มีอะไรในเทศกาลมหาพรต(ปี B)
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 11:20 pm
โครงสร้างของเทศกาลมหาพรตอ่านที่นี่
ทางเดินแห่งศีลล้างบาปของพระศาสนจักร (สัปดาห์เทศกาลมหาพรต)
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 12#p114412
อาทิตย์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต ปี B
บทอ่านที่ 1: บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล(ปฐมกาล 9:8-15)
.........................พระเป็นเจ้าตรัสกับโนอาห์และบรรดาบุตรของเขาว่า "นี่แน่ะ เราเองเป็นผู้ตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้า กับเชื้อสายของเจ้าและกับบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับเจ้าด้วย ทั้งนก สัตว์ใช้งาน และสารพัดสัตว์ป่าทุกชนิดที่อยู่กับเจ้า บรรดาสัตว์ที่ออกมาจากนาวา คือสัตว์ทั้งหลายในโลก เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้าว่าจะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดยให้น้ำท่วมอีก จะไม่ให้มีน้ำมาท่วมทำลายโลกอีกเลย"
.........................พระเจ้าตรัสว่า "นี่คือเครื่องหมายแห่งพันธสัญญา ซึ่งเราจะตั้งไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้า ทั้งบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ เราจะตั้งรุ้งของเราไว้ที่เมฆและรุ้งนั้นจะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับแผ่นดิน เมื่อเราจะให้มีเมฆเหนือแผ่นดิน และรุ้งของเราจะปรากฎขึ้นที่เมฆนั้น เราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเรากับเจ้า และกับบรรดาสรรพสัตว์ที่มีชีวิต แล้วน้ำจะไม่ท่วมทำลายบรรดาสัตว์โลกอีกเลย
(เพลงที่ 47) "โปรดทรงพระเมตตาเถิดพระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำบาป"
บทอ่านที่ 2: บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่ 1(1เปโตร 3:18-22)
.........................พี่น้องที่รักยิ่ง พระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์ครั้งเดียวเพราะบาป พระองค์ผู้ชอบธรรมได้สิ้นพระชนม์เพื่อคนอธรรม เพื่อจะได้นำเราทั้งหลายไปถวายพระเป็นเจ้า ฝ่ายกายพระองค์สิ้นพระชนม์ แต่ฝ่ายจิตพระองค์ทรงกลับคืนชีพ และโดยจิตพระองค์เสด็จไปประกาศข่าวดีแก่บรรดาจิตที่ถูกคุมขังอยู่ จิตเหล่านี้มิได้ยอมเชื่อฟังในกาลก่อน เมื่อความเพียรทนของพระเป็นเจ้าได้รอคอยพวกเขาอยู่ขณะที่โนอาห์กำลังต่อเรือซึ่งได้ช่วยชีวิตคนจำนวนน้อยนั้นคือเพียงแต่แปดชีวิตให้รอดจากน้ำ(วินาศ)
........................."น้ำ"นั้นเป็นรูปหมายแห่งพิธีล้างบาปที่ช่วยเราให้รอดในเวลานี้ มิใช่เป็นการชำระล้างมลทินร่างกาย แต่เป็นการขอโดยจิตสำนึกชอบต่อพระเป็นเจ้า อาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ผู้เสด็จสู่สววรค์ ประทับเบื้องขวาพระบิดา มีทูตสวรรค์ทั้งศักดิเทพและอิทธิเทพทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจของพระองค์ทั้งสิ้น
บทอ่านที่ 3: บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก (มาระโก 1:12-15)
.........................เวลานั้น พระจิตเจ้าทรงนำพระเยซูเจ้าให้เสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นสี่สิบวัน(สี่สิบคืน) ซาตานมาผจญพระองค์ พระองค์ทรงอยู่กับบรรดาสัตว์ป่า มีทูตสวรรค์มาปรนนิบัติรับใช้พระองค์
.........................หลังจากที่ยอห์นถูกจับแล้ว พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังแคว้นกาลิลีทรงประการเทศนาข่าวดีเกี่ยวกับพระเป็นเจ้าว่า "เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าก็มาใกล้แล้ว จงกลับใจเสียใหม่ และเชื่อข่าวดีเถิด"
การอธิบายแบ่งปัน
.........................อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์แรกหลังจากวันพุธรับเถ้า ในวันพุธรับเถ้า ขณะที่พระสงฆ์โปรยเถ้า ท่านจะพูดว่า "จงกลับใจ และ เชื่อพระวรสารเถิด" วันนี้บทอ่านได้ย้อนให้เราพิจารณาคำนี้อีกครั้ง แต่ในมุมมองที่กว้างขึ้น กล่าวคือ พระวรสารได้พูดถึงสัญลักษณ์ 3 ประการ นั่นคือ
1.ซาตาน,ปีศาจ เล็งถึง บาปภายในของเราเอง การปล่อยตัวไปตามอำนาจกิเลส
2.สัตว์ป่า เล็งถึง สัญชาตญาณฝ่ายข้างโลกจากภายนอก วัตถุ
3.ทูตสวรรค์ เล็งถึง การอวยพระพรของพระเจ้า คำภาวนาของเราที่พระเจ้าทรงสดับฟัง การปกป้องคุ้มครอง
.........................เราจะเห็นได้ว่า แม้พระเยซูเจ้าจะทรงปลีกพระองค์เองไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อบำเพ็ญพรต ทุกสิ่งก็ยังคงเหมือนเดิม แตกต่างตรงที่ มันชัดเจนขึ้น เมื่อเรา "ตั้งใจใช้โทษบาป เพื่อถอนรากถอนโคนกิเลสของเรา"เราจะเห็น บาปของเราชัดขึ้น เห็นวัตถุที่อาจนำไปเราสู่บาป เช่น เหล้า,เงิน(สัตว์ป่า) ชัดขึ้น และที่สำคัญเราจะหวนระลึกถึงพระเป็นเจ้าเราบ่อยขึ้น(จากความลำบากนั้น) นำไปสู่ "การเป็นทุกข์ถึงบาป"และความทุกข์นี้เรียกร้องให้เรา"แก้บาป"เพื่อสัญญากับพระเป็นเจ้าว่า เราจะพยายามไม่ดื้อกระด้างอีก ในขั้นตอนนี้ เราย่อมอยู่ในศีลในพรของพระเป็นเจ้า ได้แก่ การอวยพรของพระเป็นเจ้าอาศัยทูตสวรรค์นำสารนั้นเอง
.........................ในบทอ่านที่สอง ได้มีการอธิบายให้เราเข้าใจมากขึ้นถึงเรื่องของ"น้ำ"และ"จิต" โดยได้เตือนใจเราให้ระลึกถึง "น้ำล้างบาป"ของเราเอง นักบุญเปโตรชี้ให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงใช้ดวงจิตของพระองค์ประกาศข่าวดีแก่บรรดาจิตของเรา จิตที่ถูกคุมขัง บาปทั้งหลายมันล่ามเราไว้ และบาปนี้พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงรับทราบในพระทัยแล้วว่า มนุษย์นั้นมีบาปเสมอๆ (จึงย้อนกลับมาว่า ทำไมถึงต้องส่งพระเอกบุตรลงมา ทำให้ตอบได้ว่า พระเป็นเจ้าทรงรักเรามาก จนถึงกับประทานพระบุตรลงมา) บาปทั้งหลายของมนุษย์ที่ได้กระทำต่อพระเป็นเจ้าผู้ทรงเพียรทน มีตัวอย่างเรื่อยมา ดังเราจะเห็นได้จากหนังสือปฐมกาล เรื่อยลงมา แม้กระนั้นพระองค์ก็ได้ประทาน "สัญญาอันเป็นเครื่องหมายแห่งความผูกพันระหว่างมนุษยชาติกับพระองค์"(เรียก พันธสัญญา)เสมอ บทอ่านที่ 1 เป็นตัวอย่างของพันธสัญญาแห่งความรักและกรุณา ที่จะละเว้นมนุษย์ที่กระทำบาปทั้งที่พระฤทธานุภาพอันยิ่งของพระองค์อำนวย แต่ก็ทรงอดไว้ (และมนุษย์ก็ไม่ได้สำนึกแม้มนุษย์จะเรียนรู้ เรื่องราวนี้ในหนังสือปฐมกาลแล้วก็ตาม จวบจนถึงปัจจุบัน!!!)
การเรียกร้องที่นำไปสู่การปฏิบัติ
.........................ก่อนที่จะ ทำกิจศรัทธาที่มากขึ้นในเทศกาลมหาพรต เช่น อดอาหารเพิ่มเติม,เดินรูป 14 ภาค,สวดสายประคำ ผมเรียกร้องให้ทุกคนใส่ใจกับ"พิธีบูชาขอบพระคุณ"(มิสซา)ให้มากขึ้นและเต็มเปี่ยมเสียก่อน ดังนี้คือ
P:ให้เรายอมรับว่าเราเป็นคนบาป เพื่อจะได้ร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างสมควร
(1)Confiteor:การสารภาพบาป
*จงตั้งใจ สารภาพบาป กล่าวคือนอกจากสารภาพต่อพระเจ้าแล้ว และต้องต่อพี่น้องด้วย(อย่าลืม!)
เราทำบาปด้วยกายอะไรบ้างรำลึก เราทำบาปด้วยใจอะไรบ้างรำลึก เราละเลยอะไรบ้างรำลึก ซึ่งการละเลยนี้ไม่เพียงแต่การละเลยการสวดภาวนาและมาเฝ้าพระองค์เท่านั้น การละเลยยังรวมไปถึง การละเลยการปฏิบัติต่อพี่น้องด้วยความรัก สุภาพ ถ่อมตน อ่อนโยน เหตุฉะนี้ จึงไม่มีใครดีบริบูรณ์(เว้นแต่พระเยซูเจ้า) เราจึงข้อนอกยอมรับ(ต่อหน้าพระบิดา ณ สวรรค์:ที่ประทับในมโนธรรมด้วย และพี่น้อง)ว่า"เรานี้เป็นคนบาป"
(2)Credo:ข้าพเจ้าเชื่อ
*บทภาวนาลักษณะโต้ตอบระหว่างสัตบุรุษกับพระสงฆ์นี้ ทำให้เรามีเวลาพอจะคิดว่า อะไรเป็นอะไร
เช่น
I.
ก่อ ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว
รับ พระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ เนรมิตฟ้าดิน ทั้งสิ่งที่เห็นได้และเห็นไม่ได้
นั่นคืออะไร พระสงฆ์บอกว่าท่านและเราเชื่อในพระเจ้า ผู้เป็นเอกะ อันเรายอม"รับ"ว่า ทรงอานุภาพ ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน แม้กระทั่งสิ่งที่เรามองเห็นและไม่อาจมองเห็น ขอให้เราระลึก!
II.
ก่อ อาศัยพระบุตรนี้ ทุกสิ่งได้รับการเนรมิตขึ้นมา
รับ เพราะเห็นแก่เรามนุษย์ เพื่อทรงช่วยเราให้รอด พระองค์จึงเสด็จจากสวรรค์
นั่นคืออะไร ทรงเนรมิตอะไร ทรงเนรมิตสรรพสิ่งด้วยพระอานุภาพหนึ่งเดียวกับพระบิดาเจ้า (และพระจิตเจ้า) ที่สำคัญที่สุด เพราะรัก และประสงค์จะให้เราทั้งหลายได้รอด ถึงกับเสด็จจากสวรรค์
*ขอให้ตั้งใจ ยกจิตเราให้บทข้าพเจ้าเชื่อให้ดี อย่าสักเพียงแต่ว่ากล่าวไปตามความเคยชิน
(3)Pater Noster:บทข้าแต่พระบิดา
*พระสงฆ์หลายท่าน ได้ทำบทความมากมายว่า "อย่าสวดเหมือนเครื่องจักรผลิตคำภาวนา" จงสวดด้วยใจ อันบทภาวนาขององค์พระผู้เป็นเจ้านี้ ถูกวางไว้หลังจากเราเชื่ออย่างสมบูรณ์(ข้าพเจ้าเชื่อ) หลังจากเรากับพระสงฆ์วอนขอพระเจ้าในเรื่องต่างๆ และท้ายที่สุด ประกาศพระธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อ เราจะเห็นได้ว่า จะเห็นพระสงฆ์เชิญชวนให้เราสวดเป็นต้นว่า "พระเป็นเจ้าทรงรักเรามาก ถึงกับให้เราเรียกพระองค์ว่าบิดา เราจึงภาวนาด้วยความมั่นใจว่าดังนี้"ขอให้เรา อย่านึกว่าเป็นขั้นเป็นตอนอะไร แต่จงระลึกไว้ด้วยความมั่นใจ และสวดบทภาวนาที่สรุปรวมพระวรสารเอาไว้เถิด!
(4)Ritus Pacis:ให้เรามอบสันติสุขของพระคริสตเจ้าแก่กันและกัน
*เขายิ้มมาเราก็ยิ้มตอบ เขาไม่ยิ้มมาเราก็ภาวนาให้เขา(ยิ้มให้เราสักวัน)
ขอให้เราใช้เจตนาดีของเรา มอบสันติสุขของพระคริสตเจ้า(จะมอบได้ แปลว่า พระคริสตเจ้าต้องทรงประทับอยู่ในใจเราชั้นหนึ่งเสียก่อน ในมโนธรรมนั่นแหละ)สันติสุขของพระคริสตเจ้า คือ ความรัก ความปรารถนาดี ไม่จำเป็นต้องแสดงออกก็ได้ขอให้ใจปรารถนาดี เดี๋ยวบรรยากาศบริเวณนั้นก็ สันติ(Pacis) เอง
ตัวอย่างอื่นๆผมแนะนำให้อ่าน:เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น
มีอะไรใน"พิธีบูชาขอบพระคุณ(มิสซา)"
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 88#p112488
มีอะไรใน"เทศกาลปัสกา:เจ็ดอาทิตย์พระจิตเสด็จมา" (เทศกาลปัสกา)
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 79#p117279
มีอะไรใน"สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์(Hebdomada Sancta)(เทศกาลมหาพรต)
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 26#p115926
เชิญนพวารพระมารดานิจจานุเคราะห์ได้ที่วัดใกล้บ้านของท่าน:มอบตัวเราในความอารักขาอันทรงอำนาจของพระนาง
ทางเดินแห่งศีลล้างบาปของพระศาสนจักร (สัปดาห์เทศกาลมหาพรต)
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 12#p114412
อาทิตย์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต ปี B
บทอ่านที่ 1: บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล(ปฐมกาล 9:8-15)
.........................พระเป็นเจ้าตรัสกับโนอาห์และบรรดาบุตรของเขาว่า "นี่แน่ะ เราเองเป็นผู้ตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้า กับเชื้อสายของเจ้าและกับบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับเจ้าด้วย ทั้งนก สัตว์ใช้งาน และสารพัดสัตว์ป่าทุกชนิดที่อยู่กับเจ้า บรรดาสัตว์ที่ออกมาจากนาวา คือสัตว์ทั้งหลายในโลก เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้าว่าจะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดยให้น้ำท่วมอีก จะไม่ให้มีน้ำมาท่วมทำลายโลกอีกเลย"
.........................พระเจ้าตรัสว่า "นี่คือเครื่องหมายแห่งพันธสัญญา ซึ่งเราจะตั้งไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้า ทั้งบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ เราจะตั้งรุ้งของเราไว้ที่เมฆและรุ้งนั้นจะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับแผ่นดิน เมื่อเราจะให้มีเมฆเหนือแผ่นดิน และรุ้งของเราจะปรากฎขึ้นที่เมฆนั้น เราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเรากับเจ้า และกับบรรดาสรรพสัตว์ที่มีชีวิต แล้วน้ำจะไม่ท่วมทำลายบรรดาสัตว์โลกอีกเลย
(เพลงที่ 47) "โปรดทรงพระเมตตาเถิดพระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำบาป"
บทอ่านที่ 2: บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่ 1(1เปโตร 3:18-22)
.........................พี่น้องที่รักยิ่ง พระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์ครั้งเดียวเพราะบาป พระองค์ผู้ชอบธรรมได้สิ้นพระชนม์เพื่อคนอธรรม เพื่อจะได้นำเราทั้งหลายไปถวายพระเป็นเจ้า ฝ่ายกายพระองค์สิ้นพระชนม์ แต่ฝ่ายจิตพระองค์ทรงกลับคืนชีพ และโดยจิตพระองค์เสด็จไปประกาศข่าวดีแก่บรรดาจิตที่ถูกคุมขังอยู่ จิตเหล่านี้มิได้ยอมเชื่อฟังในกาลก่อน เมื่อความเพียรทนของพระเป็นเจ้าได้รอคอยพวกเขาอยู่ขณะที่โนอาห์กำลังต่อเรือซึ่งได้ช่วยชีวิตคนจำนวนน้อยนั้นคือเพียงแต่แปดชีวิตให้รอดจากน้ำ(วินาศ)
........................."น้ำ"นั้นเป็นรูปหมายแห่งพิธีล้างบาปที่ช่วยเราให้รอดในเวลานี้ มิใช่เป็นการชำระล้างมลทินร่างกาย แต่เป็นการขอโดยจิตสำนึกชอบต่อพระเป็นเจ้า อาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ผู้เสด็จสู่สววรค์ ประทับเบื้องขวาพระบิดา มีทูตสวรรค์ทั้งศักดิเทพและอิทธิเทพทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจของพระองค์ทั้งสิ้น
บทอ่านที่ 3: บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก (มาระโก 1:12-15)
.........................เวลานั้น พระจิตเจ้าทรงนำพระเยซูเจ้าให้เสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นสี่สิบวัน(สี่สิบคืน) ซาตานมาผจญพระองค์ พระองค์ทรงอยู่กับบรรดาสัตว์ป่า มีทูตสวรรค์มาปรนนิบัติรับใช้พระองค์
.........................หลังจากที่ยอห์นถูกจับแล้ว พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังแคว้นกาลิลีทรงประการเทศนาข่าวดีเกี่ยวกับพระเป็นเจ้าว่า "เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าก็มาใกล้แล้ว จงกลับใจเสียใหม่ และเชื่อข่าวดีเถิด"
การอธิบายแบ่งปัน
.........................อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์แรกหลังจากวันพุธรับเถ้า ในวันพุธรับเถ้า ขณะที่พระสงฆ์โปรยเถ้า ท่านจะพูดว่า "จงกลับใจ และ เชื่อพระวรสารเถิด" วันนี้บทอ่านได้ย้อนให้เราพิจารณาคำนี้อีกครั้ง แต่ในมุมมองที่กว้างขึ้น กล่าวคือ พระวรสารได้พูดถึงสัญลักษณ์ 3 ประการ นั่นคือ
1.ซาตาน,ปีศาจ เล็งถึง บาปภายในของเราเอง การปล่อยตัวไปตามอำนาจกิเลส
2.สัตว์ป่า เล็งถึง สัญชาตญาณฝ่ายข้างโลกจากภายนอก วัตถุ
3.ทูตสวรรค์ เล็งถึง การอวยพระพรของพระเจ้า คำภาวนาของเราที่พระเจ้าทรงสดับฟัง การปกป้องคุ้มครอง
.........................เราจะเห็นได้ว่า แม้พระเยซูเจ้าจะทรงปลีกพระองค์เองไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อบำเพ็ญพรต ทุกสิ่งก็ยังคงเหมือนเดิม แตกต่างตรงที่ มันชัดเจนขึ้น เมื่อเรา "ตั้งใจใช้โทษบาป เพื่อถอนรากถอนโคนกิเลสของเรา"เราจะเห็น บาปของเราชัดขึ้น เห็นวัตถุที่อาจนำไปเราสู่บาป เช่น เหล้า,เงิน(สัตว์ป่า) ชัดขึ้น และที่สำคัญเราจะหวนระลึกถึงพระเป็นเจ้าเราบ่อยขึ้น(จากความลำบากนั้น) นำไปสู่ "การเป็นทุกข์ถึงบาป"และความทุกข์นี้เรียกร้องให้เรา"แก้บาป"เพื่อสัญญากับพระเป็นเจ้าว่า เราจะพยายามไม่ดื้อกระด้างอีก ในขั้นตอนนี้ เราย่อมอยู่ในศีลในพรของพระเป็นเจ้า ได้แก่ การอวยพรของพระเป็นเจ้าอาศัยทูตสวรรค์นำสารนั้นเอง
.........................ในบทอ่านที่สอง ได้มีการอธิบายให้เราเข้าใจมากขึ้นถึงเรื่องของ"น้ำ"และ"จิต" โดยได้เตือนใจเราให้ระลึกถึง "น้ำล้างบาป"ของเราเอง นักบุญเปโตรชี้ให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงใช้ดวงจิตของพระองค์ประกาศข่าวดีแก่บรรดาจิตของเรา จิตที่ถูกคุมขัง บาปทั้งหลายมันล่ามเราไว้ และบาปนี้พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงรับทราบในพระทัยแล้วว่า มนุษย์นั้นมีบาปเสมอๆ (จึงย้อนกลับมาว่า ทำไมถึงต้องส่งพระเอกบุตรลงมา ทำให้ตอบได้ว่า พระเป็นเจ้าทรงรักเรามาก จนถึงกับประทานพระบุตรลงมา) บาปทั้งหลายของมนุษย์ที่ได้กระทำต่อพระเป็นเจ้าผู้ทรงเพียรทน มีตัวอย่างเรื่อยมา ดังเราจะเห็นได้จากหนังสือปฐมกาล เรื่อยลงมา แม้กระนั้นพระองค์ก็ได้ประทาน "สัญญาอันเป็นเครื่องหมายแห่งความผูกพันระหว่างมนุษยชาติกับพระองค์"(เรียก พันธสัญญา)เสมอ บทอ่านที่ 1 เป็นตัวอย่างของพันธสัญญาแห่งความรักและกรุณา ที่จะละเว้นมนุษย์ที่กระทำบาปทั้งที่พระฤทธานุภาพอันยิ่งของพระองค์อำนวย แต่ก็ทรงอดไว้ (และมนุษย์ก็ไม่ได้สำนึกแม้มนุษย์จะเรียนรู้ เรื่องราวนี้ในหนังสือปฐมกาลแล้วก็ตาม จวบจนถึงปัจจุบัน!!!)
การเรียกร้องที่นำไปสู่การปฏิบัติ
.........................ก่อนที่จะ ทำกิจศรัทธาที่มากขึ้นในเทศกาลมหาพรต เช่น อดอาหารเพิ่มเติม,เดินรูป 14 ภาค,สวดสายประคำ ผมเรียกร้องให้ทุกคนใส่ใจกับ"พิธีบูชาขอบพระคุณ"(มิสซา)ให้มากขึ้นและเต็มเปี่ยมเสียก่อน ดังนี้คือ
P:ให้เรายอมรับว่าเราเป็นคนบาป เพื่อจะได้ร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างสมควร
(1)Confiteor:การสารภาพบาป
*จงตั้งใจ สารภาพบาป กล่าวคือนอกจากสารภาพต่อพระเจ้าแล้ว และต้องต่อพี่น้องด้วย(อย่าลืม!)
เราทำบาปด้วยกายอะไรบ้างรำลึก เราทำบาปด้วยใจอะไรบ้างรำลึก เราละเลยอะไรบ้างรำลึก ซึ่งการละเลยนี้ไม่เพียงแต่การละเลยการสวดภาวนาและมาเฝ้าพระองค์เท่านั้น การละเลยยังรวมไปถึง การละเลยการปฏิบัติต่อพี่น้องด้วยความรัก สุภาพ ถ่อมตน อ่อนโยน เหตุฉะนี้ จึงไม่มีใครดีบริบูรณ์(เว้นแต่พระเยซูเจ้า) เราจึงข้อนอกยอมรับ(ต่อหน้าพระบิดา ณ สวรรค์:ที่ประทับในมโนธรรมด้วย และพี่น้อง)ว่า"เรานี้เป็นคนบาป"
(2)Credo:ข้าพเจ้าเชื่อ
*บทภาวนาลักษณะโต้ตอบระหว่างสัตบุรุษกับพระสงฆ์นี้ ทำให้เรามีเวลาพอจะคิดว่า อะไรเป็นอะไร
เช่น
I.
ก่อ ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว
รับ พระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ เนรมิตฟ้าดิน ทั้งสิ่งที่เห็นได้และเห็นไม่ได้
นั่นคืออะไร พระสงฆ์บอกว่าท่านและเราเชื่อในพระเจ้า ผู้เป็นเอกะ อันเรายอม"รับ"ว่า ทรงอานุภาพ ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน แม้กระทั่งสิ่งที่เรามองเห็นและไม่อาจมองเห็น ขอให้เราระลึก!
II.
ก่อ อาศัยพระบุตรนี้ ทุกสิ่งได้รับการเนรมิตขึ้นมา
รับ เพราะเห็นแก่เรามนุษย์ เพื่อทรงช่วยเราให้รอด พระองค์จึงเสด็จจากสวรรค์
นั่นคืออะไร ทรงเนรมิตอะไร ทรงเนรมิตสรรพสิ่งด้วยพระอานุภาพหนึ่งเดียวกับพระบิดาเจ้า (และพระจิตเจ้า) ที่สำคัญที่สุด เพราะรัก และประสงค์จะให้เราทั้งหลายได้รอด ถึงกับเสด็จจากสวรรค์
*ขอให้ตั้งใจ ยกจิตเราให้บทข้าพเจ้าเชื่อให้ดี อย่าสักเพียงแต่ว่ากล่าวไปตามความเคยชิน
(3)Pater Noster:บทข้าแต่พระบิดา
*พระสงฆ์หลายท่าน ได้ทำบทความมากมายว่า "อย่าสวดเหมือนเครื่องจักรผลิตคำภาวนา" จงสวดด้วยใจ อันบทภาวนาขององค์พระผู้เป็นเจ้านี้ ถูกวางไว้หลังจากเราเชื่ออย่างสมบูรณ์(ข้าพเจ้าเชื่อ) หลังจากเรากับพระสงฆ์วอนขอพระเจ้าในเรื่องต่างๆ และท้ายที่สุด ประกาศพระธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อ เราจะเห็นได้ว่า จะเห็นพระสงฆ์เชิญชวนให้เราสวดเป็นต้นว่า "พระเป็นเจ้าทรงรักเรามาก ถึงกับให้เราเรียกพระองค์ว่าบิดา เราจึงภาวนาด้วยความมั่นใจว่าดังนี้"ขอให้เรา อย่านึกว่าเป็นขั้นเป็นตอนอะไร แต่จงระลึกไว้ด้วยความมั่นใจ และสวดบทภาวนาที่สรุปรวมพระวรสารเอาไว้เถิด!
(4)Ritus Pacis:ให้เรามอบสันติสุขของพระคริสตเจ้าแก่กันและกัน
*เขายิ้มมาเราก็ยิ้มตอบ เขาไม่ยิ้มมาเราก็ภาวนาให้เขา(ยิ้มให้เราสักวัน)
ขอให้เราใช้เจตนาดีของเรา มอบสันติสุขของพระคริสตเจ้า(จะมอบได้ แปลว่า พระคริสตเจ้าต้องทรงประทับอยู่ในใจเราชั้นหนึ่งเสียก่อน ในมโนธรรมนั่นแหละ)สันติสุขของพระคริสตเจ้า คือ ความรัก ความปรารถนาดี ไม่จำเป็นต้องแสดงออกก็ได้ขอให้ใจปรารถนาดี เดี๋ยวบรรยากาศบริเวณนั้นก็ สันติ(Pacis) เอง
ตัวอย่างอื่นๆผมแนะนำให้อ่าน:เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น
มีอะไรใน"พิธีบูชาขอบพระคุณ(มิสซา)"
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 88#p112488
มีอะไรใน"เทศกาลปัสกา:เจ็ดอาทิตย์พระจิตเสด็จมา" (เทศกาลปัสกา)
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 79#p117279
มีอะไรใน"สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์(Hebdomada Sancta)(เทศกาลมหาพรต)
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 26#p115926
เชิญนพวารพระมารดานิจจานุเคราะห์ได้ที่วัดใกล้บ้านของท่าน:มอบตัวเราในความอารักขาอันทรงอำนาจของพระนาง