หน้า 1 จากทั้งหมด 1
!!!ทำไมถึงต้องประกาศข่าวดี!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 29, 2009 11:40 am
โดย sinner
เอามาฝากค่ะ จาก
http://www.thaicatholicmission.com/main/index.php
1. ทำไมต้องประกาศข่าวดีการประกาศข่าวดีเป็นงานสำคัญมากในชีวิตของเราคริสตชนเพราะ
1. เป็นงานที่ได้รับพระบัญชาจากพระเยซูเจ้าโดยตรง
Re: !!!ทำไมถึงต้องประกาศข่าวดี!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 29, 2009 11:42 am
โดย sinner
2. ฆราวาสทำงานประกาศข่าวดีได้อย่างไร ก่อนอื่นทุกคนต่างมีหน้าที่ประกาศข่าวดี เป็นต้นบรรดาฆราวาสที่เป็นคนส่วนใหญ่ของพระศาสนจักร บทบาทของฆราวาสในการประกาศข่าวดีมีดังนี้
1. ฆราวาสทุกคนคือผู้ประกาศข่าวดี โดยอำนาจแห่งศีลล้างบาป(พันธกิจขององค์พระผู้ไถ่ RM 71)
2. ฆราวาสอยู่ในทุกแวดวงทางสังคม การเมือง การเศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ สื่อมวลชน การแพทย์การพยาบาล ฯลฯ
Re: !!!ทำไมถึงต้องประกาศข่าวดี!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 29, 2009 11:46 am
โดย sinner
3. การประกาศข่าวดีด้วยการกระทำ
Re: !!!ทำไมถึงต้องประกาศข่าวดี!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 29, 2009 11:48 am
โดย sinner
4. ขั้นตอนการประกาศข่าวดีพระเจ้าทรงทำงานอย่างมีลำดับขั้นตอน
พระองค์ทรงเผยแสดงพระองค์เองแก่มนุษย์ด้วย 3 ขั้นตอน คือ ในพันธสัญญาเดิมเผยแสดงให้เราได้ทราบว่าพระเจ้าทรงเป็นบิดาของเรา เป็นพระผู้สร้าง เป็นผู้ประทานบัญญัติให้แก่เรา ในพระวรสารเผยแสดงให้เราได้รู้จักพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงเสด็จมาเพื่อไถ่บาปเรา ในกิจการอัครสาวกเผยแสดงให้เราเห็นพระจิตเจ้าที่ทรงเป็นผู้ประทานความศักดิ์สิทธิ์ และชี้นำพระศาสนจักร
พระเยซูเจ้าเองก็ทรงทำงานอย่างมีขั้นตอน
การประกาศข่าวดีของเราในที่ทำงานก็มีขั้นตอนเช่นกัน เรามี 5 ขั้นตอนด้วยกันดังนี้
(1)การสร้างความสัมพันธ์
(2)การภาวนา
(3)การแนะนำให้รู้จักพระเยซูคริสต์
(4)การแนะนำให้รู้จักพระศาสนจักร
(5) การสอนคำสอนเพื่อนำไปสู่การรับศีลศักดิ์สิทธิ์
ก่อนอื่นงานนี้เป็นงานฝ่ายจิต ดังนั้นเราจึงต้องอาศัยพระพรจากพระจิตเจ้าในการทำงานของเรา เราต้องสวดภาวนาและถวายงานนี้ให้พระองค์ทรงชี้นำและให้เปิดหัวใจของเขา เราเริ่มจากขั้นตอนที่หนึ่งคือ การสร้างความสัมพันธ์
การสร้างความสัมพันธ์
1. หาจุดร่วมเพื่อการพูดคุย
Re: !!!ทำไมถึงต้องประกาศข่าวดี!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 29, 2009 11:53 am
โดย sinner
การประกาศพระวรสารเป็นเกียรติที่พระเจ้าประทานให้อารัมภบท คุณพ่อสมบูรณ์ แสงประสิทธิ์
คริสตชนหลายคนมองดู การเป็นคริสตชนเป็นภาระ คือ เป็นแล้วต้องผูกมัดตัวเอง ไม่เป็นอิสระ ต้องทำ อย่างโน้น ห้ามทำอย่างนี้ บางคนก็เลยทิ้งความเชื่อ ไปเลย การมองอย่างนี้ เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อชีวิต ทางด้านศาสนา เพราะแทนที่ศาสนาจะเป็นที่พึ่งทางใจ คือ ทำให้ใจสงบ มีความสุข กลับกลายเป็นภาระ เป็นทุกข์ไปเสีย
คำสอน
1. คริสตศาสนาเป็นของขวัญประเสริฐล้ำค่า ที่พระเจ้าประทานแก่มนุษย์ เป็นข่าวดีหรือพระวรสาร ที่มาถึงมนุษย์ที่กำลังดิ้นรน หาทางปลดเปลื้องความทุกข์ ความท้อแท้หมดหวังออกไปจากชีวิต พระวรสารที่พระเยซูเจ้าทรงประกาศ นำแสงสว่าง นำความหวัง นำกำลังใจ นำความสุขมาให้
2. พระวรสารหรือข่าวดีแรกที่พระองค์ทรงประกาศก็คือ ความสุขแท้จริง 8 ประการ ซึ่งเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุข เปลี่ยนความเศร้าโศกให้เป็นความยินดี เปลี่ยนความท้อแท้ หมดหวัง ให้เป็นความหวัง ความสุขแท้จริง 8 ประการ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรกคือ สภาพของมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ต้องเผชิญกับปัญหาในรูปแบบ ต่าง ๆ วรรคที่ 2 คือ พระวรสารหรือข่าวดีที่พระเยซูเจ้าทรงประกาศ เพื่อปลดปล่อย ความทุกข์และปัญหาเหล่านั้น (ผู้เทศน์อาจยกตัวอย่างให้เห็นจริง ถ้ามีเวลาพอ)
3. การที่เราคริสตชนประกาศพระวรสาร ก็เป็นการปลดเปลื้องความทุกข์ และปัญหาของตนเองและของผู้อื่น ทำให้เกิดกำลังใจ ความหวัง ความสุข เช่นนี้ จะว่าการประกาศพระวรสารเป็นภาระได้อย่างไร บรรดาอัครสาวก นักบุญมากมาย และมิสชันนารี สละถิ่นฐานบ้านช่องไปประกาศพระวรสารทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย เราด้วย ถ้าพวกเขาคิดว่าเป็นภาระ ลำบาก พวกเขาจะมาประกาศหรือ? ตรงกันข้าม พวกเขาคิดและเชื่อว่าการกระทำเช่นนี้ นำความสุขมาสู่ตัวพวกเขาเอง และสู่ผู้อื่น พวกเขาจึงมา และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ คือ มีความสุขจนไม่อยากกลับบ้านกลับช่อง ยอมตาย ฝังร่างไว้บนผืนแผ่นดินนี้ นี่คือสิ่งยืนยันว่าการประกาศพระวรสารเป็นความสุข เป็นเกียรติ
4. ถ้าเช่นนั้น เราจะไปประกาศพระวรสารได้อย่างไร? คริสตชนหลายคนคิดว่า จะต้องออกจากบ้าน เดินไปประกาศตามถนนหนทาง หัวเมือง นั่นเป็นความเข้าใจผิด เราต้องประกาศพระวรสารตามฐานะหน้าที่ของเรา ไม่ต้องออกไปไหน ใครอยู่ที่ไหน ก็ประกาศที่นั่น เช่น ที่บ้าน โรงเรียน โรงพยาบาล ร้านค้า สถานที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ เราสามารถทำได้ 2 วิธีคือ
4.1 ประกาศด้วยตัวอย่างชีวิต คือ เป็นตัวอย่างที่ดี ในการทำหน้าที่ ในคำพูด ในความซื่อสัตย์สุจริต ในความรัก ให้ใครเห็นเรา สัมผัสกับเรา ก็รู้สึกประทับใจ และเริ่มถามตัวเองว่า อะไรทำให้เขาดีเช่นนี้
4.2 การประกาศด้วยวาจา คือ พูดให้กำลังใจ แนะนำเตือนสติ บอกถึง ความเชื่อของตน
ปฏิบัติ
1. จงปลุกความเชื่อของเราให้มีชีวิตชีวา ในมิสซาวันนี้ ขอพระจิตจุดไฟความร้อนรนนี้ ในจิตใจของเรา
2. ตั้งใจจะช่วยคนอื่นอย่างน้อยสัก 1 คน ให้เกิดมีความหวัง ความศรัทธา ไม่ว่า จะเป็นคริสตชน หรือเพื่อนบ้านต่างศาสนาก็ตาม
เนื้อหาบทเทศน์
เรื่อง การประกาศพระวรสารเป็นเกียรติที่พระเจ้าประทานให้
1. คริสตศาสนาของเราก็มีสินค้าที่มีคุณภาพเป็นเลิศ มีคุณค่ามหาศาล นั่นก็คือ ข่าวดีแห่งอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งนำความสุขที่แท้จริงมาสู่มวลมนุษย์ที่ยอมรับ เป็นความสุข ทั้งในโลกนี้ และเป็นต้นในโลกหน้า ซึ่งจะคงอยู่ตลอดกาล ข่าวดีนี้ต้องได้รับการประกาศให้ทั่วถึง และโดยอาศัยสื่อมวลชนทั้งหลายที่มีอยู่ พระองค์ตรัสกับเขาว่า "ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง (มก 16:15) ภาระหน้าที่นี้ ตกอยู่กับเราคริสตชนทุกคน นับตั้งแต่วันที่เรารับศีลล้างบาปแล้ว เมื่อพระสงฆ์ยื่นเทียนที่จุดอยู่กับเรากล่าวว่า "จงรับแสงสว่างของพระคริสตเจ้า จะได้ดำเนินชีวิตเยี่ยงบุตรแห่งความสว่าง" ที่ส่องแสงให้ผู้ที่อยู่รอบข้าง
2. พวกอัครสาวกได้ตระหนักถึงหน้าที่ประการนี้เป็นพวกแรก จึงได้ละทิ้งทุกอย่างออกประกาศพระวรสารไปทั่วโลก สมัยนั้น นักบุญเปโตรเริ่มประกาศพระวรสารที่กรุงเยรูซาเล็ม ในวันพระจิตเจ้า เสด็จลงมา และไปตั้งพระศาสนจักรที่กรุงโรม นักบุญเปาโลออกประกาศ พระวรสารแก่นานาชาติในแถบเอเชียน้อย กรีก และไปตายที่กรุงโรม นักบุญอันเดรประกาศพระวรสาร ในดินแดนแถบเหนือของประเทศ ปาเลสไตน์ นักบุญโทมัสประกาศพระวรสารทางแถบตะวันออก มาจนถึงประเทศอินเดีย นักบุญบาร์โธโลมิวก็มาประกาศพระวรสาร อยู่ทางตะวันออกเหมือนกัน นักบุญซีโมนและมัทธีอัสมาประกาศ พระวรสารทางเปอร์เซียและเมโสโปเตเมีย (คือประเทศอิหร่านและอิรัก ในปัจจุบัน) นักบุญยากอบใหญ่ ยากอบเล็กและยูดาห์ ปักหลักประกาศ พระวรสารถึงประเทศเอธิโอเปีย ทวีปอัฟริกา และนักบุญฟิลิปประกาศ พระวรสารทางแถบเอเชียน้อย
ยังมีลูกศิษย์ของอัครสาวกบางคน เช่น นักบุญบารนาบัสไปประกาศ พระวรสารที่เกาะไซปรัส นักบุญมาระโกที่เมืองอาเล็กซานเดรีย ประเทศ อียิปต์ นักบุญลูกาทางเหนือของปาเลสไตน์
3. หลังจากนั้นก็มีมิสชันนารี คือ ผู้บุกเบิกมากมาย ที่สละถิ่นฐานบ้านช่อง ออกประกาศพระวรสารไปยังดินแดนไกลโพ้น เช่น นักบุญฟรังซิสเซเวียร์ เป็นต้น ที่เดินทางมาถึงอินเดีย ญี่ปุ่น และกำลังจะเข้าประเทศจีนก็มาถึงแก่ความตายเสียก่อน
4. มิสชันนารีที่มาประกาศพระวรสารในประเทศไทยระยะแรก ก็คือ คณะดอมินิกันในปี1555 คณะฟรังซิสกันในปี 1584 คณะเยซูอิตในปี 1609 คณะมิสชันนารีฝรั่งเศสแห่งปารีสในปี 1662 หลังจากนั้นก็มีมิสชันนารีคณะต่าง ๆ ทยอยกันเข้ามา อาทิเช่น ฝ่ายชายมีคณะซาเลเซียน คณะพระมหาไถ่ คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ คณะคามิลเลียน ฯลฯ ฝ่ายหญิง มีคณะเซนต์ปอลเดอชาร์ต คณะอูร์สุลิน คณะธิดาแม่พระองค์อุปถัมภ์ ฯลฯ สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้มิสชันนารีเหล่านี้ สละบ้านช่อง ออกมาประกาศพระวรสารยังแดนไกลก็คือ จิตสำนึกของการเป็นคริสตชน และถือว่าเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้มาทำหน้าที่นี้
5. ก่อนอื่นหมด เราต้องไม่มองดูการประกาศพระวรสารเป็นภาระ แต่ต้องมองว่า เป็นเกียรติที่พระเจ้าทรงมอบให้ เราจึงต้องประกาศพระวรสารด้วยความยินดี เราสามารถ ประกาศพระวรสารทั้งด้วยวาจาและกิจการ ทั้งสองอย่างนี้ ต้องควบคู่กันไปเสมอ จึงจะมีฤทธิ์บันดาลให้เกิดความซาบซึ้ง และประทับใจ เราประกาศพระวรสารนี้ด้วยวาจา เมื่อเราสั่งสอน ตักเตือน แนะนำให้กำลังใจแก่ผู้ที่ต้องการ เราประกาศพระวรสาร ด้วยกิจการ เมื่อเราประพฤติดี ยึดมั่นในหลักธรรมของศาสนา ปฏิบัติหลักธรรม ด้วยความรัก พระเยซูเจ้าประสบความสำเร็จ ในการประกาศพระวรสารของพระองค์ ก็เพราะทั้งวาจาและกิจการของพระองค์ ผสมผสานกลมกลืนกันเสมอ ประชาชนจึงเลื่อมใส กลับใจ ส่วนพวกฟาริสีสอนอย่างหนึ่งปฏิบัติอย่างหนึ่ง ประชาชนไม่สนใจ พากันละทิ้งพวกเขา แล้วติดตามพระเยซูเจ้าไป
Re: !!!ทำไมถึงต้องประกาศข่าวดี!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 29, 2009 11:54 am
โดย Batholomew
ขอบคุณสำหรับรายละเอียดครับ

Re: !!!ทำไมถึงต้องประกาศข่าวดี!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 29, 2009 12:06 pm
โดย sinner
อาจจะยาวไปนิดนะ แต่ช่วยกันอ่านและนำไปปฏิบัติเถอะค่ะ
เราจะได้ช่วยคนที่ไม่เข้าใจ ให้เค้าทราบถึงสิ่งดีๆ ที่พระมอบให้กับเรา
ขอพระอวยพรค่ะ

Re: !!!ทำไมถึงต้องประกาศข่าวดี!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 29, 2009 12:13 pm
โดย ignatius
sinner เขียน:
อาจจะยาวไปนิดนะ แต่ช่วยกันอ่านและนำไปปฏิบัติเถอะค่ะ
เราจะได้ช่วยคนที่ไม่เข้าใจ ให้เค้าทราบถึงสิ่งดีๆ ที่พระมอบให้กับเรา
ขอพระอวยพรค่ะ
ขอบคุณมากๆจ๊ะ ได้อ่านทวนก็ดีมากๆเลย ขอบคุณอีกครั้งนะจ๊ะ.. 
Re: !!!ทำไมถึงต้องประกาศข่าวดี!!!
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 20, 2009 9:09 am
โดย Ministry Of Men
ขอบคุณครับ
( รับ ) จงไปป่าวประกาศพระนามของพระเป็นเจ้า
แก่ชนทุกหมู่เผ่าให้เข้ามาหาพระองค์
1.พระจิตเจ้าทรงดลใจ ส่งข้าฯไปทั่วแดนดิน
นำสันติสุขให้ทุกถิ่น ความยินดีให้ปวงประชา
ทรงส่งข้าออกไป พร้อมกับให้คำสัญญา
ว่าจะอยู่คู่ตัวข้าฯ ตราบชั่วฟ้าดินมลาย (รับ)
2. พระจิตสถิตกับข้าฯ มีบัญชาให้ข้าไป
เปลื้องทุกข์ผู้ร่ำร้องไห้ บรรเทาใจผู้เศร้าโศกา
ทรงส่งข้าออกไป พร้อมกับให้คำสัญญา
ว่าจะอยู่คู่ตัวข้าฯ ตราบชั่วฟ้าดินมลาย (รับ)
3. องค์พระจิตผู้ฤทธี ผู้ให้ชีวีแก่ทุกคน
จงไปช่วยคนยากจน เบื้องบนทรงมีพระบัญชา
ทรงส่งข้าออกไป พร้อมกับให้คำสัญญา
ว่าจะอยู่คู่ตัวข้าฯ ตราบชั่วฟ้าดินมลาย (รับ)
http://www.catholic.or.th/service/song/ ... ice22.html