อภิบาลคริสตชนในความตึงเครียดเรื่องการเมือง
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 22, 2009 9:51 pm
น่าจะให้ความสนใจเป็นพิเศษเรื่องนี้นะคะ ประเด็นไม่อยู่ที่ว่า ใครถูก ใครผิด แต่อยู่ที่ว่า คุณยังมีความรักและสันติในใจอยู่หรือไม่ ต่อให้ถูกแค่ไหนก็ตาม แต่หากขาดสันติในใจ มีความแตกแยก มีความรุนแรง ไร้ความรัก นั่นก็คือ คุณกำลังตกในบาป ไม่ว่าใครจะเลวแค่ไหน เราก็ไม่มีสิทธิไปเกลียดเค้า ยังไงเราก็ต้องรักเค้า เพราะถ้าเราไม่รัก เราจะตกในบาป ::001::
อันนี้ก็เป็นความท้าทายฝ่ายจิตอย่างนึงที่เจอมา และความรู้สึกคือ ต้องการการอภิบาล ต้องการคนพูดคุย
เมื่อวันปัสกาที่ผ่านมา ที่จริงเป็นเทศกาลที่ต้องชื่นชมยินดี แต่ก็มีหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ที่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชื่นชมยินดีไม่ออก คิดว่า คงเป็นการกระทำของมาร ที่ไม่อยากให้เราได้ยินดีในการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า คิดว่า ตรงนี้คงเป็นความท้าทายอย่างนึงที่ให้เราได้ดำเนินชีวิตตามพระวรสาร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม จะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม พระเยซูเจ้าได้กลับคืนชีพแล้ว ... ตอนนั้นต้องเอาชนะตนเองอย่างมาก ต้องมองขึ้นหาพระ เช้าวันอาทิตย์ปัสกา ต้องไปช่วยมิสซา มีล้างบาปเด็ก ทุกคนชื่นชมยินดี แต่เรากลับมีเรื่องไม่สบายใจ จากการดูข่าว
... ก็เลยได้มาคิดว่า นี่เรากำลังถูกประจญอยู่นะ พระเป็นเจ้าให้เราชื่นชมยินดี แต่เรากลับไม่ทำตามพระองค์ และจากนั้น ก็ค่อยๆหาทางออก ..... บ้านเมือง ประเทศชาติสำคัญก็จริง แต่ชีวิตนิรันดรสำคัญที่สุด
และก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะตอบสนองยังไงกับเหตุการณ์นี้ ก็มานึกถึงพระสันตปาปาจอห์น ปอลที่ 2 พระองค์เป็นตัวอย่างที่ดีในการตอบสนองของคริสตชนในช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งทางการเมืองและศีลธรรม พระองค์มีชีวิตในยุคนั้นพอดี เห็นความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้น เห็นความอยุติธรรมที่มี .... สิ่งที่พระองค์ทำคือ การภาวนา มีความรัก เข้มแข็ง ต่อสู้ แต่อ่อนโยน คิดว่า พระองค์น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีกับเราได้นะคะ ขอให้เรานำพระองค์มาเป็นแบบอย่าง ::001:: .... พระองค์ไม่ชอบความรุนแรงที่ชาวนาซีได้ทำ แต่พระองค์ไม่ได้เกลียดพวกเค้า พระองค์ภาวนา ให้ความรักความเมตตากับทุกคน และพยายามสร้างสันติ ::001::

คิดว่า พระเยซูเจ้าไม่ได้ให้เราวางเฉย ปล่อยวาง ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นนะคะ แต่คิดว่า พระองค์ให้เราได้ตอบสนองอย่างเหมาะสมมากกว่า และเป็นโอกาสดีด้วย ที่ให้เราได้มองย้อนไปในตัวเอง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำไมเราถึงได้ชอบฝ่ายนี้นัก มีอารมณ์ร่วมมาก อะไรในตัวเรา เรามีความรู้สึกอยุติธรรมอะไรหรือไม่ ฯลฯ และในตอนนี้ พระเป็นเจ้าอยู่ที่ไหน แสวงหาพระเป็นเจ้าในทุกสถานการณ์นะคะ
หากวันปัสกา เรายังไม่ได้ชื่นชมยินดีกับการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า เรายังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 30 วัน ที่จะฉลองนะคะ
ขอพระอวยพรให้พี่น้องทุกท่านมีความรัก ความชื่นชมยินดี ไม่ตกในบาป และตอบสนองอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ความตึงเครียดนี้ค่ะ ::017::

อันนี้ก็เป็นความท้าทายฝ่ายจิตอย่างนึงที่เจอมา และความรู้สึกคือ ต้องการการอภิบาล ต้องการคนพูดคุย

เมื่อวันปัสกาที่ผ่านมา ที่จริงเป็นเทศกาลที่ต้องชื่นชมยินดี แต่ก็มีหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ที่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชื่นชมยินดีไม่ออก คิดว่า คงเป็นการกระทำของมาร ที่ไม่อยากให้เราได้ยินดีในการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า คิดว่า ตรงนี้คงเป็นความท้าทายอย่างนึงที่ให้เราได้ดำเนินชีวิตตามพระวรสาร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม จะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม พระเยซูเจ้าได้กลับคืนชีพแล้ว ... ตอนนั้นต้องเอาชนะตนเองอย่างมาก ต้องมองขึ้นหาพระ เช้าวันอาทิตย์ปัสกา ต้องไปช่วยมิสซา มีล้างบาปเด็ก ทุกคนชื่นชมยินดี แต่เรากลับมีเรื่องไม่สบายใจ จากการดูข่าว



คิดว่า พระเยซูเจ้าไม่ได้ให้เราวางเฉย ปล่อยวาง ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นนะคะ แต่คิดว่า พระองค์ให้เราได้ตอบสนองอย่างเหมาะสมมากกว่า และเป็นโอกาสดีด้วย ที่ให้เราได้มองย้อนไปในตัวเอง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำไมเราถึงได้ชอบฝ่ายนี้นัก มีอารมณ์ร่วมมาก อะไรในตัวเรา เรามีความรู้สึกอยุติธรรมอะไรหรือไม่ ฯลฯ และในตอนนี้ พระเป็นเจ้าอยู่ที่ไหน แสวงหาพระเป็นเจ้าในทุกสถานการณ์นะคะ

หากวันปัสกา เรายังไม่ได้ชื่นชมยินดีกับการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า เรายังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 30 วัน ที่จะฉลองนะคะ

ขอพระอวยพรให้พี่น้องทุกท่านมีความรัก ความชื่นชมยินดี ไม่ตกในบาป และตอบสนองอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ความตึงเครียดนี้ค่ะ ::017::
