ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับ บาป ทั้งหลายแหล่
ประเภทของบาป มี 2 ประเภท คือ
1. บาปหนัก (Mortal Sin)
ซึ่งมีผลทำให้สูญเสียชีวิตพระหรรษทาน การจะเป็นบาปหนัก ต้องประกอบด้วย
1. การกระทำผิดในข้อหนัก
2. รู้ตัวว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด
3. ตัดสินใจที่กระทำ
2. บาปเบา (Venial Sin)
ผลของบาปเบา แม้จะไม่สามารถทำลายชีวิตพระหรรษทานในตัวเราแบบบาปหนัก แต่ก็ทำให้ขัดเคืองพระทัยของพระด้วย ทำให้ชีวิตพระในตัวเราอ่อนแอลง และอาจตกในบาปหนักได้ง่าย การจะเป็นบาปเบาต้องประกอบไปด้วย
1. กระทำผิดในข้อเล็กน้อย
2. กระทำผิดในข้อหนัก โดยคิดว่าเป็นข้อเล็กน้อย
3. กระทำผิดในข้อหนักโดยไม่เต็มใจ
การกระทำบาป มี 5 ทาง คือ
1. ทางความคิด พระเจ้าทรงล่วงรู้ความคิดของเรามนุษย์เสมอ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ผิดในการที่จะเก็บความคิดที่ไม่ดีไว้
2. ทางความปรารถนา ความปรารถนาในสิ่งที่ไม่ดีก็เป็นบาป
3. ทางวาจา คำพูดที่ไม่ดี คำหยาบ ทะเลาะกัน ด่ากัน นินทา - ใส่ความ สิ่งเหล่านั้นเป็นความผิดทางวาจาทั้งสิ้น
4. ทางการกระทำ กระทำในสิ่งที่ไม่ดี เช่นการที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ครู การขโมย การอ่านหนังสือชั่ว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบาปทางการกระทำทั้งสิ้น
คุณธรรม มโนธรรม และพยศชั่ว (บาปต้น) 7 ประการ
คุณธรรม หรือฤทธิ์กุศล (Virtue)
คือนิสัย หรือความโน้มเอียงในการทำความดี เป็นการเสริมสร้าง หรือพัฒนาความเป็นคนที่สมบูรณ์ ที่มีทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และน้ำใจอิสระ มีความรู้คิด และรู้จักเลือกกระทำในสิ่งที่ถูกต้องสมควร
คุณธรรมไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเอง หรือมีมาแต่กำเนิด แต่เกิดจากการฝึกฝน ปฏิบัติอยู่เสมอจนเป็นนิสัย กลายเป็นลักษณะประจำตัว หรือธรรมชาตินิสัยของตนเอง เป็นแรงผลักดันส่งเสริมให้เราทำความดี
คุณธรรมมี 2 ประเภท คือ
1 .คุณธรรมเหนือธรรมชาติ เป็นสิ่งที่พระประทานให้เราตั้งแต่เริ่มต้นที่เรารับศีลล้างบาป คือความเชื่อ ความไว้ใจ และความรักในจิตวิญญาณ มีสิทธิและศักดิ์ศรีในการเป็นบุตรของพระเจ้า
2. คุณธรรมตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เราต้องฝึกฝนด้วยตนเองทั้งในด้านสติปัญญาและน้ำใจ
ด้านสติปัญญา ได้แก่ ความใฝ่รู้ แสวงหาความเข้าใจ มีสติ มีความสุขุมรอบคอบ ความละอาย
ด้านน้ำใจ ได้แก่ ความสุภาพ อดทน ความเมตตา ใจดี เอื้ออาทร ความรักและเป็นมิต ใจกว้าง เสียสละ รับใช้บริการ รู้จักพอใจ และการรู้จักประมาณตน ฯลฯ
มโนธรรม (Conscience)
คือ ตัวบ่งชี้ ตัดสิน หรือติเตียน ความดี หรือความชั่ว ภายในจิตใจของเราเอง ต่อหน้าพระเจ้า แม้คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เราเองจะรู้ดี เพราะเป็นเสียงเรียกของพระในจิตใจของเรา
มโนธรรม เป็นของประทานจากพระเจ้า แต่เราสามารถพัฒนาอบรมเรียนรู้ ให้มีความชัดเจน หรือเข้มแข็งขึ้นได้ ปฏิบัติตามเสียงของมโนธรรม ไม่ว่าในด้านพระธรรมคำสอน จริยธรรม หรือกติกาของสังคม เพื่อความดีและความถูกต้อง ทั้งของตนเอง และของส่วนรวม
บาปต้น (Capital Sin) หรือพยศชั่ว 7 ประการ
ตรงข้ามกับ คุณธรรม หรือฤทธิ์กุศล นั่นคือ นิสัยหรือความโน้มเอียงในการทำความชั่ว พยศชั่ว จึงเป็นการบั่นทอง และดึงสภาพที่มีศักดิ์ศรีของความเป็นคน ที่จะเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ดี แต่เพราะความอ่อนแอ ตามประสามนุษย์ หากปฏิบัติอยู่เสมอ จะกลายเป็นความเคยชิน หรือเป็นนิสัยที่ไม่ดีติดตัวต่อไปได้ หรือเป็นนิสัยถาวรต่อไปได้
พิจารณาบาปจากพยศชั่ว (บาปต้น) 7 ประการ
1. จองหอง ไม่รู้จัดอดกลั้น - มักใหญ่ใฝ่สูง - ทะเยอทะยาน - เจ้าทิฐิ - ถือดีในตัว - เชื่อภูมิตัวเอง - โอ้อวด - ขี้โม้ - คุยโว - วางมาด - ไม่ต้องการคำแนะนำ - เจ้าอารมณ์ - ถือตัว - โอหัง - เอาแต่ใจตัวเอง - ดื้อรั้น - หมกมุ่นแต่ความขุ่นเคือง - อวดดี - วางท่า - แสนงอน - ใจน้อย - ยโส - ไม่ประมาณตนเอง
2. ตระหนี่ เห็นแก่ตัว - เห็นแก่ได้ - ขาดความเผื่อแผ่ - ใจแคบ - เจ้าอุบาย - หลอกลวง - กักตุน - สะสม - ปกปิดซ่อนเร้น - ขาดเมตตา - ไม่สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น - ยึดมั่นถือมั่นในของนอกกาย และในสิ่งของโลก
3. ลามก อยากรู้อยากเห็น - ปล่อยตัวปล่อยใจ - ฝักใฝ่ - หมกมุ่น - ลุ่มหลง - ทั้งความคิด - การอ่าน - การมอง - พาจิตใจให้ฟุ้งซ่าน - ปล่อยความคิดเรื่อยเปื่อย - กิริยาวาจาหยาบโลน - พูดจาส่อเสียด - ไม่รักษาเกียรติและศักดิ์ศรี - แต่งกายล่อแหลม - คิดสกปรก - ปล่อยใจ - ไม่มีใจเป็นอิสระ
4. อิจฉา เกลียดชัง - ซุบซิบนินทาว่าร้าย - กล่ายร้ายป้ายสี - ทำลายเกียรติ - พูดเสียดสี - ประชดประชัน - ดีใจเมื่อคนอื่นเป็นทุกข์เสียใจ - ไม่ชอบเมื่อคนอื่นได้ดีกว่าตนเอง - กลั่นแกล้ง - ปัดแข้งปัดขา - กีดกัน
5. ความโลภ คิดพูดแต่เรื่องอาหาร - เอาแต่เรื่องกิน - จู้จี้ขี้บ่น - ไม่พอใจกับสิ่งที่มี - เน้นการบริโภค - เวลากินไม่สนใจใคร - ไม่ยับยั้งในการกิน การดื่ม - ดื่มเหล้าจนเมามาย - มูมมาม - ตะกละ - ไม่รู้จักพอ - ฝักใฝ่สลวน (สา-ละ-วน) มักได้ตลอดเวลา
6. ความโมโห ความรังเกียจ - ความไม่ชอบ - โกรธด้วยอาการเงียบ - ความไม่พอใจ - ขุ่นเคือง - เดือดดาล - ฉุนเฉียว - อาฆาต - แก้เผ็ด - ไม่สะกดอารมณ์
7. เกียจคร้าน เฉื่อยชา - ชักช้า - ลังเล - เอื่อยเฉื่อย - ไม่ใส่ใจ - ท้อถอย - ขาดความรับผิดชอบ - ไม่สม่ำเสมอ - ตามใจตนเอง - ไม่เอาจริงเอาจัง - ส่งเสริมไม่ขึ้น - เอาแต่สบายง่าย ๆ - ผัดวันประกันพรุ่ง
1. บาปหนัก (Mortal Sin)
ซึ่งมีผลทำให้สูญเสียชีวิตพระหรรษทาน การจะเป็นบาปหนัก ต้องประกอบด้วย
1. การกระทำผิดในข้อหนัก
2. รู้ตัวว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด
3. ตัดสินใจที่กระทำ
2. บาปเบา (Venial Sin)
ผลของบาปเบา แม้จะไม่สามารถทำลายชีวิตพระหรรษทานในตัวเราแบบบาปหนัก แต่ก็ทำให้ขัดเคืองพระทัยของพระด้วย ทำให้ชีวิตพระในตัวเราอ่อนแอลง และอาจตกในบาปหนักได้ง่าย การจะเป็นบาปเบาต้องประกอบไปด้วย
1. กระทำผิดในข้อเล็กน้อย
2. กระทำผิดในข้อหนัก โดยคิดว่าเป็นข้อเล็กน้อย
3. กระทำผิดในข้อหนักโดยไม่เต็มใจ
การกระทำบาป มี 5 ทาง คือ
1. ทางความคิด พระเจ้าทรงล่วงรู้ความคิดของเรามนุษย์เสมอ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ผิดในการที่จะเก็บความคิดที่ไม่ดีไว้
2. ทางความปรารถนา ความปรารถนาในสิ่งที่ไม่ดีก็เป็นบาป
3. ทางวาจา คำพูดที่ไม่ดี คำหยาบ ทะเลาะกัน ด่ากัน นินทา - ใส่ความ สิ่งเหล่านั้นเป็นความผิดทางวาจาทั้งสิ้น
4. ทางการกระทำ กระทำในสิ่งที่ไม่ดี เช่นการที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ครู การขโมย การอ่านหนังสือชั่ว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบาปทางการกระทำทั้งสิ้น
คุณธรรม มโนธรรม และพยศชั่ว (บาปต้น) 7 ประการ
คุณธรรม หรือฤทธิ์กุศล (Virtue)
คือนิสัย หรือความโน้มเอียงในการทำความดี เป็นการเสริมสร้าง หรือพัฒนาความเป็นคนที่สมบูรณ์ ที่มีทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และน้ำใจอิสระ มีความรู้คิด และรู้จักเลือกกระทำในสิ่งที่ถูกต้องสมควร
คุณธรรมไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเอง หรือมีมาแต่กำเนิด แต่เกิดจากการฝึกฝน ปฏิบัติอยู่เสมอจนเป็นนิสัย กลายเป็นลักษณะประจำตัว หรือธรรมชาตินิสัยของตนเอง เป็นแรงผลักดันส่งเสริมให้เราทำความดี
คุณธรรมมี 2 ประเภท คือ
1 .คุณธรรมเหนือธรรมชาติ เป็นสิ่งที่พระประทานให้เราตั้งแต่เริ่มต้นที่เรารับศีลล้างบาป คือความเชื่อ ความไว้ใจ และความรักในจิตวิญญาณ มีสิทธิและศักดิ์ศรีในการเป็นบุตรของพระเจ้า
2. คุณธรรมตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เราต้องฝึกฝนด้วยตนเองทั้งในด้านสติปัญญาและน้ำใจ
ด้านสติปัญญา ได้แก่ ความใฝ่รู้ แสวงหาความเข้าใจ มีสติ มีความสุขุมรอบคอบ ความละอาย
ด้านน้ำใจ ได้แก่ ความสุภาพ อดทน ความเมตตา ใจดี เอื้ออาทร ความรักและเป็นมิต ใจกว้าง เสียสละ รับใช้บริการ รู้จักพอใจ และการรู้จักประมาณตน ฯลฯ
มโนธรรม (Conscience)
คือ ตัวบ่งชี้ ตัดสิน หรือติเตียน ความดี หรือความชั่ว ภายในจิตใจของเราเอง ต่อหน้าพระเจ้า แม้คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เราเองจะรู้ดี เพราะเป็นเสียงเรียกของพระในจิตใจของเรา
มโนธรรม เป็นของประทานจากพระเจ้า แต่เราสามารถพัฒนาอบรมเรียนรู้ ให้มีความชัดเจน หรือเข้มแข็งขึ้นได้ ปฏิบัติตามเสียงของมโนธรรม ไม่ว่าในด้านพระธรรมคำสอน จริยธรรม หรือกติกาของสังคม เพื่อความดีและความถูกต้อง ทั้งของตนเอง และของส่วนรวม
บาปต้น (Capital Sin) หรือพยศชั่ว 7 ประการ
ตรงข้ามกับ คุณธรรม หรือฤทธิ์กุศล นั่นคือ นิสัยหรือความโน้มเอียงในการทำความชั่ว พยศชั่ว จึงเป็นการบั่นทอง และดึงสภาพที่มีศักดิ์ศรีของความเป็นคน ที่จะเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ดี แต่เพราะความอ่อนแอ ตามประสามนุษย์ หากปฏิบัติอยู่เสมอ จะกลายเป็นความเคยชิน หรือเป็นนิสัยที่ไม่ดีติดตัวต่อไปได้ หรือเป็นนิสัยถาวรต่อไปได้
พิจารณาบาปจากพยศชั่ว (บาปต้น) 7 ประการ
1. จองหอง ไม่รู้จัดอดกลั้น - มักใหญ่ใฝ่สูง - ทะเยอทะยาน - เจ้าทิฐิ - ถือดีในตัว - เชื่อภูมิตัวเอง - โอ้อวด - ขี้โม้ - คุยโว - วางมาด - ไม่ต้องการคำแนะนำ - เจ้าอารมณ์ - ถือตัว - โอหัง - เอาแต่ใจตัวเอง - ดื้อรั้น - หมกมุ่นแต่ความขุ่นเคือง - อวดดี - วางท่า - แสนงอน - ใจน้อย - ยโส - ไม่ประมาณตนเอง
2. ตระหนี่ เห็นแก่ตัว - เห็นแก่ได้ - ขาดความเผื่อแผ่ - ใจแคบ - เจ้าอุบาย - หลอกลวง - กักตุน - สะสม - ปกปิดซ่อนเร้น - ขาดเมตตา - ไม่สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น - ยึดมั่นถือมั่นในของนอกกาย และในสิ่งของโลก
3. ลามก อยากรู้อยากเห็น - ปล่อยตัวปล่อยใจ - ฝักใฝ่ - หมกมุ่น - ลุ่มหลง - ทั้งความคิด - การอ่าน - การมอง - พาจิตใจให้ฟุ้งซ่าน - ปล่อยความคิดเรื่อยเปื่อย - กิริยาวาจาหยาบโลน - พูดจาส่อเสียด - ไม่รักษาเกียรติและศักดิ์ศรี - แต่งกายล่อแหลม - คิดสกปรก - ปล่อยใจ - ไม่มีใจเป็นอิสระ
4. อิจฉา เกลียดชัง - ซุบซิบนินทาว่าร้าย - กล่ายร้ายป้ายสี - ทำลายเกียรติ - พูดเสียดสี - ประชดประชัน - ดีใจเมื่อคนอื่นเป็นทุกข์เสียใจ - ไม่ชอบเมื่อคนอื่นได้ดีกว่าตนเอง - กลั่นแกล้ง - ปัดแข้งปัดขา - กีดกัน
5. ความโลภ คิดพูดแต่เรื่องอาหาร - เอาแต่เรื่องกิน - จู้จี้ขี้บ่น - ไม่พอใจกับสิ่งที่มี - เน้นการบริโภค - เวลากินไม่สนใจใคร - ไม่ยับยั้งในการกิน การดื่ม - ดื่มเหล้าจนเมามาย - มูมมาม - ตะกละ - ไม่รู้จักพอ - ฝักใฝ่สลวน (สา-ละ-วน) มักได้ตลอดเวลา
6. ความโมโห ความรังเกียจ - ความไม่ชอบ - โกรธด้วยอาการเงียบ - ความไม่พอใจ - ขุ่นเคือง - เดือดดาล - ฉุนเฉียว - อาฆาต - แก้เผ็ด - ไม่สะกดอารมณ์
7. เกียจคร้าน เฉื่อยชา - ชักช้า - ลังเล - เอื่อยเฉื่อย - ไม่ใส่ใจ - ท้อถอย - ขาดความรับผิดชอบ - ไม่สม่ำเสมอ - ตามใจตนเอง - ไม่เอาจริงเอาจัง - ส่งเสริมไม่ขึ้น - เอาแต่สบายง่าย ๆ - ผัดวันประกันพรุ่ง
ขอบคุณ และขอเสริมหน่อยนะครับ
พ่อสุทธิชัย แนะนำให้ คิดง่ายๆว่า บาป คือ ความผิด มีอยู่3รูปแบบ
-ผิดต่อพระเป็นเจ้า
-ผิดต่อ เพื่อนมนุษย์
-ผิดต่อตนเอง
ปล. แนะนำ หนังสือ ศีลแห่งการคืนดี หน้าปกเป็นรุป บุตรล้างผลาญคืนดีกับ บิดา
พ่อสุทธิชัย แนะนำให้ คิดง่ายๆว่า บาป คือ ความผิด มีอยู่3รูปแบบ
-ผิดต่อพระเป็นเจ้า
-ผิดต่อ เพื่อนมนุษย์
-ผิดต่อตนเอง
ปล. แนะนำ หนังสือ ศีลแห่งการคืนดี หน้าปกเป็นรุป บุตรล้างผลาญคืนดีกับ บิดา

พี่เห็นที่ศูนย์สื่อมหาไถ่อ่าครับ แต่คิดว่าอย่างอัสสัมฯที่อื่นก็น่าจะมีแบกะดิน เขียน: ปล. แนะนำ หนังสือ ศีลแห่งการคืนดี หน้าปกเป็นรุป บุตรล้างผลาญคืนดีกับ บิดา
หาซื้อได้ที่ไหนค่ะ
ทำผิดบัญญัติ10ประการ โดยยินดีที่จะทำ จงใจที่จะทำๆtaiyo เขียน: ตบยุงตายเพราะมันกัดผม บาปหนักไหมครับ แล้วข้อที่จัดว่าเป็บาปหนักมีอะไรบ้างครับ
เช่น ฆ่าคน จงใจไปฆ่ามัน เฮ่ ตายเเล้ว
ผิดลูกผิดเมีย จงใจไปเเย่งสามี/ภรรยาเขา
มีเพศสัมพันธ์นอกสมรส เเหกศีลสมรสไปเลย ผิดมาก
เเล้วก็อีกอัน จงใจทำให้เเตกเเยกในหมู่ลูกเเกะของพระเจ้า
ป.ล. ตบยุงตายไม่บาป
taiyo เขียน: ตบยุงตายเพราะมันกัดผม
มันบาปตรงไหนอ่าครับ

ไปรื้อฟื้นคำสอนกับคุณพ่อก่อนมั้ยอิๆ

- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
อะไรเป็นบาปหรือไม่นั้นมโนธรรมที่พระเจ้าทรงให้เราไว้จะบอกเราเองครับ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคือ "พระบิดาไม่ใช่พ่อที่คอยจับผิดลูก แต่พระองค์เป็นพ่อที่ใจดีที่พร้อมจะให้อภัยลูกๆที่สำนึกผิดเสมอ"
จะทำหลัง ได้รับศีลล้างบาปไปแล้วครับแบกะดิน เขียน: การแก้บาป ทำไงอ่ะค่ะ![]()
ไว้เรียนคำสอนสิ แล้วจะรู้ขั้นตอนโดยละเอียดเลย

-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
คุณแบกะดิลองไปอ่านที่นี่ดูนะครับ
ศีลอภัยบาปกับส่วนประกอบต่าง ๆ ของศีลอภัยบาป
http://www.catholic.or.th/spiritual/article/lent/le07.html
ศีลอภัยบาปกับส่วนประกอบต่าง ๆ ของศีลอภัยบาป
http://www.catholic.or.th/spiritual/article/lent/le07.html
เคยไปถามพ่อแล้ว ว่าตบยุงตายบาปม่ะค่ะFlorian เขียน:อันนี้มโนธรรมละเอียดอ่อนไปหน่อยtaiyo เขียน: ตบยุงตายเพราะมันกัดผม บาปหนักไหมครับ แล้วข้อที่จัดว่าเป็บาปหนักมีอะไรบ้างครับ![]()
พ่อบอกว่า ไม่บาป ตบยุงตาย ฆ่าสัตว์ แต่เพื่อความอยู่รอดของตัวเรานะ
ไม่ใช่ฆ่าเพราะบัลดาลโทษะ...
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ยินดีครับแบกะดิน เขียน: ขอบคุนค้ะ :police:

-
- โพสต์: 50
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 12:49 pm
แล้วจะจำแนกอย่างไรครับว่า บาปไหนสารภาพได้กับพระสงค์ บาปไหนต้องสารภาพกับพระสังฆราชนะครับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
บาปที่ต้องสารภาพกับพระสังฆราช ที่ผมเคยได้ยินนะครับdemon of east เขียน: แล้วจะจำแนกอย่างไรครับว่า บาปไหนสารภาพได้กับพระสงค์ บาปไหนต้องสารภาพกับพระสังฆราชนะครับ
- ทำแท้ง
- ฆ่าคน
-
- โพสต์: 50
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 12:49 pm
ขอบคุณครับ แล้วมีอย่างอื่นอีกไหมครับ...Batholomew เขียน:บาปที่ต้องสารภาพกับพระสังฆราช ที่ผมเคยได้ยินนะครับdemon of east เขียน: แล้วจะจำแนกอย่างไรครับว่า บาปไหนสารภาพได้กับพระสงค์ บาปไหนต้องสารภาพกับพระสังฆราชนะครับ
- ทำแท้ง
- ฆ่าคน