคยคิดเลย ถ้าพระบัญญัติไม่กำหนดว่าวันพระเจ้าให้ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ และร่วมมิสซาในวันอาทิตย์และวันฉลองบังคับแล้ว ก็คงไม่มาวัดหรอกค่ะ แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่หนูก็ย้ากกกกกกกอยากให้ไม่ต้องกำหนดให้ไปวัดวันอาทิตย์ อยากไปก็ไป ไม่อยากก็ไม่เป็นไร ทีนี้แหละ จะได้เห็นกันล่ะ ว่าใครเป็นพวกหน้าซื่อใจคด อยากเห็นจังเลยว่าจะไปวัดกันกี่คน สงสัยคงเหมือนกับมิสซาวันธรรมดา อิ อิ หนูว่าพวกเราจะเห็นคนที่นับถือศาสนาแต่ปากเยอะแยะ ผุดเป็นดอกเห็ดเลยแหละค่ะ สะใจนัก แล้วพวกเขาก็จะเข้าวัดแค่ตอนล้างบาป รับศีลกำลัง ตอนเด็กนิดหน่อย แล้วแต่ว่าจะโดนบังคับแค่ไหน เข้าอีกทีตอนแต่งงาน แล้วก็ตอนหายไปจากโลกนี้แล้ว
พี่คะ หนูพล่ามไปเยอะนี่ เพราะหนูก็เหมือนพี่เจ้าของกระทู้ค่ะ คืออึดอัดใจมาก หนูคิดว่าคุณพ่อหลายคนกลายเป็นคนเช้าชามเย็นชามไป ทั้งๆที่ตอนบวชใหม่ๆไฟแรง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสัตบุรุษมีท่าทีแบบนี้แหละค่ะ พ่ออาจคิดว่าฉันจะไปร้อนรนทำไม ร้อนไปก็โดนหมั่นไส้ สัตบุรุษก็ไม่ร่วมมือ ก็เย็นชาต่อไปดีกว่า หนูเห็นว่าการให้ความร่วมมือกับพ่อจะเป็นการให้กำลังใจให้พ่อด้วย ช่วยให้พ่อมั่นคงในกระแสเรียก เพราะเห็นคุณค่าของการเป็นนักบวช ทำงานเพื่อพระแล้วเห็นผล และนี่แหละเป็นการสนับสนุนกระแสเรียกในอีกทางหนึ่งค่ะนอกจากสนับสนุนผ่านกองทุนกระแสเรียก เพราะเด็กรุ่นหลังเห็นพ่อทำงานแล้วเกิดผล เขาก็อาจอยากสมัครไปบวชด้วยบ้าง พ่อเองก็เกิดกำลังใจในการเป็นนักบวชที่ดีต่อไป
เห็นไหมคะ แค่ตั้งใจร่วมมิสซามีผลแค่ไหน การเย็นเฉย เพิกเฉย เย็นชาต่อการร่วมมิสซา ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง มันกระเทือนในวงกว้างมาก สัตบุรุษพวกที่เย็นชาเหล่านั้น หนูขอบอกเลยว่าใจร้ายมากค่ะ ใจร้ายกับพระเป็นเจ้า ใจร้ายกับคุณพ่อผู้ประกอบพิธี และใจร้ายกับสัตบุรุษด้วยกัน เพราะแทนที่จะเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน ซึ่งส่อสะท้อนถึงคุณค่าของชุมชนคริสตชนที่ร่วมประชุมกันเพื่อนมัสการพระเป็นเจ้า กลับเอาเปรียบ กลัวเมื่อยปาก เปลืองแรง พะงาบๆปากแง่กๆแบบพอแผ่วๆ หรือไม่ก็มุบมิบ งุบงิบอะไรก็ไม่รู้ สงสัยกลัวดอกพิกุลทองจะร่วงจากปากมังคะ ถ้ากลัวจริงหนูว่าพวกเขาก็น่าไปยืมจานรองศีลที่เด็กช่วยจารีตใช้ตอนรับศีลมารองปากแล้วตอบรับและร้องเพลงดังๆก็ได้ แล้วเอาทองไปขายหลังวัดเลิก ทองคำตอนนี้ก็บาทละกว่าหมื่นบาทแล้วนะคะ
สรุป วิบัติแก่คนที่ไม่ร่วมมิสซาอย่างตั้งใจค่ะ ฮึ
เฮ้อ...หนูเซ็งจริงๆค่ะ ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย sabachthani เมื่อ อังคาร ส.ค. 22, 2006 12:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ค่ะพี่minnie เขียน: ที่ตอบอย่าโกรธน๊ะ
เค้ามาหาพระก็ดีเท่าไหร่แย้ว ดีกว่าทิ้งพระงะ
สวดให้เค้าเน๊อะ
แต่ก็อย่างที่หนูบอกไปไงคะ ถ้าไม่กำหนดให้วันอาทิตย์ต้องมาวัด หนูก็อยากดูใจคนเหมือนกันค่ะ อยากรู้นักว่าจะมากันกี่คน ว่าแล้วก็นึกถึงวัดวันธรรมดา
นึกแล้วก็เจ็บปวดนะคะ คุยกับแฟนชัดถ้อยชัดคำเชียว แต่พอคุยกับพระ ทำกระมิดกระเมี้ยน ฮึ
เราลองมาคิดถึงวัตถุประสงค์ของการมาวัดในวันอาทิตย์ดูสิว่ามีอะไรบ้าง
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
สำหรับผมกลับมองว่าไม่ได้เป็นหน้าที่นะครับ แต่ให้มองเป็นว่าเรากลับมาหาพระบิดาของเราครับAndreas เขียน: เราลองมาคิดถึงวัตถุประสงค์ของการมาวัดในวันอาทิตย์ดูสิว่ามีอะไรบ้าง
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
มันต้องให้พ่อเตือนก่อนมิสซา
ทุกครั้งงัย จะไดเร้สึกตัว
สอนเหมือนเด็ก ๆ ย้ำ ๆ เข้าไป
เดี๋ยวก็จะเริ่มชินและทำเป็นกิจวัตรเอง เราว่านะ
แต่สำคัญคือ พ่อต้องเน้นย้ำก่อนเริ่มมิสซาทุกครั้ง
เหมือนขอความร่วมมือ
ทุกครั้งงัย จะไดเร้สึกตัว
สอนเหมือนเด็ก ๆ ย้ำ ๆ เข้าไป
เดี๋ยวก็จะเริ่มชินและทำเป็นกิจวัตรเอง เราว่านะ
แต่สำคัญคือ พ่อต้องเน้นย้ำก่อนเริ่มมิสซาทุกครั้ง
เหมือนขอความร่วมมือ
พ่อคงไม่กล้าพูดอะไรมาก อย่างพี่มินนี่ว่า มันอุตว่าห์มาก็ดีเท่าไหร่แล้ว
มีคนบอกว่า ถ้าจะเปลี่ยนใครให้เริ่มที่ตัวเองก่อน เริ่มจากการยอมรับเค้าและก็ไม่ upset มาก ขอแนะนำให้มีหน้าม้าแบบไม่น่าเกลียด อาจเป็นนักร้องขับ ที่มีไมค์จ่อปาก พอมีต้นเสียงเพราะๆ เสียงดัง คนก็มีอารมณ์ร่วม คุึณพ่อก็มีกำลังใจ ยิ่งตอนไหนที่ต้องพูดยาวๆอย่างบทแสดงความเชื่อ ยิ่งต้องมีต้นเสียง และก็พยายามหาดนตรีเยอะๆ ข้าแต่พระบิดา ร้องเป็นเพลงได้ก็ร้อง
สมัยนี้คนทำงานเครียดเยอะ มาวัดก็ต้อง facilitate เค้าเยอะหน่อย อย่าให้เค้าเครียดมาก คนเราพออารมณ์แจ่มใส ก็เปิดใจได้มากขึ้น เมื่อเค้าได้สัมผัสพระ เค้าก็จะมีใจร่วมเอง
แนะนำให้ไปดูมิสซารอบ 11 โมงที่มหาไถ่นะคะ บางทีนักร้องนำมีำไม่กี่คน แต่มีพลังเหมือนมีหลายคน
มีคนบอกว่า ถ้าจะเปลี่ยนใครให้เริ่มที่ตัวเองก่อน เริ่มจากการยอมรับเค้าและก็ไม่ upset มาก ขอแนะนำให้มีหน้าม้าแบบไม่น่าเกลียด อาจเป็นนักร้องขับ ที่มีไมค์จ่อปาก พอมีต้นเสียงเพราะๆ เสียงดัง คนก็มีอารมณ์ร่วม คุึณพ่อก็มีกำลังใจ ยิ่งตอนไหนที่ต้องพูดยาวๆอย่างบทแสดงความเชื่อ ยิ่งต้องมีต้นเสียง และก็พยายามหาดนตรีเยอะๆ ข้าแต่พระบิดา ร้องเป็นเพลงได้ก็ร้อง
สมัยนี้คนทำงานเครียดเยอะ มาวัดก็ต้อง facilitate เค้าเยอะหน่อย อย่าให้เค้าเครียดมาก คนเราพออารมณ์แจ่มใส ก็เปิดใจได้มากขึ้น เมื่อเค้าได้สัมผัสพระ เค้าก็จะมีใจร่วมเอง
แนะนำให้ไปดูมิสซารอบ 11 โมงที่มหาไถ่นะคะ บางทีนักร้องนำมีำไม่กี่คน แต่มีพลังเหมือนมีหลายคน
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พี่เพชรฮะ ทางคริสเตียนเราจะมีการ ฟื้นฟูจิตวิญญา ปีละ 2 ครั้ง เชิญนักเทศน์ ดังๆ ไฟแรงๆ มากระตุ้น เตือนสติ
ใช้การนมัสการ เป็นพิเศษ เช่น คืนศุกร์ คืนเสาร์ และอาทิตย์ แบบ 3 กัณฑ์รวด พระวิญญาณ ( พระจิต ) สวมทับ
จึงสามารถ จุดไฟแห่งศรัทธาได้ ฮะ
ใช้การนมัสการ เป็นพิเศษ เช่น คืนศุกร์ คืนเสาร์ และอาทิตย์ แบบ 3 กัณฑ์รวด พระวิญญาณ ( พระจิต ) สวมทับ
จึงสามารถ จุดไฟแห่งศรัทธาได้ ฮะ
คนจำนวนหนึ่งก็คงมาเพราะเป็นพระบัญญัติแหละค่ะ ไม่ได้มาด้วยใจAndreas เขียน: เราลองมาคิดถึงวัตถุประสงค์ของการมาวัดในวันอาทิตย์ดูสิว่ามีอะไรบ้าง
ก็ลองไม่บัญญัติไว้สิคะ วัดวันอาทิตย์คนคงลดลงไม่น้อยเลยล่ะค่ะ หนูเชื่อเช่นนั้นค่ะ
แต่หลายคนคิดว่าเป็นหน้าที่ค่ะ เพราะพระบัญญัติกำหนดไว้ ลองไม่กำหนดสิคะ แล้วจะได้เห็นอะไรดีๆ อิ อิBatholomew เขียน:สำหรับผมกลับมองว่าไม่ได้เป็นหน้าที่นะครับ แต่ให้มองเป็นว่าเรากลับมาหาพระบิดาของเราครับAndreas เขียน: เราลองมาคิดถึงวัตถุประสงค์ของการมาวัดในวันอาทิตย์ดูสิว่ามีอะไรบ้าง
เหมือนบางวัดไงคะพี่ หนูเคยเห็นพ่อบอกว่า เอาล่ะ วันนี้พ่อขอให้พี่น้องมอบสันติสุขอย่างดี ยิ้มแย้ม และตระหนักถึงคุณค่า ฯลฯ ดูสิคะ แค่มอบสันติสุข ชื่อก็บอกแล้วว่าให้ทำอะไร ต้องให้พ่อมาบอก แล้วที่เห็นๆก็ไม่เห็นจะสันติสุขตรงไหนเลย ที่ทำๆกันเหมือนฝืนใจทำอย่างไรก็ไม่รู้ค่ะ พอไหว้จบ ไม่รู้ว่าไหว้ใครบ้าง เพราะไหวด้วยอัตราเร็วสูง พรวดเดียวรอบสี่ทิศ อิ อิ แค่นี้ก็เห็นแล้วค่ะว่าพวกเขาเห็นคุณค่าของมิสซาหรือไม่น่ะค่ะ~@Little lamb@~ เขียน: มันต้องให้พ่อเตือนก่อนมิสซา
ทุกครั้งงัย จะไดเร้สึกตัว
สอนเหมือนเด็ก ๆ ย้ำ ๆ เข้าไป
เดี๋ยวก็จะเริ่มชินและทำเป็นกิจวัตรเอง เราว่านะ
แต่สำคัญคือ พ่อต้องเน้นย้ำก่อนเริ่มมิสซาทุกครั้ง
เหมือนขอความร่วมมือ
หนูนึกถึงนักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ค่ะ ท่านกล่าวกับสัตบุรุษด้วยน้ำเสียงร้องขอวิงวอน พี่น้อง นรกมีจริงนะ พี่น้อง เชื่อพ่อเถิด มนุษย์ทั้งหลายใจด้านชามาแต่โบราณแล้วล่ะค่ะ เหอะ เหอะBuddy เขียน: พ่อคงไม่กล้าพูดอะไรมาก อย่างพี่มินนี่ว่า มันอุตว่าห์มาก็ดีเท่าไหร่แล้ว
มีคนบอกว่า ถ้าจะเปลี่ยนใครให้เริ่มที่ตัวเองก่อน เริ่มจากการยอมรับเค้าและก็ไม่ upset มาก ขอแนะนำให้มีหน้าม้าแบบไม่น่าเกลียด ::013:: อาจเป็นนักร้องขับ ที่มีไมค์จ่อปาก พอมีต้นเสียงเพราะๆ เสียงดัง คนก็มีอารมณ์ร่วม คุึณพ่อก็มีกำลังใจ ยิ่งตอนไหนที่ต้องพูดยาวๆอย่างบทแสดงความเชื่อ ยิ่งต้องมีต้นเสียง และก็พยายามหาดนตรีเยอะๆ ข้าแต่พระบิดา ร้องเป็นเพลงได้ก็ร้อง
สมัยนี้คนทำงานเครียดเยอะ มาวัดก็ต้อง facilitate เค้าเยอะหน่อย อย่าให้เค้าเครียดมาก คนเราพออารมณ์แจ่มใส ก็เปิดใจได้มากขึ้น : emo038 : เมื่อเค้าได้สัมผัสพระ เค้าก็จะมีใจร่วมเอง : emo045 :
แนะนำให้ไปดูมิสซารอบ 11 โมงที่มหาไถ่นะคะ บางทีนักร้องนำมีำไม่กี่คน แต่มีพลังเหมือนมีหลายคน : emo027 :
หนูคิดว่า ถ้าเขาไม่เชื่อไม่ตระหนัก พ่อพูดจนเสียงหายเป็นใบ้ไปอย่างเศคาริยาห์ก็เหมือนเดิมค่ะ เชื่อหนูดิ
-
- โพสต์: 141
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 03, 2006 12:17 pm
ผมว่านะฮับ...
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความใกล้ชิด และความรัก ที่มีให้แก่กันน้อยเกินไปฮับ
เรามองดูเหมือนว่า สัตบุรุษที่มาวัดเขามาเป็นหน้าที่ เขาไม่มีหัวใจให้กับวัด ให้กับพระ
แต่จริง ๆ แล้ว ทุกคนในวัดยังมีหัวใจให้แก่กันน้อยเกินไปฮับ
มีบางวัด เจ้าวัดเขามาทักทายสัตบุรุษด้านหน้าทั้งก่อนมิสซาและหลังมิสซา อย่างเป็นกันเอง
ให้สภาอภิบาลทักทายคนที่มาวัด แนะนำให้คนนั้นรู้จักคนนี้ คนนี้รู้จักคนนั้น
ตั้งมุมกาแฟ แจกฟรีหลังมิสซา ...และอะไรอีกหลายอย่าง
เพื่อให้สัตบุรุษคุ้นเคยกัน ทำอย่างนี้ไปสักพัก ก็เห็นสถานะการณ์ดีขึ้นฮับ สัตบุรุษร่วมมือกับวัดมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้น
และที่สำคัญคือ....หลายคนบอกอยากมาวัด (รวมถึงผมด้วยฮับ...ฮิฮิ)
แต่ไปทราบข้อมูลจากพ่อเจ้าวัดว่า....เบื้องหลังคือ ต้องสวดภาวนาอย่างมาก เพราะสิ่งที่เห็น คือ ภายนอกที่เฉื่อยชา
แต่ภายในก็คือปิศาจมันทำงานได้ผล ถ้าเราไปว่าสัตบุรุษอีก เราก็กำลังใช้วิธีการของมันเช่นเดียวกัน....
ให้เราใช้วิธีการของพระ "อย่าว่า...แต่จงรัก และสวดให้เขา"
และกำชับสภาอภิบาลว่า อย่าไปว่าพวกสัตบุรุษเขา เพราะทุกคนคือลูกแกะของพระเจ้า เราต่างหากที่ยังรักเขาไม่พอ
โห...ซาบซึ้งเลยฮับ
และในเมกา ส่วนใหญ่สัตบุรุษจะตอบรับกันดี (เท่าที่เห็น...) แต่ถ้าไม่ค่อยตอบ ก็ต้องหาต้นเสียงละฮับ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความใกล้ชิด และความรัก ที่มีให้แก่กันน้อยเกินไปฮับ
เรามองดูเหมือนว่า สัตบุรุษที่มาวัดเขามาเป็นหน้าที่ เขาไม่มีหัวใจให้กับวัด ให้กับพระ
แต่จริง ๆ แล้ว ทุกคนในวัดยังมีหัวใจให้แก่กันน้อยเกินไปฮับ
มีบางวัด เจ้าวัดเขามาทักทายสัตบุรุษด้านหน้าทั้งก่อนมิสซาและหลังมิสซา อย่างเป็นกันเอง
ให้สภาอภิบาลทักทายคนที่มาวัด แนะนำให้คนนั้นรู้จักคนนี้ คนนี้รู้จักคนนั้น
ตั้งมุมกาแฟ แจกฟรีหลังมิสซา ...และอะไรอีกหลายอย่าง
เพื่อให้สัตบุรุษคุ้นเคยกัน ทำอย่างนี้ไปสักพัก ก็เห็นสถานะการณ์ดีขึ้นฮับ สัตบุรุษร่วมมือกับวัดมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้น
และที่สำคัญคือ....หลายคนบอกอยากมาวัด (รวมถึงผมด้วยฮับ...ฮิฮิ)
แต่ไปทราบข้อมูลจากพ่อเจ้าวัดว่า....เบื้องหลังคือ ต้องสวดภาวนาอย่างมาก เพราะสิ่งที่เห็น คือ ภายนอกที่เฉื่อยชา
แต่ภายในก็คือปิศาจมันทำงานได้ผล ถ้าเราไปว่าสัตบุรุษอีก เราก็กำลังใช้วิธีการของมันเช่นเดียวกัน....
ให้เราใช้วิธีการของพระ "อย่าว่า...แต่จงรัก และสวดให้เขา"
และกำชับสภาอภิบาลว่า อย่าไปว่าพวกสัตบุรุษเขา เพราะทุกคนคือลูกแกะของพระเจ้า เราต่างหากที่ยังรักเขาไม่พอ
โห...ซาบซึ้งเลยฮับ
และในเมกา ส่วนใหญ่สัตบุรุษจะตอบรับกันดี (เท่าที่เห็น...) แต่ถ้าไม่ค่อยตอบ ก็ต้องหาต้นเสียงละฮับ
สำหรับผม เท่าที่ได้เข้าโบสถ์คริสเตียนมาสองสามที่
บางที่ก็จะเห็นพี่น้องนมัสการพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ
บางที่ก็จะดูเรียบ ๆ เฉย ๆ ไม่ออกท่าออกทางมาก
แต่คิดว่าทุกท่านที่ไป คงตั้งใจที่จะร่วมเข้าเฝ้าพระเจ้าในวันสะบาโตของเราครับ
สำหรับผมแล้ว ผมจะนมัสการอย่างสุดใจของผมเสมอครับ
บางที่ก็จะเห็นพี่น้องนมัสการพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ
บางที่ก็จะดูเรียบ ๆ เฉย ๆ ไม่ออกท่าออกทางมาก
แต่คิดว่าทุกท่านที่ไป คงตั้งใจที่จะร่วมเข้าเฝ้าพระเจ้าในวันสะบาโตของเราครับ
สำหรับผมแล้ว ผมจะนมัสการอย่างสุดใจของผมเสมอครับ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
คงต้องทำใจอ่ะนะ พี่ว่า เรื่องนี้ต่างจิตต่างใจ การตอบรับก็มักจะได้ยินแต่ผู้นำกล่าวเท่านั้น ยิ่งเรื่องเพลงพึ่งโดนผู้อำนวยการวัดตำหนิมาว่า ได้ยินแต่เสียงนักร้องแค่ 2 คน อยากจะย้อนเหลือเกินว่า ทำไมถึงไม่กันร้องหล่ะ ใครจะไปบังคับปากใครได้ ในเมื่อคุณไม่อยากจะตอบรับ ไม่อยากจะร้องเพลงถวายแด่พระองค์ บางทีพวกผู้ใหญ่มักลืมมองตัวเอง กับสภาพแวดล้อมรอบข้างอ่ะ แล้วมาโทษชาวบ้านดูเหมือนจะดีกว่าโทษตัวเองมั๊ง จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้บอกมาก ก็ไม่ฟัง สั่งมากก็ไม่ดี คงอยู่ที่สามัญสำนึกของแต่ละคนหล่ะนะว่าจะทำอย่างไรกับตัวเอง
อยากเรื่องเพลงบางทีก็เอาใจไม่ถูก เลือกให้เข้ากับบทอ่าน แต่เป็นเพลงใหม่สำหรับที่วัด แต่โค-ตะ-ระ เก่า สุดๆ สำหรับที่อื่น ก็ยังปากเสียมาติจนได้ นอกจากไม่คิดจะร้องร่วมกันแล้ว ก็ยังหาเรื่องจับผิดอีก เฮ้อ...........
ปล.อยากให้ผู้อำนวยการวัดเข้ามาอ่านจัง อิๆๆๆๆๆ
อยากเรื่องเพลงบางทีก็เอาใจไม่ถูก เลือกให้เข้ากับบทอ่าน แต่เป็นเพลงใหม่สำหรับที่วัด แต่โค-ตะ-ระ เก่า สุดๆ สำหรับที่อื่น ก็ยังปากเสียมาติจนได้ นอกจากไม่คิดจะร้องร่วมกันแล้ว ก็ยังหาเรื่องจับผิดอีก เฮ้อ...........
ปล.อยากให้ผู้อำนวยการวัดเข้ามาอ่านจัง อิๆๆๆๆๆ
พูดยากเหมือนกันนะ ผมเคยไปวัดหนึ่งคุณพ่อท่านก็บอกแล้วว่าช่วยกันสร้างบรรยากาศหน่อยแต่ก็เงียบ เงียบจนวังเวง แต่อีกวัดเป็นวัดน้อยคนก็ไม่เยอะ แต่ก็เห็นพร้อมเพรียงกันดี ยังมีอีกประเภท มาถึงพ่อก็เทศน์เกือบจบแล้วพอรับศีลเสร็จก็ชาแว้บบบบ หายวับไปกับตา มิซซาจบเหลือไม่กี่คน ที่วัดแห่งหนึ่งตอนเริ่มมิซซามีโหรงเหรงแต่พอเริ่มเดชะพระนาม ไม่รู้ใครไปจุดธูปเชิญมากันเพียบ แต่ก็อย่างว่าพอรับศีลเสร็จหาย เฮ้อ สนิมเกิดแน่เนื้อในตัว
เรื่องเพลงก็เห็นใจคนเลือกเพลงนะ ผมว่าอันไหนร้องได้ก็ร้องไป อันไหนร้องไม่ได้ก็ดำน้ำไปก้หมดเรื่อง
เรื่องเพลงก็เห็นใจคนเลือกเพลงนะ ผมว่าอันไหนร้องได้ก็ร้องไป อันไหนร้องไม่ได้ก็ดำน้ำไปก้หมดเรื่อง
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
mind เขียน: เจ๊ฟิม ถือโอกาสมั่วระบายใหญ่เลย
ว่าแล้วต้องมีคนบอกว่ามั่ว เหอๆๆๆ ตั้งใจย่ะเผื่อเข้ามาอ่านสะดุดกับหัวข้อ จะได้เข้าใจชาวบ้านเขาบ้าง
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พี่เพชร หรือเจ๊ฟีม โบสถ์คริสตัง เขาเปิดให้ร้องเพลงได้มากน้อยแค่ไหนล่ะ
โบสถ์พวกหนู นำเพลงหลายๆรูปแบบ คือเราอาจจะไม่ติดกับรูปแบบ เท่ากับคริสตัง เช่นเรา
มีโบสถ์หลายแบบ เช่นตัวอย่างโบสถ์สะพานเหลือง ในเวลา เดียวกันจะมี 4 โบสถ์พร้อมกัน
คือโบสถ์เด็กเล็กๆ โบสถ์ เยาวชน โบสถ์ อนุชน และโบสถ์ผู้ใหญ่ การนมัสการ และรูปแบบจะไม่เหมือนกัน
เช่นกับเด็กๆ มีเพลงสั้นๆง่ายๆกว่า โบสถ์ผู้ใหญ่ ใช้เพลง ฮิม และเทศนายากๆ หน่อย
โบสถ์พวกหนู นำเพลงหลายๆรูปแบบ คือเราอาจจะไม่ติดกับรูปแบบ เท่ากับคริสตัง เช่นเรา
มีโบสถ์หลายแบบ เช่นตัวอย่างโบสถ์สะพานเหลือง ในเวลา เดียวกันจะมี 4 โบสถ์พร้อมกัน
คือโบสถ์เด็กเล็กๆ โบสถ์ เยาวชน โบสถ์ อนุชน และโบสถ์ผู้ใหญ่ การนมัสการ และรูปแบบจะไม่เหมือนกัน
เช่นกับเด็กๆ มีเพลงสั้นๆง่ายๆกว่า โบสถ์ผู้ใหญ่ ใช้เพลง ฮิม และเทศนายากๆ หน่อย
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Jeab Agape เขียน:
พี่เพชร หรือเจ๊ฟีม โบสถ์คริสตัง เขาเปิดให้ร้องเพลงได้มากน้อยแค่ไหนล่ะ
โบสถ์พวกหนู นำเพลงหลายๆรูปแบบ คือเราอาจจะไม่ติดกับรูปแบบ เท่ากับคริสตัง เช่นเรา
มีโบสถ์หลายแบบ เช่นตัวอย่างโบสถ์สะพานเหลือง ในเวลา เดียวกันจะมี 4 โบสถ์พร้อมกัน
คือโบสถ์เด็กเล็กๆ โบสถ์ เยาวชน โบสถ์ อนุชน และโบสถ์ผู้ใหญ่ การนมัสการ และรูปแบบจะไม่เหมือนกัน
เช่นกับเด็กๆ มีเพลงสั้นๆง่ายๆกว่า โบสถ์ผู้ใหญ่ ใช้เพลง ฮิม และเทศนายากๆ หน่อย
วัดอื่นไม่ทราบ แต่ของวัดพี่เป็นแบบที่บอก เอาใจยากคนนั้นอยากได้อย่างโน้น คนนี้จะเอาแบบนี้ สุดท้ายมือไม่พาย แต่แกว่งปากหา----- ต่อเอาเอง
พ่อเทศน์ นั่งอ่านอุดมศารน์ คุยกัน ออกไปคุยนอกวัด
อุ้มลูกเดิน นอกวัด
พ่อเทศน์ให้ใครฟังหว่า หรือว่า เทพนิกร นักบุณ เทวดา มาฟังพ่อเทศน์
อุ้มลูกเดิน นอกวัด
พ่อเทศน์ให้ใครฟังหว่า หรือว่า เทพนิกร นักบุณ เทวดา มาฟังพ่อเทศน์
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
โห ถ้าเป็นถึงขนาดนี้ ก็ไม่เป็นอันฟังมิสซากันSuchan เขียน: มีสมุดบันทึกแต้มการเข้าร่วมมิสซา สัตบุรุษคนไหนเข้าร่วมจนจบก็จะมีแต้มให้
เมื่อสะสมได้แต้มตามที่กำหนด ก็จะมีการนำแต้มมาแลกรางวัล เช่น ทีวีสี, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า,ไมโครเวฟ ฯลฯ
ผมก็สังเกตเห็นนะครับ แต่ว่าใครอ่ะครับจะบอกเค้าได้ นอกจากตัวเค้าเองอ่ะครับ
เรื่องเพลงนี่ ที่เค้าไม่ร้อง บางทีเค้าอาจร้องไม่เป็นนะคะ อย่างที่มหาไถ่รอบ 11 โมง เค้าก็จะมีวิธีนำให้คนร้อง ก็ไม่รู้เหมาะกับวัฒนธรรมไทยรึเปล่า
แต่จากที่เจ๊ฟิมเล่า ก็ไม่เห็นด้วยที่จะมาโทษกันแบบนี้ ที่จริงต้องช่วยกันสวดเยอะๆมากกว่า
แต่จากที่เจ๊ฟิมเล่า ก็ไม่เห็นด้วยที่จะมาโทษกันแบบนี้ ที่จริงต้องช่วยกันสวดเยอะๆมากกว่า
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
อืมม์.. เราคงบังคับใจใครไม่ได้คะ เมื่อไม่อยากร้อง ไม่อยากตอบรับ แสดงว่คุณมาวัดเพราะกลัวบาปก็แค่นั้นเอง เมื่อเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ เราก็พยายามทำตัวเราให้ดีขึ้นกว่าเก่าน่าจะดีกว่านะพี่ว่า
ไอ้เรื่องคำติของผู้ใหญ่วัดพี่ตอนแรกก็น้อยใจเหมือนกัน แต่มานึกๆ ดู เออ...ไม่ได้ร้องให้เอ็งฟังนี่หว่า ร้องสรรเสริญพระ ก็เลยฮึดสู้ต่อไป แบบเอ็งว่าข้าก็ไม่สนอะไรประมาณนี้อ่ะ
ไอ้เรื่องคำติของผู้ใหญ่วัดพี่ตอนแรกก็น้อยใจเหมือนกัน แต่มานึกๆ ดู เออ...ไม่ได้ร้องให้เอ็งฟังนี่หว่า ร้องสรรเสริญพระ ก็เลยฮึดสู้ต่อไป แบบเอ็งว่าข้าก็ไม่สนอะไรประมาณนี้อ่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
จริงครับ เห็นด้วยกับพี่ฟิมครับ เปลี่ยนตัวเราเองดีกว่า
- BARKER BARBER
- โพสต์: 226
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 24, 2005 8:34 pm
- ที่อยู่: XAVIER HALL / PRISONMINISTRY
ที่พูดถึงนี่ คงจะเป็นวัดที่ผมไปเป็นประจำแน่เลย งือๆ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Batholomew เขียน: จริงครับ เห็นด้วยกับพี่ฟิมครับ เปลี่ยนตัวเราเองดีกว่า
แหมๆๆนาน..น๊าน จะเห็นด้วยกับพี่ซะที
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ผมอ่ะเห็นด้วยกะพี่ตลอดอ่ะ:+: seraphim :+: เขียน:Batholomew เขียน: จริงครับ เห็นด้วยกับพี่ฟิมครับ เปลี่ยนตัวเราเองดีกว่า
แหมๆๆนาน..น๊าน จะเห็นด้วยกับพี่ซะที
เชื่อป่าว