มารดาและพี่น้องของเราคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 26, 2009 1:12 am
เชิญชวนร่วมแบ่งปันพระคัมภีร์กันครับ
บทพระคัมภีร์บทนี้เราอาจได้ยินกันหลายครั้งแล้ว
----------------------------------------------------
ลก 8:19-21
พระมารดาและพี่น้องของพระเยซูเจ้ามาเฝ้าพระองค์ แต่ไม่อาจเข้าถึงพระองค์ได้ เพราะมีประชาชนจำนวนมาก มีผู้ทูลพระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องของท่านกำลังยืนอยู่ข้างนอก ต้องการพบท่าน” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มารดาและพี่น้องของเราคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติ”
-----------------------------------------------------
สำหรับ ผู้ที่อยู่ในพระศาสนจักร ที่ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกีดกันหมั่นไส้ มารีย์มารดาของพระเยซูเจ้า เป็นพิเศษ ฟังพระวาจาบทนี้มาหลายครั้งหลายหน ย่อมไม่ได้รู้สึกไปในทางลบว่าพระเยซูปฎิเสธ หรือดูถูกอะไร ต่อ แม่และญาติตัวเอง หรือจะสามารถ(พยายาม)ตีความไปในทางที่ว่า พระเยซูปฎิเสธครอบครัวและแม่แท้ๆของตัวเอง
เพราะในบริบท สังคมวัฒนธรรมของชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวยิว ถือว่าการนับถือบิดามารดา เป็นบัญญัติที่เกี่ยวกับมนุษย์ข้อแรกถัดจากข้อที่เกี่ยวกับพระเจ้า ว่า ต้องประพฤติปฎิบัติ และถูกสั่งให้ทำก่อนเรื่องอย่าฆ่าคน หรือขโมยของ ฯลฯ ซะอีก
มีสำนวนสุภาษิตยิวอันหนึ่ง กล่าวว่า "เพื่อพระเจ้าจะดูแลมนุษย์ได้ทั่วถึง จึงทรงสร้าง มารดา ขึ้นมามากมาย"
ดังนั้น จึงน่าคิดว่า ท่ามกลางประชาชนชาวยิวมากมาย พระเยซูกำลังทำเรื่องผิดบัญญัติ 10 ประการ โดยไม่มีฟาริสี หรือธรรมาจารย์ขาประจำ มายกมือแย้งว่าทำผิดบัญญัติ เหมือนทุกครั้ง ได้ยังไง
แต่เราเข้าใจโดยอัตโนมัติว่า พระเยซูเจ้า ทรงตรัสประโยคนี้ ขณะกำลังเทศนาท่ามกลางประชาชน พระองค์ไม่ได้พูดเพื่อปฎิเสธครอบครัวจริงๆของตัวเอง แต่กำลังพูดถึงครอบครัวชาวโลกที่เมื่อพระองค์ทรงมาเกิดเป็น "บุตรแห่งมนุษย์" พระองค์ย่อมเป็นญาติพี่น้องของมนุษย์ทั้งหลายด้วย
แต่ประโยคนี้ที่พระเยซู ตรัสเพื่อหนุนใจประชาชนทั้งหลายในที่นั้นคือ
พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มารดาและพี่น้องของเราคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติ”
ที่บอกว่าใครก็ตามที่ฟังสิ่งที่พระองค์เทศน์สอน และเอาไปปฎิบัติ ย่อมเป็นมารดาและพี่น้องของพระองค์
ดังนั้น เรายังพบอีกว่าที่จริงพระเยซูไม่ได้พอใจแค่ให้คนเชื่อ ไม่ใช่แค่เชื่อแล้วจะนับเขาเข้าเป็นบุตรพระเจ้าทันที แต่ เขาต้องทำตามที่พระองค์สอนด้วยจึงจะสามารถเป็นญาติพี่น้องของพระองค์ได้
สิ่งนี้น่าคิดมาก เมื่อ2000ปีที่แล้ว คนที่แห่ตามพระเยซู ไปฟังพระองค์สอนจนเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่หนาแน่นขนาดแม่และญาติของพระองค์ยังเข้าไปหาไม่ได้

พวกเขาคงนั่งมองพระองค์ตาแป๋ว หูผึ่ง ราวกับ คนสมัยนี้ที่เป็นแฟนคลับตามติดขอบเวทีของผู้ที่เป็นขวัญใจของตน
แต่ดูเหมือนพระเยซูไม่ได้พอพระทัยแค่มีคนมาแห่ตาม บอกว่าเชื่อ แต่ไม่เคยทำอะไรตามที่พระองค์สอนเลย
พระดำรัสนี้คงไม่ได้จะไปเสียดแทงอะไรจิตใจแม่และญาตๆของพระองค์ แต่มันคงจะเสียดแทงใส่ประชาชนที่นั่งสลอนตาใสกันอยู่รอบพระองค์นั้นมากกว่าว่า ที่ตามๆกันมาเนี่ย ตามฟังกันมาหลายคราวแล้วเนี่ย ได้มีใครนำสิ่งที่สอนไปปฏิบัติกันบ้างหรือไม่อย่างไร
สิ่งนี้ย้อนกลับมาหาเราเองด้วย
เราบอกเสมอว่า เราเป็นลูกพระบิดา เพราะเรารับศีลล้างบาปเป็นคริสตชน หรือเพราะประกาศรับเชื่อในพระเจ้าแล้ว
แล้วเราได้ทำอย่างที่แม่พระทำหรือยัง ตัวอย่างของมนุษย์แท้ๆ ที่เป็น แม่ ทั้งด้วยคุณสมบัติทางกายภาพ และ ด้วยคุณสมบัติสำคัญที่สุดคือ ตลอดชีวิตที่พระวรสารบันทึก เป็นคริสตชนคนแรกที่ปฏิบัติตามพระวาจาพระเจ้าทันที อย่างนบนอบ และไม่เคยละเมิด หลีกเลี่ยง ต่อว่า หรือ ปฎิเสธ แม้มันจะเจ็บปวดสาหัสปานใดทั้งสิ้น แล้วยังทำต่อไปอีกโดยการเชิญชวน และกำชับ คนอื่นให้ "ทำตามที่ท่าน(พระเยซูเจ้า)สั่ง" อีกด้วย

เราเองได้ทำตามพระวาจาพระเจ้าที่เราได้ฟังทุกวันอาทิตย์ หรือได้อ่านในเวลาอื่นๆมากน้อยแค่ไหน
เราเองได้เป็น มารดาและพี่น้องของพระเยซูคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติ หรือยัง
------------------------------------------------------------------------------
ผู้ที่อ่านพระวรสารบทนี้ แล้วรู้สึกอย่างไร เชิญร่วมแบ่งปันกันได้ครับ
บทพระคัมภีร์บทนี้เราอาจได้ยินกันหลายครั้งแล้ว
----------------------------------------------------
ลก 8:19-21
พระมารดาและพี่น้องของพระเยซูเจ้ามาเฝ้าพระองค์ แต่ไม่อาจเข้าถึงพระองค์ได้ เพราะมีประชาชนจำนวนมาก มีผู้ทูลพระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องของท่านกำลังยืนอยู่ข้างนอก ต้องการพบท่าน” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มารดาและพี่น้องของเราคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติ”
-----------------------------------------------------
สำหรับ ผู้ที่อยู่ในพระศาสนจักร ที่ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกีดกันหมั่นไส้ มารีย์มารดาของพระเยซูเจ้า เป็นพิเศษ ฟังพระวาจาบทนี้มาหลายครั้งหลายหน ย่อมไม่ได้รู้สึกไปในทางลบว่าพระเยซูปฎิเสธ หรือดูถูกอะไร ต่อ แม่และญาติตัวเอง หรือจะสามารถ(พยายาม)ตีความไปในทางที่ว่า พระเยซูปฎิเสธครอบครัวและแม่แท้ๆของตัวเอง
เพราะในบริบท สังคมวัฒนธรรมของชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวยิว ถือว่าการนับถือบิดามารดา เป็นบัญญัติที่เกี่ยวกับมนุษย์ข้อแรกถัดจากข้อที่เกี่ยวกับพระเจ้า ว่า ต้องประพฤติปฎิบัติ และถูกสั่งให้ทำก่อนเรื่องอย่าฆ่าคน หรือขโมยของ ฯลฯ ซะอีก
มีสำนวนสุภาษิตยิวอันหนึ่ง กล่าวว่า "เพื่อพระเจ้าจะดูแลมนุษย์ได้ทั่วถึง จึงทรงสร้าง มารดา ขึ้นมามากมาย"
ดังนั้น จึงน่าคิดว่า ท่ามกลางประชาชนชาวยิวมากมาย พระเยซูกำลังทำเรื่องผิดบัญญัติ 10 ประการ โดยไม่มีฟาริสี หรือธรรมาจารย์ขาประจำ มายกมือแย้งว่าทำผิดบัญญัติ เหมือนทุกครั้ง ได้ยังไง
แต่เราเข้าใจโดยอัตโนมัติว่า พระเยซูเจ้า ทรงตรัสประโยคนี้ ขณะกำลังเทศนาท่ามกลางประชาชน พระองค์ไม่ได้พูดเพื่อปฎิเสธครอบครัวจริงๆของตัวเอง แต่กำลังพูดถึงครอบครัวชาวโลกที่เมื่อพระองค์ทรงมาเกิดเป็น "บุตรแห่งมนุษย์" พระองค์ย่อมเป็นญาติพี่น้องของมนุษย์ทั้งหลายด้วย
แต่ประโยคนี้ที่พระเยซู ตรัสเพื่อหนุนใจประชาชนทั้งหลายในที่นั้นคือ
พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มารดาและพี่น้องของเราคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติ”
ที่บอกว่าใครก็ตามที่ฟังสิ่งที่พระองค์เทศน์สอน และเอาไปปฎิบัติ ย่อมเป็นมารดาและพี่น้องของพระองค์
ดังนั้น เรายังพบอีกว่าที่จริงพระเยซูไม่ได้พอใจแค่ให้คนเชื่อ ไม่ใช่แค่เชื่อแล้วจะนับเขาเข้าเป็นบุตรพระเจ้าทันที แต่ เขาต้องทำตามที่พระองค์สอนด้วยจึงจะสามารถเป็นญาติพี่น้องของพระองค์ได้
สิ่งนี้น่าคิดมาก เมื่อ2000ปีที่แล้ว คนที่แห่ตามพระเยซู ไปฟังพระองค์สอนจนเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่หนาแน่นขนาดแม่และญาติของพระองค์ยังเข้าไปหาไม่ได้

พวกเขาคงนั่งมองพระองค์ตาแป๋ว หูผึ่ง ราวกับ คนสมัยนี้ที่เป็นแฟนคลับตามติดขอบเวทีของผู้ที่เป็นขวัญใจของตน
แต่ดูเหมือนพระเยซูไม่ได้พอพระทัยแค่มีคนมาแห่ตาม บอกว่าเชื่อ แต่ไม่เคยทำอะไรตามที่พระองค์สอนเลย
พระดำรัสนี้คงไม่ได้จะไปเสียดแทงอะไรจิตใจแม่และญาตๆของพระองค์ แต่มันคงจะเสียดแทงใส่ประชาชนที่นั่งสลอนตาใสกันอยู่รอบพระองค์นั้นมากกว่าว่า ที่ตามๆกันมาเนี่ย ตามฟังกันมาหลายคราวแล้วเนี่ย ได้มีใครนำสิ่งที่สอนไปปฏิบัติกันบ้างหรือไม่อย่างไร
สิ่งนี้ย้อนกลับมาหาเราเองด้วย
เราบอกเสมอว่า เราเป็นลูกพระบิดา เพราะเรารับศีลล้างบาปเป็นคริสตชน หรือเพราะประกาศรับเชื่อในพระเจ้าแล้ว
แล้วเราได้ทำอย่างที่แม่พระทำหรือยัง ตัวอย่างของมนุษย์แท้ๆ ที่เป็น แม่ ทั้งด้วยคุณสมบัติทางกายภาพ และ ด้วยคุณสมบัติสำคัญที่สุดคือ ตลอดชีวิตที่พระวรสารบันทึก เป็นคริสตชนคนแรกที่ปฏิบัติตามพระวาจาพระเจ้าทันที อย่างนบนอบ และไม่เคยละเมิด หลีกเลี่ยง ต่อว่า หรือ ปฎิเสธ แม้มันจะเจ็บปวดสาหัสปานใดทั้งสิ้น แล้วยังทำต่อไปอีกโดยการเชิญชวน และกำชับ คนอื่นให้ "ทำตามที่ท่าน(พระเยซูเจ้า)สั่ง" อีกด้วย

เราเองได้ทำตามพระวาจาพระเจ้าที่เราได้ฟังทุกวันอาทิตย์ หรือได้อ่านในเวลาอื่นๆมากน้อยแค่ไหน
เราเองได้เป็น มารดาและพี่น้องของพระเยซูคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติ หรือยัง
------------------------------------------------------------------------------
ผู้ที่อ่านพระวรสารบทนี้ แล้วรู้สึกอย่างไร เชิญร่วมแบ่งปันกันได้ครับ