มีใครสนใจพ่อค้าคนนี้ไหมครับ เขาว่าให้ได้ทุกอย่าง
อย่างน้อยทางพาณิชยศาสตร์สำคัญนะครับอย่าลืม ถ้าขาดมันประเทศเศรษฐกิจล่มได้นะครับ
ขอบอกต้องใช้อย่างไม่ให้หลงใหลครับจึงจะดีเราต้องเป็นนายมันอย่าปล่อยให้มันเป็นนายเรา
ขอบอกต้องใช้อย่างไม่ให้หลงใหลครับจึงจะดีเราต้องเป็นนายมันอย่าปล่อยให้มันเป็นนายเรา
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เศรฐกิจพอเพียงเด้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
มนุษย์สร้างมันขึ้นมาS.Paulvs De Bangkok เขียน: อย่างน้อยทางพาณิชยศาสตร์สำคัญนะครับอย่าลืม ถ้าขาดมันประเทศเศรษฐกิจล่มได้นะครับ
ขอบอกต้องใช้อย่างไม่ให้หลงใหลครับจึงจะดีเราต้องเป็นนายมันอย่าปล่อยให้มันเป็นนายเรา
แล้วมาบูชามัน
จากกระดาษแผ่นเดียว และโลหะอีกเหรียญเดียว
กลายเป็นสิ่งที่มากำหนดทิศทางการดำเนินชีวิตของมนุษย์
เพียงเพราะเราหลงไหลในมันมากเกินไป.....แค่นั้นเอง
ถ้าขาดมันเศรษฐกิจไม่ล้มหรอก
แต่เราต่างหากที่จะทำให้เศรษฐกิจล้มโดยอ้างมัน....
แม้แต่เศรษฐกิจเองก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
เพื่อ....กอบโกยเข้าตัวเอง
เป็นประเด็นที่น่าสนใจนะnecromancer เขียน: ถ้าขาดมันเศรษฐกิจไม่ล้มหรอก
แต่เราต่างหากที่จะทำให้เศรษฐกิจล้มโดยอ้างมัน....
แม้แต่เศรษฐกิจเองก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
เพื่อ....กอบโกยเข้าตัวเอง
ผมเชื่อนะว่ามีบางคนอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินและไม่มีผู้สนับสนุนด้วย
เป็นสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง
และถ้าคุณอยู่ในสังคมที่สลับซับซ้อนอย่างสังคมเครือข่ายแบบนี้
พิสูจน์ซิว่าคุณไม่ต้องใช้เงินและไม่มีผู้สนับสนุนด้วย
พระเยซูเจ้ายังต้องใช้เงินเลย
ตอนนี้อ่านเล่มนี้อยู่ค่ะ "The Lessons of St. Francis "
John Michael Talbot เค้าตั้งคณะฆราวาสฟรังซิสกันคณะนึง เล่มนี้อ่้านแล้วน่ารักมาก คือ ไม่เคยรู้สึกปิ๊งนักบุญฟรังซิสเลยนะ คือมีความรู้สึกว่า เค้าต้องไม่เข้าใจเีแน่เลย แต่จู่ๆก็ซื้อเล่มนี้ และก็ได้อ่านข้อความที่ทำให้เราเชื่อว่า ท่านเข้าใจเรา ลองหามาอ่านนะคะ บอกได้เลยว่า น่ารัก และคุณจะหลงเสน่ห์ความเรียบง่าย You'll see the beauty of simplicity..
ที่พี่ Phulasso บอกนั้น เป็นคำพูดของนักบุญองค์นึงนะคะ มีอ้างในเล่มนี้ด้วย จำไม่ได้ว่าใคร อ่่านจบแล้วจะมาแบ่งปันค่ะ จะได้รู้ว่า เงินจำเป็น แต่ไม่สำคัญ ยิ่งเราตัดมาก เรายิ่งได้ผลมาก
พูดถึงเรื่องขายวิญญาณ เค้าเคยลงนะว่า มีคนขายวิญญาณใน eBay ด้วย แต่ไม่รู้มีใครซื้อรึเปล่า
John Michael Talbot เค้าตั้งคณะฆราวาสฟรังซิสกันคณะนึง เล่มนี้อ่้านแล้วน่ารักมาก คือ ไม่เคยรู้สึกปิ๊งนักบุญฟรังซิสเลยนะ คือมีความรู้สึกว่า เค้าต้องไม่เข้าใจเีแน่เลย แต่จู่ๆก็ซื้อเล่มนี้ และก็ได้อ่านข้อความที่ทำให้เราเชื่อว่า ท่านเข้าใจเรา ลองหามาอ่านนะคะ บอกได้เลยว่า น่ารัก และคุณจะหลงเสน่ห์ความเรียบง่าย You'll see the beauty of simplicity..
ที่พี่ Phulasso บอกนั้น เป็นคำพูดของนักบุญองค์นึงนะคะ มีอ้างในเล่มนี้ด้วย จำไม่ได้ว่าใคร อ่่านจบแล้วจะมาแบ่งปันค่ะ จะได้รู้ว่า เงินจำเป็น แต่ไม่สำคัญ ยิ่งเราตัดมาก เรายิ่งได้ผลมาก
พูดถึงเรื่องขายวิญญาณ เค้าเคยลงนะว่า มีคนขายวิญญาณใน eBay ด้วย แต่ไม่รู้มีใครซื้อรึเปล่า
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ไม่เป็นไรครับ
คนๆ เดียวไม่สามารถทำอย่างนั้นได้แน่ครับsakda88 เขียน:เป็นประเด็นที่น่าสนใจนะnecromancer เขียน: ถ้าขาดมันเศรษฐกิจไม่ล้มหรอก
แต่เราต่างหากที่จะทำให้เศรษฐกิจล้มโดยอ้างมัน....
แม้แต่เศรษฐกิจเองก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
เพื่อ....กอบโกยเข้าตัวเอง
ผมเชื่อนะว่ามีบางคนอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินและไม่มีผู้สนับสนุนด้วย
เป็นสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง
และถ้าคุณอยู่ในสังคมที่สลับซับซ้อนอย่างสังคมเครือข่ายแบบนี้
พิสูจน์ซิว่าคุณไม่ต้องใช้เงินและไม่มีผู้สนับสนุนด้วย
พระเยซูเจ้ายังต้องใช้เงินเลย
เพราะเราเป็นสัตว์สังคมที่ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและแตกต่างได้
อย่างที่บอกมันเป็นเพียงความคิดหรือทฤษฎีที่อาจเป็นไปได้
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง....
ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "เงิน" อารยธรรมของมนุษย์อาจไม่เจริญถึงขนาดนั้น
เพราะขาดปัจจัยที่เรีัยกว่า "กิเลส" ที่กลายเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาอารยธรรม
"กิเลส" กับ "เงิน" อะไรมาก่อน? อย่าสับสนนะครับnecromancer เขียน: อย่างที่บอกมันเป็นเพียงความคิดหรือทฤษฎีที่อาจเป็นไปได้
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง....
ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "เงิน" อารยธรรมของมนุษย์อาจไม่เจริญถึงขนาดนั้น
เพราะขาดปัจจัยที่เรีัยกว่า "กิเลส" ที่กลายเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาอารยธรรม
ถึงไม่มีเงิน ด้วยความปรารถนาของมนุษย์อารยธรรมเกิดขึ้นอยู่ดี
แท้จริงแล้วเงินคืออะไร ? ในความเห็นของผม
มันคืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสดวกอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
เกมการเงินเป็นเกมที่น่าสนใจ
"เงิน" และ "การเงิน" เป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีด้าน 2 ด้านให้เห็นอยู่เสมอ
ถ้ามีมากพอมันก็ไม่สำคัญBuddy เขียน: ตอนนี้อ่านเล่มนี้อยู่ค่ะ "The Lessons of St. Francis "
อ่่านจบแล้วจะมาแบ่งปันค่ะ จะได้รู้ว่า เงินจำเป็น แต่ไม่สำคัญ ยิ่งเราตัดมาก เรายิ่งได้ผลมาก
ถ้ามีมากพอให้เราได้ไปเรียนเมืองนอกมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ซื้อหนังสือ"The Lessons of St. Francis " มันก็ไม่สำคัญ
และถ้าไม่มีเงินหนังสือ"The Lessons of St. Francis "ก็คงไม่เกิดขึ้น
ด้วยเงินและความปรารถนาของใครบางคนที่ต้องการถ่ายทอดความคิดของSt. Francis
หนังสือ"The Lessons of St. Francis "จึงเกิดขึ้น
ถ้ามีมากพอให้เราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่สำคัญ
พอสำหรับอะไร นี่คือคำถามสำคัญ และเป็นหลักการดำเนินชีวิตทีเดียวsakda88 เขียน:ถ้ามีมากพอมันก็ไม่สำคัญBuddy เขียน: ตอนนี้อ่านเล่มนี้อยู่ค่ะ "The Lessons of St. Francis "
อ่่านจบแล้วจะมาแบ่งปันค่ะ จะได้รู้ว่า เงินจำเป็น แต่ไม่สำคัญ ยิ่งเราตัดมาก เรายิ่งได้ผลมาก
ถ้ามีมากพอให้เราได้ไปเรียนเมืองนอกมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ซื้อหนังสือ"The Lessons of St. Francis " มันก็ไม่สำคัญ
และถ้าไม่มีเงินหนังสือ"The Lessons of St. Francis "ก็คงไม่เกิดขึ้น
ด้วยเงินและความปรารถนาของใครบางคนที่ต้องการถ่ายทอดความคิดของSt. Francis
หนังสือ"The Lessons of St. Francis "จึงเกิดขึ้น
ถ้ามีมากพอให้เราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่สำคัญ
พอสำหรับการเที่ยวกลางคืน สำหรับแฟชั่นล่าสุด หรือพอสำหรับ..............
ความพออยู่ที่ตัวเรา ถ้าไม่เรียนเมืองนอกเมืองไทยก็มีที่ให้เรียน
ไม่พอสำหรับหนังสือ ก็แบ่งปันอ่าน หรืออ่านจากห้องสมุดได้
ไม่พอสำหรับอะไร..........
เงินหรือการแบ่งปันคือสิ่งสำคัญของสังคม
สังคมไทยเคยกิดกลียุคก่อน IMF จะมา หลายคนมีเงินมากๆ แล้วใช้เงินเป็นอำนาจ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การจราจรเกิดกลียุค รถเก๋งคันงามขับและจอดตามอำเภอใจ
เพราะเขาถือเงินป็นอำนาจ มีเงินเสียค่าปรับ ไม่กลัวตำรวจจราจร
นักเรียนขายตัวเพื่อเงินมาซื้อ Pager ตอนนั้นมือถือยังมีไม่มาก
หลายคนยอมทำอไรก็ไดให้ได้เงินมา เพราะไม่พอ เห็นความน่ากลัวของอำนาจเงินไหม
ไม่พออะไร ไม่พอต่อสิ่งที่สังคมทุนนิยมกำหนดว่าไม่พอ
Phulasso เขียน:พอสำหรับอะไร นี่คือคำถามสำคัญ และเป็นหลักการดำเนินชีวิตทีเดียวsakda88 เขียน:ถ้ามีมากพอมันก็ไม่สำคัญBuddy เขียน: ตอนนี้อ่านเล่มนี้อยู่ค่ะ "The Lessons of St. Francis "
อ่่านจบแล้วจะมาแบ่งปันค่ะ จะได้รู้ว่า เงินจำเป็น แต่ไม่สำคัญ ยิ่งเราตัดมาก เรายิ่งได้ผลมาก
ถ้ามีมากพอให้เราได้ไปเรียนเมืองนอกมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ซื้อหนังสือ"The Lessons of St. Francis " มันก็ไม่สำคัญ
และถ้าไม่มีเงินหนังสือ"The Lessons of St. Francis "ก็คงไม่เกิดขึ้น
ด้วยเงินและความปรารถนาของใครบางคนที่ต้องการถ่ายทอดความคิดของSt. Francis
หนังสือ"The Lessons of St. Francis "จึงเกิดขึ้น
ถ้ามีมากพอให้เราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่สำคัญ
พอสำหรับการเที่ยวกลางคืน สำหรับแฟชั่นล่าสุด หรือพอสำหรับ..............
ความพออยู่ที่ตัวเรา ถ้าไม่เรียนเมืองนอกเมืองไทยก็มีที่ให้เรียน
ไม่พอสำหรับหนังสือ ก็แบ่งปันอ่าน หรืออ่านจากห้องสมุดได้
ไม่พอสำหรับอะไร..........
เงินหรือการแบ่งปันคือสิ่งสำคัญของสังคม
สังคมไทยเคยกิดกลียุคก่อน IMF จะมา หลายคนมีเงินมากๆ แล้วใช้เงินเป็นอำนาจ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การจราจรเกิดกลียุค รถเก๋งคันงามขับและจอดตามอำเภอใจ
เพราะเขาถือเงินป็นอำนาจ มีเงินเสียค่าปรับ ไม่กลัวตำรวจจราจร
นักเรียนขายตัวเพื่อเงินมาซื้อ Pager ตอนนั้นมือถือยังมีไม่มาก
หลายคนยอมทำอไรก็ไดให้ได้เงินมา เพราะไม่พอ เห็นความน่ากลัวของอำนาจเงินไหม
ไม่พออะไร ไม่พอต่อสิ่งที่สังคมทุนนิยมกำหนดว่าไม่พอ
อือ...........อันนี้เห็นด้วยครับ
แต่อยากเสริมว่า....และอะไรเป็นมาตรฐานของคำว่า "พอ"
sakda88 เขียน:"กิเลส" กับ "เงิน" อะไรมาก่อน? อย่าสับสนนะครับnecromancer เขียน: อย่างที่บอกมันเป็นเพียงความคิดหรือทฤษฎีที่อาจเป็นไปได้
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง....
ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "เงิน" อารยธรรมของมนุษย์อาจไม่เจริญถึงขนาดนั้น
เพราะขาดปัจจัยที่เรีัยกว่า "กิเลส" ที่กลายเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาอารยธรรม
ถึงไม่มีเงิน ด้วยความปรารถนาของมนุษย์อารยธรรมเกิดขึ้นอยู่ดี
แท้จริงแล้วเงินคืออะไร ? ในความเห็นของผม
มันคืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสดวกอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
เกมการเงินเป็นเกมที่น่าสนใจ
"เงิน" และ "การเงิน" เป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีด้าน 2 ด้านให้เห็นอยู่เสมอ
เอ่อ....เปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน คำว่า "ปัจจัย" หมายถึง "เหตุอันเป็นทางให้เกิดผล" คือ
คำว่าปัจจัยในที่นี้ถ้าพิจารณาต่อไปโดยอาศัยหลักตรรกะ ย่อมหมายถึง ปัจจัยข้อหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด นะฮะ
............ -*-
สิ่งที่คุณเขียนมามันชัดเจนคือ เงินมีอำนาจ ดีหรือไม่ดีมันขึ้นอยู่กับคนที่ใช้มันPhulasso เขียน: สังคมไทยเคยกิดกลียุคก่อน IMF จะมา หลายคนมีเงินมากๆ แล้วใช้เงินเป็นอำนาจ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การจราจรเกิดกลียุค รถเก๋งคันงามขับและจอดตามอำเภอใจ
เพราะเขาถือเงินป็นอำนาจ มีเงินเสียค่าปรับ ไม่กลัวตำรวจจราจร
นักเรียนขายตัวเพื่อเงินมาซื้อ Pager ตอนนั้นมือถือยังมีไม่มาก
หลายคนยอมทำอไรก็ไดให้ได้เงินมา เพราะไม่พอ เห็นความน่ากลัวของอำนาจเงินไหม
ไม่พออะไร ไม่พอต่อสิ่งที่สังคมทุนนิยมกำหนดว่าไม่พอ[/size][/color]
มาตรฐานของพอก็ขึ้นกับคนแต่ละคนอีกเช่นเดียวกัน
ถึงไม่มีเงิน ย้ำว่าถึงไม่มีเงิน อีกครั้งหนึ่งถึงไม่มีเงิน มันยังมีอำนาจอื่น ๆ อีกมากมายที่จะถูกนำมาใช้
สนองตอบความต้องการของมนุษย์
ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ
คุณกำลังเลี่ยงการตอบคำถามของผมnecromancer เขียน:
เอ่อ....เปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน คำว่า "ปัจจัย" หมายถึง "เหตุอันเป็นทางให้เกิดผล" คือ
คำว่าปัจจัยในที่นี้ถ้าพิจารณาต่อไปโดยอาศัยหลักตรรกะ ย่อมหมายถึง ปัจจัยข้อหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด นะฮะ
............ -*-
หนูได้ทุนเรียนค่ะพี่ พระให้สมองมา เราร่วมมือกับพระด้วยการตั้งใจเรียน ที่เหลือพระจัดการsakda88 เขียน: ถ้ามีมากพอมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ไปเรียนเมืองนอกมันก็ไม่สำคัญ
ยืมห้องสมุดได้นะพี่ถ้ามีมากพอให้เราได้ซื้อหนังสือ"The Lessons of St. Francis " มันก็ไม่สำคัญ
และถ้าไม่มีเงินหนังสือ"The Lessons of St. Francis "ก็คงไม่เกิดขึ้น
อันนี้จริงนะคะ
ไปตัดสินว่า เค้าทำเพื่อเงินมันก็ไม่ยุติธรรมนะคะ และพี่ไปรู้ความปรารถนาเค้าได้ยังไงด้วยเงินและความปรารถนาของใครบางคนที่ต้องการถ่ายทอดความคิดของSt. Francis
หนังสือ"The Lessons of St. Francis "จึงเกิดขึ้น
มีสองอย่างนะคะ คือ ความต้องการ กับ ความจำเป็น ถ้าเราใช้เงินไปกับความต้องการ (และแถมไม่เคยควบคุมความต้องการอีก) มันก็ไม่มีวันพอหรอก แต่ถ้าเราลดความต้องการ ใช่แต่สิ่งจำเป็น มันก็พอถ้ามีมากพอให้เราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่สำคัญ
บางคนมีบาทเดียว อยู่ได้ทั้งวัน (เคยได้ยิน มาม่า 1 ซอง 3 มื้อมั้ยคะ นั่นแหละ บาทเดียวอยู้ได้ทั้งวัน )
และเคยได้ยินมั้ยคะว่า คนยิ่งโลภยิ่งจน ทรัพยากรในโลกมีจำกัด ถ้าพระเป็นเจ้าอวยพระพรให้คนโลภ โลกเราคงหายนะมากกว่านี้ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากรวย คุณต้องจนค่ะ
เราว่านะ ถ้าไม่มีกิเลส ก็ไม่มีเงินหรอก เเละถ้าไม่มีเงิน ก็ไม่มีกิเลส เงินเกิดขึ้นเพื่อใช้ในการค้าขาย ใช่หรือไม่?
หากมนุษย์เราอยู่กันด้วยความรักจริงๆอ่ะ มันจะไม่มีอะไรที่เรียกว่า ค้าขาย เพราะเราจะเเบ่งปันกัน ให้กันโดยไม่คิดค่าตอบเเทน ใครได้อะไรมาเอามารวมกันเเล้วใช้ด้วยกัน เเต่ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะมนุษย์ดันทำตนเป็นคนบาป อยากได้ของๆข้าฯ ก็ต้องเอาของมาเเลก เหมือนการค้าขายสมัยโบราณ พอมาซักพักหนึ่ง คนเราเริ่มเหนว่าถ้าเอาผลไม้ไปเเลกกับดาบมันไม่เเฟร์ เพราะ คนที่ได้ดาบไปก็ได้เปรียบเพราะดาบเก็บไว้ได้นาน คนที่ได้ผลไม้ ก็เสียเปรียบ เพราะมันจะเน่าเอาให้ได้ในเร็ววัน ต้องรีบกินกันท้องเเตก พวกเขาเลยคิดเงินตราขึ้นมา ไง
เเต่ยังไงก็เพื่อวัตถุประสงค์เดิม ถ้าอยากได้ของข้าฯ เอาเงินมาเเลก ไม่มี ก็ไม่ต้องเอา หาเอาเอง
เเต่จะว่าไป เงินเป็นตัวทำให้กิเลสสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้
ดังนั้น สรุปได้ว่า เงินเเละกิเลสเป็นสิ่งไม่มีชีวิตที่อยู่ในสภาวะต้องพึ่งพาอาศัยกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้
ดังนั้น มันจึงทุเรศทั้งคู่นั่นเเล
ป.ล. มันทุเรศตั้งเเต่ทำให้พี่น้องคริสตชนมานั่งเถียงกันเเล้ว มันคือมหาอำนาจจริงๆ พระบอกให้สามัคคี
กว่าเราๆจะสามัคคีกันได้ ใช้เวลาพอสมควร เเต่อีนี่มันมาเเค่ครั้งเดียว กระเจิดกระเจิงหมดเลย เเหะๆ
ป.ล.2 ข้อความจากป.ล.1ไม่ได้เปรียบเทียบอำนาจของเงินกับอำนาจของพระเจ้า เเต่เปรียบกับการ
เลือกที่จะปฏิบัติของพี่น้องคริสตชนมากกว่า
หากมนุษย์เราอยู่กันด้วยความรักจริงๆอ่ะ มันจะไม่มีอะไรที่เรียกว่า ค้าขาย เพราะเราจะเเบ่งปันกัน ให้กันโดยไม่คิดค่าตอบเเทน ใครได้อะไรมาเอามารวมกันเเล้วใช้ด้วยกัน เเต่ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะมนุษย์ดันทำตนเป็นคนบาป อยากได้ของๆข้าฯ ก็ต้องเอาของมาเเลก เหมือนการค้าขายสมัยโบราณ พอมาซักพักหนึ่ง คนเราเริ่มเหนว่าถ้าเอาผลไม้ไปเเลกกับดาบมันไม่เเฟร์ เพราะ คนที่ได้ดาบไปก็ได้เปรียบเพราะดาบเก็บไว้ได้นาน คนที่ได้ผลไม้ ก็เสียเปรียบ เพราะมันจะเน่าเอาให้ได้ในเร็ววัน ต้องรีบกินกันท้องเเตก พวกเขาเลยคิดเงินตราขึ้นมา ไง
เเต่ยังไงก็เพื่อวัตถุประสงค์เดิม ถ้าอยากได้ของข้าฯ เอาเงินมาเเลก ไม่มี ก็ไม่ต้องเอา หาเอาเอง
เเต่จะว่าไป เงินเป็นตัวทำให้กิเลสสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้
ดังนั้น สรุปได้ว่า เงินเเละกิเลสเป็นสิ่งไม่มีชีวิตที่อยู่ในสภาวะต้องพึ่งพาอาศัยกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้
ดังนั้น มันจึงทุเรศทั้งคู่นั่นเเล
ป.ล. มันทุเรศตั้งเเต่ทำให้พี่น้องคริสตชนมานั่งเถียงกันเเล้ว มันคือมหาอำนาจจริงๆ พระบอกให้สามัคคี
กว่าเราๆจะสามัคคีกันได้ ใช้เวลาพอสมควร เเต่อีนี่มันมาเเค่ครั้งเดียว กระเจิดกระเจิงหมดเลย เเหะๆ
ป.ล.2 ข้อความจากป.ล.1ไม่ได้เปรียบเทียบอำนาจของเงินกับอำนาจของพระเจ้า เเต่เปรียบกับการ
เลือกที่จะปฏิบัติของพี่น้องคริสตชนมากกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Ecclēsia เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 1:38 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ไม่ได้เลี่ยงนะฮะ ภาษานิติธรรม เรียกวา่ ใช้หลักตรรกะตามมาตรฐานของวิญญูชน ครับsakda88 เขียน:คุณกำลังเลี่ยงการตอบคำถามของผมnecromancer เขียน:
เอ่อ....เปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน คำว่า "ปัจจัย" หมายถึง "เหตุอันเป็นทางให้เกิดผล" คือ
คำว่าปัจจัยในที่นี้ถ้าพิจารณาต่อไปโดยอาศัยหลักตรรกะ ย่อมหมายถึง ปัจจัยข้อหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด นะฮะ
............ -*-
อันนี้พี่โฮลี่หมายความประมาณว่า ทุกอย่าง สิ่งจำเป็นที่เราต้องใช้ทั้งหมด ไม่ใช่ได้จากเงิน เเต่ได้จากHoly เขียน: โปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
พระผู้เป็นเจ้าหรือเปล่าคะ???
คือไม่เเน่ใจ ถ้าผิดยังไงโปรดแก้ไขด้วย กึก :lipsrsealed:
ปัญญาเบาไปหน่อย :huh:
จงอย่ากังวลใจ จงอย่าได้กลัวเลย ผู้วางใจในพระเจ้าไม่ขาดสิ่งใดใดEcclesia เขียน: อันนี้พี่โฮลี่หมายความประมาณว่า ทุกอย่าง สิ่งจำเป็นที่เราต้องใช้ทั้งหมด ไม่ใช่ได้จากเงิน เเต่ได้จาก
พระผู้เป็นเจ้าหรือเปล่าคะ???
จงอย่ากังวลใจ จงอย่าได้กลัวเลย เพียงพระเจ้าเพียงพอ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระองค์ เงินที่เรามีก็มาจากพระองค์
ร่างกายของเราก็มาจากพระองค์ครับ
ร่างกายของเราก็มาจากพระองค์ครับ
มนุษย์มีทั้งอำนาจใฝ่ต่ำและใฝ่ดีในตัวเอง ทุกอย่างมีสองด้านsakda88 เขียน:สิ่งที่คุณเขียนมามันชัดเจนคือ เงินมีอำนาจ ดีหรือไม่ดีมันขึ้นอยู่กับคนที่ใช้มันPhulasso เขียน: สังคมไทยเคยกิดกลียุคก่อน IMF จะมา หลายคนมีเงินมากๆ แล้วใช้เงินเป็นอำนาจ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การจราจรเกิดกลียุค รถเก๋งคันงามขับและจอดตามอำเภอใจ
เพราะเขาถือเงินป็นอำนาจ มีเงินเสียค่าปรับ ไม่กลัวตำรวจจราจร
นักเรียนขายตัวเพื่อเงินมาซื้อ Pager ตอนนั้นมือถือยังมีไม่มาก
หลายคนยอมทำอไรก็ไดให้ได้เงินมา เพราะไม่พอ เห็นความน่ากลัวของอำนาจเงินไหม
ไม่พออะไร ไม่พอต่อสิ่งที่สังคมทุนนิยมกำหนดว่าไม่พอ[/size][/color]
มาตรฐานของพอก็ขึ้นกับคนแต่ละคนอีกเช่นเดียวกัน
ถึงไม่มีเงิน ย้ำว่าถึงไม่มีเงิน อีกครั้งหนึ่งถึงไม่มีเงิน มันยังมีอำนาจอื่น ๆ อีกมากมายที่จะถูกนำมาใช้
สนองตอบความต้องการของมนุษย์
ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ
เงินไม่มีอำนาจอะไร เป็นเพียงเศษกระดาษ ถ้ามนุษย์ไม่กำหนดอำนาจให้มัน
เงินเป็นเพียงเครื่องมือที่จะนำไปปฏิบัติในทางดีหรือชั่วของกิเลสตัณหา
ถ้าเราติดเกาะอยู่ต่อให้มีเงินมหาศาลแลกกับน้ำจืดขวดเดียวก็ไม่ได้
มีเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนดี นับได้ว่าดีแหละ มีรายได้ค่อนข้างดี แต่ไม่ร่ำรวยอะไร
เขาเล่าว่า วันหนึ่งมีคนเอาเงินใบละพันหนาสักคืบมาให้เขา
บอกเขาว่าเอาไปเถอะเอาไปทำอะไรก็ได้ ไม่ผูกพันอะไร
เขาบอกว่าเขาหวั่นไหวมาก เหงื่อซึม จิตใจสับสน ถ้ารับเงินมาแล้วเขาจะไปใช้อะไรได้บ้าง
ได้มีของแพงๆฟุ่มเฟือย จะซื้ออะไรไปให้ลูกให้เมียบ้าง ลูกเมียคงดีใจที่ได้ของหรูๆ
แต่จิตดีเขาก็บอกว่า เขากำลังขายตัวให้พ่อค้า พ่อแม่ลูกเมียเขาจะภูมิใจในตัวเขาอีกไหม
ที่มีลูก มีพ่อ มีสามี ที่ขายตัวด้วยเงินก้อนหนึ่ง พ่อเขามีราคาแล้ว ราคาเป็นเงิน ใช่เงิน
เกียรติยศความดีจะหมดไป เขาตัดสินใจปฏิเสธ หันหน้าหนีไป ให้หลุดจากอำนาจสะกดของเงิน
นี่แหละเงิน สิ่งสมมติที่มีพลานุภาพสามารถดึงมนุษย์ลงสู่ความดำมืดได้
เขาเล่าว่า วันหนึ่งมีคนเอาเงินใบละพันหนาสักคืบมาให้เขา
บอกเขาว่าเอาไปเถอะเอาไปทำอะไรก็ได้ ไม่ผูกพันอะไร
เขาบอกว่าเขาหวั่นไหวมาก เหงื่อซึม จิตใจสับสน ถ้ารับเงินมาแล้วเขาจะไปใช้อะไรได้บ้าง
ได้มีของแพงๆฟุ่มเฟือย จะซื้ออะไรไปให้ลูกให้เมียบ้าง ลูกเมียคงดีใจที่ได้ของหรูๆ
แต่จิตดีเขาก็บอกว่า เขากำลังขายตัวให้พ่อค้า พ่อแม่ลูกเมียเขาจะภูมิใจในตัวเขาอีกไหม
ที่มีลูก มีพ่อ มีสามี ที่ขายตัวด้วยเงินก้อนหนึ่ง พ่อเขามีราคาแล้ว ราคาเป็นเงิน ใช่เงิน
เกียรติยศความดีจะหมดไป เขาตัดสินใจปฏิเสธ หันหน้าหนีไป ให้หลุดจากอำนาจสะกดของเงิน
นี่แหละเงิน สิ่งสมมติที่มีพลานุภาพสามารถดึงมนุษย์ลงสู่ความดำมืดได้
เข้าใจคุณศักดาว่าผ่านวิกฤติอะไรมา และเงินมีผลต่อวิถีชีวิตอย่างไรบ้างPhulasso เขียน:
ทุกคนในนี้ถ้าไม่มีเงินจะเป็นอย่างไร จะได้มานั่งโพสอย่างนี้ไหม
แต่พยายามจะบอกว่าอย่าให้เงินมาชักนำเราหรือซื้อเรา พาเราไปในทางที่ต่ำลง
กิเลสตัณหาก็เป็นสิ่งซื้อมนุษย์ได้ ว่างๆจะเล่าให้ฟัง เรื่องมันยาววววววววว
:cheesy: