ทูตสวรรค์ VS มนุษย์ในฐานะบุตรของพระเจ้า

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
loveoh1728
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ธ.ค. 26, 2006 4:20 am

พฤหัสฯ. ม.ค. 11, 2007 10:13 pm

เกิดความสงสัยใคร่อยากรู้
พระเจ้าสร้างทูตสวรรค์ก่อนเพื่อรับใช้พระองค์ช่วยงานพระองค์ หลังจากนั้นพระเจ้าค่อยมาสร้างมนุษย์คู่แรกในฐานะบุตรของพระเจ้า

มนุษย์ตายไปก็ไปเป้นบุตรของพระเจ้าบนสวรรค์
แล้วทูตสวรรค์ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยุ่เช่นเดิม มารับใช้เราในฐานะบุตรของพระองค์อีก

ทำไมเราจึงต้องได้ฐานะนี้ ทำไมไม่เป็นทูตสวรรค์ที่ได้ สร้างทูตสวรรค์ก่อน แต่มาให้สิทธิ์ มนุษย์เป็นบุตร
น่าสงสารทุตสวรรค์ออก

แล้วยุติธรรมกับทูตสวรรคืไหมครับพระเจ้าทำแบบนี้

ลูซิเฟอร์มันถึงอยากเป้นพระเจ้าเสียเอง ก็เพราะไม่อยากเป้นคนรับใช้นิรันดร์

ผมถามก็เพราะรู้สึกไม่ยุติธรรมกับทูตสวรรค์เท่าไหร่น่ะครับ พอมีคำตอบให้ผมกระจ่างใจไหมครับ

หรือคำถามแบบนี้ต้องไปรอถามต่อหน้าพระเจ้าเท่านั้น
มนุษย์หาคำตอบได้หรือยังครับ ถ้าได้แล้วใครพอทราบ ช่วยกรุณาบอกหน่อยครับจักเป็นพระคุณยิ่ง

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นครับ..
อาเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ม.ค. 11, 2007 10:25 pm

..งั้น การที่ พระเจ้า สร้างสุนัข มาเป็น สัตว์เลี้ยงเรานี่ เป็นความไม่ยุติธรรมรึเปล่าครับ :huh:


...ในมุมมอง ของคาทอลิค แล้ว ทูตสวรรค์ ไม่ใช่แค่ข้ารับใช้ครับ


แต่คือ "เพื่อน" ในฐานะสิ่งสร้างด้วยกัน

ในเรื่องที่ เราเป็น บุตรพระเจ้านั้น นั้นคือ ความเห็นชอบโดยพระเจ้าเอง : xemo026 :

ทุกรูปแบบ ของ สิ่งสร้าง ไม่ว่า ต้นไม้/สัตว์ หรือ ทูตสวรรค์ และมนุษย์ ก็ล้วน มีความเหมาะสม

เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเห็นว่าดีแล้ว (ปฐมกาลบทที่1) ::017::
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 10:25 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 3:59 am

วันดีคืนดีผมจะมาอธิบายพระคัมภีร์ที่ทำให้เกิดแนวคิดเทววิทยาอันนี้ และเหตุใดคำสอนทำนองนี้จึงเกิดมีขึ้น

สำหรับผม ถ้าผมได้ไปสวรรค์ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่คิดไปอวดเบ่งกับทูตสวรรค์ที่มาอยู่ก่อนหรอกครับ

ปล.ขอบคุณการเข้าเงียบที่นำพาให้ได้เข้าใจเรื่องปัญหาทูตสวรรค์กับบุตรมนุษย์ในจดหมายนักบุญเปาโล
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 8:03 am

รออ่านนะครับพี่ Holy ::014::
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 8:10 am

Holy เขียน: วันดีคืนดีผมจะมาอธิบายพระคัมภีร์ที่ทำให้เกิดแนวคิดเทววิทยาอันนี้ และเหตุใดคำสอนทำนองนี้จึงเกิดมีขึ้น

สำหรับผม ถ้าผมได้ไปสวรรค์ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่คิดไปอวดเบ่งกับทูตสวรรค์ที่มาอยู่ก่อนหรอกครับ

ปล.ขอบคุณการเข้าเงียบที่นำพาให้ได้เข้าใจเรื่องปัญหาทูตสวรรค์กับบุตรมนุษย์ในจดหมายนักบุญเปาโล
รอลุ้นด้วยใจระทึกยิ่ง
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 10:09 am

::001:: มารอด้วยคนจ๊ะ
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 10:20 am

ขออนุญาตในอีกมุมมองที่แตกต่างออกไปนะครับ(ในระหว่างรอคุณHoly)
.............ถ้าว่ากันตรงๆเรื่องจิตวิญญาณโดยเฉพาะแล้ว เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนทีเดียว กล่าวคือ จขกท จะเข้าใจได้มากขึ้น ก็ต่อเมื่อ ท่านคิดในหลายแง่มิได้ใช้มุมมองปกติมองอย่างเดียว
.............ด้วยเหตุว่าความเป็นทูตสวรรค์นั้นต่างจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง เพราะทูตสวรรค์คือพระอานุภาพของพระบิดาเจ้าอย่างใดอย่างหนึ่งสถิตอยู่ในดวงจิต(มีความแนบแน่นสัมพันธ์,พระเจ้าทรงสถิตย์และจำเริญอยู่กับท่านเหล่านั้นภายใน) เช่น พระอานุภาพแห่งการบรรเทา(ราฟาแอล) พระอานุภาพแห่งการสื่อสาร(กาเบรียล) พระอานุภาพแห่งพระปรีชาญาน(เชรูบิม) พระอานุภาพแห่งเปลวเพลิง(อูรีเอล).....และอานุภาพแห่งเหล่าเทวทูตที่ว่านั้น ก็หาได้เป็นอานุภาพของเทวทูตเองไม่ หากแต่เป็นพลังอำนาจแห่งพระบิดาเจ้า(อันเร้นลับ) ที่ทรงมีพระทัยการุนย์ ให้"เทวทูตเหล่านั้น" สนองงานตามพระประสงค์(ทันทีทันใด-ฉับไวเท่าคิด) และสายดวงจิตที่เชื่อมต่อกันแห่งเหล่าเทวทูตจะไล่จากความเข้มข้นแห่งแสง(Supernals,Seraphim)มากลงมาความเข้มข้นแห่งแสงน้อย(angel) เพื่อให้"สภาพมนุษย์ที่กอปรไปด้วยบาป"รับไหว การที่เราจะมองว่า"พระบิดาเจ้าทรงสร้างเหล่าเทวดานี้เพื่อรับใช้ช่วยงานพระองค์นั้น" คงไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะเหตุว่า เป็นการมองอย่างมนุษย์ที่อิงกับหลักการพลีและรับใช้บูชา ต้องมองให้ลึกลง ไปว่าทำไมต้องช่วยทั้งที่พระบิดาเจ้าทรงกระทำได้ทุกสิ่งอันในโลก เหตุใดต้องรับใช้ในเมื่อพระบิดาเจ้ามิได้ต้องการสร้าง"อะไรสักอย่างเพื่อรับใช้" เหตุผลหนึ่งในหลายข้อคือ พระบิดาเจ้ามีพระประสงค์ให้ "พระอานุภาพแห่งพระองค์"เป็นที่เข้าใจสำหรับมนุษย์มากขึ้น และการรับใช้เป็นไปโดย"เทวดาเอง"ที่ถ่อมองค์ลง เพื่อทำคารวะกิจแด่ "พระผู้เป็นแสงแห่งแสง"
.............ส่วนเรื่องของ Lucifer,Satan,Samael ที่มักอนุโลมเรียกรวมกันว่า"Lucifer(หัวหน้ากบฏ)"นั้น ในจุดนั้นเขาไม่ได้คิดว่า"พระเจ้าไม่ยุติธรรม"กับเขานะ เขาเพียงมีความ"โอหัง"จะยึดครองสวรรค์เสียเอง หมายจะทำการปกครองเสียใหม่(อย่างเข้มงวด-ไร้เมตตา) แต่ยอมรับว่า มีเทวดาที่ไม่ชอบ"มนุษย์" เพราะว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าทรงรักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัญลักษณ์สูงสุดของความรัก คือ การส่งพระเอกบุตรเยซูคริสต์ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์(ที่อยู่ในสภาพมนุษย์) ......... ความไม่อยากรับใช้นิรันดร์คงไม่ใช่สิ่งที่ Lucifer คิด เขาอยากจัดระเบียบโลกใหม่ก็เท่านั้น(หากเราคิดอย่างมนุษย์ ความไม่อยากรับใช้อาจจะมาก่อน แล้วตามด้วยการหาเหตุผลคือ อยากจัดระเบียบโลกใหม่ ซึ่งในเทวดา Lucifer เองก็เป็นเทวทูตชั้นเชรูบิมผู้รุ่งเรืองด้วยแสงสว่างคือพระปัญญาญาณ ด้วยปัญญานี้จึงเกิดความยึดถือใน"ปัญญา"เป็นเบื้องต้น)
..........ผมไม่รู้ว่าตอบคำถามคุณกระจ่างหรือเปล่า(เพราะพยายามสรุปให้มันรวบรัด) กล่าวคือ ทูตสวรรค์ทั้งหลายไม่คิดกันเรื่อง"ความยุติธรรม"เพราะท่านเหล่านั้นมีพระเป็นเจ้าจำเริญอยู่เป็นนิตย์(เหมือนว่าเป็นหนึ่งกับพระเจ้า)การมองแบบ คนนี้"พระเจ้า" คนนั้น"ทูตสวรรค์" ไอ้นี่"มนุษย์" อาจทำให้เราคิดถึงความยุติธรรมได้(แบบที่คุณถาม) แต่แท้จริงทูตสวรรค์เป็นสับเซต(Subset)ของพระเจ้า แยกกันไม่ได้(ในแง่จิตวิญญาณ) แต่มนุษย์มีความพิเศษกว่าคือจะ สามารถจำเริญในพระเป็นเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อ ร้อนรนจะไปยังหนทางนั้น(เปรียบเหมือน ยังไม่อยู่ในหนทางตั้งแต่แรก แต่ร้อนรนที่จะกลับไปในหนทางนั้น)......สำหรับทูตสวรรค์แล้วเขาเป็นผู้อยู่บนหนทางนั้นแต่เริ่ม
.........และโดยมาก เราทั้งหลาย(มนุษย์+ทูตสวรรค์) ควรรีบเร่งที่จะ"ถ่อมตน,ถ่อมใจ"ลงเสมอ เมื่อเราทั้งหลายถ่อมตนเองลง เราทั้งหลายมุ่งแต่จะถ่อมตนเองลงมากขึ้น "ความเหลื่อมล้ำสาเหตุแห่งอยุติธรรม" จะไม่ปรากฎเพราะทุกท่านไม่ได้มองที่ "ใครควรได้เช่นนั้นเช่นนี้" แต่เรามองไปว่า"เราไม่สมควรได้เช่นนั้นเช่นนี้เลย"
........บางครั้งเราควรคำนึงด้วยพื้นฐานของนามธรรมที่ดีว่า สิ่งที่เขียนไม่ใช่สิ่งที่แสดงตามนั้น หากแต่ท่านต้องสัมผัสด้วยใจ พยายามหาเวลาอยู่เงียบๆสงบใจ ภาวนา ฟังเสียงพระจิตเจ้า และสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเรา(ผ่านเทวทูตแห่งเสียง)เราจะได้ข้อสรุปที่ชอบธรรมสมเหตุสมผล กลมกลืนและเป็นสากลมากขึ้น(สำหรับยุคนี้)
ปล.สำหรับการตอบของคุณ Holy ขอเป็นอีกหนึ่งที่รอด้วยใจระทึกยิ่ง
พระเจ้าอวยพร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Stephen
โพสต์: 117
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 07, 2006 2:07 pm

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 2:41 pm

"เราขอบอกความจริงแก่ท่านว่าทั่งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับใจเป็นเหมือนดังเด็กเล็กๆ
ท่านจะเข้าอาณาจักรแห่งสวรรค์ไม่ได้เลย"มธ:18

ก็ทูตสวรรค์เขาเกิดความหยิ่งยโสโอหัง ก็เลยตกลงมาเองนะครับ
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 4:05 pm

Holy เขียน:
สำหรับผม ถ้าผมได้ไปสวรรค์ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่คิดไปอวดเบ่งกับทูตสวรรค์ที่มาอยู่ก่อนหรอกครับ
ขอเล่าประวัติศาสตร์ให้คิดเล่นๆนะจ๊ะ
เมื่อสมัย ร.6 ท่านมีพระธิดาองค์เดียวคือ เจ้าฟ้าหญิงเพชรรัตน์ราชสุดาฯ
ต่อมาเมื่อ ร.7 ขึ้นครองราชย์ และอภิเษกสมรสกับ หม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี
ได้รับพระอิสริยยศเป็น พระนางเจ้ารำไพพรรณี พระราชินี นับเป็นหมายเลขหนึ่งของฝ่ายใน
คนต่างซุบซิบกันว่า เมื่อทั้งสองพระองค์พบกัน ใครจะไหว้ใครก่อน
ระหว่าง พระธิดาของกษัตริย์ และ พระราชินีองค์ใหม่
และวันนั้นก็มาถึง
ทั้งสองพระองค์ต่างทรุดองค์ลงและกราบพร้อมกัน
The End
warlock
โพสต์: 642
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 20, 2006 3:37 am

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 4:25 pm

::011:: ::011:: ::011::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 6:38 pm

Phulasso เขียน:
Holy เขียน:
สำหรับผม ถ้าผมได้ไปสวรรค์ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่คิดไปอวดเบ่งกับทูตสวรรค์ที่มาอยู่ก่อนหรอกครับ
ขอเล่าประวัติศาสตร์ให้คิดเล่นๆนะจ๊ะ
เมื่อสมัย ร.6 ท่านมีพระธิดาองค์เดียวคือ เจ้าฟ้าหญิงเพชรรัตน์ราชสุดาฯ
ต่อมาเมื่อ ร.7 ขึ้นครองราชย์ และอภิเษกสมรสกับ หม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี
ได้รับพระอิสริยยศเป็น พระนางเจ้ารำไพพรรณี พระราชินี นับเป็นหมายเลขหนึ่งของฝ่ายใน
คนต่างซุบซิบกันว่า เมื่อทั้งสองพระองค์พบกัน ใครจะไหว้ใครก่อน
ระหว่าง พระธิดาของกษัตริย์ และ พระราชินีองค์ใหม่
และวันนั้นก็มาถึง
ทั้งสองพระองค์ต่างทรุดองค์ลงและกราบพร้อมกัน
The End
สมแล้วที่เป็นขัตติยะนารีกันทั้งสองพระองค์นะครับ
รู้กาลเทศะกันทั้งพระองค์เลย
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 11:01 pm

Phulasso เขียน:
Holy เขียน:
สำหรับผม ถ้าผมได้ไปสวรรค์ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่คิดไปอวดเบ่งกับทูตสวรรค์ที่มาอยู่ก่อนหรอกครับ
ขอเล่าประวัติศาสตร์ให้คิดเล่นๆนะจ๊ะ
เมื่อสมัย ร.6 ท่านมีพระธิดาองค์เดียวคือ เจ้าฟ้าหญิงเพชรรัตน์ราชสุดาฯ
ต่อมาเมื่อ ร.7 ขึ้นครองราชย์ และอภิเษกสมรสกับ หม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี
ได้รับพระอิสริยยศเป็น พระนางเจ้ารำไพพรรณี พระราชินี นับเป็นหมายเลขหนึ่งของฝ่ายใน
คนต่างซุบซิบกันว่า เมื่อทั้งสองพระองค์พบกัน ใครจะไหว้ใครก่อน
ระหว่าง พระธิดาของกษัตริย์ และ พระราชินีองค์ใหม่
และวันนั้นก็มาถึง
ทั้งสองพระองค์ต่างทรุดองค์ลงและกราบพร้อมกัน
The End
ว้าวววววววว ท่านทั้งสองทรงมีความถ่อมตนดีมาก ๆ เลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 2:57 am

อ่านเอาจากกระทู้นี้นะครับ

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5261.0
ตอบกลับโพส