หน้า 1 จากทั้งหมด 1

แบ่งปันอาทิตย์ที่17เทศกาลธรรมดา(2009)

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 25, 2009 11:20 pm
โดย Man of Macedonia
บทอ่านที่1:หนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่2(2พกษ4:42-44)
บทอ่านที่2:จดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส(อฟ.4:1-6)
บทอ่านที่3:พระวรสารนักบุญยอห์น(ยน.6:1-15)

สารวัดอัสสัมชัญ:บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
(โดย คุณพ่อเปโตร สุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธ์)

สวัสดีครับ พี่น้องที่รักทุกท่าน

ก่อนที่พ่อจะสนทนาอะไรต่อไป พ่ออยากให้พี่น้อง พิจารณาภาพที่น่าสะเทือนใจ ภาพหนึ่งเสียก่อน

รูปภาพ

ภาพนี้เป็นภาพถ่ายจากเหตุการณ์จริง ในประเทศซูดาน ปี 1994 ถ่ายภาพโดยช่างภาพ ชื่อ Kevin Carter
ต่อมาภาพนี้ได้รับรางวัลสุดยอดภาพแห่งปี หรือ Pulitzer 1994

ภาพนี้กำลังเล่าเรื่องราวของเด็กน้อย ชาวซุดานที่กำลังจะอดตายอยู่ในสภาพหมดกำลัง คงทั้งกายและจิตใจ

เด็กคนนี้ พยายามกระเสือกกระสนคลานไปยังค่ายอาหารของสหประชาชาติซึ่งอยู่ห่างไปราว 1 กิโลเมตร
ขณะที่นกแร้ง ซึ่งเป็นสัตว์กินซากศพ กำลังเฝ้ามองดู รอคอยให้เด็กน้อยนี้ตาย จะได้กินเด็กน้อยเป็นอาหารของมัน
รอบๆตัวเด็กน้อย ไม่มีใครอยู่เลย ที่จะให้ความสนใจแม้แต่น้อย

เมื่อถ่ายภาพนี้แล้ว Kevin Carter ได้ออกจากพื้นที่ทันที ไม่มีใครรู้ว่า เด็กน้อยนั้นมีโชคชะตาเป็นอย่างไร
ต่อมาอีกสามเดือน Kevin Carter ก็ฆ่าตัวตาย ด้วยความหดหู่ใจ และตรอมใจ

พ่อเองรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไม Kevin Carter เองไม่ช่วยเด็กคนนี้ให้ไปถึงค่ายอาหาร
หรือว่าสภาพเช่นนี้ เป็นเรื่องปกติที่เห็นได้เสมอในซูดาน

อย่างไรก็ตาม มีผู้ไปพบไดอารีของเขา ข้อความในนั้น น่าสนใจมาก เขาเขียนว่า

"ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอสัญญาว่า จะไม่กินทิ้งกินขว้าง ไม่ว่าอาหารนั้นจะไม่น่าทาน
ขอพระองค์ทรงปกป้องเด็ก นำทาง ปลดปล่อยเขา ขอพระองค์ใส่ใจเราทั้งหลาย ให้ไวต่อการให้ความช่วยเหลือคนรอบข้าง
และจะไม่ถูกบดบังด้วยความเห็นแก่ตัว และธรรมชาติบาปในตัวเรา ที่เอาแต่สนใจเรื่องตนเอง
ข้าพระองค์หวังว่า ภาพนี้จะช่วยเตือนเราว่า เราโชคดีสักเพียงใด?เราจักต้องไม่ละเลยสิ่งดี โอกาสรอบข้าง"


สิ่งที่ทำให้พ่อรู้สึกสะเทือนใจที่สุดคือ ไม่มีใครเลยสักคน ที่จะสนใจชีวิตน้อยๆของเด็กคนนี้
ทำให้พ่อคิดถึงคำพูดของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา ตอนหนึ่งว่า

"ความทุกข์ทรมานที่น่าสังเวช มากกว่าความหิวโหยขนมปัง คือ ความรู้สึกที่ไม่มีใครสนใจ ไม่เป็นที่ต้องการของใคร ไม่มีใครรักเลย"

ไม่น่าเชื่อว่า เด็กหลายคน ตายด้วยรอยยิ้ม ในอ้อมกอดของคุณแม่เทเรซา
แม้จะเป็นความสุขช่วงสั้นๆและช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่เขาก็ตายอย่างเป็นสุข
เพราะได้ลิ้มความรู้สึกที่ว่า อย่างน้อย มีคนหนึ่งในโลกที่สนใจเขาและรักเขา

มากกว่าขนมปังและปลาที่พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงประชาชนห้าพันคนนั้น ก็คือ ความสนใจ และความรักที่พระองค์ให้กับพวกเขานั่นเอง
หากเราลดทอนความเห็นแก่ตัวในชีวิตของเราลงไปบ้าง บางทีเราจะไม่ละเลยเพื่อนมนุษย์ในยามยากลำบาก
และบางทีเราจะสนใจเพื่อนมนุษย์รอบข้างมากขึ้น

Re: แบ่งปันอาทิตย์ที่17เทศกาลธรรมดา(2009)

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 25, 2009 11:59 pm
โดย Man of Macedonia
แบ่งปัน

เมื่ออ่านสารวัดจบ สิ่งที่สะดุดใจคือ

"ความทุกข์ทรมานที่น่าสังเวช มากกว่าความหิวโหยขนมปัง คือ ความรู้สึกที่ไม่มีใครสนใจ ไม่เป็นที่ต้องการของใคร ไม่มีใครรักเลย"

ผมคิดว่าพี่น้องหลายคน รู้อยู่แล้วว่า "องค์พระเยซูเสด็จมาเพื่อบุคคลชั้นสองของสังคมเหล่านั้นเป็นพิเศษ ทรงให้ความสำคัญคนชั้นต่ำและคนบาป"
และพี่น้องคงรู้อยู่แล้วว่า ชีวิตของเราทุกคนต้อง "แบกกางเขนและเดินตามพระองค์ไป นั่นคือ การเจริญชีวิตที่เดินไปสู่ความดีบริบูรณ์"

แต่ผมมีคำถาม

คนที่ไม่มีใครสนใจจริงๆนั้น อยู่ตรงไหนของสังคม ให้เราได้ภาวนาถึงเขาบ้างหนอ?
ง่ายที่สุดคงเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือ สถานที่สำหรับคนด้อยโอกาสต่างๆนานา
แต่ผมกลับคิดว่า คนเหล่านั้นยังพอมีคนสนใจอยู่บ้าง คนที่ไม่มีใครสนใจจริงๆ คือ "คนข้างถนน,คนจรจัด,คนบ้า"

ในการเดินทางของผมไม่ว่าจะไปวัด,ไปแสวงบุญ หรือแม้กระทั่งท่องเที่ยว
ผมมีโอกาสพบคนแบบนี้ทุกทีไป ผมคิดว่าไม่ใช่เหตุบังเอิญอะไร ในชีวิตพี่น้องอาจมีโอกาสพบได้ถ้าสังเกต
คนเหล่านั้น บางครั้งนอกจากสกปรกแล้ว ยังกักขฬะหยาบคายไร้การศึกษา เชื่อว่า บางคนคงรู้จักแค่"เงิน"เท่านั้น
น่าแปลกที่ผมคิดว่า,คริสตชนเรามีหน้าที่กับคนพวกนี้โดยเฉพาะ แปลกกว่านั้น ผมไม่ได้คิดจะนำความรอดมาให้เขาทันทีทันใด
ผมคิดแต่เพียง "บรรเทาใจ บรรเทาทุกข์" ในแต่ครั้งผมมักเก็บภาพเขาเหล่านั้นไปภาวนาบ้าง หรือถ้าสะดวกจะอุทิศให้สัก 10 เม็ดทันที
บ้างครั้งก็ภาวนาอย่างเร็วๆ ขอพระเป็นเจ้าทรงทอดพระเนตรเขาผ่านทางเราด้วยเถิด ผมเชื่อสนิทใจว่าหลังจากนั้น เขาต้องได้รับสิ่งดีดี
ไม่ใช่เพราะผมเอง แต่เพราะ "พระเจ้ามีพระทัยดี"

วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังสวดสายประคำอยู่ระหว่างการเดินทางไปต่างจังหวัด

ในสถานีที่รถจอด มีชายพิการคนหนึ่ง
โยนย่ามขึ้นมาบนรถ เข้าใจว่าคงขึ้นลำบากมากจึงโยนย่ามขึ้นมาก่อน พร้อมกับเหนี่ยวรถอยู่
มีคนสองคนนั่งอยู่ตรงประตูนั้น ชายคนหนึ่งนั่งกับแฟน และอีกคนใส่เครื่องแบบ

ไม่มีใครช่วยเขาเลย !

ผมผู้ซึ่งนั่งอยู่ไกลกว่า ก็คอยสังเกตดูว่า จะมีใครมั้ยหนอลุกไปช่วยเค้า
ปรากฎว่าไม่มี ผมผู้ซึ่งนั่งอยู่ถัดออกไป จึงลุกออกไปช่วยเขา
สัมผัสแรกที่แตะต้องตัวเขานั้น รู้ได้ทันทีว่า เขาเมา เพราะมีกลิ่นเหล้าแรงมาก
ผมเหนี่ยวเขาขึ้นมา เขาจ้องหน้าผมเขม็ง เวลานี้ผมคิดว่าเขาน่าจะสมองมีปัญหาเพราะฤทธิ์เหล้า(น่าจะกินบ่อย)
เขายิ้มแบบกระตุกๆนิดหน่อย พลางบอกว่าขอบคุณ เราได้นั่งใกล้ๆกัน เพราะที่มันว่าง(และความพิการทำให้เขาไปได้ไม่ไกลจากประตู)

เวลานั้น ไม่มีใครสนใจใครหรอก เพราะดึกมากแล้ว
ผมก็สวดทำวัตรก่อนนอนและสายประคำ
ผมชำเลืองมองเขาเพื่อภาวนาให้เขาด้วย แต่เขาไม่รู้ตัวหรอกกำลังกระดกเบียร์
ผมจึงหลับตาสวดต่อ ลืมตามาอีกทีเขากำลังมองผมอยู่ อย่างงงๆ (คงไม่เคยเห็นใครสวดสายประคำ)
ทุก สิบเม็ด จะมีบทสิริพึงมี ผมทำมหากางเขนเสมอ ผมแอบสังเกตว่า เขายกมือไหว้ไปด้วย ก็ไม่รู้ว่าเพราะเมาหรือไม่

เหตุการณ์ดำเนินเรื่อยไป จนคนบ้าที่เมาคนนั้นหลับไป
ผมนอนไม่หลับ ได้แต่มองเขา อยู่ดีดี ผมกลับรู้สึกว่า

"คนบ้าที่เมาคนนี้ ดูเหมือนเด็กคนหนึ่ง เด็กที่ไม่รู้เลย ว่ากำลังทำอะไรอยู่ และไม่มีศักยภาพพอจะรู้ด้วย"

สิ่งที่เราทำได้คือ บอกพระให้อวยพรเขาด้วย ขอให้สักวันหนึ่งเขามีศักยภาพจะดูแลตัวเองให้ดี
เขาไม่จำเป็นต้องรู้จักพระก็ได้ ที่จริงในวันพรุ่งนี้ เขาคงลืมเหตุการณ์ที่ได้พบผม อาจลืมด้วยซ้ำว่าผมช่วยเขา
อาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่าที่กำลังสวดให้อยู่คือสวดอุทิศให้เขา สำหรับผม

แค่นี้เพียงพอจริงๆ ผมได้ทำหน้าที่ดูแลคนที่ไม่มีใครสนใจ
ผมไม่ได้คิดหรอกว่า มันคือหน้าที่คริสตชน แต่คิดแค่ว่า มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำ

ตอนกำลังจะลงรถ
คนบ้าที่เมานั้นตื่น เขาบอกกับผมในอารมณ์เมาๆว่า "แล้วเจอกันอีก โลกมันกลม"
พร้อมกับยิ้มมุมปาก

พี่น้องครับ,
โปรดเหลียวมอง สังคมและเหตุการณ์รอบตัว
มีคนที่โลกไม่ได้สนใจมากมาย รอคำภาวนาจากท่านอยู่
"งานมีมาก คนทำงานมีน้อย"!

Re: แบ่งปันอาทิตย์ที่17เทศกาลธรรมดา(2009)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 26, 2009 10:26 am
โดย My Hope
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันนะครับ

Re: แบ่งปันอาทิตย์ที่17เทศกาลธรรมดา(2009)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 26, 2009 11:38 am
โดย Lavender
ผมเห็นคุณMan of Macedonia นำสารวัดอัสสัมฯมาลง ผมก็ขอเอาสารวัดกาลหว่าร์มาแบ่งปันบ้างนะคับ

บทสนทนาจากเจ้าอาวาส

สวัสดีครับ พี่น้องที่เคารพทุกท่าน

เรา พ่อ-ลูก กำลังเข้าสู่สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดาอันเป็นช่วงเวลาครึ่งปีพิธีกรรม ในการเจริญชีวิตคริสตชนให้เป็นปรกติสุข

...คือชีวิตธรรมดา เรียบง่าย พอเพียง "เชื่อมั่น" ในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารี

...คือชีวิตธรรมดา เรียบง่าย พอเพียง "ไว้วางใจ" ในในอง์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารี

...คือชีวิตธรรมดา เรียบง่าย พอเพียง "รักและศรัทธา" ในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารี

พ่อจึงเชิญชวนพี่น้องทุกท่านให้เรียนรู้ ให้ฝึกฝนเพื่อดำเนิน "ชีวิตคริสตชนธรรมดาๆ" ซึ่งเรากำลังผ่านไปครึ่งปีพิธีกรรมแล้ว
และต้องออกแรงด้วยความหวังและไว้วางใจว่า พระองค์ทรงปกป้องคุ้มครองและอวยพรเราทุกคนทุกครอบครัว

พ่อไพฑูรย์ (ยอห์น ไพฑูรย์ หอมจินดา)

Re: แบ่งปันอาทิตย์ที่17เทศกาลธรรมดา(2009)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 26, 2009 12:59 pm
โดย Man of Macedonia
Positive:+ เขียน: ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันนะครับ
ขอบคุณครับ

Re: แบ่งปันอาทิตย์ที่17เทศกาลธรรมดา(2009)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 26, 2009 3:14 pm
โดย Lavender
Lavender เขียน: ผมเห็นคุณMan of Macedonia นำสารวัดอัสสัมฯมาลง ผมก็ขอเอาสารวัดกาลหว่าร์มาแบ่งปันบ้างนะคับ

บทสนทนาจากเจ้าอาวาส

สวัสดีครับ พี่น้องที่เคารพทุกท่าน

เรา พ่อ-ลูก กำลังเข้าสู่สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดาอันเป็นช่วงเวลาครึ่งปีพิธีกรรม ในการเจริญชีวิตคริสตชนให้เป็นปรกติสุข

...คือชีวิตธรรมดา เรียบง่าย พอเพียง "เชื่อมั่น" ในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารี

...คือชีวิตธรรมดา เรียบง่าย พอเพียง "ไว้วางใจ" ในในอง์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารี

...คือชีวิตธรรมดา เรียบง่าย พอเพียง "รักและศรัทธา" ในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารี

พ่อจึงเชิญชวนพี่น้องทุกท่านให้เรียนรู้ ให้ฝึกฝนเพื่อดำเนิน "ชีวิตคริสตชนธรรมดาๆ" ซึ่งเรากำลังผ่านไปครึ่งปีพิธีกรรมแล้ว
และต้องออกแรงด้วยความหวังและไว้วางใจว่า พระองค์ทรงปกป้องคุ้มครองและอวยพรเราทุกคนทุกครอบครัว

พ่อไพฑูรย์ (ยอห์น ไพฑูรย์ หอมจินดา)
จากสารวัดกาลหว่าร์ที่เห็น ผมสรุปประเด็นได้ออกเป็นสองประเด็นคือ
1.เรื่องความเชื่อ ความวางใจ ความรัก
2.ชีวิตคริสตชนธรรมดาๆ


ในเรื่องแรกผมว่าพี่น้องทุกท่านคงได้ยินได้ฟังคนที่พูดดีกว่าผมมาเยอะแล้ว
ผมพูดไปก็เหมือนกับสอนหนังสือสังฆราชเปล่าๆ(อาจจะผิดเสียด้วยซ้ำ)

แต่ในเรื่องที่สอง "ชีวิตคริสตชนธรรมดา" ตอนที่ผมได้ยินคำนี้ครั้งแรก
ผมรู้สึกว่ามันสะดุดใจของผมมาก คือ อะไรละชีวิตคริสตชนธรรมดา?
แล้วชีวิตคริสตชนธรรมดา มันแตกต่างจากชีวิตผู้คนธรรมดายังไง? แง่ไหน? หรือว่าไม่ต่าง?
แล้วมันเป็นเหตุให้เราต้องแปลกแยกจากเพื่อนพี่น้องของเราในสังคมหรือเปล่า ?
อันนี้ผมว่าเป็นประเด็นที่น่าคิด 

เมื่อสอง-สามเดือนก่อน ผมได้ดูหนังเรื่องหนึ่งเข้าแต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้
เป็นหนังวัยรุ่นผู้หญิงอเมริกันที่คุณพ่อของเธอจับเธอส่งไปเรียนโรงเรียนสตรีประจำที่ประเทศอังกฤษ
ซึ่งเธอก็ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำผิดกฎของโรงเรียนเพื่อจะได้ถูกส่งตัวกลับ
ไปยังสังคมซึ่งเธอเคยอยู่ คือสังคมแฟชั่น งานปาร์ตี้ และอะไรต่างๆที่มีชื่อเสียงเด่นดัง ฯลฯ
จนเหตุการณ์เป็นไปยังไงผมก็จำได้ลางๆ แต่ปรากฏว่าเธอถูกส่งตัวไปหาครูใหญ่
แล้วคุณครูใหญ่ก็ได้พูดกับเธอประมาณว่า "โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนสตรี ไม่ได้เด่นดังอะไร
คนที่ดังที่สุดของโรงเรียนเรา เป็นได้แค่ "หมอรักษาเท้า" ของเจ้าหญิงไดอานาเท่านั้น
ทุกคนที่จบจากโรงเรียนของเราได้ไปทำงานในสาขาอาชีพต่างๆ มีชีวิตที่ธรรมดา
แต่พวกเธอก็ภาคภูมิในสิ่งที่ทำ และรู้ว่าพวกเธอกำลังทำอะไร"
(ผมตัดต่อจากความทรงจำของผม+กับสิ่งที่ผมเข้าใจ ถ้าเนื้อความไม่ตรงขอโทษด้วยคับ)

มันทำให้ผมได้รู้สึกว่า การดำเนินชีวิตคริสตชนก็เหมือนกัน คือเราดำเนินชีวิตธรรมดาๆ
ไม่ได้ "เรียกร้อง" ไม่ได้ "เด่นดัง" แต่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร
ผมเคยอ่านเจอมาว่าการเป็นคริสตชนเป็นเหตุให้ "ผู้อื่นได้รับพระพร"

แล้วทั้งผมและทุกท่านได้ทำตัวให้เป็น "เหตุที่ทำให้ผู้อื่นได้รับพร" หรือยังคับ

Re: แบ่งปันอาทิตย์ที่17เทศกาลธรรมดา(2009)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 26, 2009 3:28 pm
โดย My Hope
Lavender เขียน:
Lavender เขียน: ผมเห็นคุณMan of Macedonia นำสารวัดอัสสัมฯมาลง ผมก็ขอเอาสารวัดกาลหว่าร์มาแบ่งปันบ้างนะคับ

บทสนทนาจากเจ้าอาวาส

สวัสดีครับ พี่น้องที่เคารพทุกท่าน

เรา พ่อ-ลูก กำลังเข้าสู่สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดาอันเป็นช่วงเวลาครึ่งปีพิธีกรรม ในการเจริญชีวิตคริสตชนให้เป็นปรกติสุข

...คือชีวิตธรรมดา เรียบง่าย พอเพียง "เชื่อมั่น" ในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารี

...คือชีวิตธรรมดา เรียบง่าย พอเพียง "ไว้วางใจ" ในในอง์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารี

...คือชีวิตธรรมดา เรียบง่าย พอเพียง "รักและศรัทธา" ในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารี

พ่อจึงเชิญชวนพี่น้องทุกท่านให้เรียนรู้ ให้ฝึกฝนเพื่อดำเนิน "ชีวิตคริสตชนธรรมดาๆ" ซึ่งเรากำลังผ่านไปครึ่งปีพิธีกรรมแล้ว
และต้องออกแรงด้วยความหวังและไว้วางใจว่า พระองค์ทรงปกป้องคุ้มครองและอวยพรเราทุกคนทุกครอบครัว

พ่อไพฑูรย์ (ยอห์น ไพฑูรย์ หอมจินดา)
จากสารวัดกาลหว่าร์ที่เห็น ผมสรุปประเด็นได้ออกเป็นสองประเด็นคือ
1.เรื่องความเชื่อ ความวางใจ ความรัก
2.ชีวิตคริสตชนธรรมดาๆ


ในเรื่องแรกผมว่าพี่น้องทุกท่านคงได้ยินได้ฟังคนที่พูดดีกว่าผมมาเยอะแล้ว
ผมพูดไปก็เหมือนกับสอนหนังสือสังฆราชเปล่าๆ(อาจจะผิดเสียด้วยซ้ำ)

แต่ในเรื่องที่สอง "ชีวิตคริสตชนธรรมดา" ตอนที่ผมได้ยินคำนี้ครั้งแรก
ผมรู้สึกว่ามันสะดุดใจของผมมาก คือ อะไรละชีวิตคริสตชนธรรมดา?
แล้วชีวิตคริสตชนธรรมดา มันแตกต่างจากชีวิตผู้คนธรรมดายังไง? แง่ไหน? หรือว่าไม่ต่าง?
แล้วมันเป็นเหตุให้เราต้องแปลกแยกจากเพื่อนพี่น้องของเราในสังคมหรือเปล่า ?
อันนี้ผมว่าเป็นประเด็นที่น่าคิด 

เมื่อสอง-สามเดือนก่อน ผมได้ดูหนังเรื่องหนึ่งเข้าแต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้
เป็นหนังวัยรุ่นผู้หญิงอเมริกันที่คุณพ่อของเธอจับเธอส่งไปเรียนโรงเรียนสตรีประจำที่ประเทศอังกฤษ
ซึ่งเธอก็ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำผิดกฎของโรงเรียนเพื่อจะได้ถูกส่งตัวกลับ
ไปยังสังคมซึ่งเธอเคยอยู่ คือสังคมแฟชั่น งานปาร์ตี้ และอะไรต่างๆที่มีชื่อเสียงเด่นดัง ฯลฯ
จนเหตุการณ์เป็นไปยังไงผมก็จำได้ลางๆ แต่ปรากฏว่าเธอถูกส่งตัวไปหาครูใหญ่
แล้วคุณครูใหญ่ก็ได้พูดกับเธอประมาณว่า "โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนสตรี ไม่ได้เด่นดังอะไร
คนที่ดังที่สุดของโรงเรียนเรา เป็นได้แค่ "หมอรักษาเท้า" ของเจ้าหญิงไดอานาเท่านั้น
ทุกคนที่จบจากโรงเรียนของเราได้ไปทำงานในสาขาอาชีพต่างๆ มีชีวิตที่ธรรมดา
แต่พวกเธอก็ภาคภูมิในสิ่งที่ทำ และรู้ว่าพวกเธอกำลังทำอะไร"
(ผมตัดต่อจากความทรงจำของผม+กับสิ่งที่ผมเข้าใจ ถ้าเนื้อความไม่ตรงขอโทษด้วยคับ)

มันทำให้ผมได้รู้สึกว่า การดำเนินชีวิตคริสตชนก็เหมือนกัน คือเราดำเนินชีวิตธรรมดาๆ
ไม่ได้ "เรียกร้อง" ไม่ได้ "เด่นดัง" แต่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร
ผมเคยอ่านเจอมาว่าการเป็นคริสตชนเป็นเหตุให้ "ผู้อื่นได้รับพระพร"

แล้วทั้งผมและทุกท่านได้ทำตัวให้เป็น "เหตุที่ทำให้ผู้อื่นได้รับพร" หรือยังคับ

ขอบคุณครับที่แบ่งปัน ว่าแต่หนังเรื่องนี้มันชื่อเรื่องว่าอะไรหรอครับ เดี่ยวจะไปหาดูบ้างครับ ชอบมากเลยครับตรงชีวิตคริตสชนธรรมดา
ขอพระคุ้มครองนะครับ