โบสถ์คาทอลิกในไทย โปรโมทเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
-
- โพสต์: 663
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 02, 2005 10:41 pm
- ที่อยู่: Sriracha Chonburi
- ติดต่อ:
ได้อ่านข่าวใน Manager Online ในหมวดท่องเที่ยวเห็นข่าวนี้ครับ
"เยือนถิ่นคาทอลิก ยลโบสถ์คริสต์ตระการตา"
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNew ... 0000073486
เขาได้โปรโมทวัดคาทอลิกในไทยหลายแห่ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวครับ
--------------------------------------------------------------
ข่าวข้างล่างตัดมาจาก manager คำเขียนหลายๆ คำ เป็นของนักเขียนนะครับ
ซึ่งอาจจะตีความหมายบางอย่างผิดบ้างครับ โปรดให้อภัย!
--------------------------------------------------------------
โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ หนึ่งในอันซีนไทยแลนด์
แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่ของไทยจะนับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก แต่บ้านเมืองเราก็เปิดกว้างให้แก่ศาสนาอื่นๆด้วยเช่นกัน ประเทศไทยจึงเป็นประเทศหนึ่งที่หลอมรวมเอาวัฒนธรรมต่างๆร้อยรัดเข้าด้วยกัน แต่สามารถอยู่รวมกันได้อย่างร่มเย็น
'คริสต์ศาสนา' เป็นศาสนาหนึ่งที่เข้ามาเติบโตในเมืองไทย มีอยู่หลายนิกายด้วยกันแต่ที่เด่นกว่าใครก็คงจะเป็น นิกายคาทอลิก (นับถือทั้งพระเยซูเจ้าและพระแม่มารี) และโปรเตสแตนต์ (นับถือแต่พระเยซูเจ้าอย่างเดียว) และจะมีใครรู้บ้างว่า ถิ่นหนึ่งที่คริสต์ศาสนาปลูกหน่อต่อเชื้อจนขยายวงกว้างนั้น เพราะเข้ามาปักหลักอยู่ในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ถิ่นอีสานบ้านเรานี่เอง
วัดสองคอนกับงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาสามารถพบได้มากที่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และ ยโสธรดังนั้นจึงทำให้ในอีสานมีชุมชนและโบสถ์คริสต์ที่สำคัญตั้งอยู่หลายแห่ง
ท่าแร่ ชุมชนคาทอลิกใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
ชุมชนคาทอลิกแห่งหนึ่งที่เมื่อมาอีสานแล้วไม่ควรพลาดคือที่ "ชุมชนท่าแร่" บ้านท่าแร่ ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร
บ้านท่าแร่ เป็นชุมชนคาทอลิกที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย มีประชากรนับถือคาทอลิกนับหมื่นคน โดยคริสตชนท่าแร่ดั้งเดิมนั้นอพยพมาจากเวียดนามในราวปี พ.ศ. 2427 หรือ ค.ศ.1884
โบสถ์รูปทรงเรือที่ โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่
หมู่บ้านนี้มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมตารางหมากรุก คล้ายกับบ้านเมืองในแถบประเทศตะวันตก มีบ้านเรือนสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่งดงามเรียงรายสองข้างทางในถนนสายหลักของ หมู่บ้านเป็นจำนวนมาก
ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ของทุกปี ชุมชนท่าแร่จะจัดเทศกาล"แห่ดาว"คริสตมาสอย่างยิ่งใหญ่ มีการประดับประดาบ้านเรือนด้วยดวงไฟหลากสีสันและตกแต่งด้วย "ดาว" สัญลักษณ์การประสูติของพระเยซูเจ้า
นอกจากนี้ที่บ้านท่าแร่ ยังเป็นที่ตั้งของ "โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล" ซึ่งเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านนี้อีกด้วย
2 โบสถ์คริสต์งามแห่งนครพนม
จากสกลนครข้ามจังหวัดสู่นครพนม มาเยือนโบสถ์คริสต์ที่ "วัดนักบุญอันนา" (หนองแสง) ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ด้านทิศเหนือ โบสถ์แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของชาวคริสต์ริมฝั่งโขงหรือมิสซังลาวมา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2422 โบสถ์มีลักษณะเป็นหอคอยคู่ เป็นยอดแหลมสูงเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้ในระยะไกล
สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่บ้านท่าแร่
ต่อกันอีกแห่งหนึ่งในนครพนมที่ "วัดนักบุญยอแซฟ คำเกิ้ม" วัดนี้มีรูปแบบของสถาปัตยกรรมโบราณกว่า 125 ปี ณ วัดคำเกิ้ม หรือวัดนักบุญยอแซฟ ต.อาจสามารถ อ.เมืองฯ จ.นครพนม สิ่งที่โดดเด่นประจำวัด คือ 'โบสถ์เก่า' ที่ยังทิ้งร่องรอยความเสียหายจากการถูกระเบิด เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีน รอยถูกเผา ส่งให้โบสถ์เก่าแลดู สวย ขลัง ได้อย่างเหลือเชื่อ
วัดสองคอน พลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่
ศาสนานำมาซึ่งศรัทธาอันยิ่งใหญ่ ดังที่จะเห็นตัวอย่างได้ที่ "วัดสองคอน" ตั้งอยู่ที่ บ้านสองคอน ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร
วัดสองคอน มีชื่อเต็มว่า "สักการะสถานแห่งมรณะสักขี วัดสองคอน" หรือในชื่อเดิมว่า วัดพระแม่ไถ่ทาส เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่คริสตชน 7 ท่าน ที่พลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2532 พระสันตปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้ประกาศให้ทั้งเจ็ดคนเป็น "บุญราศีมรณสักขี" ที่หมายถึงคริสตชนผู้ประกอบกรรมดีและพลีชีพเพื่อประกาศยืนยันความเชื่อในพระเจ้าไม่ยอมละทิ้งศาสนา
โบสถ์คริสต์นักบุญอันนา จ.นครพนม
วัดสองคอนปัจจุบันมีชื่อเสียงมากในเรื่องความงดงามแปลกตาของตัวอาคาร ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีความสวยงาม และใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539 ออกแบบโดย ดร. อัชชพล ดุสิตนานนท์
วัดสองคอนยังได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ เป็นงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในอุษาคเนย์ วัดแห่งนี้มีการแบ่งพื้นที่จำนวน 64 ไร่ ออกเป็นส่วนต่างๆ มีถนนตัดผ่ากลาง ทางด้านตะวันตกสร้างเป็นอาคารสำนักงาน บ้านพัก และสุสานหรือป่าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแต่เดิมเป็นที่ฝังอัฐิของบุญราศีทั้ง 7
โบสถ์เก่าขรึมขลังที่วัดคำเกิ้ม
ส่วนด้านทิศตะวันออกที่ติดกับแม่น้ำโขงก็สร้างเป็นโบสถ์คอนกรีตเสริม เหล็กโถงสี่เหลี่ยมชั้นเดียว ผนังของวัดและส่วนไว้พระธาตุเป็นกระจกใส บริเวณด้านหน้าเป็นส่วนประกอบพิธี ส่วนด้านหลังเป็นที่เก็บอัฐิของบุญราศีทั้ง 7 ซึ่งมีการทำเป็นหุ่นขี้ผึ้งจำลองของบุญราศีทั้ง 7 ไว้ให้สักการบูชา มีไม้กางเขน 7 แห่งด้านหน้า แทนบุญราศีทั้ง 7
สำหรับกำแพงโบสถ์สร้างโอบล้อมโบสถ์เป็นครึ่งวงกลม มีผนังโค้งประดับภาพนูนต่ำ เล่าเรื่องราวประวัติบุญราศีแห่งวัดสองคอน ส่วนด้านหลังเปิดโล่งเป็นสนามเพื่อเอาไว้ชมทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำโขง โดยโบสถ์หลังนี้ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี พ.ศ. 2538
สถานที่เก็บอัฐิและหุ่นขี้ผึ้งของบุญราศีทั้ง7แห่งวัดสองคอน
โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ อันซีนยโสธร
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งโบสถ์คริสต์อันซีนไทยแลนด์อันงดงามตระการตากันที่ "โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้" อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร
โบสถ์แห่งนี้มีประวัติเล่าสืบกันมาว่าอย่างน่าสนใจว่า โดยเมื่อปี พ.ศ.2451 หรือเกือบ 100 ปีที่แล้ว บ้านหนองซ่งแย้(ที่อยู่ของแย้) อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร เป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางดงทึบ มีครอบครัวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ 5 ครอบครัวที่มาจากต่างทิศต่างถิ่นมาอยู่รวมกันที่นี่
แต่ว่าพวกเขาก็ยังประสบกับชะตากรรมเดิมๆ คือถูกผู้คนในหมู่บ้านที่อยู่มาก่อนกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ พร้อมๆกับทำร้าย และระดมขับไล่ออกจากหมู่บ้าน กลุ่ม 5 ครอบครัวเมื่ออับจนหนทาง ก็เดินทางไปหาบาทหลวงฝรั่งเศสเดชาแนลและออมโบรซีโอ ที่บ้านเซซ่ง ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร มาทำการขับไล่ผีปอบที่สิงอยู่กับตนและครอบครัว ซึ่งบาทหลวงทั้งคู่ต่างไม่ปฏิเสธ ร่วมเดินทางมาช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้านหนองซ่งแย้
โบสถ์(คริสต์)ไม้วัดซ่งแย้ ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
หลังจากนั้นครอบครัวทั้ง 5 ก็เข้ารีตเป็นคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิก โดยต่อมามีคนอพยพมาอยู่เป็น ประชาคมชาวคริสต์มากขึ้น
เมื่อมีชาวคริสต์มาอยู่เป็นประชาคมมากขึ้น บาทหลวงทั้ง 2 จึงสร้างวัดหนองซ่งแย้ขึ้นมาในปี พ.ศ.2452 โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาลาตินว่า "วัดอัครเทวดามิคาแอล" ซึ่งเป็นชื่อของนักบุญองค์สำคัญ มีบาทหลวงเดชาแนลเป็นอธิการโบสถ์คนแรก
เดิมวัดซ่งแย้เป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆฝาขัดแตะ แต่ต่อมาวัดแห่งนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ โดยโบสถ์คริสต์รุ่นปัจจุบันเป็นโบสถ์หลังที่ 3 ที่มีความน่าสนใจหลายอย่าง ไล่ไปตั้งแต่เริ่มลงมือก่อสร้างในปี พ.ศ. 2490 โดยชาวบ้านแถวนั้นได้ร่วมแรงร่วมใจกันตัดไม้ที่อยู่ในป่าละแวกหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้สัก ไม้จิก ชักลากลำเลียงออกมาจากป่า โดยมีหัวหน้าช่างจากจังหวัดอุบลราชธานีมาเป็นผู้คุมงาน
ป้ายนี้ชี้บอกถึง 7 มรณสักขีแห่งประเทศไทย
บาทหลวงบุญเลิศ พรหมเสนา อธิการโบสถ์องค์ปัจจุบัน ได้เผยถึงบันทึกของการสร้างโบสถ์หลังนี้ว่า มีชาวบ้านที่ร่วมแรงร่วมใจมาสร้างโบสถ์วัดซ่งแย้ราวๆ 1,500 คน โดย แบ่งเป็น 15 กลุ่ม แต่ละกลุ่มรับงานไปทำเป็นแผนกต่างๆ อาทิ กลุ่มจัดหาเสา กลุ่มจัดหาไม้กระดาน กลุ่มจัดหาแป้นไม้มาทำหลังคา
ตัวโบสถ์รูปทรงที่สร้างขึ้นมีลักษณะแบบศิลปะไทย กว้าง 16 เมตร ยาว 57 เมตร จัดเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้แผ่นไม้เป็นแป้นมุงหลังคา 80,000 แผ่น ใช้เสาขนาดต่าง ๆ กันถึง 360 ต้นส่วนใหญ่เป็นเสาไม้เต็ง เสาในแถวกลางมีขนาดใหญ่ยาวที่สุดมี 260 ต้น สูงจากพื้นดินกว่า 10 เมตร พื้นแผ่นกระดานเป็นไม้แดงและไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ม้านั่งไม้จุคนได้กว่าพันคน ระฆังโบสถ์มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 ฟุต อยู่หอระฆังสูงที่สร้างแบบหอระฆังตามวัดไทยทั่วไป แต่แปลกตรงที่แยกต่างหากจากโบสถ์ และเนื่องจากไม้ที่ได้รวบรวมมามีจำนวนมาก จึงได้นำไม้ที่เหลือมาสร้างโรงเรียนบ้านซ่งแย้ทิพยา
รูปปั้นพระเยซูถูกตรึงกางเขน ที่วัดซ่งแย้
ด้วยแรงแห่งศรัทธาและความรักที่มีต่อศาสนา จึงได้กอบโกยเหล่าคาทอลิกทั้งหลายมาอยู่ ณ ดินแดนถิ่นอีสาน และได้ช่วยกันเสริมสร้างศรัทธาจนเป็นรูปธรรมต่างๆ การเยือนถิ่นคาทอลิก จึงถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่โดยแท้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สำหรับ ผู้ที่สนใจ ททท. ได้จัดทำตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวเยือนถิ่นคาทอลิกไว้ 3 เส้นทางด้วยกัน ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 1672
"เยือนถิ่นคาทอลิก ยลโบสถ์คริสต์ตระการตา"
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNew ... 0000073486
เขาได้โปรโมทวัดคาทอลิกในไทยหลายแห่ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวครับ
--------------------------------------------------------------
ข่าวข้างล่างตัดมาจาก manager คำเขียนหลายๆ คำ เป็นของนักเขียนนะครับ
ซึ่งอาจจะตีความหมายบางอย่างผิดบ้างครับ โปรดให้อภัย!
--------------------------------------------------------------
โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ หนึ่งในอันซีนไทยแลนด์
แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่ของไทยจะนับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก แต่บ้านเมืองเราก็เปิดกว้างให้แก่ศาสนาอื่นๆด้วยเช่นกัน ประเทศไทยจึงเป็นประเทศหนึ่งที่หลอมรวมเอาวัฒนธรรมต่างๆร้อยรัดเข้าด้วยกัน แต่สามารถอยู่รวมกันได้อย่างร่มเย็น
'คริสต์ศาสนา' เป็นศาสนาหนึ่งที่เข้ามาเติบโตในเมืองไทย มีอยู่หลายนิกายด้วยกันแต่ที่เด่นกว่าใครก็คงจะเป็น นิกายคาทอลิก (นับถือทั้งพระเยซูเจ้าและพระแม่มารี) และโปรเตสแตนต์ (นับถือแต่พระเยซูเจ้าอย่างเดียว) และจะมีใครรู้บ้างว่า ถิ่นหนึ่งที่คริสต์ศาสนาปลูกหน่อต่อเชื้อจนขยายวงกว้างนั้น เพราะเข้ามาปักหลักอยู่ในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ถิ่นอีสานบ้านเรานี่เอง
วัดสองคอนกับงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาสามารถพบได้มากที่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และ ยโสธรดังนั้นจึงทำให้ในอีสานมีชุมชนและโบสถ์คริสต์ที่สำคัญตั้งอยู่หลายแห่ง
ท่าแร่ ชุมชนคาทอลิกใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
ชุมชนคาทอลิกแห่งหนึ่งที่เมื่อมาอีสานแล้วไม่ควรพลาดคือที่ "ชุมชนท่าแร่" บ้านท่าแร่ ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร
บ้านท่าแร่ เป็นชุมชนคาทอลิกที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย มีประชากรนับถือคาทอลิกนับหมื่นคน โดยคริสตชนท่าแร่ดั้งเดิมนั้นอพยพมาจากเวียดนามในราวปี พ.ศ. 2427 หรือ ค.ศ.1884
โบสถ์รูปทรงเรือที่ โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่
หมู่บ้านนี้มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมตารางหมากรุก คล้ายกับบ้านเมืองในแถบประเทศตะวันตก มีบ้านเรือนสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่งดงามเรียงรายสองข้างทางในถนนสายหลักของ หมู่บ้านเป็นจำนวนมาก
ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ของทุกปี ชุมชนท่าแร่จะจัดเทศกาล"แห่ดาว"คริสตมาสอย่างยิ่งใหญ่ มีการประดับประดาบ้านเรือนด้วยดวงไฟหลากสีสันและตกแต่งด้วย "ดาว" สัญลักษณ์การประสูติของพระเยซูเจ้า
นอกจากนี้ที่บ้านท่าแร่ ยังเป็นที่ตั้งของ "โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล" ซึ่งเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านนี้อีกด้วย
2 โบสถ์คริสต์งามแห่งนครพนม
จากสกลนครข้ามจังหวัดสู่นครพนม มาเยือนโบสถ์คริสต์ที่ "วัดนักบุญอันนา" (หนองแสง) ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ด้านทิศเหนือ โบสถ์แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของชาวคริสต์ริมฝั่งโขงหรือมิสซังลาวมา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2422 โบสถ์มีลักษณะเป็นหอคอยคู่ เป็นยอดแหลมสูงเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้ในระยะไกล
สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่บ้านท่าแร่
ต่อกันอีกแห่งหนึ่งในนครพนมที่ "วัดนักบุญยอแซฟ คำเกิ้ม" วัดนี้มีรูปแบบของสถาปัตยกรรมโบราณกว่า 125 ปี ณ วัดคำเกิ้ม หรือวัดนักบุญยอแซฟ ต.อาจสามารถ อ.เมืองฯ จ.นครพนม สิ่งที่โดดเด่นประจำวัด คือ 'โบสถ์เก่า' ที่ยังทิ้งร่องรอยความเสียหายจากการถูกระเบิด เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีน รอยถูกเผา ส่งให้โบสถ์เก่าแลดู สวย ขลัง ได้อย่างเหลือเชื่อ
วัดสองคอน พลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่
ศาสนานำมาซึ่งศรัทธาอันยิ่งใหญ่ ดังที่จะเห็นตัวอย่างได้ที่ "วัดสองคอน" ตั้งอยู่ที่ บ้านสองคอน ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร
วัดสองคอน มีชื่อเต็มว่า "สักการะสถานแห่งมรณะสักขี วัดสองคอน" หรือในชื่อเดิมว่า วัดพระแม่ไถ่ทาส เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่คริสตชน 7 ท่าน ที่พลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2532 พระสันตปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้ประกาศให้ทั้งเจ็ดคนเป็น "บุญราศีมรณสักขี" ที่หมายถึงคริสตชนผู้ประกอบกรรมดีและพลีชีพเพื่อประกาศยืนยันความเชื่อในพระเจ้าไม่ยอมละทิ้งศาสนา
โบสถ์คริสต์นักบุญอันนา จ.นครพนม
วัดสองคอนปัจจุบันมีชื่อเสียงมากในเรื่องความงดงามแปลกตาของตัวอาคาร ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีความสวยงาม และใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539 ออกแบบโดย ดร. อัชชพล ดุสิตนานนท์
วัดสองคอนยังได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ เป็นงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในอุษาคเนย์ วัดแห่งนี้มีการแบ่งพื้นที่จำนวน 64 ไร่ ออกเป็นส่วนต่างๆ มีถนนตัดผ่ากลาง ทางด้านตะวันตกสร้างเป็นอาคารสำนักงาน บ้านพัก และสุสานหรือป่าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแต่เดิมเป็นที่ฝังอัฐิของบุญราศีทั้ง 7
โบสถ์เก่าขรึมขลังที่วัดคำเกิ้ม
ส่วนด้านทิศตะวันออกที่ติดกับแม่น้ำโขงก็สร้างเป็นโบสถ์คอนกรีตเสริม เหล็กโถงสี่เหลี่ยมชั้นเดียว ผนังของวัดและส่วนไว้พระธาตุเป็นกระจกใส บริเวณด้านหน้าเป็นส่วนประกอบพิธี ส่วนด้านหลังเป็นที่เก็บอัฐิของบุญราศีทั้ง 7 ซึ่งมีการทำเป็นหุ่นขี้ผึ้งจำลองของบุญราศีทั้ง 7 ไว้ให้สักการบูชา มีไม้กางเขน 7 แห่งด้านหน้า แทนบุญราศีทั้ง 7
สำหรับกำแพงโบสถ์สร้างโอบล้อมโบสถ์เป็นครึ่งวงกลม มีผนังโค้งประดับภาพนูนต่ำ เล่าเรื่องราวประวัติบุญราศีแห่งวัดสองคอน ส่วนด้านหลังเปิดโล่งเป็นสนามเพื่อเอาไว้ชมทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำโขง โดยโบสถ์หลังนี้ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี พ.ศ. 2538
สถานที่เก็บอัฐิและหุ่นขี้ผึ้งของบุญราศีทั้ง7แห่งวัดสองคอน
โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ อันซีนยโสธร
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งโบสถ์คริสต์อันซีนไทยแลนด์อันงดงามตระการตากันที่ "โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้" อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร
โบสถ์แห่งนี้มีประวัติเล่าสืบกันมาว่าอย่างน่าสนใจว่า โดยเมื่อปี พ.ศ.2451 หรือเกือบ 100 ปีที่แล้ว บ้านหนองซ่งแย้(ที่อยู่ของแย้) อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร เป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางดงทึบ มีครอบครัวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ 5 ครอบครัวที่มาจากต่างทิศต่างถิ่นมาอยู่รวมกันที่นี่
แต่ว่าพวกเขาก็ยังประสบกับชะตากรรมเดิมๆ คือถูกผู้คนในหมู่บ้านที่อยู่มาก่อนกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ พร้อมๆกับทำร้าย และระดมขับไล่ออกจากหมู่บ้าน กลุ่ม 5 ครอบครัวเมื่ออับจนหนทาง ก็เดินทางไปหาบาทหลวงฝรั่งเศสเดชาแนลและออมโบรซีโอ ที่บ้านเซซ่ง ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร มาทำการขับไล่ผีปอบที่สิงอยู่กับตนและครอบครัว ซึ่งบาทหลวงทั้งคู่ต่างไม่ปฏิเสธ ร่วมเดินทางมาช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้านหนองซ่งแย้
โบสถ์(คริสต์)ไม้วัดซ่งแย้ ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
หลังจากนั้นครอบครัวทั้ง 5 ก็เข้ารีตเป็นคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิก โดยต่อมามีคนอพยพมาอยู่เป็น ประชาคมชาวคริสต์มากขึ้น
เมื่อมีชาวคริสต์มาอยู่เป็นประชาคมมากขึ้น บาทหลวงทั้ง 2 จึงสร้างวัดหนองซ่งแย้ขึ้นมาในปี พ.ศ.2452 โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาลาตินว่า "วัดอัครเทวดามิคาแอล" ซึ่งเป็นชื่อของนักบุญองค์สำคัญ มีบาทหลวงเดชาแนลเป็นอธิการโบสถ์คนแรก
เดิมวัดซ่งแย้เป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆฝาขัดแตะ แต่ต่อมาวัดแห่งนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ โดยโบสถ์คริสต์รุ่นปัจจุบันเป็นโบสถ์หลังที่ 3 ที่มีความน่าสนใจหลายอย่าง ไล่ไปตั้งแต่เริ่มลงมือก่อสร้างในปี พ.ศ. 2490 โดยชาวบ้านแถวนั้นได้ร่วมแรงร่วมใจกันตัดไม้ที่อยู่ในป่าละแวกหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้สัก ไม้จิก ชักลากลำเลียงออกมาจากป่า โดยมีหัวหน้าช่างจากจังหวัดอุบลราชธานีมาเป็นผู้คุมงาน
ป้ายนี้ชี้บอกถึง 7 มรณสักขีแห่งประเทศไทย
บาทหลวงบุญเลิศ พรหมเสนา อธิการโบสถ์องค์ปัจจุบัน ได้เผยถึงบันทึกของการสร้างโบสถ์หลังนี้ว่า มีชาวบ้านที่ร่วมแรงร่วมใจมาสร้างโบสถ์วัดซ่งแย้ราวๆ 1,500 คน โดย แบ่งเป็น 15 กลุ่ม แต่ละกลุ่มรับงานไปทำเป็นแผนกต่างๆ อาทิ กลุ่มจัดหาเสา กลุ่มจัดหาไม้กระดาน กลุ่มจัดหาแป้นไม้มาทำหลังคา
ตัวโบสถ์รูปทรงที่สร้างขึ้นมีลักษณะแบบศิลปะไทย กว้าง 16 เมตร ยาว 57 เมตร จัดเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้แผ่นไม้เป็นแป้นมุงหลังคา 80,000 แผ่น ใช้เสาขนาดต่าง ๆ กันถึง 360 ต้นส่วนใหญ่เป็นเสาไม้เต็ง เสาในแถวกลางมีขนาดใหญ่ยาวที่สุดมี 260 ต้น สูงจากพื้นดินกว่า 10 เมตร พื้นแผ่นกระดานเป็นไม้แดงและไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ม้านั่งไม้จุคนได้กว่าพันคน ระฆังโบสถ์มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 ฟุต อยู่หอระฆังสูงที่สร้างแบบหอระฆังตามวัดไทยทั่วไป แต่แปลกตรงที่แยกต่างหากจากโบสถ์ และเนื่องจากไม้ที่ได้รวบรวมมามีจำนวนมาก จึงได้นำไม้ที่เหลือมาสร้างโรงเรียนบ้านซ่งแย้ทิพยา
รูปปั้นพระเยซูถูกตรึงกางเขน ที่วัดซ่งแย้
ด้วยแรงแห่งศรัทธาและความรักที่มีต่อศาสนา จึงได้กอบโกยเหล่าคาทอลิกทั้งหลายมาอยู่ ณ ดินแดนถิ่นอีสาน และได้ช่วยกันเสริมสร้างศรัทธาจนเป็นรูปธรรมต่างๆ การเยือนถิ่นคาทอลิก จึงถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่โดยแท้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สำหรับ ผู้ที่สนใจ ททท. ได้จัดทำตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวเยือนถิ่นคาทอลิกไว้ 3 เส้นทางด้วยกัน ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 1672
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ตระการตามากจริงๆ ครับ
เป็นถิ่นชาวคาทอลิกเราอย่างแท้จริง
อยากจะไปเยี่ยมเยียนอัครสังฆมณฑลท่าแร่ มากๆ
เป็นถิ่นชาวคาทอลิกเราอย่างแท้จริง
อยากจะไปเยี่ยมเยียนอัครสังฆมณฑลท่าแร่ มากๆ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
อ่าเรื่อบงคำผิดอาจมีนิดหน่อยแต่ เพื่อใฟห้คนศาสนาอื่นอ่านแล้วเข้าใจก็ได้นิคับ=w=
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
น่าไปเที่ยวมากเลยครับ
- Slave of God
- โพสต์: 336
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm
ซ้งแย้ข้าพเจ้าได้ไปสัมผัสมาแล้ว สมคำถิ่นคาทอลิกโดยแท้
ส่วนสองคอนอยากไปมากมาย
ส่วนสองคอนอยากไปมากมาย
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ต่อจากนั้น ก็กินแมว และไข่มดแดง 5555Edwardius เขียน: ซักพักคงบอกว่า คาทอลิกกินหมา (ประเด็นท่าแร่น่ะครับ ซึ่งไม่เกี่ยว แต่กลายเป็นเรื่องเดียวกัน ซะงั้น)
-
- โพสต์: 1
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 01, 2009 11:19 am
ถ้าท่านใดต้องการไปแสวงบุญไหว้แม่พระลาวาง เที่ยวโบสถ์นักบุญเทเรซา โบสถ์มหาไถ่ โบสถ์ใต้ดินเทียนอัน ในเวียดนามกลาง พร้อมเส้นทางวัดสองคอน ชุมชนท่าแร่ ทางเราจัดให้ได้ครับ www.siam-aiyara.com 080 7826868
- ~_~Katty~_~
- โพสต์: 95
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 15, 2008 11:23 pm
- ที่อยู่: 4 ซ.1 ถ.รถไฟ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
- ติดต่อ:
น่าไปมากเลยจ้า
สวยมากเลยหล่ะ วัดที่อยู่บ้านเราเนี้ย
สวยมากเลยหล่ะ วัดที่อยู่บ้านเราเนี้ย
สวยมากเลยคะ พี่น้อง คาทอลิก ว่างๆเดี๋ยวแจนแวะไปชม มีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่งคะพอดีแจน มีเพื่อนเป็นฝรั่งอยู่คนหนึ่ง เขามาเที่ยวเมืองไทยแล้วทีนี้เขาก็อยากมาดูวัดชาวพุทธ หลายๆที่ ความที่เราเป็น คริสต์ชนก็อดไม่ได้ ก็เลยจะชวนไปดูวัด เก่าแก่ ของ คาทอลิค และของโปรบางแห่ง
แต่เพื่อนแจนบอกว่า เขาไม่ไป จะไปทำไม เขา มากจากยุโรป เดินทางมาตั้งไกล เพื่อจะมาดูวัด คริสต์ นี่นะ
แต่เพื่อนแจนบอกว่า เขาไม่ไป จะไปทำไม เขา มากจากยุโรป เดินทางมาตั้งไกล เพื่อจะมาดูวัด คริสต์ นี่นะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
งั้นพาเค้าไปดูวัดคาทอลิดสไตล์พุทธเลยครับ เช่น มหาไถ่ เซนต์นิโคลัสjacky เขียน: สวยมากเลยคะ พี่น้อง คาทอลิก ว่างๆเดี๋ยวแจนแวะไปชม มีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่งคะพอดีแจน มีเพื่อนเป็นฝรั่งอยู่คนหนึ่ง เขามาเที่ยวเมืองไทยแล้วทีนี้เขาก็อยากมาดูวัดชาวพุทธ หลายๆที่ ความที่เราเป็น คริสต์ชนก็อดไม่ได้ ก็เลยจะชวนไปดูวัด เก่าแก่ ของ คาทอลิค และของโปรบางแห่ง
แต่เพื่อนแจนบอกว่า เขาไม่ไป จะไปทำไม เขา มากจากยุโรป เดินทางมาตั้งไกล เพื่อจะมาดูวัด คริสต์ นี่นะ