คำถามคาใจเกี่ยวกับพระเจ้า -พระเจ้าสร้างมนุษย์ทำไม?

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

ศุกร์ มี.ค. 12, 2010 8:44 pm

Little Boy เขียน: พระองค์ไม่เคยเปิดเผยเลยหรอครับ ว่ามนุษย์มายังโลกนี้ทำไม ??  : emo036 :
(ปฐก. 1:26)
แล้ว​พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า
Little Boy
โพสต์: 250
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 3:33 am

ศุกร์ มี.ค. 12, 2010 9:24 pm

อืม...เท่านั้นหรอครับ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

ศุกร์ มี.ค. 12, 2010 9:42 pm

^
ครับ แค่นี้แหละครับ

เอางี้ อยากพูดอะไร อยากบอกอะไร อยากแบ่งปันอะไรในสิ่งที่ตัวเชื่อ ตัวรู้มาก็บอกมาก็ได้ครับ ไม่ต้องอมภูมิลองคนอื่นอยู่หรอกครับ : emo038 :
Little Boy
โพสต์: 250
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 3:33 am

ศุกร์ มี.ค. 12, 2010 11:42 pm

ผมไม่กล้าบอกที่นี่หรอกครับ แต่ผมอยากรู้ว่าที่นี่เชื่อยังไงน่ะครับ

อืมแล้ว มนุษย์ที่ตายจากโลกนี้แล้ว เขาก็ปกครองฝูงสัตว์ต่อไปอีกไม่ได้แล้วสิครับ
งั้นหลังจากพวกเขาตายแล้วเกิดอะไรขึ้นกับจุดประสงค์ที่ให้มนุษย์เกิดมาล่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

เสาร์ มี.ค. 13, 2010 12:06 am

Little Boy เขียน: ผมไม่กล้าบอกที่นี่หรอกครับ แต่ผมอยากรู้ว่าที่นี่เชื่อยังไงน่ะครับ

อืมแล้ว มนุษย์ที่ตายจากโลกนี้แล้ว เขาก็ปกครองฝูงสัตว์ต่อไปอีกไม่ได้แล้วสิครับ
งั้นหลังจากพวกเขาตายแล้วเกิดอะไรขึ้นกับจุดประสงค์ที่ให้มนุษย์เกิดมาล่ะครับ
ต้องเข้าใจก่อนว่า

แต่เดิมพระเจ้าสร้างมนุษย์คู่แรก อาดัม กับ เอวา ให้ปกครองฝูงสัตว์ แน่นอนว่ามนุษย์เหล่านั้น "มีชีวิตอยู่ ไม่ตาย" และที่สำคัญ "ไม่มีวันตาย" และก็ถูกยกขึ้นสู่สวนอีเดน

แต่ทว่า ต่อมา มนุษย์ฝ่าฝืนข้อห้ามของพระเจ้า กินผลไม้ต้องห้าม เพราะการล่อลวงของงู(ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นมารซาตานแปลงกายมา) มนุษย์จึงถูกลงโทษ และถูกขับไล่ออกจากสวนอีเดน มายังโลก และเมื่อนี้มนุษย์ก็ดังต้องสาป สูญเสียความสมบูรณ์เดิมไป กลายเป็นสามารถแก่ เจ็บป่วย และตายได้

ซึ่งเหตุนั้นมาจากสิ่งสร้างของพระองค์ (มนุษย์ และ ซาตานซึ่งเดิมเป็นทูตสวรรค์ แน่นอนว่าพระเจ้าไม่ได้ให้เป็นซาตาน แต่มันเป็นเพราะมันเลือกจะเป็นเอง)

เหตุฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นนิรันดร์ จึงหาทางช่วยมนุษย์ โดยประทานพระบุตรองค์เดียว ผู้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ลงมา นั่นคือพระเยซูคริสต์ เพื่อไถ่บาปมนุษย์ทั้งปวง

เหตุฉะนั้นเมื่อมนุษย์ที่วางใจในพระเยซูเจ้าตายทางฝ่ายกายไป ทางวิญญาณก็จะได้ชีวิตนิรันดร์จากพระเจ้า และไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์ ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่แก่เฒ่า ไม่เจ็บป่วย และไม่ตายอีกต่อไป

พอเข้าใจรึยัง?
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

เสาร์ มี.ค. 13, 2010 1:26 am

ถ้าบอกว่าก่อนเรามายังโลกนี้ ไม่มีเราอยู่ พระเจ้าจึงรักเราไม่ได้ ขอพี่น้องช่วยอธิบายข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้หน่อยครับ
แล้วพระเจ้าทรงตอบโยบออกมาจากพายุว่า "นี่ใครหนอที่ให้คำปรึกษามืดมนไปด้วยถ้อยคำอันปราศจากความรู้ จงคาดเอวไว้อย่างกับลูกผู้ชายหน่อยซิ เราจะถามเจ้า ขอเจ้าตอบเรา ]เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา ผู้ใดได้กำหนดขนาดให้โลก แน่นอนละ เจ้าต้องรู้ซี หรือใครขึงเชือกวัดบนนั้น รากฐานของโลกจมไปอยู่บนอะไร หรือผู้ใดวางศิลามุมเอกของมัน ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน


โยบ 38:1-7 หัวข้อนี่คือ "พระเจ้าทรงกระทำให้โยบสำนึกถึงความโง่เขลา"
- พระเจ้าบอกโยบว่า นี่ตอนที่ฉัน(พระเจ้า)สร้างโลกน่ะ บอกมาซิ๊เธอรู้หรือเปล่าว่ามันเป็นยังไง (Were you there when I made the world? If you know so much, tell me about it) เเละตอนที่ฉันทำโน่นทำนี่ ฯลฯ(ยาวเหยียดไปอีกหลายบทพระคัมภีร์) เธอรู้เห็นบ้างไม๊? คำตอบก็ชัดๆ ไม่รู้น่ะสิ เพราะโยบไม่ได้อยู่ตรงนั้น

- "และบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน" บรรดาบุตรพระเจ้าเป็นสำนวนที่ใช้เรียก "ทูตสวรรค์" ค่ะไม่ใช่มนุษย์


พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ทุกชาติสืบสายโลหิตอันเดียวกันให้อยู่ทั่วพื้นพิภพโลก และได้ทรงกำหนดเวลาและเขตแดนให้เขาอยู่


- ก็ถูกเเล้วไงคะ กำหนดบนโลก  : emo027 :

แล้วพระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงข้าพเจ้าว่า "เราได้รู้จักเจ้าก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าที่ในครรภ์ และก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้ เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นผู้พยากรณ์ให้แก่บรรดาประชาชาติ"
ด้วยหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร์ ซึ่งพระเจ้าผู้ไม่สามารถตรัสมุสา ได้ทรงสัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนสร้างโลก


...อย่างที่เคยบอก เราไม่สามารถเขียนประโยค "พระเจ้ารักมนุษย์" ได้ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ถูกสร้างมาเเล้ว เเต่ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าไม่ได้รักมนุษย์ เพราะพระองค์สร้างมนุษย์ด้วยความรัก เเละพระองค์เองก็เป็นองค์ความรัก  จะพูดให้เห็นภาพก็ประมาณว่า Ecclesia อยากจะสร้างเครื่องจักรเจ๋งๆงามๆมาเครื่องหนึ่ง ได้เขียนเเบบไว้ เเละเมื่อสร้างมันออกมาเเล้วใช้การได้ Ecclesiaก็ดีใจอย่างมาก  เเม้ต่อไปในอนาคตมันจะต้องผุพัง มันจะเสียต้องซ่อมเเล้วซ่อมอีก Ecclesiaก็ยังภูมิใจว่ามันเป็นเครื่องจักรเจ๋งๆงามๆ ที่สร้างมาเองกับมือ  เเต่ถ้าEcclesiaไม่ได้สร้างได้เเต่คิด เครื่องจักรเจ๋งๆงามๆนี้ก็คงเป็นเเค่ความคิดในหัวสมองหรือเเบบที่อยู่ในกระดาษเท่านั้น ซักวันก็หายไป...ภูมิใจอะไรได้

....เเล้วพระเจ้าสร้างมนุษย์ด้วยความรักจะขนาดไหน....


พระเยโฮวาห์ทรงเป็นเจ้าของเราในเมื่อพระองค์ทรงเริ่มงานของพระองค์ ก่อนบรรดาพระราชกิจโบราณของพระองค์ เราได้รับการสถาปนาไว้ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาแล้ว ตั้งแต่แรก ก่อนปฐมกาลของแผ่นดินโลก เราถือกำเนิดมาเมื่อก่อนมีมหาสมุทร เมื่อไม่มีน้ำพุที่มีน้ำมากมาย ก่อนการเนรมิตสร้างภูเขา ก่อนเนินเขา เราก็ถือกำเนิดมาแล้ว ก่อนที่พระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลก ทั้งไร่นา หรือก่อนผงคลีแรกของพิภพ เมื่อพระองค์ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์ เราอยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อพระองค์ทรงลากเส้นรอบวงบนพื้นมหาสมุทร เมื่อพระองค์ทรงสถาปนาฟ้าเบื้องบน เมื่อพระองค์ทรงกระทำน้ำพุของน้ำบาดาลให้มั่นไว้ เมื่อพระองค์ทรงกำหนดเขตจำกัดให้แก่ทะเล เพื่อว่าน้ำจะไม่ละเมิดพระบัญชาของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงปักผังรากฐานของพิภพ เราอยู่ข้างพระองค์แล้ว เหมือนผู้ที่พระองค์ทรงเลี้ยงดู เราเป็นความปีติยินดีประจำวันของพระองค์ เปรมปรีดิ์อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์เสมอ เปรมปรีดิ์ในพิภพที่มีคนอาศัยของพระองค์ และปีติยินดีในบุตรทั้งหลายของมนุษย์
"เรา" ในที่นี้พูดถึง Wisdom หรือพระปรีชาญาณของพระเจ้าค่ะ ไม่ใช่มนุษย์   

ลองอ่านภาษาอังกฤษ The Lord created "me" first of all....  หมายถึง ฉัน (ปรีชาญาณ) ไม่ใช่ เรา (มนุษย์)

ข้อความนี้มาจากหนังสือสุภาษิต บทที่8 ข้อที่22-31 ในพระคัมภีร์ฉบับ New Jerusalem เขียนหัวข้อนี้ไว้ว่า "Wisdom as Creator" เเปลว่า ปรีชาญาณในฐานะพระผู้สร้าง
(หรือเปล่าไม่ทราบ รบกวนพี่น้องที่มีพระคัมภีร์ฉบับคาทอลิกด้วยละกันนะคะ เหะๆ)


ป.ล. รบกวนอ้างอิงข้อพระคัมภีร์ให้ด้วยนะคะ เเอบลำบากในการหา  : xemo023 :
ป.ล.2 เเละต้องขออภัยที่เขียนไม่รู้เรื่องด้วยนะคะ จนปัญญาจริงๆ : emo073 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มี.ค. 13, 2010 1:43 am

Little Boy เขียน: ผมไม่กล้าบอกที่นี่หรอกครับ แต่ผมอยากรู้ว่าที่นี่เชื่อยังไงน่ะครับ

อืมแล้ว มนุษย์ที่ตายจากโลกนี้แล้ว เขาก็ปกครองฝูงสัตว์ต่อไปอีกไม่ได้แล้วสิครับ
งั้นหลังจากพวกเขาตายแล้วเกิดอะไรขึ้นกับจุดประสงค์ที่ให้มนุษย์เกิดมาล่ะครับ
เชื่อต่างจากมอร์มอนครับ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

เสาร์ มี.ค. 13, 2010 9:05 am

อันนี้เป็นข้อความที่คุณโพสต์ไว้เอง ขอยืมมานิดนะครับ เรื่องบางเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ
สำหรับ HG สั้น ๆ นะ
มนุษย์เราอยู่ภายในจุดอุดมคติ
พระเจ้าอยู่ที่จุดอุดมคติที่มนุษย์ไม่มีทางเดินทางไปถึง
และยังมีจุดเหนืออุดมคติอีกมากมาย ซึ่งอยู่เหนือความเข้าใจของเรา
จาก
http://www.newmana.com/yabb/http://newmana.com/phpbb/viewtopic.php?p=197108#p197108
Little Boy
โพสต์: 250
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 3:33 am

จันทร์ มี.ค. 15, 2010 1:07 am

HG นั่นผมก็เข้าใจจุดอุดมคติ จุดเหนืออุดมคติ มีลักษณะอย่างไร เพียงแต่อธิบายเป็นรูปธรรมไม่ได้เท่านั้นเองครับ

ตามความเชื่อของผม จุดหมายที่มนุษย์มาอยู่ในโลก
1. เพื่อให้พระเจ้าพิสูจน์ "เพื่อดูว่าเขาจะทำทุกสิ่งที่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเราบัญชาเขาหรือไม่"
2. เพื่อเข้ามารับร่างกายที่เป็นเนื้อและกระดูกเพราะเมื่อร่างกายและวิญญาณแยกกัน "จะรับความสมบูรณ์แห่งความปิติยินดีไม่ได้"
3. เพื่อพิสูจน์ว่า เขาจะรักษาสถานะที่สองได้อย่างเดียวกับที่เคยรักษาสถานะแรกมาแล้ว เพื่อเขาจะได้รับรัศมีภาพเพิ่มเติมมาบนศีรษะของเขาตลอดกาลและตลอดไป
4. เพื่อจะพัฒนาของประทานและความสามารถที่เขาเป็นทายาทโดยเกิดมา เพื่อจะสามารถแสดงรายงานถึงการเป็นผู้รับใช้ เพื่อพระผู้เป็นเจ้าจะได้ตรัสว่า "ดีแล้วเจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อยเราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสนุกกับนายของเจ้าเถิด"
5. เพื่อจะทำตนให้สมควรเป็นทายาทของรัศมีภาพชั้นสูง โดย "เป็นปุโรหิตของพระผู้สูงสุดตามฐานะของเมลคิเซเดค"
6. เพื่อจะถูกผนึกไว้กับคู่ชั่วกาลและทุกนิรัินดร โดยผู้ที่ดำรงอำนาจของพระเจ้าโดยทางฐานะปุโรหิตของพระองค์ "ในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ชายก็ต้องพึ่งผู้หญิง และผู้หญิงก็ต้องพึ่งผู้ชาย" เพราะว่าถ้าไม่มีพิธีการผนึกการแต่งงานเช่นนั้น มนุษย์จะบรรลุถึงรัศมีภาพชั้นสูงสุดไม่ได้ "ซึ่งรัศมีภาพนี้จะเป็นความสมบูรณ์และความต่อเนื่องกันของลูกหลานตลอดกาลและตลอดไป"
7. เพื่อจะมีลูกหลานเพราะ "นี่แน่ะ บุตรทั้งหลายเป็นมรดกจากพระเจ้า ผลิตผลของครรภ์เป็นรางวัล... ชายใด ๆ ที่มีลูกธนูเต็มแล่งก็เป็นสุข"

คิดเห็นอย่างไรยินดีรับฟังครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

จันทร์ มี.ค. 15, 2010 10:33 pm

Little Boy เขียน: HG นั่นผมก็เข้าใจจุดอุดมคติ จุดเหนืออุดมคติ มีลักษณะอย่างไร เพียงแต่อธิบายเป็นรูปธรรมไม่ได้เท่านั้นเองครับ

ตามความเชื่อของผม จุดหมายที่มนุษย์มาอยู่ในโลก
1. เพื่อให้พระเจ้าพิสูจน์ "เพื่อดูว่าเขาจะทำทุกสิ่งที่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเราบัญชาเขาหรือไม่"
2. เพื่อเข้ามารับร่างกายที่เป็นเนื้อและกระดูกเพราะเมื่อร่างกายและวิญญาณแยกกัน "จะรับความสมบูรณ์แห่งความปิติยินดีไม่ได้"
3. เพื่อพิสูจน์ว่า เขาจะรักษาสถานะที่สองได้อย่างเดียวกับที่เคยรักษาสถานะแรกมาแล้ว เพื่อเขาจะได้รับรัศมีภาพเพิ่มเติมมาบนศีรษะของเขาตลอดกาลและตลอดไป
4. เพื่อจะพัฒนาของประทานและความสามารถที่เขาเป็นทายาทโดยเกิดมา เพื่อจะสามารถแสดงรายงานถึงการเป็นผู้รับใช้ เพื่อพระผู้เป็นเจ้าจะได้ตรัสว่า "ดีแล้วเจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อยเราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสนุกกับนายของเจ้าเถิด"
5. เพื่อจะทำตนให้สมควรเป็นทายาทของรัศมีภาพชั้นสูง โดย "เป็นปุโรหิตของพระผู้สูงสุดตามฐานะของเมลคิเซเดค"
6. เพื่อจะถูกผนึกไว้กับคู่ชั่วกาลและทุกนิรัินดร โดยผู้ที่ดำรงอำนาจของพระเจ้าโดยทางฐานะปุโรหิตของพระองค์ "ในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ชายก็ต้องพึ่งผู้หญิง และผู้หญิงก็ต้องพึ่งผู้ชาย" เพราะว่าถ้าไม่มีพิธีการผนึกการแต่งงานเช่นนั้น มนุษย์จะบรรลุถึงรัศมีภาพชั้นสูงสุดไม่ได้ "ซึ่งรัศมีภาพนี้จะเป็นความสมบูรณ์และความต่อเนื่องกันของลูกหลานตลอดกาลและตลอดไป"
7. เพื่อจะมีลูกหลานเพราะ "นี่แน่ะ บุตรทั้งหลายเป็นมรดกจากพระเจ้า ผลิตผลของครรภ์เป็นรางวัล... ชายใด ๆ ที่มีลูกธนูเต็มแล่งก็เป็นสุข"

คิดเห็นอย่างไรยินดีรับฟังครับ
ชั้นคงสอบตกคนแรก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

พุธ มี.ค. 17, 2010 7:45 am

No comment *-* ...
ตอบกลับโพส