พระเจ้าจะให้อภัยคนบาปอย่างเขาไหม ?
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 17, 2009 7:39 pm
สวัสดีครับ
ผมมีเรื่องอึดอัดใจมาเล่าให้พี่น้องคริสตชนทุกคนฟัง ลองอ่านเรื่องของผมดูนะครับ ผมต้องบอกก่อนนะครับว่าผมเป็นคริสตัง และเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้ว
ผมได้รู้จักเพื่อนอยู่คนนึงเป็นคริสเตียน เขาเป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรแห่งนึง ผมรู้จักกับเขาได้เกือบปี เขาเป็นคนเคร่งศาสนามาก ในความรู้สึกของผมเขาเป็นคนดีมาก ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา เขาเอ๋ยปากขอซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าของผมที่ไม่ได้ใช่งานมานาน ผมตกลงขายให้เขาในราคาเพียง 3000 บาท แต่เขาบอกยังไม่มีเงิน เขารับปากว่าในอีกวันสองวันจะนำเงินมาให้ แต่ขอเอาคอมไปก่อน จะเอาไปให้ช่างเช็คดูว่าเสียหายอะไรหรือไม่ เพราะไม่ได้ใช้งานมานาน ด้วยความไว้ใจ และเชื่อว่าเขาเป็นคนดี ผมก็ได้ให้คอมเขาไปก่อน แต่พอถึงกำหนดตามที่รับปากกันว่าจะนำเงินมาให้ เขากับไม่มา โทรไปก็ไม่รับสาย ตัดสายทิ้ง โทรหนักๆเข้าเขาปิดมือถือไปเลย ผมก็โทรหาทุกวันจนเขาต้องเปลี่ยนเบอร์มือถือหนี ตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าเขามีจุดประสงค์อะไรถึงเปลี่ยนเบอร์มือถือ และผมก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ทั้งๆที่ผมสามารถบุกไปหาเขาที่คริสตจักรได้ แต่ผมจะไม่ทำเช่นนั้น แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าเขาอยากได้นัก ก็ให้เขาไป และจะไม่ทวงคืนอีกต่อไป
ผมไม่ได้เสียความรู้สึกตรงที่เสียคอมพิวเตอร์ไป แต่ผมเสียความรู้สึกที่ว่าทำไมเขาถึงทำบาปขนาดนี้ได้ เขาเป็นถึงศิษยาภิบาลประจำคริตตจักร เป็นคนที่มีความเมตตาต่อเด็กด้อยโอกาศ เป็นคนที่น่าเชื่อถือต่อสังคม ทำไมเขาถึงทำได้ ทำไมเขาไม่ละอายใจและเกรงกลัวต่อบาป ทำไมเขาไม่เกรงกลัวพระเจ้า ทั้งๆที่เขาก็รักพระเจ้าอย่างเต็มอก เขาหนีผมเพราะเงินเพียงแค่ 3000 บาทอย่างนั้นหรือ ถ้าไม่มีเงินจริงทำไมไม่พูดคุยกันดีๆ ผมสามารถให้คอมเครื่องนั้นเขาไปฟรีๆก็ได้ถ้าใช้เหตุผลพูดกับผมดีๆ
ก่อนหน้าที่เขาจะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าของผมไป เขาได้ทำบางสิ่งที่ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะทำได้ เขาได้ซื้อแล็ปท็อปของ aser เครื่องเล็กๆ มาเครื่องนึง ราคาประมาณหมื่นกว่าบาท พอซื้อมาแล้วเขามาบ่นให้ผมฟังว่าคอมช้า ใช้งานไม่ดี แรมน้อย รู้สึกเสียดายเงินที่ซื้อไป และเขาก็บอกผมบางอย่าง ว่า ตอนที่เขาซื้อแล็ปท็อปตัวนี้มา มันมีประกันของหายให้มาด้วย เขาเลยคิดแผนการ คือทำเป็นว่าของหาย และเขาได้ไปขอเคลมประกัน ขอเงินประกันคืนเต็มจำนวน ตอนนี้กำลังอยู่ขั้นตอนการเคลม ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว เขาทำเรื่องเคลมหลังจากเขาซื้อคอมตัวนี้มาได้แค่ 1 เดือนเท่านั้น เหตุผลที่ทำเพราะไม่ชอบ เพราะคอมมันช้า ไม่ถูกใจอยากได้เงินคืน ผมก็อึ้งกับการกระทำไปพักนึง พอได้สติผมจึงถามกลับไปว่า คุณทำแบบนี้ ไม่เกรงกลัวบาปหรือ เขาตอบผมว่า "ผมสารภาพบาปกับพระเจ้าอยู่ทุกวัน บาปเบาแค่นี้พระเจ้ายกโทษบาปให้ได้อยู่แล้ว" ผมก็อึ่งครั้งที่ 2 ว่าเขาทำไมถึงกล้าพูดแบบนี้ได้ นี่เขาเป็นคริสเตียนจริงหรือเปล่า และที่สงสัยที่สุดคือเขาเป็นถึงศิษยาภิบาลประจำคริสตจักรได้อย่างไร
ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะความผิดผมเองที่เชื่อใจคนผู้นี้ เชื่อใจเขา เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนดี เพราะเป็นถึงศิษยาภิบาล ถ้าผมคิดถึงสิ่งที่เขาเล่าให้ฟังเรื่องเคลมประกันจากแล็ปท็อปเครื่องนั้นสักนิด ผมคงจะไม่เสียรู้ให้เขาเป็นแน่แท้ ประสบการณ์ครั้งนี้สอนผมให้รู้ว่า อย่าดูคนเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น
ผมเลยมีคำถามว่า พระเจ้าจะยกโทษบาปให้เขาคนนี้จริงอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า เขาทำผิดบาปซ้ำซากแบบนี้ เพราะเข้าใจว่าพระเจ้าจะให้อภัยบาปเขาเสมอ และตัวเขาก็จะปราศจากบาปทั้งปวง เพราะมีพระเจ้าคอยให้ท้ายเขาอยู่ร่ำไป ผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปอ่านพระคัมภีร์หรือคำสอนเล่มไหนถึงได้คิดอย่างนั้นได้
ผมมีเรื่องอึดอัดใจมาเล่าให้พี่น้องคริสตชนทุกคนฟัง ลองอ่านเรื่องของผมดูนะครับ ผมต้องบอกก่อนนะครับว่าผมเป็นคริสตัง และเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้ว
ผมได้รู้จักเพื่อนอยู่คนนึงเป็นคริสเตียน เขาเป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรแห่งนึง ผมรู้จักกับเขาได้เกือบปี เขาเป็นคนเคร่งศาสนามาก ในความรู้สึกของผมเขาเป็นคนดีมาก ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา เขาเอ๋ยปากขอซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าของผมที่ไม่ได้ใช่งานมานาน ผมตกลงขายให้เขาในราคาเพียง 3000 บาท แต่เขาบอกยังไม่มีเงิน เขารับปากว่าในอีกวันสองวันจะนำเงินมาให้ แต่ขอเอาคอมไปก่อน จะเอาไปให้ช่างเช็คดูว่าเสียหายอะไรหรือไม่ เพราะไม่ได้ใช้งานมานาน ด้วยความไว้ใจ และเชื่อว่าเขาเป็นคนดี ผมก็ได้ให้คอมเขาไปก่อน แต่พอถึงกำหนดตามที่รับปากกันว่าจะนำเงินมาให้ เขากับไม่มา โทรไปก็ไม่รับสาย ตัดสายทิ้ง โทรหนักๆเข้าเขาปิดมือถือไปเลย ผมก็โทรหาทุกวันจนเขาต้องเปลี่ยนเบอร์มือถือหนี ตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าเขามีจุดประสงค์อะไรถึงเปลี่ยนเบอร์มือถือ และผมก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ทั้งๆที่ผมสามารถบุกไปหาเขาที่คริสตจักรได้ แต่ผมจะไม่ทำเช่นนั้น แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าเขาอยากได้นัก ก็ให้เขาไป และจะไม่ทวงคืนอีกต่อไป
ผมไม่ได้เสียความรู้สึกตรงที่เสียคอมพิวเตอร์ไป แต่ผมเสียความรู้สึกที่ว่าทำไมเขาถึงทำบาปขนาดนี้ได้ เขาเป็นถึงศิษยาภิบาลประจำคริตตจักร เป็นคนที่มีความเมตตาต่อเด็กด้อยโอกาศ เป็นคนที่น่าเชื่อถือต่อสังคม ทำไมเขาถึงทำได้ ทำไมเขาไม่ละอายใจและเกรงกลัวต่อบาป ทำไมเขาไม่เกรงกลัวพระเจ้า ทั้งๆที่เขาก็รักพระเจ้าอย่างเต็มอก เขาหนีผมเพราะเงินเพียงแค่ 3000 บาทอย่างนั้นหรือ ถ้าไม่มีเงินจริงทำไมไม่พูดคุยกันดีๆ ผมสามารถให้คอมเครื่องนั้นเขาไปฟรีๆก็ได้ถ้าใช้เหตุผลพูดกับผมดีๆ
ก่อนหน้าที่เขาจะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าของผมไป เขาได้ทำบางสิ่งที่ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะทำได้ เขาได้ซื้อแล็ปท็อปของ aser เครื่องเล็กๆ มาเครื่องนึง ราคาประมาณหมื่นกว่าบาท พอซื้อมาแล้วเขามาบ่นให้ผมฟังว่าคอมช้า ใช้งานไม่ดี แรมน้อย รู้สึกเสียดายเงินที่ซื้อไป และเขาก็บอกผมบางอย่าง ว่า ตอนที่เขาซื้อแล็ปท็อปตัวนี้มา มันมีประกันของหายให้มาด้วย เขาเลยคิดแผนการ คือทำเป็นว่าของหาย และเขาได้ไปขอเคลมประกัน ขอเงินประกันคืนเต็มจำนวน ตอนนี้กำลังอยู่ขั้นตอนการเคลม ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว เขาทำเรื่องเคลมหลังจากเขาซื้อคอมตัวนี้มาได้แค่ 1 เดือนเท่านั้น เหตุผลที่ทำเพราะไม่ชอบ เพราะคอมมันช้า ไม่ถูกใจอยากได้เงินคืน ผมก็อึ้งกับการกระทำไปพักนึง พอได้สติผมจึงถามกลับไปว่า คุณทำแบบนี้ ไม่เกรงกลัวบาปหรือ เขาตอบผมว่า "ผมสารภาพบาปกับพระเจ้าอยู่ทุกวัน บาปเบาแค่นี้พระเจ้ายกโทษบาปให้ได้อยู่แล้ว" ผมก็อึ่งครั้งที่ 2 ว่าเขาทำไมถึงกล้าพูดแบบนี้ได้ นี่เขาเป็นคริสเตียนจริงหรือเปล่า และที่สงสัยที่สุดคือเขาเป็นถึงศิษยาภิบาลประจำคริสตจักรได้อย่างไร
ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะความผิดผมเองที่เชื่อใจคนผู้นี้ เชื่อใจเขา เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนดี เพราะเป็นถึงศิษยาภิบาล ถ้าผมคิดถึงสิ่งที่เขาเล่าให้ฟังเรื่องเคลมประกันจากแล็ปท็อปเครื่องนั้นสักนิด ผมคงจะไม่เสียรู้ให้เขาเป็นแน่แท้ ประสบการณ์ครั้งนี้สอนผมให้รู้ว่า อย่าดูคนเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น
ผมเลยมีคำถามว่า พระเจ้าจะยกโทษบาปให้เขาคนนี้จริงอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า เขาทำผิดบาปซ้ำซากแบบนี้ เพราะเข้าใจว่าพระเจ้าจะให้อภัยบาปเขาเสมอ และตัวเขาก็จะปราศจากบาปทั้งปวง เพราะมีพระเจ้าคอยให้ท้ายเขาอยู่ร่ำไป ผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปอ่านพระคัมภีร์หรือคำสอนเล่มไหนถึงได้คิดอย่างนั้นได้