†ทูตสวรรค์และพระเยซูเจ้า กับการโต้วาทีทางความเชื่อของ น.เปาโ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 2:46 am

ทูตสวรรค์และพระเยซูเจ้า กับการโต้วาทีทางความเชื่อของ น.เปาโล


เราคริสตชนคงเคยได้ยินความเชื่อง่ายๆที่ว่าทุตสวรรค์นั้นเป็นเพียงผู้รับใช้พระเจ้า และพระเยซูเจ้าคือพระบุตร และยิ่งเมื่อพระองค์มาบังเกิดเป็นมนุษย์แล้วยิ่งยกฐานะมนุษย์ทุกคนเป็นบุตรพระเจ้า ซึ่งดูไปแล้วเหมือนจะใหญ่กว่าทูตสวรรค์ซะอีกนี่นะ ข้อความเชื่อนี้มาจากไหนกัน

ถ้าถามว่าข้อความเชื่อแบบที่สอนบทบาทมนุษย์ว่าเป็นบุตรพระเจ้าที่เหมือนจะตำแหน่งดีกว่าผู้รับใช้อย่างทูตสวรรค์ เราคงหาไม่เจอในพระธรรมเก่าแน่ๆ และแม้แต่ในพระวารสารทั้ง 4 ก็ยังไม่โดดเด่นเห็นชัดนอกจากในการรับใช้พระเยซูเจ้าเท่านั้น แต่พอเรามาเจอข้อความในจดหมายนักบุญเปาโล เรากลับต้องประหลาดใจที่มันเต็มไปด้วยข้อความที่ Discerdit ทูตสวรรค์เต็มไปหมด แถมโผล่มาต้นจดหมายกันเลยทีเดียว ดังนั้น เราอนุมานได้ในเบื้องต้นว่า ข้อเทววิทยาอันนี้ เติบโตสุดๆโดยจดหมายของนักบุญเปาโลนั่นเอง แต่ก่อนที่เราจะรียนรู้เรื่องพวกนี้ ผมคิดว่าเราควร เรียนรู้พื้นฐานที่มีมาก่อนหน้านี้ก่อนจึงจะเข้าใจเรื่องนี้ให้ลึกซึ้งขึ้นได้

รูปภาพ

ทูตสวรรค์ในพระธรรมเก่า-ทูตสวรรค์คือผู้แทนพระเจ้า-ทูตสวรรค์คือบุตรพระเจ้า

ในพระธรรมเดิมนั้น หากเราอ่านดูเราจะพบความจริงอันหนึ่งว่า จากสมัยอาดัมเอวามาจนถึงก่อนอับราฮัม พระเจ้าทรงดูเหมือนตรัสกับมนุษย์เอง แต่ตั้งแต่อับราฮัมเป็นต้นมาทรงตรัสผ่านทูตสวรรค์ซึ่งเมื่อมาแล้ว ให้สัมผัสเหมือนว่าพระเจ้ามาเอง และถูกปฎิบัติดุจผู้แทนพระเจ้า เช่นการก้มลงกราบทูตสวรรค์ทั้ง3และรับใช้พวกท่านของอับราฮัมที่คุยไปคุยมา กลายเป็นคุยกับพระเจ้าไปเฉยเลย หรือการก้มลงกราบทูตสวรรค์ที่พระเจ้าทรงส่งมาช่วยรบของโยชูวา หรือการปล้ำสู้กับทูตสวรรค์ของยาโคบที่สู้เสร็จทูตสวรรค์นั้นกลับพูดว่ายาโคบปล้ำสู้กับพระเจ้าแล้วชนะ และการปรากฏมาหาโมเสสขอให้เราลองอ่านพระคัมภีร์ท่อนนี้

อพยพ3-1
ฝ่ายโมเสสเมื่อเลี้ยงฝูงแพะแกะของเยโธรพ่อตา ผู้เป็นปุโรหิตของคนมีเดียน ได้พาฝูงแพะแกะไปทางตะวันตกของถิ่นทุรกันดาร จนมาถึงภูเขาของพระเจ้าคือ โฮเรบ ทูตของพระเจ้าก็ปรากฏแก่โมเสส ท่ามกลางพุ่มไม้เป็นเปลวไฟ โมเสสมองดู เห็นพุ่มไม้นั้นมีไฟลุกโชนอยู่ แต่มิได้ไหม้โทรมไป โมเสสจึงว่า “ข้าจะแวะเข้าไปดูสิ่งแปลกประหลาดนี้ ว่าเหตุไฉนพุ่มไม้จึงไม่ไหม้”
ครั้นพระเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาเดินเข้ามาดู จึงตรัสออกมาจากพุ่มไม้นั้นว่า “โมเสส โมเสสเอ๋ย”
โมเสสทูลตอบว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่”
พระองค์จึงตรัสว่า “อย่าเข้ามาใกล้ที่นี่ ถอดรองเท้าของเจ้าออกเสีย เพราะว่าที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์” แล้วพระองค์ตรัสอีกว่า “เราเป็นพระเจ้าของบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” โมเสสปิดหน้าเสีย เพราะกลัวไม่กล้ามองดูพระเจ้า


เห็นได้ชัดครับว่า เริ่มต้นที่ทูตสวรรค์แต่จบลงที่พระเจ้ามาเอง ดังนั้นสามารถกล่าวได้ว่า ทูตสวรรค์นั้นเป็นเหมือนผู้แทนหรือโทรโข่งของพระเจ้าก็ว่าได้ และสิ่งที่พึงกระทำต่อทูตสวรรค์นั้นคือ การปฏิบัติต่อผู้แทนพระเจ้าซึ่งมนุษย์เรามีฐานะต่ำกว่าอย่างชัดเจน หรือจะพูดให้ง่ายเข้าคือ ทูตสวรรค์มาเหมือนพระเจ้ามาเอง ทูตสวรรค์พูดเหมือนพระเจ้าพูดเอง

นอกจากนี้ในปฐมกาล และในโยบ พวกทูตสวรรค์ ยังถูกเรียกว่า “บุตรพระเจ้า” ด้วย

อธิกธรรม

ก่อนอื่นต้องมาเข้าใจอธิกธรรมให้ถูกต้องก่อนนะครับ ในสมัยก่อนนั้น ชาวยิวก็อ่านอธิกธรรมหลายๆฉบับเหมือนอ่านพระคัมภีร์เล่มหลัก ดังนั้นมีอธิกธรรมหลายเล่ม ที่บรรดาชาวยิวเชื่อและอ้างอิงเนื้อหา โดยเฉพาะพระธรรมใหม่เองในบรรดาจดหมายของนักบุญต่างๆ มีการอ้างอิงถึงอธิกธรรมหลายเล่ม ดังนั้นชีชัดนะครับว่า มุมมองของชาวยิวและคริสตชนสมัยแรกไม่ได้ต่อต้านตัดทิ้งอธิกธรรมเหมือน โปรแตสแตนท์ สายFundamentalist (พวกตีความตามตัวอักษร) ที่เหมาเอาหมดว่าอธิกธรรมเป็นเรื่องไม่มีคุณค่าไม่น่าเชื่อถือ แต่ความจริงคนที่เริ่มแยกพระคัมภีร์ และทำการรับรองพระคัมภีร์หลัก และแยกอธิกธรรม สาระบบรอง กับคัมภีร์เท็จ ก็คือคาทอลิคเองแหละ โดยสมัยช่วง ค.ศ. 384 น.เยโรม ภายใต้คำสั่งของพระสันตะปาปา จัดสาระบบพระคัมภีร์ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น เรียกว่าฉบับวุลเกต แต่กระนั้น นอกจากพระคัมภีร์สาระบบรองที่เรายอมรับ ยังมีอธิกธรรมอีกหลายๆเล่ม ที่แม้เราไม่ได้รับรองว่าเป็นการเขียนโดยพระจิตเจ้าดลใจ แต่เราก็ยอมรับมันในฐานะหนังสือเชิงประวัติศาสตร์ที่บอกเล่า “ข้อมูล” ในสมัยนั้นที่พระคัมภีร์เล่มหลักไม่ได้บันทึกไว้ ที่คงจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง อันทำให้เรารู้ว่า น.เปาโล เปโตร และเหล่าอัครสาวกตายยังไง แม่พระขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ นักบุญเวโรนิกาเอาผ้ามาซับพระพักตร์ระหว่างทางไปกางเขน ฯลฯ

ทูตสวรรค์ในอธิกธรรม

เป็นที่น่าตกใจที่เรื่องทูตสวรรค์ที่นักบุญเปาโลเอ่ยถึง ในจดหมายของท่านมีที่ มาจากอธิกธรรมชื่อดังคือ หนังสือเอโนคฉบับที่1และ2 ที่ทำให้เรารู้ชื่ออัครเทวดาทั้งหลาย การตกสวรรค์ ตลอดจนตำแหน่งและการทรงสร้างสวรรค์และโลกแบบละเอียดขึ้นกว่า ปฐมกาล อันทำให้เรารู้ว่ามีสวรรค์ของสวรรค์อีกที ที่เรียกว่าสุดยอดสวรรค์อันเป็นที่สูงสุดของพระเจ้าและคำนี้ยังมีปรากฏในพระธรรมเดิมที่เราแปลเพียงว่า “สวรรค์” เฉยๆ และยังมี หนังสือ Jubiless ที่บรรยายการทรงสร้างทูตสวรรค์ซะละเอียดยิบ

ลองถามตัวเองดูว่า คำว่า ทูตสวรรค์ชั้นนิกรเทพ นิกรอำนาจ นิกรเจ้า ฯลฯ ในจดหมายนักบุญเปาโล เราเคยเจอที่ไหนมาก่อนในพระธรรมเก่าเล่มหลักหรือไม่ แน่นอนมันไม่มี เพราะที่จริงมันอยู่ในอธิกธรรม และท่านนักบุญเปาโลก็ไม่ได้ปฎิเสธว่ามันไม่มีหรือไม่จริง แต่เขียนบรรยายในลักษณะว่าเป็นความรู้ทั่วไปที่ชาวยิวสมัยนั้นเขารู้กันดีอยู่แล้ว ดังนั้นเราคงต้องยอมรับความจริงตรงนี้ว่า มีความจริงบางอย่างที่พระคัมภีร์เล่มหลักไม่ได้รวมไว้ให้เราอ่าน

นอกจากนี้ สิ่งที่อาจทำให้คริสตชนทั้งผอง(รวมทั้งโปรแตสแตนท์สายตีความตามตัวอักษร) ต้องถามตัวเองกันอีกครั้งว่า มันมีเขียนตรงไหน ว่ามีทูตสวรรค์กบฏโดนถีบตกสวรรค์มาเป็นซาตานก่อนการสร้างมนุษย์? นั่นสินะ แล้วเชื่อกันมาตามๆกันหมดเลย ขนาดโปรแตสแตนท์ยังสอนแบบนี้ ทั้งที่ไม่มีบทพระคัมภีร์ในพระธรรมเล่มหลักอ้างอิงเรื่องนี้เลย เราอาจพบเรื่องสงครามทูตสวรรค์ในวิวรณ์ แต่ดูเหมือนเป็นเหตุการณ์หลังพระเยซูประสูตินี่ แล้วอีตาซาตานที่ปลอมเป็นงูนี่มันโผล่มาตั้งแต่หนังสือเล่มแรกเลยมิใช่หรือ

ความจริงแล้วมีอธิกธรรมที่กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ นอกจากหนังสือเอโนคแล้ว ยังมีหนังสือ Life of Adum&Eve ที่บรรยายเรื่องที่ซาตานและพรรคพวกถูกไล่ออกมาจากสวรรค์ โดยทูตสวรรค์มิคาแอล แถมเรื่องในอธิกธรรมเล่มนี้ ยังไปโผล่ในกรุอ่านด้วย ชี้ชัดว่า หนังสือเล่มนี้มีอ่านกันโดยไม่ได้ห้ามจนถึงค.ศ.500ช่วงกำเนิดอิสลามเลยทีเดียว และยังมีอิทธิพลในความเชื่อเรื่องกำเนิดซาตานในคริสต์ศาสนาทุกนิกายมาจนทุกวันนี้

เหตุที่ยกกรณีอธิกธรรมยืดยาว เพียงเพราะจะสรุปสั้นๆตรงนี้ว่า

ชาวยิวในสมัยก่อนและหลังพระเยซูเจ้านั้นมีความรู้เรื่องทูตสวรรค์ มากมายและลึกซึ้งกว่าที่พวกเราคริสตชนรู้มากนัก
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร มี.ค. 13, 2007 3:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 2:47 am

ความรู้สึกที่ชาวยิวมีต่อทูตสวรรค์

จากพระธรรมเก่า และพระธรรมใหม่เล่มหลักแบบไม่นับอธิกธรรม เราพบว่าทุกครั้งเมื่อมีการพบปะทูตสวรรค์มนุษย์จะ

1.กลัว แม้แต่ในพระธรรมใหม่ แม่พระยังกลัวก่อน
2.ไม่กล้ามอง
3. ให้ความเคารพ รู้สึกว่าเป็นผู้แทนพระเจ้า

ทูตสวรรค์ในพระธรรมใหม่

รูปภาพ

ทูตสวรรค์กับพระเยซู

เราจะพบว่าในพระวรสารทั้ง4 ทูตสวรรค์ยังคงมีกลิ่นอายความน่ายำเกรงของผู้แทนพระเจ้าอยู่ในมนุษย์คนอื่นๆ แต่กับพระเยซูเจ้าแล้ว ทูตสวรรค์นั้น มีทั้งถวายกำลัง ถวายการรับใช้ และถูกอ้างถึงอย่างน่ารักว่าเป็นอารักขเทวดาของเด็กๆที่มองพระพักตร์พระเจ้า

แต่เราควรรู้ข้อเท็จจริงอันนึงคือ พระวรสารทั้ง4ถูกเขียนหลังจดหมายนักบุญเปาโล จดหมายที่โจมตีฐานะของทูตสวรรค์ว่าต่ำกว่าบุตรมนุษย์อย่างแจ่มแจ้ง

ทูตสวรรค์ในจดหมายนักบุญเปาโล ที่มาแห่งเทววิทยาที่ลดฐานะของทูตสวรรค์

สิ่งควรทราบเกี่ยวกับจดหมายนักบุญเปาโล

เรื่องที่อาจทำให้เราคริสตชนต้องฉุกคิด นั่นคือนักบุญเปาโล ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนพระวรสาร แบบนักบุญลูกา ยอห์น มาระโก หรือมัทธิว ท่านแค่ตั้งใจจะเขียนจดหมาย และเพราะจดหมายท่านเป็นของจริง และเต็มไปด้วยการดลใจของพระจิตเจ้า และเพียบไปด้วยข้อคำสอน มันจึงถูกเอามารวมเป็นพระคัมภีร์

ดังนั้น สิ่งนี้จึงมักทำให้คริสตชนรุ่นหลังที่ไม่รู้เบื้องหลังพระคัมภีร์มากนักลืมไปเสมอว่า จดหมายนั้น คือสิ่งที่ไม่ได้เขียนเล่าลูกเดียวหรือตั้งใจสอนอะไรสักเรื่องเท่านั้นแบบตำรา แต่เป็นเชิงของการ “สนทนา” และโดยเฉพาะถ้าเป็น “สนทนาตอบโต้” ด้วยแล้ว การที่เราอ่านจดหมายใครสักคนโดยไม่รู้รากเหง้าต้นเหตุว่าเขากำลังตอบโต้เรื่องอะไร อาจทำให้เราตีความสิ่งเขาเขียนผิดไปกระจุยกระจายเลยก็ได้!

ดังนั้น บทความต่อไปนี้ ขอให้เราระลึกเสมอว่า เรากำลังวิเคราะห์ “จดหมาย” ไม่ใช่ “ตำรา” กันนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 2:50 am

เฮเรติ๊กในสมัยนักบุญเปาโล

ดูเหมือนนักบุญเปาโล จะเป็นคนแรกที่บัญญัติศัพท์นี้ ในความหมายว่า ผู้เลือกเอาความเชื่อบางอย่างโดยไม่ยอมรับทั้งหมด จนทำให้สอนผิดเพี้ยน หรือจะพูดง่ายๆก็ พวกเน้นพระคัมภีร์บางข้อ โดยหลับตาไม่ดูบางข้อ จนตีความผิดๆ และสอนอะไรแปลกๆแบบในสมัยนี้เราก็เคยเห็นๆกันอยู่ ในสมัยนักบุญเปาโลนั้น มีเฮเรติ๊กระดับฮาร์ดคอร์ ที่อาจกล่าวได้ว่า จดหมายแทบทุกฉบับของท่านเขียนเพื่อตอบโต้เฮเรติ๊กพวกนี้ และที่น่าหงุดหงิดที่สุดเห็นจะเป็นปัญหา ที่เกิดจากการอ่านจดหมายของท่านเองแบบผิดๆ ตีความแบบพื้นๆแบนๆ จนเกิดเฮเรติ๊กรูปแบบใหม่ จนทั้งนักบุญเปโตร และนักบุญยากอบต้องมาตามเขียนจดหมายแก้ปัญหานี้ทีหลัง ซึ่งมันสะท้อนชัดเจนว่า มนุษย์นั้นอ่อนแอเหลือเกิน พร้อมจะ “เข้าใจผิด” ได้ตลอดเวลา

เฮเรติ๊กที่ท่านนักบุญเปาโลและกลุ่มคริสตชนแรกเริ่มเผชิญหน้าประกอบไปด้วย

1.Legalism พวกชาวยิวที่เชื่อว่าพระเยซูคือพระผู้ไถ่ก็มีแม้จะไม่มาก และแน่นอนเขาคือคริสตชนชาวยิวสายพันธุ์แท้ ที่ปฏิบัติธรรมบัญญัติในพระธรรมเก่า หรือที่เรียกว่ากฎของโมเสส อย่างเครงครัดมาก่อน แน่นอนพวกเขาบางคนอาจเคยเป็นฟาริสี ซึ่ง มันน่ารัก และน่านับถือที่พวกเขาเคร่งครัดในการทำตามพระธรรมเก่าสอน แต่มันไม่ค่อยน่ารักและเป็นปัญหา เพราะเขาดันยัดข้อปฎิบัติในพระธรรมเก่าให้คนต่างชาติที่กลับใจมานับถือคริสต์ด้วย ซึ่งสถานภาพนี้คือ Proselytes คือชาวต่างชาติที่มาเชื่อศาสนายิวและปฎิบัติตามบัญญัติทุกอย่างของศาสนายิว แต่ก็ไม่ใช่ชาวยิวอยู่ดี และเราอาจจำได้ว่าพระวิหารมีลานแยกสำหรับคนกลุ่มนี้ด้วย แต่กับบรรดาคริสตชนที่นักบุญเปาโลเทศน์สอนแต่เรื่องความรอดของพระเยซูเจ้า มันเป็นแอกหนักมากของชาวต่างชาติ พวกนั้นที่อยู่ดีๆเพิ่งมารู้ว่าต้องทำอะไรอีกเพียบ โดยเฉพาะปัญหาการเข้าสุหนัต ที่เราทราบดีว่าเด็กทารกชายชาวยิวต้องทำ แต่ชาวต่างชาติที่กลับใจตอนโตล่ะ การเฉือนสดๆตอนโตนี่ไม่ได้ง่ายเหมือนเด็กทารกที่ไม่รู้เรื่อง แถมเรื่องกฎการกินสารพัด อันเป็นข้อขัดขวางที่ทำให้พวกเขาเป็นคริสต์ไม่ได้ ซึ่งคริสตชนชาวกาลาเทีย เจอปัญหานี้ จนทำให้นักบุญเปาโลต้องเขียนจดหมายหนุนใจเขา และทันทีที่ขึ้นต้นจดหมายก็ซัดเข้าเรื่องนี้ทันที

กท 1:6-10 คำเตือน
ข้าพเจ้าประหลาดใจที่ท่านทั้งหลายหันเหอย่างรวดเร็วจากพระบิดาผู้ทรงเรียกท่านด้วยพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า ไปเชื่อข่าวดีอื่น อันที่จริงแล้ว ข่าวดีอื่นนั้นไม่มี แต่มีบางคนก่อความวุ่นวายในหมู่ท่านทั้งหลาย และประสงค์จะบิดเบือนข่าวดีของพระคริสตเจ้า แต่ถ้าเรา หรือทูตสวรรค์ประกาศข่าวดีขัดแย้งกับที่เราเคยประกาศแก่ท่าน ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าขอพูดย้ำสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ก่อนอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าใครประกาศข่าวดีแก่ท่านขัดแย้งกับข่าวดีที่ท่านเคยรับไว้ ก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังเอาใจมนุษย์หรือพระเจ้า ข้าพเจ้าพยายามเอาใจมนุษย์กระนั้นหรือ หากข้าพเจ้ายังเอาใจมนุษย์ ข้าพเจ้าก็คงไม่เป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า


เพราะว่าบัญญัติของโมเสส และเรื่องการเข้าสุหนัต คือบัญญัติที่ทูตสวรรค์นำมาให้ ดังนั้น ท่านเลยต้องพลอยจิกทูตสวรรค์ไปด้วยว่า ต่อให้เป็นข่าวดีจากทูตสวรรค์ ก็สู้ข่าวดีของพระเยซูไม่ได้

และปัญหาจากคนพวกนี้ยังเป็นที่มาของหลักเทววิทยาที่ท่านพยายามเน้นว่าความรอดมาจากความเชื่อ ซึ่งยังส่งผลไปยังการตีความตามตัวอักษรออกมาเลยว่า โดยความเชื่ออย่างเดียว โดยไม่รู้ว่าท่านพูดแบบนี้เพราะต้องตอบโต้ปัญหานี้ ท่านต้อง Discerdit เลวีนิติ และกฎทั้งหลาย ว่าไม่อาจเทียบได้กับความรอดในพันธสัญญาใหม่ที่พระเยซูนำมา โดยเฉพาะคนที่ชอบตัดพระคัมภีร์มาอ้างเป็นท่อนสั้นๆ ยิ่งพาให้หลงทางไปจากจุดประสงค์แท้จริงไปมาก ปัจจุบันในบางครั้งเราจึงพบเจอการสอนที่ว่าจะรอดได้ต้องบัตติสมาเท่านั้นนะ (แถมต้องบัตติสคริสตจักรชั้นเท่านั้นด้วย) เราจึงพบการอ้างหลักนี้ ในกรณีที่ต้องการเร่งเร้าให้ใครบางคนรีบบัตติสเข้าคริสตจักรตน และบางคนถึงขนาดเอาไปตอบกรณี คนต่างศาสนาที่เขาถามว่าเขาทำความดีแล้วต้องตกนรกด้วยเหรอ อันน่าจะกล่าวได้ว่าเป็นคนละจุดประสงค์กับเหตุผลที่ท่านนักบุญเปาโลเขียนขึ้นมาในสมัยนั้นจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 2:52 am

2.Ascetic Gnosticism เป็นนอสติกที่ซึมแนวคิดยิวและศาสนาอื่นๆเข้ามา ด้วยตามประสานอสติกที่ชอบกลืน แต่แนวนี้ จะเน้นเรื่องทูตสวรรค์ และเทพนิกรต่างๆ ในฐานะของคนกลางและผู้แทนระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ กลุ่มนี้เห็นว่าเพราะพระเจ้าส่งผ่านทุกอย่างผ่านทูตสวรรค์ และมนุษย์เราเองจะส่งอะไรไปหาพระเจ้าก็ต้องผ่านทูตสวรรค์ จึงต้องเอาใจทูตสวรรค์ไว้ให้มากเพราะถ้าพวกเขาไม่พอใจ เขาอาจปิดกั้นช่องทางระหว่างเรากับพระเจ้าได้ และนอกจากนี้ ยังเชื่อเลยเถิดไปว่า ทูตสวรรค์พวกนี้มีคุณลักษณะของพระเจ้าอยู่ด้วย และพอมีเรื่องพระเยซูเข้ามา พวกนี้ ก็เลยเถิดไปว่า พระเยซูเองตอนอยู่ในโลกนี้ ก็ต้องพึ่งทูตสวรรค์ในอากาศพวกนี้ด้วย และด้วยการที่ทูตสวรรค์พวกนี้ แจกจ่ายชะตากรรม และความสุขความทุกข์ ก็เลยลามปามมาว่า เมื่อพระเยซูรับทรมานในโลกนี้ก็แสดงว่ายังด้อยฐานะกว่าทูตสวรรค์เหล่านี้ และนักบุญเปาโลเองเชื่อพระเยซูแต่ดันลำบากอยู่ แสดงว่า พระเยซูยังช่วยผู้เชื่อให้พ้นอำนาจของทูตสวรรค์เหล่านี้ไม่ได้

ปัญหานี้ ถูกตอบโต้อย่างชัดเจนในจดหมายถึงชาวโคโลสี โดยหลังจากกล่าวทักและอวยพรในจดหมายแล้วท่านก็ร่ายยาวถึงการเป็นเพียงผู้รับใช้ ของเหล่าทูตสวรรค์ทันที

คส 1:15-20 พระคริสตเจ้าทรงเป็นศีรษะของสรรพสิ่ง
พระองค์ทรงเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่เรามองไม่เห็น
ทรงเป็นบุตรคนแรกในบรรดาสิ่งสร้างทั้งปวง
เพราะสรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน
ทั้งที่แลเห็นได้และไม่อาจแลเห็นได้
เทพนิกรบัลลังก์ เทพนิกรนาย เทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำนาจ ล้วนถูกสร้างโดยพระองค์ทั้งสิ้น
ทุกสิ่งถูกเนรมิตขึ้นโดยพระองค์ และเพื่อพระองค์

พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่ง
และสรรพสิ่งดำรงอยู่เป็นระเบียบในพระองค์
พระองค์ทรงเป็นศีรษะของร่างกาย คือพระศาสนจักร
พระองค์ทรงเป็นปฐมเหตุ
ทรงเป็นบุคคลแรกในบรรดาผู้ตายที่กลับคืนชีพ
ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในทุกสิ่ง
เพราะพระเจ้าพอพระทัยให้ความบริบูรณ์ทั้งปวงอยู่ในพระคริสตเจ้า
และให้สรรพสิ่งคืนดีกับพระเจ้าโดยทางพระองค์
พระคริสตเจ้าโปรดให้ทุกสิ่งมีสันติ ด้วยพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของพระองค์
ทั้งสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ในสวรรค์


นี่คือเหตุผลว่าทำไมนักบุญเปาโลต้องยกเรื่องฐานะของพระเยซูและทูตสวรรค์มาพูด ตั้งแต่เริ่มจดหมาย และท่านอธิบายเรื่องความลำบากของท่านไปในอีกแง่หนึ่งแทน

คส 1:24-29 เปาโลตรากตรำทำงานเพื่อรับใช้คนต่างศาสนา
บัดนี้ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ความทรมานของพระคริสตเจ้ายังขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ด้วยการทรมานในกายของข้าพเจ้าเพื่อพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักร ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระศาสนจักรนี้ตามภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้ เพื่อจะได้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ท่านอย่างสมบูรณ์ นั่นคือธรรมล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ตลอดทุกยุคสมัย บัดนี้ธรรมล้ำลึกปรากฏชัดแจ้งแก่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แล้ว พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะแสดงให้เขาเหล่านั้นรู้ว่า ธรรมล้ำลึกนี้ได้นำพระสิริรุ่งโรจน์ล้นเหลือมาให้คนต่างศาสนา นั่นคือการที่พระคริสตเจ้าทรงดำรงอยู่ในท่าน ทรงเป็นความหวังเพื่อให้ท่านได้รับความรุ่งเรือง เราประกาศถึงพระคริสตเจ้าพระองค์นี้ โดยเตือนและสอนทุกคนให้มีความรู้ทุกอย่างเพื่อให้แต่ละคนดีพร้อมเดชะพระคริสตเจ้า ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงตรากตรำทำงาน และต่อสู้ด้วยพลังที่มาจากพระองค์ พลังนี้กำลังมีอำนาจผลักดันให้ข้าพเจ้าทำงานอย่างเข้มแข็ง



และท่านยังโจมตีกลุ่มนอกสติกกลุ่มนี้อย่างรุนแรง และเน้นการต่ำกว่าของทูตสวรรค์และพระคริสตเจ้าอย่างไม่เกรงใจ

คส 2: 8
จงระวังอย่าให้ผู้ใดใช้ “ปรัชญา” หรือใช้เล่ห์กลอันไร้แก่นสารหลอกลวงท่านตามขนบประเพณีของมนุษย์หรือหลักการของโลก ไม่สั่งสอนตามคำสอนของพระคริสตเจ้า

คส 2:9-15 พระคริสตเจ้าเพียงพระองค์เดียวทรงเป็นประมุขของมนุษยชาติและของทูตสวรรค์
ในองค์พระคริสตเจ้านั้น พระเทวภาพบริบูรณ์สถิตอยู่ในสภาพมนุษย์ที่สัมผัสได้ และท่านได้รับความบริบูรณ์ในพระองค์ผู้ทรงเป็นประมุขแห่งบรรดาเทพผู้ทรงเดชานุภาพและเทพผู้ทรงอำนาจทั้งสิ้น ในองค์พระคริสตเจ้า ท่านเข้าสุหนัตอย่างแท้จริงมิใช่จากการกระทำของมนุษย์แต่เป็นการเข้าสุหนัตที่มาจากพระคริสตเจ้า เพื่อสลัดวิสัยบาปตามธรรมชาติมนุษย์ทิ้งเสีย เมื่อรับศีลล้างบาป ท่านทั้งหลายถูกฝังพร้อมกับพระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ด้วยความเชื่อในพระเดชานุภาพของพระเจ้า ผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ในอดีตท่านตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและไม่ได้เข้าสุหนัตทางกาย แต่พระเจ้าโปรดให้ท่านมีชีวิตพร้อมกับพระคริสตเจ้า โดยทรงให้อภัยการล่วงละเมิดทั้งหลายของเรา พระองค์ทรงยกเลิกหนี้สินที่เรามีต่อบทบัญญัติซึ่งกล่าวหาเรา โดยทรงยกหนี้สินนั้นไปจากเรา และตรึงไว้กับไม้กางเขน พระองค์ยังทรงปลดอำนาจของเทพนิกรนายผู้ทรงเดชานุภาพ และเทพนิกรอำนาจลงเสีย และทรงบังคับให้เทพเหล่านั้นเข้าขบวนแห่เฉลิมฉลองชัยชนะของพระคริสตเจ้าต่อหน้ามหาชน

คส 2:16
อย่าให้ใครตัดสินกล่าวโทษท่านในเรื่องการกินการดื่ม การถือวันฉลอง ถือวันขึ้นหนึ่งคำและวันสับบาโต สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของความเป็นจริงที่จะต้องมาถึงในอนาคต ความเป็นจริงนี้คือพระคริสตเจ้านั่นเอง อย่าให้ผู้ที่ชอบถ่อมตนกราบไหว้ทูตสวรรค์ตัดสินกล่าวโทษท่าน คนเช่นนี้มักพรรณนาสิ่งที่เขาอ้างว่าได้เห็นอย่างละเอียด และจิตใจที่ยังคิดตามธรรมชาติมนุษย์ก็มีความหยิ่งผยองอย่างไร้ประโยชน์


จากบทที่ยกมานี้ หากอ่านโดยไม่รู้ที่มาที่ไป ก็คงคิดว่า พวกเทวดานี่ช่างไร้คุณค่าไม่น่าเคารพไม่เห็นต้องสนใจ แต่หากเรารู้ว่า ท่านพูดแบบนี้ทำไม เราคงเข้าใจมากขึ้นว่า ท่านเน้นความยิ่งใหญ่ของพระคริสตเจ้า และฐานะคนกลางที่แท้จริงของพระองค์ มากกว่าจะอยากลดเกียรติทูตสวรรค์ และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะอ้างพระคัมภีร์เหล่านี้ มาตีความเอาว่า ทูตสวรรค์ชั้น เทพนิกรบัลลังก์ เทพนิกรนาย เทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำนาจ คือซาตานทั้งหมด โดยตีความไปเองโดยไม่รู้วัตถุประสงค์คนพูดจริงๆ จนเหมาว่าทูตสวรรค์เหล่านี้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระเจ้าทั้งหมดเลยเป็นซาตาน เพราะอาจจะกล่าวได้ว่า ทูตสวรรค์กลุ่มนี้เสียชื่อเพราะพวกนอกสติกแท้ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 2:55 am

ทัศนะของคริสตชนต่อทูตสวรรค์

ในพระศาสนจักรเริ่มแรก การให้ความสำคัญกับทูตสวรรค์นั้นยังคงมีอยู่ในฐานะเดียวกับที่พวกท่านได้รับตั้งแต่ยุคพระธรรมเก่า และยังมีกลุ่มเลยเถิดที่ต้องถูกปรามอย่างรุนแรงดังที่เราทราบกันไปแล้ว ดังนั้นทูตสวรรค์นั้น มีฐานะสูงกว่ามนุษย์อยู่อย่างไม่ต้องสงสัย

ฮบ 2:5
“มนุษย์เป็นใครเล่า พระองค์จึงทรงระลึกถึง
และบุตรของมนุษย์เป็นใครเล่า พระองค์จึงทรงเอาพระทัยใส่
พระองค์ทรงทำให้เขาต่ำกว่าทูตสวรรค์เพียงเล็กน้อย
พระองค์ประทานสิริรุ่งโรจน์และเกียรติยศให้เป็นมงกุฎ


แต่พระเยซูเจ้านั้นทรงยิ่งใหญ่กว่าทูตสวรรค์ ดังนั้น หากจะเปรียบไปแล้ว แม้ในเวลานี้เราจะอยู่ในฐานะต่ำต้อยว่าทูตสวรรค์ แต่โดยทางพระคริสตเจ้า เราไม่ได้อยู่ใต้อำนาจทูตสวรรค์ เราไม่อาจสรุปได้ว่าทูตสวรรค์จะไม่ได้รับการยกฐานะแบบเรา เพราะที่จริง ชื่อว่าบุตรพระเจ้า พวกทูตสวรรค์ท่านก็เคยโดนเรียกมาก่อน ทูตสวรรค์จึงน่าจะเปรียบได้กับพี่ที่แก่กว่า เก่งกว่า ฉลาดกว่า ที่มาช่วยดูแลน้องที่เล็กอยู่ คือพวกเรา ถ้าพี่พูดอะไรเราก็ต้องเชื่อในเบื้องต้น แต่ถ้าพ่อพูดแล้วต่างกัน ควรเชื่อพ่อมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนพี่จะได้อะไรและยุติธรรมหรือไม่ เป็นเรื่องของพ่อที่เราไม่มีหน้าที่ต้องไปคิดมาก

ดังนั้นการให้ความเคารพทูตสวรรค์ในพระศาสนจักรคาทอลิคปัจจุบัน จึงนับว่าลดลงกว่ารูปแบบของพระธรรมเดิมไปมาก เพราะไม่ได้ไหว้กราบประหนึ่งตัวแทนพระเจ้า แต่เหมือนการให้ความเคารพผู้อยู่สูงกว่าตามลำดับองค์กรมากกว่า และเป็นคนละเรื่องกับกลุ่มนอกสติกบูชาทูตสวรรค์ที่นักบุญเปาโลโจมตีไว้ในพระคัมภีร์ ดังนั้นผู้ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป และไม่รู้เหตุผลของการ(เหมือนจะ)โจมตีเกียรติและศีกดิ์ศรีของทูตสวรรค์ ในจดหมายนักบุญเปาโล อาจหลับหูหลับตาโจมตีการให้ความเคารพต่อทูตสวรรค์ของพระศาสนจักร และ อาจกลัวว่าถ้าไม่ตัดทุกอย่างทิ้งให้เหลือพระเยซูอย่างเดียวจะเป็นความผิด และเป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้อาจลุกลามรุนแรงในหมู่คริสตชนสมัยแรกจนเป็นที่มาของจดหมายนักบุญยูดาท่อนนี้

ยด 1:8
คนเพ้อฝันเหล่านี้ก็เช่นเดียวกัน เขาทำให้ร่างกายของตนเป็นมลทิน ดูหมิ่นอำนาจของพระเจ้า กล่าวคำหยาบคายต่อบรรดาทูตสวรรค์ อัครทูตสวรรค์มีคาเอล เมื่อโต้เถียงกับปีศาจเรื่องศพของโมเสส ยังไม่กล้าพูดดูหมิ่นปีศาจ ท่านเพียงแต่พูดว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกล่าวโทษเจ้าเถิด” แต่คนเหล่านี้กลับพูดคำหยาบคายต่อทุกสิ่งที่เขาไม่รู้ และต่อสิ่งที่เรารู้โดยสัญชาตญาณเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน จึงทำให้เขาพินาศ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 2:57 am

การพิพากษาทูตสวรรค์

จากที่ได้อ่านกันมา เราจะพบเรื่องน่าคิดอีกหนึ่งอย่างคือ ทูตสวรรค์นั้นยังมีโอกาสตกสวรรค์กันอีกไหม หลังจากการกบฏครั้งแรกแล้ว ยังมีทูตสวรรค์หลงผิดอีกหรือไม่

ลก 10:17-20
ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปีศาจก็ยังอ่อนน้อมต่อเราเดชะพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จงฟังเถิด เราให้อำนาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำนาจเหนือกำลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะทำร้ายท่านได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว”



เราพบการตกสวรรค์อีกครั้งของเทวดาร้าย ในสมัยพระเยซู ถ้าถามว่า เราเองตายไป ก็ยังมีการขึ้นสวรรค์หรือตกนรกกันอยู่ทุกวัน ดังนั้น การพิพากษาเบื้องต้นที่ไล่ทูตสวรรค์ที่ทำไม่ดีลงมา เพื่อไม่ให้ใช้อำนาจในทางที่ผิดต่อไป จะเกิดขึ้นได้เรื่อยๆแม้ในเวลานี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก

1คร 6: 2
ท่านไม่รู้หรือว่า บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะตัดสินโลก ถ้าท่านจะเป็นผู้ตัดสินโลกแล้ว ท่านไม่ตัดสินเรื่องเล็กน้อยไม่ได้หรือ ท่านไม่รู้หรือว่า พวกเราจะตัดสินแม้กระทั่งทูตสวรรค์



พระคัมภีร์บทนี้ อ้างอิงถึงวันพิพากษาสุดท้ายที่พระเยซูและบรรดานักบุญ(ธรรมิกชน)ของพระองค์ จะตัดสินโลก วันนั้นทั้งมนุษย์และทูตสวรรค์อาจถูกตัดสินรวมกันอีกครั้ง แต่คงไม่ใช่ว่าตัวเราในเวลานี้จะทำแบบนี้ได้ แต่คงเป็นอนาคตอันไกลที่เราไม่รู้ว่าเราจะอยู่ในฐานะผู้ถูกตัดสิน หรือผู้ร่วมอยู่กับพระผู้ตัดสิน เป็นสิ่งที่เราคงต้อง “ออกแรงด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่นเพื่อให้รอดพ้น”(ฟป 2:12) จนกว่าจะถึงวันนั้น



ดังนั้น ให้เราวางใจในพระเยซูเจ้า และบรรดาทูตสวรรค์ที่ดี มิตรแสนดีที่อยู่ข้างเรา ในการที่ช่วยเราให้รอดพ้นในวันสุดท้าย และปกป้องเราจากการผจญของเหล่าทูตสวรรค์ที่หลงผิดชั่วร้าย จงรักและให้เกียรติท่านเพราะเราจะได้ร่วมอยู่กับพวกท่านในพระอาณาจักรสวรรค์พร้อมกับพระบิดา และพระบุตร และบรรดานักบุญทั้งหลายตลอดนิรันดร

ทูตสวรรค์ทั้งหลายช่วยวิงวอนเทอญ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 3:50 am

หมายเหตุ: เขียนขึ้นจากการสรุปรวบยอดจากการอ่านและศึกษาแหล่งข้อมูลหลายแหล่ง ไม่ใช่ข้อความเชื่อ หากมีการนำไปลงที่ไหนก็อ้างอิงมาที่เวบด้วยครับ

บทความต่อไปที่คิดไว้ว่าอยากจะเขียน

-ชุดจดหมายคาทอลิค
จดหมาย7ฉบับของนักบุญเปโตร ยอห์น ยูดา ยากอบ ในพระคัมภีร์ ถูกเรียกว่า "ชุดจดหมายคาทอลิค" มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่2 แล้วมันก็คาทอลิคจริงๆด้วยสิ

-ประวัติพระเยซูเจ้าตามคำบอกเล่าของพระมารดามารีย์+มุมมองแม่พระของนักบุญผู้เขียนพระวรสาร2ท่านที่ได้สัมภาษณ์แม่พระ มารดาของข้าพเจ้า และมารดาพระเจ้า

ปล.หนังสืออธิกธรรมไม่ใช่ทุกฉบับจะเท็จ และไม่ใช่ทุกฉบับจะจริง และไม่ใช่ว่าทั้งฉบับจะเท็จ และไม่ใช่ทั้งฉบับจะจริง ควรศึกษาอย่างระมัดระวัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 8:30 am

คุ้มค่าที่รอมากเลยครับ : xemo026 :

นึกถึงที่คุณHoly เคยบอกเรื่องการเคารพแม่พระ ของคริสตชนคาทอลิค

จงรัก แม่พระ ที่สุดในหัวใจ   : emo045 :

แต่

จงรัก พระเยซู ยิ่งกว่านั้น  : xemo026 :


"จงมองในสิ่งสร้างธรรมชาติทั้งหลายเถิด พระเจ้าทรงดำรงในสิ่งเหล่านั้น เพื่อสถิตย์อยู่ท่ามกลางเรา" นักบุญฟรังซิส อัสซีซี
Holy เขียน: บทความต่อไปที่คิดไว้ว่าอยากจะเขียน

-ชุดจดหมายคาทอลิค
จดหมาย7ฉบับของนักบุญเปโตร ยอห์น ยูดา ยากอบ ในพระคัมภีร์ ถูกเรียกว่า "ชุดจดหมายคาทอลิค" มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่2 แล้วมันก็คาทอลิคจริงๆด้วยสิ

-ประวัติพระเยซูเจ้าตามคำบอกเล่าของพระมารดามารีย์+มุมมองแม่พระของนักบุญผู้เขียนพระวรสาร2ท่านที่ได้สัมภาษณ์แม่พระ มารดาของข้าพเจ้า และมารดาพระเจ้า
รออ่าน : emo010 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ม.ค. 15, 2007 8:42 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
demon of east
โพสต์: 50
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 12:49 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 10:39 am

กระจ่างมากครับ ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ

แต่ผมขอถือโอกาสถามข้อสงสัยนิดหนึ่งนะครับ
(เพราะชื่อของชาวยิวสมัยคริสตกาล ซ้ำเยอะจัง ::010::
ถ้าเป็นสมัยนี้คงเรียกว่าชื่อโหล เหอๆ)

1.พระวรสารของท่านมะระโก ซึ่งผมพึ่งทราบว่าอีกชื่อของท่านคือยอร์น
น้องชายท่านเปโตรอัครสาวกที่อายุน้อยที่สุด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว
พระวรสารยอร์นท่านใดเขียนขึ้นกันแน่ครับ ตอนนี้สับสนครับ
2.ในตอนพระเยซูสิ้นพระชนม์บนกางเขน ทำไมมีพระวรสารยอร์นเท่านั้น
ที่เขียนถึงพระมารดาของพระองค์ก็อยู่ที่นั้นด้วย ทำไมฉบับอื่นมิได้เขียน
ถึงพระมารดาไว้ทั้งที่เป็นบุคคลสำคัญ กลับเขียนถึงสาวกสตรี
ของพระองค์ท่านอื่นๆแทน

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 11:58 am

demon of east เขียน: 1.พระวรสารของท่านมะระโก ซึ่งผมพึ่งทราบว่าอีกชื่อของท่านคือยอร์น
น้องชายท่านเปโตรอัครสาวกที่อายุน้อยที่สุด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว
พระวรสารยอร์นท่านใดเขียนขึ้นกันแน่ครับ ตอนนี้สับสนครับ

2.ในตอนพระเยซูสิ้นพระชนม์บนกางเขน ทำไมมีพระวรสารยอร์นเท่านั้น
ที่เขียนถึงพระมารดาของพระองค์ก็อยู่ที่นั้นด้วย ทำไมฉบับอื่นมิได้เขียน
ถึงพระมารดาไว้ทั้งที่เป็นบุคคลสำคัญ กลับเขียนถึงสาวกสตรี
ของพระองค์ท่านอื่นๆแทน

ขอบคุณครับ
1. นักบุญมาระโก (St. Mark) เป็น คนละองค์ กับ นักบุญ ยอห์น (Saint John) นะครับ

2. ในบรรดา อัครสาวก มีแต่นักบุญยอห์น เท่านั้นครับ ที่อยู่เชิงกางเขนกับแม่พระ 
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 3:02 pm

งืมๆ
ขอบคุณมากครับ
ได้ความรู้มากมาย
แต่ต้องใช้สมาธิในการอ่านสูง
เพราะ...มันยาวมากมาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 3:05 pm

necromancer เขียน: งืมๆ
ขอบคุณมากครับ
ได้ความรู้มากมาย
แต่ต้องใช้สมาธิในการอ่านสูง
เพราะ...มันยาวมากมาย

อ่านทีละ replyสิ ::014::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 4:17 pm

demon of east เขียน:

1.พระวรสารของท่านมะระโก ซึ่งผมพึ่งทราบว่าอีกชื่อของท่านคือยอร์น
น้องชายท่านเปโตรอัครสาวกที่อายุน้อยที่สุด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว
พระวรสารยอร์นท่านใดเขียนขึ้นกันแน่ครับ ตอนนี้สับสนครับ
นักบุญมาระโก มีชื่อเก่าว่ายอห์น แต่ไม่ใช่ยอห์นอัครสาวกนะครับ ท่านไม่ใช่น้องแท้ๆของน.เปโตร แต่เป็นศิษย์ ชาวยิวทั่วไปนิยมเรียกคนสนิทกัน คนเผ่าเดียวกัน คนนับถือกันว่า เป้นพี่น้อง เหมือนกรณีพี่น้องของพระเยซู ดังนั้นมาระโกคือศิษย์ของอัครสาวก ไม่ใช่ศิษย์ตรงของพระเยซู แต่ยอห์นที่เขียนพระวรสาร คือสาวกอายุน้อยที่สุดที่รับแม่พระไปอยู่ด้วยครับ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 6:25 pm

ขอบคุณครับ : xemo017 :
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 6:30 pm

อ่านแล้วปลอดโปร่งใจ-ขอบคุณมากครับ
loveoh1728
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ธ.ค. 26, 2006 4:20 am

จันทร์ ม.ค. 15, 2007 7:40 pm

ขอบพระคุณมากครับ
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

อังคาร ม.ค. 16, 2007 9:26 pm

ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ  ได้ความรู้ดีมาก ๆ เลย ::012::
ตอบกลับโพส