หน้า 1 จากทั้งหมด 1

พระสมณสาส์นว่าด้วยศีลมหาสนิท(MYSTERIUM FIDEI)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 08, 2009 8:41 pm
โดย Man of Macedonia
สวัสดีครับพี่น้อง,

เนื่องด้วย ปีนี้ เป็นปีพระสงฆ์ จึงขอนำพระสมณสาส์นที่จะช่วยให้เราเข้าใจในหัวใจของพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ
เหตุว่า "ศีลมหาสนิทเป็นหัวใจของชีวิตคริสตชน เป็นศีลแห่งความรักและการคืนดี" อาศัยพระสงฆ์เป็นศาสนบริกร

ข้าแต่พระเยซูคริสตเจ้า,โปรดคุ้มครองเขาให้ปราศจากมลทิน ดุจปังศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเขาจับต้องเป็นกิจวัตร
ให้ทุกความคิด คำพูด และการกระทำควรค่าแก่การยกย่อง ข้าแต่พระมารดามารีย์ ราชินีของพระสงฆ์ ช่วยวิงวอนเทอญ.


พระสมณสาส์นเรื่องศีลมหาสนิท(MYSTERIUM FIDEI)
ให้ไว้ ณ กรุงโรม มหาวิหารนักบุญเปโตร วันฉลองนักบุญปีโอที่ 10
วันที่ 3 กันยายน 1965 ปีที่ 3 แห่งสมณสมัย


(1)"ศีลมหาสนิท"เป็นสิ่งมหัศจรรย์ล้ำลึกทางความเชื่อ เป็นของขวัญที่พระคริสตเจ้าทรงประทานแก่พระศาสนจักร อันพระศาสนจักรได้พิทักษ์รักษาไว้ด้วยความรักเฉกเช่นขุมทรัพย์อันประเมินค่ามิได้ตลอดมา ในการพิจารณาเรื่องพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ คราวประชุมสังคายวาติกันครั้ง 2 เราได้ประกาศยืนยันความเชื่อในเรื่องศีลมหาสนิทนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งบรรดาพี่น้องพระสงฆ์มีความเห็นว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การเชิญชวนสัตบุรุษให้มีส่วนร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณ และกระตุ้นเตือนให้เห็นถึงความสำคัญของการศรัทธาศีลศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างลึกซึ้ง อันสัตบุรุษต้องร่วมใจกับพระสงฆ์ถวายปังแด่พระบิดาเจ้าเป็นเครื่องบูชาเพื่อความรอดของตนเองและมนุษยชาติ และใช้อาหารศักดิ์สิทธิ์นี้เลี้ยงวิญญาณของตน

(2)ถ้าเราถือว่าพิธีกรรมมีความสำคัญที่สุดในชีวิตของพระศาสนจักร เราจะกล่าวได้ว่า ศีลมหาสนิทเป็นหัวใจและศูนย์กลางของพระศาสนจักรทีเดียว เหตุว่า ศีลมหาสนิทเป็นท่อธารแห่งชีวิตซึ่งเรามาชำระล้างและชุบตัวเพื่อเสริมกำลัง จนในที่สุด เรามิได้มีชีวิตเพื่อตัวเราเองอีกต่อไป หากแต่มีชีวิตเพื่อพระเป็นเจ้า และเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์อย่างแน่นแฟ้นอาศัยความรัก

(3)เพื่อความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า "ศรัทธามีความสัมพันธ์กับการรับใช้อย่างไร" พี่น้องพระสงฆ์ ที่เป็นปิตาจารย์ของยุคที่เข้าประชุมสังคายนานี้ได้รัยรองคำสั่งสอนที่พระศาสนจักรไปแล้ว ทั้งยังได้ประกาศอย่างสง่าในสังคายนาเมืองเตรนในอดีต และยังได้อธิบายเรื่องความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับศีลมหาสนิทด้วยข้อความที่เป็นจริงดังนี้ว่า

(4)"ในการเลี้ยงพระกระยาอาหารค่ำครั้งสุดท้าย ณ คืนที่ชีวิตถูกมอบให้ศัตรู พระองค์ท่านได้ทรงตั้งการถวายบูชาศีลมหาสนิท นั่นคือ พระวรกายและพระโลหิตของพระองค์เอง เพื่อจะให้การพลีพระชนม์บนไม้กางเขนมีอยู่ตลอดไปจนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง อันเป็นเหมือนอนุสรณ์เตือนใจพระศาสนจักรให้ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ จึงเป็นศีลแห่งศรัทธา เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นสายสัมพันธ์แห่งความรัก ซึ่งในงานเลี้ยงปัสกาเมื่อเรารับองค์พระคริสตเจ้าแล้ววิญญาณของเราจะได้รับพระหรรษทานและคำมั่นสัญญาว่า จะได้รับสิริมงคลในภายภาคหน้า"(Constit. De Sacra Liturgia, c. 2, n.47; AAS LVI, 1964, p.113).

(5)ถ้อยคำเหล่านี้ เป็นถ้อยคำสรรเสริญที่ใช้ในการถวายบูชา เป็นแก่นของพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณที่ประกอบขึ้นทุกๆวัน ซึ่งสัตบุรุษเข้ามาร่วมส่วนโดยการเข้ามารับพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ซึ่งจะได้รับพระหรรษทานเป็นโอสถแห่งความไม่รู้ตาย คือ ชีวิตนิรันดร ตรงตามที่พระเยซูคริสตเจ้าตรัสไว้ว่า"ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเราก็มีชีวิตนิรันดรเราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย"(ยอห์น 6:54)
Qui manducat meam carnem, et bibit menin sanguinem, habet vitam aeternam: et ego resuscitabo eum in novissimo die(Io.6,55)

(6)ฉะนั้น พวกเรามีความเชื่อมั่นว่า การปฏิรูปรื้อฟื้นพิธีกรรมจะทำให้ความศรัทธาต่อศีลมหาสนิทเกิดผล โดยอาศัยการกระตุ้นเตือนนี้พระศาสนจักร"จะก้าวไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน"(เทียบ ยอห์น 17:23)* อันจะทำให้คริสตชนมีความภาคภูมิใจ และเร้าจิตใจให้เข้ามาร่วมเอกภาพแห่งความรัก อาศัยพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า
Ego in eis, et tu in me: ut sint consummati in unum: et cognoscat mundus quia tu me misisti, et dilexisti eos, sicut et me dilexisti.(Io.17:23)
"ข้าพเจ้าอยู่ในเขา และพระองค์ทรงอยู่ในข้าพเจ้าเพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์โลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามาและพระองค์ทรงรักเขาเช่นเดียวกับที่ทรงรักข้าพเจ้า"(ยอห์น 17:23)

(7)เราเห็นผลและรูปรอยของผลดังกล่าวบ้างแล้ว จากบุตรของพระศาสนจักรที่มีความชื่นชมยินดี ตอบรับ"สังฆธรรมนูญว่าด้วยพิธีกรรมและหนังสืออื่นๆ" ซึ่งมุ่งค้นคว้าและศึกษาเกี่ยวกับศีลมหาสนิท เป็นต้น ในเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าคือศีลมหาสนิท กับ พระกายทิพย์พระคริสตเจ้าคือพระศาสนจักร
เทียบ http://www.catholic.or.th/archive/vatic ... /vb09.html

(8)เรื่องนี้ เราถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เราชื่นชมโสมนัสและมีกำลังใจ เราจึงบอกกล่าวพี่น้องไว้ เพื่อจะได้ร่วมจิตร่วมใจกับเราโมทนาคุณพระเป็นเจ้าผู้ประสาทความดีทั้งมวล อาศัยพระจิตของพระองค์ปกครองพระศาสนจักรให้เกิดผลแห่งความดีต่อไป

(มีต่อ)

Re: พระสมณสาส์นว่าด้วยศีลมหาสนิท(MYSTERIUM FIDEI)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 08, 2009 8:58 pm
โดย Man of Macedonia
เรื่องที่เป็นเหตุให้เกิดความกังวล
(Sollicitudinis pastoralis et anxietatis causae)


(9)พี่น้องที่เคารพ ปัญหาที่เรากำลังจะพูดถึง เรามีเรื่องกังวลและห่วงใยอยู่หลายเรื่อง เพราะเราสึกนึกในหน้าที่ปกครองของเรา เราจึงไม่อาจอยู่นิ่งเฉย

(10)ในหมู่ผู้ที่พูดหรือเขียนถึงเรื่องศีลมหาสนิทนั้น มีบางคนที่มีความเห็นเกี่ยวกับมิสซาส่วนตัว หรือ พระสัจจธรรมเรื่อง transubstantiation ของปังและเหล้าองุ่น รวมไปถึงการแสดงคารวะต่อศีลมหาสนิท ได้มีความเห็นในทำนองที่สร้างความสั่นคลอนแก่จิตใจของสัตบุรุษ ดูเหมือนว่าเขามีความคิดไขว้เขวเกี่ยวกับข้อความเชื่อ เหมือนกับว่า ลืมคำสอนที่พระศาสนจักรได้สั่งสอน
transubstantiation*หมายถึง ทฤษฎีที่อธิบายการเปลี่ยนจากปังและเหล้าองุ่นให้กลายเป็นพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า นำเสนอโดย ฮิลเบริ์ต แห่ง ตูร์(Hildebert de Tours) ในต้นศตวรรษที่ 13 กล่าวคือ "ความเป็นจริงหรือสาระแห่งธาตุนั้นเปลี่ยนไปในขณะที่รูปปรากฎภายนอกยังคงเป็นขนมปังและเหล้าองุ่นเหมือนเดิม"ได้รับการรับรองโดย น.โธมัส อไควนัสและพระศาสนจักรยังใช้อยู่ถึงทุกวันนี้

(11)ยกตัวอย่างเช่น ย่อมเป็นการไม่ถูกต้องไม่ใช่หรือที่ใครจะยกย่องการทำมิสซาที่ทำเป็นหมู่คณะ จนถึงกับถือว่า มิสซาส่วนตัวไม่มีค่า หรือเครื่องหมายภายนอกของศีลศักดิ์สิทธิ์ไม่มีค่า หรือ หากผู้ใดจะเน้นความหมายของเครื่องหมายเสียจนอธิบายว่าพระคริสตเจ้าประทับอยู่ในศีลมหาสนิทไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่เครื่องหมายอื่นๆแสดง หรือ ใครจะกล่าวเรื่อง transubstantiation โดยไม่ถือว่า ปังและเหล้าองุ่น เปลี่ยนเป็น พระกายและพระโลหิตโดยสิ้นเชิง ตามข้อสังคายนาเมืองเตรนที่ว่า "หากถือเป็นแต่เพียงการเปลี่ยนความหมาย(Transignification) หรือการเปลี่ยนจุดหมาย(Transfinalisation) นั้นย่อมทำไม่ได้" หรือ ใครจะถือว่า ในแผ่นศีล(แผ่นปังที่เสกแล้ว) ถ้ายังเหลืออยู่ เมื่อจบมิสซาแล้ว พระคริสตเจ้ามิได้ทรงประทับอยู่ในปังนั้น ก็ไม่ถูกต้องอีกเช่นกัน

(12)จะเห็นได้ว่า ความคิดเห็นเหล่านี้ เป็นภัยต่อความเชื่อและเคารพต่อศีลมหาสนิทมากเพียงใด

(13)สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ได้ทำให้เราเกิดความหวังว่า สัตบุรุษจะพากันกลับมามีความศรัทธาต่อศีลมหาสนิททั่วพระศาสนจักรอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมิให้ต้องผิดหวังในเรื่องนี้ และมิให้เมล็ดพันธุ์ดีที่หว่านไปถูกความหลงผิดปกคลุมจนงอกเงยไม่ได้ เราจึงได้ตัดสินใจพูดกับพี่น้องในเรื่องสำคัญยิ่งนี้ และแสดงให้เห็นความคิดของเราอาศัยอำนาจในตำแหน่งหน้าที่ที่เรามี

(14)เราไม่ปฏิเสธเลยว่า ผู้ที่ออกมาให้ความเห็นเหล่านั้น มีใจที่จะศึกษาความหมายที่ลึกซึ้งของศีลมหาสนิท ทั้งยังมีความปรารถนาอันน่าชมที่จะเปิดเผยความหมายแก่มนุษย์ ซึ่งเรายอมรับและเห็นชอบ แต่ความคิดเห็นที่นักค้นคว้าเหล่านั้นแสดงออกมา เราเห็นชอบด้วยมิได้ และเราสำนึกในหน้าที่ของเราที่จะต้องตักเตือนพี่น้อง ให้ระวังภัยอันร้ายแรงที่อาจเกิดกับความเชื่อได้

(มีต่อ)

Re: พระสมณสาส์นว่าด้วยศีลมหาสนิท(MYSTERIUM FIDEI)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 08, 2009 10:17 pm
โดย Man of Macedonia
ศีลมหาสนิทเป็นความหมายลึกซึ้งแห่งความเชื่อ
Sanctissima Eucharistia est Mysterium Fidei


(15) ก่อนอื่นใดหมด,เราขอเตือนให้พี่น้องระลึกถึงความจริงข้อหนึ่ง ที่พี่น้องทราบดี แต่ต้องย้ำเตือนไว้เพื่อมิให้ โน้มเอียงไปทางลัทธิเหตุผลนิยม(Rationalisme) อันพี่น้องคริสตชนเป็นอันมากได้หลั่งเลือดเป็นมรณสักขีเพื่อปกป้องความจริงนี้ นั่นคือ "ศีลมหาสนิทมีความหมายที่เราไม่อาจรู้ได้ทั้งหมด เป็นความลึกลับและลึกซึ้ง ส่วนพิธีกรรมเราเรียกว่า ธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อ" สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ได้ตรัสอย่างชาญฉลาดว่า "ในข้อนี้ข้อเดียว มีเรื่องมหัศจรรย์ต่างๆ และความจริงเหนือธรรมชาติรวมไว้อย่างมากมายหาที่สุดมิได้"(Litt. Encycl. Mirae caritatis; Acta Leonis XIII, XXII, 1902-1903, p. 122).
*quaecumque supra naturam sunt, singulari quadam miraculorum copia et varietate, universa continentur

(16)ดังนั้น เราจำเป็นต้องกล่าวเรื่องนี้ ด้วยความถ่อมตนนบนอบ อย่าได้โน้มเอียงกับการอ้างเหตุผลฝ่ายมนุษย์ แต่ต้องมั่นคงในความเชื่อตามการเผยแสดงของพระเป็นเจ้าอย่างมั่นคง

(17)นักบุญยอห์น คริสซอสโตม(S.Ioannes Chrysostomus) ได้พิจารณาถึงความหมายลึกซึ้งของศีลมหาสนิท วันหนึ่งท่านได้เทศน์สอนสัตบุรุษในเรื่องนี้ ท่านกล่าวอย่างน่าฟังว่า"เราจงถ่อมตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า อย่าได้คัดค้านสิ่งใดแม้สิ่งนั้นที่พระองค์ตรัสกับเราดูขัดกับเหตุผลและสติปัญญา เราควรนบนอบภายใต้พระวาจาอันทรงอำนาจของพระเป็นเจ้า เราจงถืออย่างเดียวกันเกี่ยวกับเรื่องศีลมหาสนิท อย่าได้เชื่อตามที่ประสาทสัมผัสทั้ง 5 รู้สึก จงอ่อนน้อมต่อพระวาจาของพระองค์เถิด เพราะพระวาจาของพระองค์เป็นความจริง ไม่ลวงหลอกเรา" (In Matth. homil. 82, 4; PG 58, 743).
*Deo ubique obsequamur; nec contradicamus ei, etiamsi id quod dixit rationi et intelligentiae nostrae contrarium videatur; sed praevaleat eius sermo rationi et intelligentiae nostrae. Sic etiam in mysteriis [Eucharisticis] faciamus, non ea solum quae sub sensum cadunt respicientes, sed verba eius retinentes. Verbum quippe eius fallere nequit

(18)นักปราชญ์พระศาสนจักรในสมัยกลาง ก็ยืนยันเรื่องนี้บ่อยๆ คือเรื่อง"พระกายแท้พระโลหิตแท้" เพราะเหตุนี้ เมื่ออธิบายคำของนักบุญลูกาในพระวรสารบทที่ 22 ที่ว่า" นี่เป็นกายของเราที่จะมอบเพื่อท่าน"(ลูกา 22:19) นักบุญซีริล(S.Cyrill) จึงกล่าวว่า "อย่าได้ถามตัวเองว่า จริงหรือไม่ แต่จงต้อนรับพระวาจาของพระองค์ด้วยความเชื่อ เพราะพระองค์ซึ่งเป็นองค์แห่งความจริง ไม่โป้ปด"(Summ. Theol. IIIª, q. 75, a. 1 c.).
*non sensu deprehendi potest, sed sola fide, quae auctoritati divinae innititur. Unde super illud Lucae XXII, 19: Hoc est corpus meum quod pro vobis tradetur, dixit Cyrillus: Non dubites an hoc verum sit; sed potius suscipe verba Salvatoris in fide; cum enim sit veritas, non mentitur

(19)
เพราะฉะนั้น สัตบุรุษจึงขับร้องบทเพลงสรรเสริญตอนหนึ่งที่นักบุญโธมัส อไควนัสแต่งไว้ว่า
"ลูกพิศดู ลูกสัมผัส ลูกรับองค์ ลูกล้วนหลงเข้าใจผิด แท้จริงที่ลูกเชื่อ ก็เพียงแต่ฟังมา
ลูกยืนยัน ลูกเชื่อในพระวาจา ไม่มีอะไรจริงยิ่งกว่า พระวาจาที่ทรงตรัสกับชาวเรา"
Visus, tactus, gustus in te fallitur,Sed auditu solo tuto creditur:
Credo quidquid dixit Dei Filius,Nil hoc Verbo veritatis verius

หมายเหตุ.
เป็นส่วนหนึ่งในเพลง Adoro te devote แต่งโดยนักบุญโธมัส อไควนัส

http://www.youtube.com/watch?v=L2xX8tWaTx4&NR=1
http://www.youtube.com/watch?v=i8G8Pc00 ... re=related

(1)ADORO te devote, latens Deitas, quae sub his figuris vere latitas: tibi se cor meum totum subiicit, quia te contemplans totum deficit.
(2)Visus, tactus, gustus in te fallitur, sed auditu solo tuto creditur; credo quidquid dixit Dei Filius: nil hoc verbo Veritatis verius.
(3)In cruce latebat sola Deitas, at hic latet simul et humanitas; ambo tamen credens atque confitens, peto quod petivit latro paenitens.
(4)Plagas, sicut Thomas, non intueor; Deum tamen meum te confiteor; fac me tibi semper magis credere, in te spem habere, te diligere.
(5)O memoriale mortis Domini! panis vivus, vitam praestans homini! praesta meae menti de te vivere et te illi semper dulce sapere.
(6)Pie pellicane, Iesu Domine, me immundum munda tuo sanguine; cuius una stilla salvum facere totum mundum quit ab omni scelere.
(7)Iesu, quem velatum nunc aspicio, oro fiat illud quod tam sitio; ut te revelata cernens facie, visu sim beatus tuae gloriae. Amen.

Re: พระสมณสาส์นว่าด้วยศีลมหาสนิท(MYSTERIUM FIDEI)

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 18, 2009 10:02 pm
โดย Man of Macedonia
(20)นักบุญบอนาแวนตูรา(S.Bonaventura) กล่าวไว้ว่า "การที่พระคริสตเจ้าทรงประทับอยู่ในศีลมหาสนิทซึ่งมีความหมายภายใต้รูปปรากฎ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่การที่พระองค์ประทับอยู่จริงๆ(ในศีลมหาสนิท)เช่นเดียวกับในสวรรค์นั้นต่างหาก ที่เป็นเรื่องเข้าใจยากที่สุด ฉะนั้น ใครที่เชื่อข้อความอย่างหลังนี้จึงมีบุญมากที่สุด เช่นกัน"
*Quod Christus sit in sacramento sicut in signo, nullam habet difficultatem; quod autem sit in sacramento veraciter, sicut in caelo, hoc maximam habet difficultatem: ergo hoc maxime meritorium est credere

(21)มากไปกว่านั้น,พระวรสารได้เผยให้เราเห็นถึงเหตุการณ์ซึ่งมีใจความว่า"สานุศิษย์หลายคนของพระเยซูเจ้า พอได้ยินพระองค์ตรัสว่า (พวกเขา)ต้องรับประทานพระวรกายและดื่มพระโลหิตของพระองค์ ก็พากันถอยหลังและละทิ้งพระองค์ไป คำตรัสนี้ตรงเสียจนต้องกล่าวว่า "พระองค์ตรัสหนักไป ใครเล่าจะทนฟังได้"(Durus est hic sermo, et quis potest eum audire?) ครั้นพระเยซูเจ้าหันกลับมาตรัสกับพวกอัครสาวกว่า"จะทิ้งเราไปด้วยหรือ" นักบุญเปโตรได้ยืนยันความเชื่อของท่านและของเหล่าอัครสาวกโดยฉับพลันทันทีว่า "'พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า? พระองค์ทรงมีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร"(ยอห์น 6:68)
"respondit ergo ei Simon Petrus Domine ad quem ibimus verba vitae aeternae habes"(Io.6:69)

(22)เพราะฉะนั้น เมื่อเราจะทำการศึกษาความหมายลึกซึ้งแห่งความเชื่อนี้ ควรถือตามอาจาริยานุภาพแห่งพระศาสนจักร(Ecclesiae Magisterium-หมายถึง อำนาจในการสั่งสอนของพระศาสนจักร) อันพระคริสตเจ้าทรงประทานพระวาจาของพระองค์ซึ่งถูกบันทึกหรือเล่าสืบต่อมาให้กับพระศาสนจักรเป็นผู้พิทักษ์รักษาและสั่งสอน เราตระหนักว่า "บางสิ่งไม่อาจใช้เหตุผลอธิบายได้ แต่เรื่องใดก็ตามที่พระศาสนจักรประกาศยืนยันตามความเชื่อของคริสตชนที่ถูกต้องแล้ว เรื่องนั้นยังคงเป็นความจริงอยู่เสมอ"
«etsi nulla ratione indagetur, nullo sermone explicetur: verum tamen est quod antiquitus veraci fide catholica praedicatur et creditur per Ecclesiam totam» (S. AUGUTINI., Contr. Iulian., VI, 5, 11; PL 44, 829).

(23)แต่นั่นก็ไม่อาจเพียงพอ,แม้มีความเชื่อที่ดีแล้ว แต่เวลาพูดก็ยังต้องระวังคำพูด เพราะเราอาจใช้คำพูดสื่อสารโดยไม่ระวัง เป็นไปได้ว่าเราอาจจะแสดงความคิดเห็นที่แย้งกับความหมายลึกซึ้งแห่งความเชื่ออยู่ก็ได้ ฉะนั้น เป็นการสมควรที่จะจำคำเตือนของนักบุญออกัสติน(S.Augustinus) เกี่ยวกับ วิธีพูดที่นักปราชญ์ทั่วๆไปใช้ กับวิธีที่คริสตชนต้องใช้ ใจความว่า "นักปราชญ์มักพูดเรื่องบางเรื่องที่เข้าใจได้ยากมากโดยไม่เกรงที่จะเป็นที่สะดุดแก่ผู้ฟังที่มีศรัทธาในศาสนา แต่เราต้องระวังคำพูดของเราโดยถือบัญญัติอันแน่นอน เพื่อป้องกันมิให้เราพูดโดยไม่ระมัดระวัง หรือตีความอะไรผิดไป"
«loquuntur philosophi, nec in rebus ad intelligendum difficillimis offensionem religiosarum curium pertimescunt. Nobis autem ad certam regulam loqui fas est, ne verborum licentia etiam de rebus, quae his significantur, impiam gignat opinionem» (De civit. Dei, X, 23; PL 41, 300).

(24-25)อาศัยความช่วยเหลือของพระจิตเจ้าและพากเพียรมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ พระศาสนจักรได้คิดกฎในการพูดและได้รับรองกฎเหล่านั้น อาศัยการสังคายนาหลายต่อหลายครั้ง กฎนี้ได้เป็นเครื่องหมายแสดงความเชื่อที่ถูกต้องแท้จริง เราต้องรักษาไว้ด้วยความเคารพเลื่อมใส อย่าให้ใครมาอ้างสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงกฎเหล่านี้ตามใจชอบ หรือคิดจะเปลี่ยนแปลงกฎโดยอ้างว่าเป็น ความรู้ใหม่ๆ ใครเล่าจะทนได้ถ้ามีคนกล่าวว่า พระสัจจธรรมจากการสังคายนาต่างๆ ที่เกี่ยวกับ พระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า(mysteriis ss-สังคายนาเมืองเตรน),พระตรีเอกภาพ(Trinitatis),การอวตารของพระบุตร(Incarnationis)ไม่เหมาะกับคนในยุคนี้ แล้วหาคำพูดใหม่มาแทนทีคำพูดเดิมโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน ทำนองเดียวกัน เราไม่ควรยอมให้ใครก็ได้มาอ้างสิทธิ์ในการที่จะยกเลิกคำสอนที่สังคายนาเมืองเตรนประกาศเกี่ยวกับศีลมหาสนิท เพราะการประกาศเหล่านี้ย่อมไม่ผูกพันกับวัฒนธรรมใด หรือความก้าวหน้าทางวิชาการขั้นใด หรือสำนักเทววิทยาใด หากแต่การประกาศเหล่านี้ ถูกประกาศมาจากดวงจิต โดยทั่วไป มนุษย์รับรู้และมีประสบการณ์จากสิ่งต่างๆ และแสดงออกโดยใช้ถ้อยคำต่างๆที่เห็นว่าเหมาะสม ดังนั้น การประกาศเหล่านี้จึงเป็นที่เข้าใจได้ไม่จำกัดสถานที่และเวลา แน่นอนว่าเราอธิบายการประกาศนั้นให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้ แต่จะต้องอธิบายอย่างไม่บิดเบือน เพื่อให้ความจริงที่ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงแห่งความเชื่อคงอยู่ ในสังคายนาวาติกันครั้งที่1 ได้กล่าวเกี่ยวกับพระสัจจธรรม(sacrorum dogmatum)ไว้ว่า
"เราต้องรักษาความหมายซึ่งพระศาสนจักรผู้มารดาได้ประกาศเพียงครั้งเดียวและใช้ตลอดไป และการที่จะละทิ้งการประกาศนั้น เพราะอ้างว่าเข้าใจลึกซึ้งขึ้นเป็นสิ่งไม่ควรทำ"
«is sensus perpetuo est retinendus, quem semel declaravit sancta mater Ecclesia, nec umquam ab eo sensu altioris intelligentiae specie et nomine recedendum» (Constit. dogm. De fide cathol. c. 4).

Re: พระสมณสาส์นว่าด้วยศีลมหาสนิท(MYSTERIUM FIDEI)

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 2:44 pm
โดย tan
ความฝันพ่อบอสโก
พระศาสนาจักรจะตั้งอยู่ได้มีเสาสองต้นที่ป้องกันพระศาสนจักร
  อันแรกคือ ศีลมหาสนิท(คุณเตรียมพร้อมและเห็นค่าของศีลมหาสนิทพอรึยัง)
  อันที่สอง คือ พระแม่มารี แม่พระของเรา (คุณได้มีความรักต่อแม่ของคุรแล้วรึยัง)
  พระศาสนาจักรจึงจะตั้งอยู่ได้
ขอสรรเสริณมหาสนิทศีล สรรณเสริณทุกเวลาอาจิณ จงสุดสิ้นกำลังวิญญาณ

Re: พระสมณสาส์นว่าด้วยศีลมหาสนิท(MYSTERIUM FIDEI)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 26, 2009 6:46 pm
โดย Man of Macedonia
ความหมายลึกซึ้งแห่งศีลมหาสนิทสำเร็จไปในการถวายบูชาขอบพระคุณ
Mysterium Eucharisticum in Missae Sacrificio conficitur


(26)พี่น้องที่รัก เพื่อเป็นการเตือนใจเกี่ยวกับความศรัทธาและความชื่นชมยินดีของคริสตชนทุกคน เราขอเตือนให้ระลึกถึงคำสอนของพระศาสนจักรที่ได้รับการสืบทอดมาจากอัครสาวกและยังประกาศสั่งสอนอยู่อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

(27)เป็นความคิดที่ดี ที่จะย้อนกลับมาเตือนใจในเรื่องที่เป็นหัวใจและแก่นแท้ของคำสอนเรื่องนี้ กล่าวคือ ศีลมหาสนิทเป็นการรื้อฟื้นการถวายบูชาบนไม้กางเขน ที่ถวายเพียงครั้งเดียวบนเนินเขากัลวารีโอ อันเป็นบูชารื้อฟื้นให้เราระลึกถึงอยู่ตลอดเวลา ถึงผลแห่งการบูชาอันทำให้บาปของเราถูกยกอยู่ทุกวันที่ทำมิสซา

(28)ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม "โมเสสได้ใช้เลือดของสัตว์บูชายัญ เพื่อเป็นเครื่องหมาย ท่านกล่าวว่า นี่คือเลือดแห่งพันธสัญญา ที่พระยาห์เวห์ทรงทำกับชนชาติอิสราแอล"(อพยพ 24:8) แต่องค์พระเยซูคริสตเจ้าเมื่อทรงตั้งศีลมหาสนิท พระองค์ได้อุทิศพระโลหิตของพระองค์เองเพื่อให้เป็น"โลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่" พระวรสารกล่าวไว้ว่า "ในงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำครั้งสุดท้าย พระองค์ท่านทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ บิออกประทานแก่บรรดาศิษย์ตรัสว่า รับปังนี้ไปกินให้ทั่วกัน นี่เป็นกายของเราที่จะมอบเพื่อท่าน ในทำนองเดียวกัน พระองค์ท่านทรงหยิบถ้วยเหล้าองุ่น ขอบพระคุณอีกครั้งหนึ่ง ประทานแก่บรรดาศิษย์ตรัสว่า รับถ้วยนี้ไปดื่มให้ถ้วย นี่เป็นถ้วยโลหิตของเรา โลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่อันยืนยง โลหิตซึ่งจะหลั่งออกเพื่ออภัยบาป สำหรับท่านและมนุษย์ทั้งหลาย จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด"(ลูกา 12:19-20,มัทธิว 26:26-28,มาระโก 14:22-24) จะเห็นว่า พระองค์มีพระประสงค์ให้ทำดังนี้เพื่อระลึกถึงพระองค์ และต้องทำตลอดไป ซึ่งพระศาสนจักรได้ปฏิบัติตามพระดำรัสนั้น โดยถือตามคำสั่งสอนที่ว่า "ทุกคนมาฟังคำสั่งสอนของอัครสาวกเป็นนิตย์ ทั้งยังร่วมภาวนาและบิปัง"(กิจการ 2:42) ซึ่งคริสตังในอดีตมีความร้อนรนจนกล่าวได้ว่า "เขาเหล่านั้นมีใจดวงเดียวกันและวิญญาณดวงเดียวกัน"(กิจการ 4:32)
*accepto pane, gratias egit, et fregit, et dedit eis dicens: Hoc est corpus meum, quod pro vobis datur: hoc facite in meam commemorationem. Similiter et calicem, postquam cenavit, dicens: Hic est calix novum testamentum in sanguine mea, qui pro vobis fundetur (Lc 22,19-20; cf Mt 26,26-28; Mc 14,22-24).

Re: พระสมณสาส์นว่าด้วยศีลมหาสนิท(MYSTERIUM FIDEI)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 27, 2009 12:50 am
โดย พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
ศีลมหาสนิท = พระเยซูเจ้า

คุณจะทำอย่างไรเมื่อพระองค์อยู่ในมือของคุณ?

Re: พระสมณสาส์นว่าด้วยศีลมหาสนิท(MYSTERIUM FIDEI)

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 28, 2009 3:53 pm
โดย Batholomew
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: ศีลมหาสนิท = พระเยซูเจ้า

คุณจะทำอย่างไรเมื่อพระองค์อยู่ในมือของคุณ?
ขอบคุณพระองค์ที่ทรงประทานพระองค์เพื่อเรา