โป๊ปหวังคริสตังรู้จักแบ่งเวลาขอบคุณพระบ้างในชีวิตประจำวัน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 05, 2009 9:01 am
โป๊ปหวังคริสตังรู้จักแบ่งเวลาขอบคุณพระบ้างในชีวิตประจำวัน
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก
ทรงหวังเห็นคริสตังแบ่งสรรเวลาในแต่ละวันให้กับการขอบคุณพระ มิใช่
เอาแต่ทำงานและพักผ่อนโดยลืมนึกถึงพระองค์ ย้ำ
ห้ามลืมไปวัดวันอาทิตย์เด็ดขาด
เพราะนี่คือวันที่เราจะได้พบกับความงดงามของพระศาสนจักร
และได้รับความหมายแท้จริงให้ชีวิต
เมื่อช่วงสายวันพุธที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์
ที่ 16 ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก ได้เสด็จออกมาพบปะสัตบุรุษกว่า 17,000 คน
ระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัดขึ้น ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร
โดยใจความสำคัญของบทสอนประจำวันนี้
พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงหยิบยกชีวประวัติ "นักบุญราบานุส เมารุส"
ฤาษีเบเนดิกตินในยุคกลาง มาแบ่งปัน พร้อมให้ข้อคิดว่า ในแต่ละวัน
เราต้องหาเวลาให้พระเจ้าบ้าง
อย่ามัวแต่สาละวนอยู่กับสิ่งของทางโลกจนลืมพระองค์
พระสันตะปาปาเริ่มต้นตรัส ด้วยการเล่าชีวประวัติท่านนักบุญว่า "ราบานุส
เมารุส เกิดในค.ศ.780 ที่เมืองไมนซ์ ประเทศเยอรมนี
ท่านสมัครเข้าอารามตั้งแต่หนุ่มๆ และเมื่อเข้าไปแล้ว
บรรดาฤาษีเบเนดิกตินก็ทึ่งในความสามารถของราบานุส
เพราะท่านเป็นคนเก่งเกินวัย ด้วยเหตุนี้ เจ้าชายแห่งราชวงศ์กาโรแล็งเชียง
(Carolingian- ปกครองอาณาจักรแฟรงก์หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน)
ได้แต่งตั้ง ราบานุส ให้เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์"
"จากฤาษีเบเนดิกตินในอารามฟุลด้า
ราบานุสได้รับแต่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราชประจำเมืองไมนซ์
แม้หน้าที่รับผิดชอบจะสูงขึ้น
ท่านก็ยังก้มหน้าก้มตาใฝ่หาความรู้ไปเรื่อยๆ
ราบานุสแบ่งเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการอภิบาล การภาวนา
การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และการช่วยเหลือสังคม นี่คือการสอนว่า
เราก็ต้องรู้จักแบ่งเวลาช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ไม่ใช่การงานใหญ่โต
แล้วจะมาอ้างว่าไม่มีเวลาอยู่ร่ำไป "
ด้วยความที่ นักบุญราบานุส เมารุส เป็นผู้มากความสามารถหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ งานเขียนเชิงวิชาการ หรือศิลปะ
ท่านเชี่ยวชาญจนสามารถนำทุกอย่าง มาผสมผสานกันเพื่อสรรเสริญพระเจ้า
พระสันตะปาปาจึงแบ่งปันเรื่องนี้ว่า
"ราบานุสเขียนหนังสือและประพันธ์บทเพลงมากมาย
ผลงานที่โด่งดังสุดของท่านคือบทเพลงเชิญพระจิต (Veni creator Spiritus)
นอกจากนี้ ราบานุสยังแต่งบทกวีเกี่ยวกับธรรมล้ำลึกแห่งไม้กางเขน
ซึ่งท่านได้ใช้กวีบทนี้เป็นเครื่องยืนยันความเชื่อของตนที่มีต่อพระเจ้าด้วย
วิธีการดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า
เราสามารถรำพึงถึงพระวาจาของพระเจ้าได้หลายทาง
หนึ่งในนั้นก็คือดนตรีและศิลปศักดิ์สิทธิ์"
"พ่อเชื่อว่า ทุกวันนี้ นักบุญราบานุส กำลังสอนเราว่า
ต่อให้จังหวะของชีวิตจะเดินไปในทิศทางใด ไม่ว่าวันทำงานหรือวันหยุด
เราก็ต้องหาเวลาให้พระเจ้า เราต้องไม่ลืมวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันของพระองค์
วันอาทิตย์เราต้องไปสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้าผ่านทางพิธีมิสซา
แล้วเราจะได้พบกับความสวยงามของพระศาสนจักร
ความสวยงามของดนตรีศักดิ์สิทธิ์ ความสวยงามของพระวาจาของพระเจ้า
และความสวยงามของพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เมื่อเราได้พบพระองค์แล้ว
ชีวิตเราก็จะดีขึ้น และมันก็จะเป็นชีวิตเที่ยงแท้อย่างแน่นอน"
พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!7198.entry
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก
ทรงหวังเห็นคริสตังแบ่งสรรเวลาในแต่ละวันให้กับการขอบคุณพระ มิใช่
เอาแต่ทำงานและพักผ่อนโดยลืมนึกถึงพระองค์ ย้ำ
ห้ามลืมไปวัดวันอาทิตย์เด็ดขาด
เพราะนี่คือวันที่เราจะได้พบกับความงดงามของพระศาสนจักร
และได้รับความหมายแท้จริงให้ชีวิต
เมื่อช่วงสายวันพุธที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์
ที่ 16 ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก ได้เสด็จออกมาพบปะสัตบุรุษกว่า 17,000 คน
ระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัดขึ้น ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร
โดยใจความสำคัญของบทสอนประจำวันนี้
พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงหยิบยกชีวประวัติ "นักบุญราบานุส เมารุส"
ฤาษีเบเนดิกตินในยุคกลาง มาแบ่งปัน พร้อมให้ข้อคิดว่า ในแต่ละวัน
เราต้องหาเวลาให้พระเจ้าบ้าง
อย่ามัวแต่สาละวนอยู่กับสิ่งของทางโลกจนลืมพระองค์
พระสันตะปาปาเริ่มต้นตรัส ด้วยการเล่าชีวประวัติท่านนักบุญว่า "ราบานุส
เมารุส เกิดในค.ศ.780 ที่เมืองไมนซ์ ประเทศเยอรมนี
ท่านสมัครเข้าอารามตั้งแต่หนุ่มๆ และเมื่อเข้าไปแล้ว
บรรดาฤาษีเบเนดิกตินก็ทึ่งในความสามารถของราบานุส
เพราะท่านเป็นคนเก่งเกินวัย ด้วยเหตุนี้ เจ้าชายแห่งราชวงศ์กาโรแล็งเชียง
(Carolingian- ปกครองอาณาจักรแฟรงก์หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน)
ได้แต่งตั้ง ราบานุส ให้เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์"
"จากฤาษีเบเนดิกตินในอารามฟุลด้า
ราบานุสได้รับแต่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราชประจำเมืองไมนซ์
แม้หน้าที่รับผิดชอบจะสูงขึ้น
ท่านก็ยังก้มหน้าก้มตาใฝ่หาความรู้ไปเรื่อยๆ
ราบานุสแบ่งเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการอภิบาล การภาวนา
การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และการช่วยเหลือสังคม นี่คือการสอนว่า
เราก็ต้องรู้จักแบ่งเวลาช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ไม่ใช่การงานใหญ่โต
แล้วจะมาอ้างว่าไม่มีเวลาอยู่ร่ำไป "
ด้วยความที่ นักบุญราบานุส เมารุส เป็นผู้มากความสามารถหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ งานเขียนเชิงวิชาการ หรือศิลปะ
ท่านเชี่ยวชาญจนสามารถนำทุกอย่าง มาผสมผสานกันเพื่อสรรเสริญพระเจ้า
พระสันตะปาปาจึงแบ่งปันเรื่องนี้ว่า
"ราบานุสเขียนหนังสือและประพันธ์บทเพลงมากมาย
ผลงานที่โด่งดังสุดของท่านคือบทเพลงเชิญพระจิต (Veni creator Spiritus)
นอกจากนี้ ราบานุสยังแต่งบทกวีเกี่ยวกับธรรมล้ำลึกแห่งไม้กางเขน
ซึ่งท่านได้ใช้กวีบทนี้เป็นเครื่องยืนยันความเชื่อของตนที่มีต่อพระเจ้าด้วย
วิธีการดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า
เราสามารถรำพึงถึงพระวาจาของพระเจ้าได้หลายทาง
หนึ่งในนั้นก็คือดนตรีและศิลปศักดิ์สิทธิ์"
"พ่อเชื่อว่า ทุกวันนี้ นักบุญราบานุส กำลังสอนเราว่า
ต่อให้จังหวะของชีวิตจะเดินไปในทิศทางใด ไม่ว่าวันทำงานหรือวันหยุด
เราก็ต้องหาเวลาให้พระเจ้า เราต้องไม่ลืมวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันของพระองค์
วันอาทิตย์เราต้องไปสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้าผ่านทางพิธีมิสซา
แล้วเราจะได้พบกับความสวยงามของพระศาสนจักร
ความสวยงามของดนตรีศักดิ์สิทธิ์ ความสวยงามของพระวาจาของพระเจ้า
และความสวยงามของพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เมื่อเราได้พบพระองค์แล้ว
ชีวิตเราก็จะดีขึ้น และมันก็จะเป็นชีวิตเที่ยงแท้อย่างแน่นอน"
พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!7198.entry
