มีใครสนใจพ่อค้าคนนี้ไหมครับ เขาว่าให้ได้ทุกอย่าง

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 23, 2007 8:00 am

รูปภาพ
demon of east
โพสต์: 50
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 12:49 pm

ศุกร์ มี.ค. 23, 2007 10:03 am

หึๆ
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มี.ค. 23, 2007 11:57 am

รูปภาพ

Money is the root of all evil.
Dis volentibus

ศุกร์ มี.ค. 23, 2007 12:03 pm

ไม่เป็นไรๆ ขอบคุณมากๆ ขอให้ตกอับไม่มีใครใช้บริการนะจ๊ะ บ๊ายบาย  :angel:
St.paul

ศุกร์ มี.ค. 23, 2007 12:21 pm

อย่างน้อยทางพาณิชยศาสตร์สำคัญนะครับอย่าลืม ถ้าขาดมันประเทศเศรษฐกิจล่มได้นะครับ
ขอบอกต้องใช้อย่างไม่ให้หลงใหลครับจึงจะดีเราต้องเป็นนายมันอย่าปล่อยให้มันเป็นนายเรา
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

ศุกร์ มี.ค. 23, 2007 2:05 pm

เศรฐกิจพอเพียงเด้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ มี.ค. 24, 2007 10:28 am

S.Paulvs De Bangkok เขียน: อย่างน้อยทางพาณิชยศาสตร์สำคัญนะครับอย่าลืม ถ้าขาดมันประเทศเศรษฐกิจล่มได้นะครับ
ขอบอกต้องใช้อย่างไม่ให้หลงใหลครับจึงจะดีเราต้องเป็นนายมันอย่าปล่อยให้มันเป็นนายเรา
มนุษย์สร้างมันขึ้นมา
แล้วมาบูชามัน
จากกระดาษแผ่นเดียว และโลหะอีกเหรียญเดียว
กลายเป็นสิ่งที่มากำหนดทิศทางการดำเนินชีวิตของมนุษย์
เพียงเพราะเราหลงไหลในมันมากเกินไป.....แค่นั้นเอง

ถ้าขาดมันเศรษฐกิจไม่ล้มหรอก
แต่เราต่างหากที่จะทำให้เศรษฐกิจล้มโดยอ้างมัน....
แม้แต่เศรษฐกิจเองก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
เพื่อ....กอบโกยเข้าตัวเอง
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ มี.ค. 28, 2007 11:05 am

necromancer เขียน: ถ้าขาดมันเศรษฐกิจไม่ล้มหรอก
แต่เราต่างหากที่จะทำให้เศรษฐกิจล้มโดยอ้างมัน....
แม้แต่เศรษฐกิจเองก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
เพื่อ....กอบโกยเข้าตัวเอง
เป็นประเด็นที่น่าสนใจนะ
ผมเชื่อนะว่ามีบางคนอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินและไม่มีผู้สนับสนุนด้วย
เป็นสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง
และถ้าคุณอยู่ในสังคมที่สลับซับซ้อนอย่างสังคมเครือข่ายแบบนี้
พิสูจน์ซิว่าคุณไม่ต้องใช้เงินและไม่มีผู้สนับสนุนด้วย
พระเยซูเจ้ายังต้องใช้เงินเลย
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พุธ มี.ค. 28, 2007 11:31 am

ตอนนี้อ่านเล่มนี้อยู่ค่ะ  "The Lessons of St. Francis "

รูปภาพ

John Michael Talbot เค้าตั้งคณะฆราวาสฟรังซิสกันคณะนึง  เล่มนี้อ่้านแล้วน่ารักมาก  คือ ไม่เคยรู้สึกปิ๊งนักบุญฟรังซิสเลยนะ  คือมีความรู้สึกว่า  เค้าต้องไม่เข้าใจเีแน่เลย  แต่จู่ๆก็ซื้อเล่มนี้  และก็ได้อ่านข้อความที่ทำให้เราเชื่อว่า  ท่านเข้าใจเรา  ลองหามาอ่านนะคะ  บอกได้เลยว่า  น่ารัก และคุณจะหลงเสน่ห์ความเรียบง่าย  ::001::  You'll see the beauty of simplicity..  ::004::

ที่พี่ Phulasso  บอกนั้น เป็นคำพูดของนักบุญองค์นึงนะคะ  มีอ้างในเล่มนี้ด้วย  จำไม่ได้ว่าใคร  อ่่านจบแล้วจะมาแบ่งปันค่ะ  จะได้รู้ว่า เงินจำเป็น  แต่ไม่สำคัญ  ยิ่งเราตัดมาก  เรายิ่งได้ผลมาก  ::001::

พูดถึงเรื่องขายวิญญาณ  เค้าเคยลงนะว่า  มีคนขายวิญญาณใน eBay ด้วย  แต่ไม่รู้มีใครซื้อรึเปล่า  ::009::
Nativity
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 3:31 pm
ที่อยู่: Peace in sinner

พุธ มี.ค. 28, 2007 12:28 pm

เศรษฐกิจพอเพียง  ::020:: ใช้ได้ทุกยุคคร้าบบ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มี.ค. 28, 2007 12:29 pm

ไม่เป็นไรครับ ::010::
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มี.ค. 28, 2007 8:43 pm

sakda88 เขียน:
necromancer เขียน: ถ้าขาดมันเศรษฐกิจไม่ล้มหรอก
แต่เราต่างหากที่จะทำให้เศรษฐกิจล้มโดยอ้างมัน....
แม้แต่เศรษฐกิจเองก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
เพื่อ....กอบโกยเข้าตัวเอง
เป็นประเด็นที่น่าสนใจนะ
ผมเชื่อนะว่ามีบางคนอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินและไม่มีผู้สนับสนุนด้วย
เป็นสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง
และถ้าคุณอยู่ในสังคมที่สลับซับซ้อนอย่างสังคมเครือข่ายแบบนี้
พิสูจน์ซิว่าคุณไม่ต้องใช้เงินและไม่มีผู้สนับสนุนด้วย
พระเยซูเจ้ายังต้องใช้เงินเลย
คนๆ เดียวไม่สามารถทำอย่างนั้นได้แน่ครับ
เพราะเราเป็นสัตว์สังคมที่ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและแตกต่างได้

อย่างที่บอกมันเป็นเพียงความคิดหรือทฤษฎีที่อาจเป็นไปได้
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง....
ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "เงิน" อารยธรรมของมนุษย์อาจไม่เจริญถึงขนาดนั้น
เพราะขาดปัจจัยที่เรีัยกว่า "กิเลส" ที่กลายเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาอารยธรรม
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 12:43 pm

Money is the root of all evil.
In the sametime it is the root of all goodness.
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 1:00 pm

necromancer เขียน: อย่างที่บอกมันเป็นเพียงความคิดหรือทฤษฎีที่อาจเป็นไปได้
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง....
ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "เงิน" อารยธรรมของมนุษย์อาจไม่เจริญถึงขนาดนั้น
เพราะขาดปัจจัยที่เรีัยกว่า "กิเลส" ที่กลายเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาอารยธรรม
"กิเลส" กับ "เงิน" อะไรมาก่อน? อย่าสับสนนะครับ
ถึงไม่มีเงิน  ด้วยความปรารถนาของมนุษย์อารยธรรมเกิดขึ้นอยู่ดี
แท้จริงแล้วเงินคืออะไร ? ในความเห็นของผม
มันคืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสดวกอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
เกมการเงินเป็นเกมที่น่าสนใจ
"เงิน" และ "การเงิน" เป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีด้าน 2 ด้านให้เห็นอยู่เสมอ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 1:03 pm

ผมว่าเถียงกันทำไม ก็ในเมื่อจริงๆแล้วก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ ว่าเขาไม่ได้ห้ามใช้เงิน แต่ว่าอย่าขายวิญญาณเพราะเห็นแก่เงิน วู๊ เถียงกันอยู่ได้
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 1:28 pm

Buddy เขียน: ตอนนี้อ่านเล่มนี้อยู่ค่ะ  "The Lessons of St. Francis "
อ่่านจบแล้วจะมาแบ่งปันค่ะ  จะได้รู้ว่า เงินจำเป็น  แต่ไม่สำคัญ  ยิ่งเราตัดมาก  เรายิ่งได้ผลมาก   
ถ้ามีมากพอมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ไปเรียนเมืองนอกมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ซื้อหนังสือ"The Lessons of St. Francis " มันก็ไม่สำคัญ
      และถ้าไม่มีเงินหนังสือ"The Lessons of St. Francis "ก็คงไม่เกิดขึ้น
      ด้วยเงินและความปรารถนาของใครบางคนที่ต้องการถ่ายทอดความคิดของSt. Francis
      หนังสือ"The Lessons of St. Francis "จึงเกิดขึ้น
ถ้ามีมากพอให้เราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่สำคัญ
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 3:59 pm

sakda88 เขียน:
Buddy เขียน: ตอนนี้อ่านเล่มนี้อยู่ค่ะ  "The Lessons of St. Francis "
อ่่านจบแล้วจะมาแบ่งปันค่ะ  จะได้รู้ว่า เงินจำเป็น  แต่ไม่สำคัญ  ยิ่งเราตัดมาก  เรายิ่งได้ผลมาก   
ถ้ามีมากพอมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ไปเรียนเมืองนอกมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ซื้อหนังสือ"The Lessons of St. Francis " มันก็ไม่สำคัญ
       และถ้าไม่มีเงินหนังสือ"The Lessons of St. Francis "ก็คงไม่เกิดขึ้น
      ด้วยเงินและความปรารถนาของใครบางคนที่ต้องการถ่ายทอดความคิดของSt. Francis
      หนังสือ"The Lessons of St. Francis "จึงเกิดขึ้น
ถ้ามีมากพอให้เราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่สำคัญ
พอสำหรับอะไร นี่คือคำถามสำคัญ และเป็นหลักการดำเนินชีวิตทีเดียว
พอสำหรับการเที่ยวกลางคืน สำหรับแฟชั่นล่าสุด หรือพอสำหรับ..............
ความพออยู่ที่ตัวเรา ถ้าไม่เรียนเมืองนอกเมืองไทยก็มีที่ให้เรียน
ไม่พอสำหรับหนังสือ ก็แบ่งปันอ่าน หรืออ่านจากห้องสมุดได้

ไม่พอสำหรับอะไร..........
เงินหรือการแบ่งปันคือสิ่งสำคัญของสังคม

สังคมไทยเคยกิดกลียุคก่อน IMF จะมา หลายคนมีเงินมากๆ แล้วใช้เงินเป็นอำนาจ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การจราจรเกิดกลียุค รถเก๋งคันงามขับและจอดตามอำเภอใจ
เพราะเขาถือเงินป็นอำนาจ  มีเงินเสียค่าปรับ ไม่กลัวตำรวจจราจร
นักเรียนขายตัวเพื่อเงินมาซื้อ Pager ตอนนั้นมือถือยังมีไม่มาก
หลายคนยอมทำอไรก็ไดให้ได้เงินมา เพราะไม่พอ เห็นความน่ากลัวของอำนาจเงินไหม
ไม่พออะไร ไม่พอต่อสิ่งที่สังคมทุนนิยมกำหนดว่าไม่พอ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 6:58 pm

Phulasso เขียน:
sakda88 เขียน:
Buddy เขียน: ตอนนี้อ่านเล่มนี้อยู่ค่ะ  "The Lessons of St. Francis "
อ่่านจบแล้วจะมาแบ่งปันค่ะ  จะได้รู้ว่า เงินจำเป็น  แต่ไม่สำคัญ  ยิ่งเราตัดมาก  เรายิ่งได้ผลมาก   
ถ้ามีมากพอมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ไปเรียนเมืองนอกมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ซื้อหนังสือ"The Lessons of St. Francis " มันก็ไม่สำคัญ
      และถ้าไม่มีเงินหนังสือ"The Lessons of St. Francis "ก็คงไม่เกิดขึ้น
      ด้วยเงินและความปรารถนาของใครบางคนที่ต้องการถ่ายทอดความคิดของSt. Francis
      หนังสือ"The Lessons of St. Francis "จึงเกิดขึ้น
ถ้ามีมากพอให้เราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่สำคัญ
พอสำหรับอะไร นี่คือคำถามสำคัญ และเป็นหลักการดำเนินชีวิตทีเดียว
พอสำหรับการเที่ยวกลางคืน สำหรับแฟชั่นล่าสุด หรือพอสำหรับ..............
ความพออยู่ที่ตัวเรา ถ้าไม่เรียนเมืองนอกเมืองไทยก็มีที่ให้เรียน
ไม่พอสำหรับหนังสือ ก็แบ่งปันอ่าน หรืออ่านจากห้องสมุดได้

ไม่พอสำหรับอะไร..........
เงินหรือการแบ่งปันคือสิ่งสำคัญของสังคม

สังคมไทยเคยกิดกลียุคก่อน IMF จะมา หลายคนมีเงินมากๆ แล้วใช้เงินเป็นอำนาจ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การจราจรเกิดกลียุค รถเก๋งคันงามขับและจอดตามอำเภอใจ
เพราะเขาถือเงินป็นอำนาจ  มีเงินเสียค่าปรับ ไม่กลัวตำรวจจราจร
นักเรียนขายตัวเพื่อเงินมาซื้อ Pager ตอนนั้นมือถือยังมีไม่มาก
หลายคนยอมทำอไรก็ไดให้ได้เงินมา เพราะไม่พอ เห็นความน่ากลัวของอำนาจเงินไหม
ไม่พออะไร ไม่พอต่อสิ่งที่สังคมทุนนิยมกำหนดว่าไม่พอ

อือ...........อันนี้เห็นด้วยครับ
แต่อยากเสริมว่า....และอะไรเป็นมาตรฐานของคำว่า "พอ"


sakda88 เขียน:
necromancer เขียน: อย่างที่บอกมันเป็นเพียงความคิดหรือทฤษฎีที่อาจเป็นไปได้
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง....
ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "เงิน" อารยธรรมของมนุษย์อาจไม่เจริญถึงขนาดนั้น
เพราะขาดปัจจัยที่เรีัยกว่า "กิเลส" ที่กลายเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาอารยธรรม
"กิเลส" กับ "เงิน" อะไรมาก่อน? อย่าสับสนนะครับ
ถึงไม่มีเงิน  ด้วยความปรารถนาของมนุษย์อารยธรรมเกิดขึ้นอยู่ดี
แท้จริงแล้วเงินคืออะไร ? ในความเห็นของผม
มันคืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสดวกอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
เกมการเงินเป็นเกมที่น่าสนใจ
"เงิน" และ "การเงิน" เป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีด้าน 2 ด้านให้เห็นอยู่เสมอ

เอ่อ....เปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน คำว่า "ปัจจัย" หมายถึง "เหตุอันเป็นทางให้เกิดผล" คือ
คำว่าปัจจัยในที่นี้ถ้าพิจารณาต่อไปโดยอาศัยหลักตรรกะ ย่อมหมายถึง ปัจจัยข้อหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด นะฮะ

............ -*-
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 12:34 am

Phulasso เขียน: สังคมไทยเคยกิดกลียุคก่อน IMF จะมา หลายคนมีเงินมากๆ แล้วใช้เงินเป็นอำนาจ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การจราจรเกิดกลียุค รถเก๋งคันงามขับและจอดตามอำเภอใจ
เพราะเขาถือเงินป็นอำนาจ  มีเงินเสียค่าปรับ ไม่กลัวตำรวจจราจร
นักเรียนขายตัวเพื่อเงินมาซื้อ Pager ตอนนั้นมือถือยังมีไม่มาก
หลายคนยอมทำอไรก็ไดให้ได้เงินมา เพราะไม่พอ เห็นความน่ากลัวของอำนาจเงินไหม
ไม่พออะไร ไม่พอต่อสิ่งที่สังคมทุนนิยมกำหนดว่าไม่พอ[/size][/color]
สิ่งที่คุณเขียนมามันชัดเจนคือ เงินมีอำนาจ  ดีหรือไม่ดีมันขึ้นอยู่กับคนที่ใช้มัน
มาตรฐานของพอก็ขึ้นกับคนแต่ละคนอีกเช่นเดียวกัน

ถึงไม่มีเงิน  ย้ำว่าถึงไม่มีเงิน  อีกครั้งหนึ่งถึงไม่มีเงิน  มันยังมีอำนาจอื่น ๆ อีกมากมายที่จะถูกนำมาใช้
สนองตอบความต้องการของมนุษย์

ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 12:37 am

necromancer เขียน:
เอ่อ....เปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน คำว่า "ปัจจัย" หมายถึง "เหตุอันเป็นทางให้เกิดผล" คือ
คำว่าปัจจัยในที่นี้ถ้าพิจารณาต่อไปโดยอาศัยหลักตรรกะ ย่อมหมายถึง ปัจจัยข้อหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด นะฮะ

............ -*-
คุณกำลังเลี่ยงการตอบคำถามของผม
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 1:20 am

sakda88 เขียน: ถ้ามีมากพอมันก็ไม่สำคัญ
ถ้ามีมากพอให้เราได้ไปเรียนเมืองนอกมันก็ไม่สำคัญ
หนูได้ทุนเรียนค่ะพี่  ::001::  พระให้สมองมา  เราร่วมมือกับพระด้วยการตั้งใจเรียน  ที่เหลือพระจัดการ  ::001::
ถ้ามีมากพอให้เราได้ซื้อหนังสือ"The Lessons of St. Francis " มันก็ไม่สำคัญ
ยืมห้องสมุดได้นะพี่  ::001::
และถ้าไม่มีเงินหนังสือ"The Lessons of St. Francis "ก็คงไม่เกิดขึ้น
   

อันนี้จริงนะคะ
ด้วยเงินและความปรารถนาของใครบางคนที่ต้องการถ่ายทอดความคิดของSt. Francis
      หนังสือ"The Lessons of St. Francis "จึงเกิดขึ้น
ไปตัดสินว่า  เค้าทำเพื่อเงินมันก็ไม่ยุติธรรมนะคะ  และพี่ไปรู้ความปรารถนาเค้าได้ยังไง 
ถ้ามีมากพอให้เราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่สำคัญ
มีสองอย่างนะคะ  คือ  ความต้องการ  กับ ความจำเป็น  ถ้าเราใช้เงินไปกับความต้องการ  (และแถมไม่เคยควบคุมความต้องการอีก)  มันก็ไม่มีวันพอหรอก  แต่ถ้าเราลดความต้องการ  ใช่แต่สิ่งจำเป็น  มันก็พอ 

บางคนมีบาทเดียว  อยู่ได้ทั้งวัน  (เคยได้ยิน  มาม่า 1 ซอง 3 มื้อมั้ยคะ  นั่นแหละ  บาทเดียวอยู้ได้ทั้งวัน  ::001::)

และเคยได้ยินมั้ยคะว่า  คนยิ่งโลภยิ่งจน    ทรัพยากรในโลกมีจำกัด  ถ้าพระเป็นเจ้าอวยพระพรให้คนโลภ  โลกเราคงหายนะมากกว่านี้  เพราะฉะนั้น  ถ้าคุณอยากรวย  คุณต้องจนค่ะ 
Dis volentibus

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 1:23 am

เราว่านะ ถ้าไม่มีกิเลส ก็ไม่มีเงินหรอก เเละถ้าไม่มีเงิน ก็ไม่มีกิเลส เงินเกิดขึ้นเพื่อใช้ในการค้าขาย ใช่หรือไม่?
หากมนุษย์เราอยู่กันด้วยความรักจริงๆอ่ะ มันจะไม่มีอะไรที่เรียกว่า ค้าขาย เพราะเราจะเเบ่งปันกัน ให้กันโดยไม่คิดค่าตอบเเทน ใครได้อะไรมาเอามารวมกันเเล้วใช้ด้วยกัน เเต่ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะมนุษย์ดันทำตนเป็นคนบาป อยากได้ของๆข้าฯ ก็ต้องเอาของมาเเลก เหมือนการค้าขายสมัยโบราณ พอมาซักพักหนึ่ง คนเราเริ่มเหนว่าถ้าเอาผลไม้ไปเเลกกับดาบมันไม่เเฟร์ เพราะ คนที่ได้ดาบไปก็ได้เปรียบเพราะดาบเก็บไว้ได้นาน คนที่ได้ผลไม้ ก็เสียเปรียบ เพราะมันจะเน่าเอาให้ได้ในเร็ววัน ต้องรีบกินกันท้องเเตก พวกเขาเลยคิดเงินตราขึ้นมา ไง
เเต่ยังไงก็เพื่อวัตถุประสงค์เดิม ถ้าอยากได้ของข้าฯ เอาเงินมาเเลก ไม่มี ก็ไม่ต้องเอา หาเอาเอง :angel:
เเต่จะว่าไป เงินเป็นตัวทำให้กิเลสสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้
ดังนั้น สรุปได้ว่า เงินเเละกิเลสเป็นสิ่งไม่มีชีวิตที่อยู่ในสภาวะต้องพึ่งพาอาศัยกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้
ดังนั้น มันจึงทุเรศทั้งคู่นั่นเเล : emo056 :

ป.ล. มันทุเรศตั้งเเต่ทำให้พี่น้องคริสตชนมานั่งเถียงกันเเล้ว มันคือมหาอำนาจจริงๆ พระบอกให้สามัคคี
กว่าเราๆจะสามัคคีกันได้ ใช้เวลาพอสมควร เเต่อีนี่มันมาเเค่ครั้งเดียว กระเจิดกระเจิงหมดเลย เเหะๆ ::006::
ป.ล.2 ข้อความจากป.ล.1ไม่ได้เปรียบเทียบอำนาจของเงินกับอำนาจของพระเจ้า เเต่เปรียบกับการ
เลือกที่จะปฏิบัติของพี่น้องคริสตชนมากกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Ecclēsia เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 1:38 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 2:13 am

โปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 2:28 am

sakda88 เขียน:
necromancer เขียน:
เอ่อ....เปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน คำว่า "ปัจจัย" หมายถึง "เหตุอันเป็นทางให้เกิดผล" คือ
คำว่าปัจจัยในที่นี้ถ้าพิจารณาต่อไปโดยอาศัยหลักตรรกะ ย่อมหมายถึง ปัจจัยข้อหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด นะฮะ

............ -*-
คุณกำลังเลี่ยงการตอบคำถามของผม
ไม่ได้เลี่ยงนะฮะ ภาษานิติธรรม เรียกวา่ ใช้หลักตรรกะตามมาตรฐานของวิญญูชน ครับ
Dis volentibus

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 2:47 am

Holy เขียน: โปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
อันนี้พี่โฮลี่หมายความประมาณว่า ทุกอย่าง สิ่งจำเป็นที่เราต้องใช้ทั้งหมด ไม่ใช่ได้จากเงิน เเต่ได้จาก
พระผู้เป็นเจ้าหรือเปล่าคะ???
คือไม่เเน่ใจ ถ้าผิดยังไงโปรดแก้ไขด้วย กึก :lipsrsealed:
ปัญญาเบาไปหน่อย :huh:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 7:04 am

Ecclesia เขียน: อันนี้พี่โฮลี่หมายความประมาณว่า ทุกอย่าง สิ่งจำเป็นที่เราต้องใช้ทั้งหมด ไม่ใช่ได้จากเงิน เเต่ได้จาก
พระผู้เป็นเจ้าหรือเปล่าคะ???
จงอย่ากังวลใจ จงอย่าได้กลัวเลย ผู้วางใจในพระเจ้าไม่ขาดสิ่งใดใด

จงอย่ากังวลใจ จงอย่าได้กลัวเลย เพียงพระเจ้าเพียงพอ ::004::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 10:37 am

ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระองค์ เงินที่เรามีก็มาจากพระองค์
ร่างกายของเราก็มาจากพระองค์ครับ
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 11:59 am

sakda88 เขียน:
Phulasso เขียน: สังคมไทยเคยกิดกลียุคก่อน IMF จะมา หลายคนมีเงินมากๆ แล้วใช้เงินเป็นอำนาจ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การจราจรเกิดกลียุค รถเก๋งคันงามขับและจอดตามอำเภอใจ
เพราะเขาถือเงินป็นอำนาจ  มีเงินเสียค่าปรับ ไม่กลัวตำรวจจราจร
นักเรียนขายตัวเพื่อเงินมาซื้อ Pager ตอนนั้นมือถือยังมีไม่มาก
หลายคนยอมทำอไรก็ไดให้ได้เงินมา เพราะไม่พอ เห็นความน่ากลัวของอำนาจเงินไหม
ไม่พออะไร ไม่พอต่อสิ่งที่สังคมทุนนิยมกำหนดว่าไม่พอ[/size][/color]
สิ่งที่คุณเขียนมามันชัดเจนคือ เงินมีอำนาจ  ดีหรือไม่ดีมันขึ้นอยู่กับคนที่ใช้มัน
มาตรฐานของพอก็ขึ้นกับคนแต่ละคนอีกเช่นเดียวกัน

ถึงไม่มีเงิน  ย้ำว่าถึงไม่มีเงิน  อีกครั้งหนึ่งถึงไม่มีเงิน  มันยังมีอำนาจอื่น ๆ อีกมากมายที่จะถูกนำมาใช้
สนองตอบความต้องการของมนุษย์

ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ
มนุษย์มีทั้งอำนาจใฝ่ต่ำและใฝ่ดีในตัวเอง ทุกอย่างมีสองด้าน
เงินไม่มีอำนาจอะไร เป็นเพียงเศษกระดาษ ถ้ามนุษย์ไม่กำหนดอำนาจให้มัน
เงินเป็นเพียงเครื่องมือที่จะนำไปปฏิบัติในทางดีหรือชั่วของกิเลสตัณหา
ถ้าเราติดเกาะอยู่ต่อให้มีเงินมหาศาลแลกกับน้ำจืดขวดเดียวก็ไม่ได้
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 12:01 pm

มีเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนดี นับได้ว่าดีแหละ มีรายได้ค่อนข้างดี แต่ไม่ร่ำรวยอะไร
เขาเล่าว่า วันหนึ่งมีคนเอาเงินใบละพันหนาสักคืบมาให้เขา
บอกเขาว่าเอาไปเถอะเอาไปทำอะไรก็ได้ ไม่ผูกพันอะไร
เขาบอกว่าเขาหวั่นไหวมาก เหงื่อซึม จิตใจสับสน ถ้ารับเงินมาแล้วเขาจะไปใช้อะไรได้บ้าง
ได้มีของแพงๆฟุ่มเฟือย จะซื้ออะไรไปให้ลูกให้เมียบ้าง ลูกเมียคงดีใจที่ได้ของหรูๆ
แต่จิตดีเขาก็บอกว่า เขากำลังขายตัวให้พ่อค้า พ่อแม่ลูกเมียเขาจะภูมิใจในตัวเขาอีกไหม
ที่มีลูก มีพ่อ มีสามี ที่ขายตัวด้วยเงินก้อนหนึ่ง พ่อเขามีราคาแล้ว ราคาเป็นเงิน ใช่เงิน
เกียรติยศความดีจะหมดไป  เขาตัดสินใจปฏิเสธ หันหน้าหนีไป ให้หลุดจากอำนาจสะกดของเงิน
นี่แหละเงิน สิ่งสมมติที่มีพลานุภาพสามารถดึงมนุษย์ลงสู่ความดำมืดได้
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 12:03 pm

Phulasso เขียน:
เข้าใจคุณศักดาว่าผ่านวิกฤติอะไรมา และเงินมีผลต่อวิถีชีวิตอย่างไรบ้าง
ทุกคนในนี้ถ้าไม่มีเงินจะเป็นอย่างไร จะได้มานั่งโพสอย่างนี้ไหม
แต่พยายามจะบอกว่าอย่าให้เงินมาชักนำเราหรือซื้อเรา พาเราไปในทางที่ต่ำลง
กิเลสตัณหาก็เป็นสิ่งซื้อมนุษย์ได้ ว่างๆจะเล่าให้ฟัง เรื่องมันยาววววววววว

:cheesy:
ตอบกลับโพส