หน้า 1 จากทั้งหมด 1
หนังสือ โทบิต จากสารบบ สอง ลองอ่านดู นะค่ะ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 11, 2009 9:58 pm
โดย เจนจิรา
บทที่ 1
1. เรื่องราวของโทบิต บุตรของโทบิเอล บุตรชายของอานาบิเอล บุตรของอาดูเอล บุตรของกาบะเอล ผู้สืบตระกูลมาจากอาสิเอล
2. และเผ่านัฟทาลี ในรัชสมัยของแชลมาเนเสอร์ กษัตริย์ของคนอัสซีเรีย ท่านถูกจับตัวไปจากทิสะเบซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของเคเดชแห่งนัฟทาลี ในกาลิลี เหนืออาเชอร์
ความยากลำบากของโทบิต
คุณความดีของโทบิต
3. ข้าพเจ้าโทบิต ได้ดำเนินชีวิตในหนทางแห่งความจริง และความชอบธรรม ตลอดชีวิตของข้าพเจ้า ได้ให้ทานมากมายแก่พี่น้องและเพื่อนร่วมชาติที่ถูกเนรเทศไปยังนีนะเวห์ ในประเทศอัสซีเรีย
4. เช่นเดียวกับข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้ายังอยู่ในบ้านเมืองของข้าพเจ้าในแผ่นดินอิสราเอล สมัยที่ข้าพเจ้ายังเป็นหนุ่มอยู่ เผ่านัฟทาลีทั้งเผ่าซึ่งเป็นบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ปลีกตัวออกห่างจากวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม เยรูซาเล็มเป็นเมืองที่ได้รับเลือกจากบรรดาเผ่าทั้งหลายในอิสราเอลให้เป็นสถานที่ถวายยัญบูชา ให้เป็นที่สร้าง
5. พระวิหารซึ่งเป็นที่ประทับของพระเป็นเจ้าสำหรับชนในอนาคต แต่เผ่าทั้งหลายที่พากันปลีกตัวดังกล่าว นิยมถวายบูชาแก่วัวบาอัล (ซึ่งตระกูลเยโรโบอัมกษัตริย์แห่งอิสราเอลเป็นผู้สร้างขึ้นที่ดาน บนเนินเขากาลิลี) ตระกูลนัฟทาลีซึ่งเป็นบรรพบุรุษของข้าพเจ้าก็ได้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน
6. ส่วนข้าพเจ้านั้น มักจะจาริกไปเยรูซาเล็มแต่เพียงผู้เดียว เพื่อปฏิบัติตามกำหนดบทบัญญัติซึ่งผูกมัดอิสราเอลทั้งหมดเสมอไป ข้าพเจ้านำเอาผลแรกและหนึ่งในสิบของพืชผลทั้งหมด รวมทั้ง
7. ขนแกะที่ตัดเป็นครั้งแรกด้วย ข้าพเจ้านำเอาสิ่งเหล่านี้ไปมอบให้บรรดาสมณะผู้เป็นลูกหลานของอาโรน ยังพระแท่นบูชา ข้าพเจ้ามอบส่วนหนึ่งในสิบจากผลทั้งหมด ให้แก่บุตรของเลวีผู้รับใช้อยู่ในเยรูซาเล็ม แต่หนึ่งในสิบส่วนที่สองนั้น ข้าพเจ้าจะขาย
8. เงินที่ได้มาข้าพเจ้าก็จะนำเอาไปใช้ที่เยรูซาเล็มทุกปี หนึ่งในสิบส่วนที่สาม ข้าพเจ้าจะมอบให้แก่ผู้มีสิทธิรับ ดังที่เดโบราห์ผู้เป็นมารดาของบรรพบุรุษข้าพเจ้าได้สั่งไว้ เหตุว่าบิดาทิ้งข้าพเจ้าไว้
9. เป็นเด็กกำพร้า เมื่อข้าพเจ้าเติบโตขึ้น ข้าพเจ้าก็แต่งงานกับอันนาผู้เป็นคนเผ่าเดียวกับข้าพเจ้า เธอให้บุตรแก่ข้าพเจ้าคนหนึ่ง ชื่อว่า โทบิยาห์
10. เมื่อข้าพเจ้าถูกจับตัวส่งไปยังนีนะเวห์นั้น ญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมชาติของข้าพเจ้าทุกคน รับประทานอาหารของชน
11.,12. ต่างศาสนา แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมรับประทาน เหตุว่าข้าพเจ้ารำลึกถึง
13. พระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ พระผู้สูงสุดโปรดให้ข้าพเจ้าเป็นที่พอพระทัยของกษัตริย์แชลมาเนเสอร์ ข้าพเจ้าได้เป็นผู้ซื้อ
14. เสบียงให้พระองค์ ข้าพเจ้ามักจะเดินทางไปยังมีเดีย ข้าพเจ้าฝากเหรียญเงินราคาประมาณสิบตาเลน
15. ไว้กับกาบะเอล พี่น้องของกาเบียส ครั้นเมื่อกษัตริย์แชลมาเนเสอร์สิ้นพระชนม์แล้ว เซนนาเดอริบ โอรสของพระองค์ก็เสด็จขึ้นครองราชย์แทน สมัยพระองค์ทรงครองราชย์นั้น ถนนหนทางก็ไม่ปลอดภัย ข้าพเจ้าไม่อาจเดินทางไปมีเดียได้อีกต่อไป
ความกล้าหาญของท่านในการฝังศพผู้ที่ถูกฆ่า
16. ในรัชสมัยของแชลมาเนเสอร์ ข้าพเจ้าได้ให้ทานแก่พี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าบ่อยๆ
17. ข้าพเจ้าเอาอาหารของข้าพเจ้าไปเลี้ยงผู้ที่หิวโหย และเอาเสื้อผ้าของข้าพเจ้าไปให้แก่ผู้ที่ไม่มี เมื่อข้าพเจ้าเห็นร่างเพื่อนร่วมชาติที่ถูกฆ่า และโยนทิ้ง นอกกำแพงเมืองนีนะเวห์ ข้าพเจ้าก็นำไปฝังเสีย
18. หากกษัตริย์ เซนนาเดอริบ ทรงประหารชีวิตผู้ที่หลบหนีมาจากยูเดีย ข้าพเจ้าก็นำไปฝังอย่างลับๆ เหตุว่าพระองค์ทรงประหารคนเป็นจำนวนมากในยามพิโรธ เมื่อพระองค์ทรงรับสั่งให้แสวงหาศพของคนเหล่านั้นก็หาไม่พบ
19. ชาวนีนะเวห์คนหนึ่งไปทูลกษัตริย์เซนนาเดอริบว่าข้าพเจ้าเป็นผู้นำไปฝัง ข้าพเจ้าก็ซ่อนตัว เมื่อข้าพเจ้าทราบว่ามีการออกล่าหาตัวของข้าพเจ้าจะเอาไปฆ่า
20. ข้าพเจ้าก็หลบหนีออกไปจากบ้านด้วยความกลัว ทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นของข้าพเจ้าถูกยึดไปหมด ข้าพเจ้าไม่มีอะไรเหลือติดตัวนอกจากอันนาภรรยาข้าพเจ้าและโบเยสบุตรชาย
21. ห้าสิบวันยังไม่ทันให้หลัง โอรสขององค์กษัตริย์ แชลมาเนเสอร์ก็ปลงพระชนม์พระองค์ แล้วก็หนีไปยังเทือกเขาอารารัด เอสาร์ฮัดโน ราชโอรสผู้สืบราชสมบัติ พระองค์ทรงแต่งตั้งให้ อาหิการ์ บุตรของอานาเอล พี่น้องของข้าพเจ้าให้เป็นผู้ดูแลบัญชีแห่งราชอาณาจักร และเป็นผู้จัดการในเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ
22. อาหิการ์ช่วยอ้อนวอนให้ข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจึงกลับไปนีนะเวห์ได้ อาหิการ์คือผู้ถือถ้วย เป็นผู้รักษาตราผนึกและผู้ควบคุมดูแลบัญชี เหตุว่าเอสารฮัดโน ทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นบุตรคนที่สองรองจากพระองค์ เขาเป็นหลานชายของข้าพเจ้าเอง [Go Top]
บทที่ 2.
1. ครั้นข้าพเจ้ากลับบ้าน หลังจากที่ข้าพเจ้าได้รับอันนาภรรยาข้าพเจ้า และโทบิยาห์บุตรของข้าพเจ้ากลับคืนมาแล้ว ในโอกาสวันฉลองเปนเตกอส ซึ่งเป็นวันฉลองศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสัปดาห์ด้วยกัน เขาเตรียมอาหารอันโอชารสไว้ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้านั่งลงรับประทาน
2. เมื่อเห็นอาหารอยู่มากมายข้าพเจ้าจึงกล่าวแก่บุตรของข้าพเจ้าว่า "จงไปเถิด พบพี่น้องของเราคนใดที่ยากจน และยังระลึกถึงพระ ก็จงพามาหาพ่อ พ่อจะรอลูก"
3. เขากลับมากล่าวว่า "คุณพ่อครับ คนของเราคนหนึ่งถูกบีบคอตาย เขาทิ้งศพไว้ที่ตลาด"
4. ก่อนที่จะรับประทานอาหารอะไร ข้าพเจ้ารีบลุกขึ้น นำเอาศพไปเก็บไว้ในที่กำบัง จนกระทั่งตะวันตก
5. ข้าพเจ้ากลับมาอาบน้ำล้างตัวข้าพเจ้าเสียก่อน แล้วนั่งลงรับประทานอาหารด้วยความเศร้าใจ
6. ข้าพเจ้ารำลึกถึงวาจาของอาโมสได้ว่า "วันฉลองของเจ้าจะกลายเป็นวันไว้ทุกข์ และการร้องรำทำเพลงของเจ้า ก็จะกลายเป็นการคร่ำครวญ" แล้วข้าพเจ้าก็ร้องไห้
7. เมื่อดวงอาทิตย์ตก ข้าพเจ้าก็ไปขุดหลุมแล้วเอาศพไปฝังเสีย
8. พวกเพื่อนบ้านกลับหัวเราะเยาะข้าพเจ้า พลางกล่าวว่า "เขาไม่กลัวถูกฆ่าอีกแล้วหรือ จึงได้ทำกิจการเช่นนี้ เขาเคยหนีไปครั้งหนึ่ง บัดนี้เขากลับเอาศพคนตายไปฝังอีก"
Re: แบ่งปันพระคำโทบิต ( สารบบ2)
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 11, 2009 9:59 pm
โดย เจนจิรา
โทบิตตาบอด
9. ในคืนเดียวกันนั้น เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากการฝังศพ ข้าพเจ้าก็นอนอยู่ที่กำแพงสนามหญ้า เหตุว่าข้าพเจ้าไม่บริสุทธิ์ แล้วข้าพเจ้ามิได้ปิดหน้า
10. ข้าพเจ้าไม่ทราบว่ามีนกกระจอกอยู่ที่กำแพงนั้น มันปล่อยอุจจาระเข้าในตาข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าฝ้าขาวไป ข้าพเจ้าไปหาหมอ แต่หมอไม่อาจช่วยข้าพเจ้าได้ แต่อาหิคาร์ดูแลรักษาข้าพเจ้า จนกระทั่งเขาไปเมือง เอลิมาอิส
11., 12. อันนาภรรยาข้าพเจ้าก็เริ่มทำงานเพื่อจะได้มีรายได้ นางมักจะส่งผลิตภัณฑ์ไปให้บรรดาเจ้าของร้าน ครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าของร้านให้เงินค่าจ้างแก่นางแล้ว
13. เขาแถมลูกแพะให้อีกหนึ่งตัว เมื่อนางกลับมาบ้านลูกแพะตัวนั้นก็เริ่มร้อง ข้าพเจ้าจึงกล่าวแก่นางว่า "เธอไปเอาลูกแพะมาจากไหนกัน เธอไปขโมยมาหรือ เอากลับไปคืนเจ้าของเสียเถิด เราจะไปรับประทานของที่ขโมยมานั้นไม่ถูก"
14. นางกล่าวว่า "เขาให้ดิฉันมาเป็นรางวัล นอกเหนือจากค่าจ้างที่ดิฉันได้รับ" แต่ข้าพเจ้าไม่เชื่อนาง กลับบอกให้นางเอาไปคืนให้เจ้าของ ข้าพเจ้าอายแทนนาง นางตอบข้าพเจ้าว่า "กิจเมตตาต่างๆ และกิจการอันชอบธรรมของท่านหายไปไหนหมดแล้ว ท่านตกอยู่ในสภาพใด ท่านก็คงจะทราบดี" [Go Top]
บทที่ 3.
1. แล้วข้าพเจ้าก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ พลางอธิษฐานภาวนาด้วยความระทมใจว่า
โทบิตอธิษฐานภาวนาขอความตาย
2. "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงยุติธรรม พระภารกิจ และหนทางของพระองค์เปี่ยมด้วยเมตตาและความจริง พระองค์ทรงตัดสินด้วยความสัตย์จริงและด้วยความยุติธรรมเสมอ"
3. โปรดระลึกถึง และทอดพระเนตรอันทรงพระเมตตามายังข้าพระองค์ โปรดอย่าได้ทรงลงอาญาเพราะบาปของข้าพระองค์ เพราะความผิดหรือความดื้อดึงของข้าพระองค์ และเพราะความผิดซึ่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์ ได้กระทำต่อพระองค์เลยพระเจ้าข้า
4. เหตุว่าเขาได้ละเมิดกฎบัญญัติของพระองค์ พระองค์จึงทรงปล่อยให้ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกปล้น ถูกจับเป็นเชลยและถูกฆ่า พระองค์ทรงปล่อยให้เป็นที่ติฉินนินทา และเป็นที่หัวเราะเยาะเย้ยของบรรดานานาชาติซึ่งข้าพระองค์ทั้งหลายแยกย้ายกันไปอาศัยอยู่
5. คำตัดสินทั้งสิ้นของพระองค์ถูกต้องแล้วพระเจ้าข้าที่ได้ทรงปรับโทษบาปของข้าพระองค์ และของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ เหตุว่า ข้าพระองค์ทั้งหลายมิได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ และมิได้ดำเนินชีวิตในความจริงต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์
6. บัดนี้ ขอได้ทรงโปรดจัดการกับข้าพระองค์ตามน้ำพระทัยเถิดพระเจ้าข้า ขอพระองค์ทรงรับจิตของข้าพระองค์ไว้ เพื่อข้าพระองค์จะได้จากไป กลับกลายเป็นฝุ่นผง ข้าพระองค์ตายเสียดีกว่าที่จะมีชีวิต เหตุว่าข้าพระองค์ได้รับคำติเตียนโดยไร้มูลเหตุ ความเสียใจในตัวข้าพระองค์นั้นยิ่งใหญ่นัก โปรดบัญชาให้ข้าพระองค์พ้นจากความทุกข์ทรมาน ไปสู่ที่พำนักตลอดกาลนิรันดรของข้าพระองค์เถิด โปรดอย่าได้เมินพระพักตร์ไปจากข้าพระองค์เลยพระเจ้าข้า"
Re: แบ่งปันพระคำโทบิต ( สารบบ2)
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 11, 2009 10:00 pm
โดย เจนจิรา
นางซาราห์
นางซาราห์ถูกกล่าวหา
7. ในวันเดียวกันนั้นเอง ที่เอกบาทานาในมีเดีย ซาราห์ธิดารากุเอล ก็ถูกสาวใช้ของบิดาติเตียนเอา
8. เหตุว่านางได้มีสามีถึงเจ็ดคน สามีของนางแต่ละคนถูกอัสโมเดอัสเจ้าปีศาจร้านฆ่าเสียก่อนที่จะได้อยู่ร่วมกันแบบสามีภรรยา สาวใช้กล่าวแก่นางว่า "คุณนายไม่ทราบดอกหรือว่า คณนายนั่นเองเป็นผู้ฆ่าสามี คุณนายมีสามีถึงเจ็ดคนแล้ว แต่ก็ยังมิได้รับผลประโยชน์อะไรจากพวกเขาเลยแม้สักคนเดียว
9. คุณนายมาทุบตีพวกเราทำไม หากพวกเขาตายกันไปหมดแล้ว ทำไมคุณนายไม่ตายตามเขาไปด้วยเล่า ขออย่าให้เราได้เห็นบุตรหรือธิดาของคุณนายเลย"
10. เมื่อนางได้ยินดังนี้ก็รู้สึกช้ำใจมาก จนคิดอยากผูกคอตาย แต่แล้วนางคิดในใจว่า "เราเป็นลูกคนเดียวของบิดา หากเราทำไปดังนั้น ก็เป็นการนำความเสื่อมเสียมาให้บิดาเรา แล้วเราก็ทำให้วัยชราของท่านจบลงด้วยความเสียอกเสียใจ"
11. นางจึงภาวนาใกล้หน้าต่างว่า
นางซาราห์อธิษฐานภาวนาขอความตาย
"สาธุการแต่พระองค์ ข้าแต่พระเป็นเจ้า องค์พระเจ้าของข้าพระองค์ สาธุการแด่พระนามศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพของพระองค์ตลอดไป ขอให้กิจกรรมทั้งสิ้นของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ตลอดกาล
12. ข้าแต่พระเป็นเจ้า บัดนี้ข้าพระองค์หันหน้าหันตาไปหาพระองค์
13. โปรดบัญชาให้ข้าพระองค์พ้นจากโลก อย่าให้ข้าพระองค์ต้องได้ยินคำติฉินอีกเลย
14. ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบดีอยู่แล้วว่า ข้าพระองค์มิได้กระทำบาปกับชายใด
15. ข้าพระองค์มิได้ทำให้ชื่อเสียงของข้าพระองค์เองเสื่อมเสีย แล้วชื่อเสียงของบิดากมิได้มัวหมองไปในดินแดนที่ข้าพระองค์ถูกเนรเทศนี้ ข้าพระองค์เป็นธิดาคนเดียวของบิดา ท่านไม่มีบุตรอื่นเป็นทายาท ท่านไม่มีญาติพี่น้อง หรือบุตรของญาติพี่น้อง ซึ่งข้าพระองค์ควรจะเก็บตัวไว้เป็นภรรยาเลย สามีทั้งเจ็ดของข้าพระองค์ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ข้าพระองค์จะมีชีวิตต่อไปทำไม หากพระองค์ ไม่ทรงพอพระทัย ที่จะคร่าชีวิต ของข้าพระองค์ไปแล้ว ก็ขอได้โปรดบัญชาให้เขาเคารพข้าพระองค์ และสงสารข้าพระองค์บ้าง อย่าให้ข้าพระองค์ได้ยินคำติฉินอีก เลยพระเจ้าข้า"
คำตอบต่อการภาวนา
16. คำภาวนาของทั้งสองได้รับการสดับ ต่อเบื้องพระพักตร์อันรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
17. ราฟาเอลได้ถูกส่งมาช่วยทั้งสอง มาลอกความมืดมัวออกจากตาของโทบิต มาจัดให้ซาราห์ธิดาของ รากุเอล สมรสกับโทบิยาห์ มีสิทธิที่รับนางไว้เป็นภรรยา ในขณะนั้น โทบิตก็เข้าไปในบ้าน และซาราห์ธิดาของรากุเอลก็ลงมาจากห้องข้างบน [Go Top]
การเดินทางของโทบิยาห์และการแต่งงานกับซาราห์
บทที่ 4 คำตักเตือนของโทบิด
1 ในวันนั้น โทบิตจำได้ว่าตนได้ฝากเงินไว้กับกาบะเอลที่ราเกสในมีเดีย ท่านกล่าวกับตนเองว่า
2 "เราขอความตาย ดังนั้นทำไมเราจึงมิได้เรียกโทบิยาห์ลูกของเรา เพื่อจะได้แจ้งให้เขาทราบเรื่องเงินทองก่อนที่เราจะตายเล่า?"
3 ท่านจึงเรียกโทบิยาห์ ลูกชายมากล่าวว่า "ลูกรัก เมื่อพ่อตายไปแล้ว ลูกจะฝังพ่อเสีย แล้วอย่าได้ทอดทิ้งแม่ของเจ้า จงเคารพนบนอบแม่ของเจ้าตลอดชีวิต ทำแต่สิ่งที่ท่านพอใจ อย่าได้ทำให้ท่านเสียใจ
4 ลูกรัก จงจำไว้ ก่อนที่เจ้าจะเกิดนั้น ท่านได้เผชิญอันตรายมากมายเพื่อเจ้า เมื่อท่านตายแล้วก็ขอให้ฝังท่านไว้ข้างๆ พ่อในหลุมเดียวกัน"
5 "ลูกรัก จงระลึกถึงพระเจ้า องค์พระเป็นเจ้าของเราตลอดแห่งชีวิตของลูก อย่ายอมทำบาปหรือละเมิดกฎบัญญัติของพระองค์ เจริญชีวิตโดยชอบธรรมตลอดชีวิตของลูก อย่าได้หลงไปในทางที่ผิด
6 หากเจ้าทำสิ่งที่ชอบธรรม กิจกรรมของเจ้าก็จะเป็นผลสำเร็จ
7 จงแบ่งสมบัติของเจ้าไว้ให้เป็นทานแก่ผู้เจริญชีวิตอย่างชอบธรรม อย่าปล่อยให้ตาเจ้ารู้สึกเสียดายของที่เจ้าให้เป็นทานไป อย่าหันหลังให้คนจน แล้วพระองค์จะเมินพระพักตร์ไปจากเจ้า
8 จงให้ทานตามส่วนทรัพย์สมบัติที่เจ้ามี มีมากก็ให้มาก มีน้อยก็ให้น้อย แต่อย่าเป็นคนใจแคบ
9 การกระทำดังกล่าวก็เท่ากับสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในยามขัดสน
10 เหตุว่าเมตตาจิตนั้นช่วยให้เจ้าพ้นจากความตาย ป้องกันมิให้เจ้าเข้าไปสู่ความมืดมน
11 งานเมตตาจิตนั้นเป็นเครื่องบูชาอันดีเลิศในสายพระเนตรของพระเจ้าสูงสุด สำหรับผู้ประกอบกิจเมตตานั้น
12 "ลูกรัก ระวังอย่ากระทำกิจลามกใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนอื่นจงเลือกภรรยาจากผู้ที่สืบตระกูลจากบรรพบุรุษของเจ้า อย่าไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ ซึ่งมิได้อยู่ในตระกูลบรรพบุรุษของเจ้า เหตุว่าเราเป็นบุตรบรรดาประกาศก ลูกรัก จงจำไว้ว่า โนอาร์ อับราฮัม อิสอัค และยาโคบ บรรพบุรุษของเราตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ต่างเลือกภรรยาจากญาติพี่น้องของท่านทั้งนั้น และท่านก็ได้รับพรในบรรดาลูกหลานของท่าน และชนชาติของท่านจะได้แผ่นดินเป็นมรดก
13 ดังนั้น ลูกรักของพ่อ ลูกจงรักพี่น้องของลูก ใจของลูกอย่าได้ดูหมิ่นพี่น้องหรือบุตรธิดาของชนเผ่าเดียวกัน โดยการไม่ยอมเลือกภรรยาของเจ้าจากบรรดาชนในชาติของลูก เหตุว่า ความหยิ่งยโสนำมาซึ่งความหายนะและความปั่นป่วนมากมาย ความเกียจคร้านย่อมทำให้เกิดความขัดสนและยากจน เหตุว่าความเกียจคร้านคือบ่อเกิดของความอดอยาก"
14 "อย่าเก็บค่าจ้างของผู้ที่ทำงานให้เจ้าค้างคืนไว้ จงจ่ายให้เขาทันที หากเจ้ารับใช้พระเป็นเจ้าพระองค์ก็จะประทานรางวัลตอบแทน ลูกรัก จงระมัดระวังตัวไม่ว่าจะทำอะไร ให้ความประพฤติของเจ้าตรงต่อระเบียบวินัย
15 สิ่งใดเจ้าเกลียดก็อย่าทำสิ่งนั้นแก่ผู้อื่น อย่าดื่มเหล้าองุ่นจนเมา อย่าให้ความมัวเมาติดตัวเจ้าในระหว่างเดินทาง"
16 "จงให้อาหารของเจ้าแก่ผู้ที่หิวโหย และให้เสื้อผ้าของเจ้าแก่ผู้ที่ไม่มี ของของเจ้าที่เหลือใช้ ก็จงให้เป็นทาน อย่าให้ไปอย่างเสียมิได้
17 เจ้าจงวางอาหารบนหลุมฝังศพของผู้ชอบธรรม แต่อย่าให้อะไรแก่คนบาปเลย"
18 จงขอคำแนะนำจากคนฉลาดสุขุมทุกท่าน อย่าหมิ่นประมาทคำแนะนำใดๆ ที่มีประโยชน์
19 จงสรรเสริญองค์พระเป็นเจ้าเสมอไปในทุกกรณี วอนขอพระองค์ทรงบันดาลให้วิถีชีวิตของเจ้าเที่ยงตรง ให้หนทางและจุดมุ่งหมายของเจ้าสำเร็จสมประสงค์ทุกประการ ด้วยว่าไม่มีชาติใดที่ได้รับความปรีชาฉลาด แต่พระเป็นเจ้าทรงประทานทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี พระองค์จะทรงผลักผู้ใดให้ตกต่ำลงก็ได้ ตามแต่พระองค์จะทรงพอพระทัย ดังนั้น ลูกรัก จงจำคำเหล่านี้ไว้ อย่าให้เลือนไปจากจิตใจของเจ้า
20 "บัดนี้ พ่อจะอธิบายให้ลูกฟังถึงเรื่องเงินจำนวนสิบเหรียญที่พ่อฝากไว้กับกาบะเอล บุตรของกาบริยาห์ ที่ราเกส ในมีเดีย
21 ลูกรัก อย่าได้หวาดกลัวเพราะเรายากจนลง ลูกจะมีทรัพย์มากมาย หากลูกรู้จักเคารพยำเกรงพระเป็นเจ้า และยับยั้งการทำบาปทุกชนิด จงทำเฉพาะสิ่งที่สบพระทัยพระองค์เท่านั้น" [Go Top]
บทที่ 5. เพื่อนร่วมทางของโทบิยาห์
1. แล้วโทบิยาห์ตอบโทบิตผู้บิดาว่า
2. "คุณพ่อครับลูกจะทำทุกอย่างที่คุณพ่อกำชับสั่ง แต่ลูกจะเอาเงินกลับมาได้อย่างไร ในเมื่อลูกไม่รู้จักบุคคลผู้นั้น เขาก็ไม่รู้จักลูก ลูกจะเอาอะไรไปแสดงแก่เขา เพื่อเขาจะได้ไว้ใจลูกและให้เงินแก่ลูก แม้ทางที่จะไปมีเดียลูกก็ไม่ทราบ"
3. โทบิตตอบโทบิยาห์ลูกชายว่า "เราทั้งสองต่างเซ็นชื่อลงบนกระดาษสองแผ่น ซึ่งเราตัดเป็นสองชิ้น และต่างก็เก็บไว้คนละครึ่ง พ่อเอามาแผ่นหนึ่ง ส่วนแผ่นของเขาพ่อใส่ไว้กับเงินคิดดูเถิด กาลเวลาล่วงมาแล้วถึงยี่สิบปี ที่พ่อฝากเงินไว้กับเขา ลูกจงไปหาผู้ที่ไว้วางใจได้ เพื่อจะได้เป็นเพื่อนเดินทางไปกับลูก พ่อจะให้ค่าจ้างแก่เขาตราบที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ แล้วลูกจงเอาเงินมาเถิด"
4. โทบิยาห์ก็ออกไปหาผู้นำทาง ไปพบราฟาเอลผู้เป็นเทวดา แต่โทบิยาห์ไม่ทราบว่าเป็นเทวดา โทบิยาห์จึงถามท่านว่า
5. "ท่านไปที่ราเกสในมีเดียกับข้าพเจ้าได้ไหม? ท่านรู้จักดินแดนแถบนั้นดีพอไหม? "
6. เทวดาก็ตอบว่า "ข้าพเจ้าจะไปกับท่าน ข้าพเจ้ารู้จักทางดี ข้าพเจ้าเคยอยู่กับกาบะเอล พี่น้องของเรา"
7. โทบิยาห์ กล่าวแก่ท่านว่า "รอข้าพเจ้าก่อนนะ ข้าพเจ้าจะไปบอกให้บิดาทราบ"
8. เทวดาบอกแก่โทบิยาห์ว่า "ไปเร็วๆ เถิด อย่าล่าช้าอยู่เลย" โทบิยาห์ก็เข้าไปบอกบิดาว่า "ลูกพบคนที่จะเดินทางไปกับลูกแล้ว" โทบิตกล่าวว่า "ไปเรียกเขามาหาพ่อหน่อยซิ พ่ออยากจะรู้ว่าเขามาจากตระกูลใด ดูซิว่าเขาเป็นผู้ที่พอจะไว้ใจได้ไหม"
9. ดังนั้น โทบิยาห์จึงเชิญท่านเข้าไปข้างใน ท่านก็เข้าไป ทั้งสองต่างทักทายกัน
10. โทบิตถามท่านว่า "ท่านเป็นชนเผ่าใดตระกูลใด ช่วยบอกให้ข้าพเจ้าทราบหน่อยเถิด"
11. เทวดาตอบว่า "ท่านหาเผ่าพันธุ์และวงศ์ตระกูล หรือหาผู้ที่ท่านจะจ้างให้เดินทางไปกับลูกชายของท่าน?" โทบิตตอบว่า "ข้าพเจ้าอยากจะทราบชื่อเสียงและวงศ์ตระกูลของท่าน"
12. เทวดาก็ตอบว่า "ข้าพเจ้าคืออาสาริยาห์ บุตรของอานานิยาห์ ผู้อาวุโส ญาติพี่น้องคนหนึ่งของท่าน"
13. โทบิตกล่าวแก่เทวดาว่า "ข้าพเจ้าขอต้อนรับท่าน อย่าได้โกรธเคืองข้าพเจ้าเลย ที่ข้าพเจ้าได้พยายามเรียนรู้ถึงต้นตระกูลและเผ่าพันธุ์ของท่าน ท่านผู้เป็นพี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ท่านสืบมาจากตระกูลที่ดีมีชื่อเสียง ข้าพเจ้าเคยรู้จักกับ อานานิยาห์ และนาธนิยาห์บุตรของเชไมยาห์ผู้อาวุโส เมื่อเราเดินทางไปนมัสการที่เยรูซาเล็มด้วยกัน และถวายลูกหัวปีจากฝูงสัตว์ และส่วนหนึ่งในสิบพืชผล เขามิได้หลงผิดไปดังเช่นพี่น้องของเขาเลย
14. น้องชายที่รักท่านมาจากตระกูลที่ดี แต่ช่วยบอกข้าพเจ้าหน่อยเถิดว่า ข้าพเจ้าจะให้ค่าจ้างท่านเท่าไร วันละหนึ่งดรักมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับท่านและบุตรของข้าพเจ้าจะพอไหม?
15. นอกจากนั้นข้าพเจ้าจะแถมเงินให้ท่านอีก หากท่านทั้งสองกลับมาด้วยความปลอดภัย" ทั้งสองก็ตกลงกันดังนั้น
16. แล้วโทบิตก็หันไปกล่าวกับโทบิยาห์ว่า "เจ้าจงเตรียมตัวเดินทาง ขอให้เจ้าทั้งสองจงประสบความสำเร็จ" บุตรก็เตรียมตัวออกเดินทาง บิดาจึงกล่าวแก่บุตรว่า "เจ้าจงไปกับบุรุษผู้นี้ พระเป็นเจ้าผู้ประทับในสวรรค์จะทำให้หนทางของเจ้าแจ่มใส ขอให้เทวดาของพระองค์เฝ้าคุ้มครองเจ้า" แล้วทั้งสองออกเดินทาง สุนัขของชายหนุ่มนั้นก็ติดตามไปด้วย
17. แต่อันนาผู้เป็นมารดาเริ่มร้องห่มร้องไห้ พลางกล่าวแก่โทบิตว่า "ท่านส่งลูกของเราไปทำไมกัน เขาเป็นเสมือนไม้เท้าในมือของเราทั้งสองไม่ใช่หรือ ในเมื่อเขาเดินไปมาต่อหน้าต่อตาเราเสมอ
18. อย่ามัวสะสมเงินทองอยู่เลย ขอให้คิดว่ามันไร้คุณค่า เมื่อเอามาเปรียบกับลูกของเรา
19. ชีวิตซึ่งพระเจ้าประทานให้เรานั้น ก็นับว่าเพียงพอสำหรับเราแล้ว"
20. โทบิตกล่าวแก่นางว่า "เธออย่าเป็นห่วงไปเลย ลูกเราจะกลับมาอย่างปลอดภัย เธอจะเห็นเขาอีกเป็นแน่
21. เหตุว่าอารักขเทวดาจะเดินทางไปกับลูกเรา การเดินทางของเขาจะเป็นผลสำเร็จ เขาจะกลับมาด้วยความปลอดภัย" นางจึงได้หยุดร้องไห้
Re: แบ่งปันพระคำโทบิต ( สารบบ2)
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 11, 2009 10:06 pm
โดย เจนจิรา
บทที่ 6. การเผชิญภัย
1. เขาทั้งสองเดินทางต่อไป พอตกเย็นก็มาถึงแม่น้ำไทกริส ทั้งสองก็พักอยู่ที่นั่น
2. เด็กหนุ่มลงไปอาบน้ำในแม่น้ำ มีปลาตัวหนึ่งผุดขึ้นมาจากแม่น้ำ ทำท่าเหมือนว่าอยากจะกลืนเขาทีเดียว
3. แต่เทวดาบอกเขาว่า "จับปลาตัวนั้นเถอะ"
4. เด็กหนุ่มก็จับปลาโยนขึ้นไปบนบก เทวดากล่าวแก่เขาว่า "จงแล่ปลา เอาหัวใจ ตับและดีมันออกมา เอาไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย"
5. เด็กหนุ่มก็ทำตามเทวดาสั่ง แล้วทั้งสองก็เอามาปิ้งกินกัน
6. ทั้งสองเดินทางต่อไปจนเข้ามาใกล้เอกบาทานา เด็กหนุ่มจึงกล่าวกับเทวดาว่า "ท่านอาสาริยาห์ครับ ตับ หัวใจ และดีของปลานั้นจะมีประโยชน์อะไร?"
คำแนะนำของราฟาเอล
7. เทวดาตอบว่า "สำหรับหัวใจและตับนั้นหากปีศาจหรือจิตชั่วร้ายรบกวนผู้ใด
8. เจ้าจงเผาตับกับหัวใจให้ควันรมชายหรือหญิงผู้นั้น แล้วปีศาจจะไม่มารบกวนอีก สำหรับดีนั้น จงใช้เจิมนัยน์ตาของผู้ที่มีตาเป็นฝ้า ผู้นั้นจะหายจากโรค"
9., 10. เมื่อทั้งสองมาใกล้เอกบาทานา เทวดาก็กล่าวแก่เด็กหนุ่มว่า "น้องชาย วันนี้เราจะพักแรมอยู่กับรากูเอลญาติของท่าน เขามีธิดาเพียงคนเดียวชื่อ ซาราห์ ข้าพเจ้าจะแนะให้เขามอบธิดาผู้นี้ให้สมรสกับท่าน
11. เหตุว่าท่านมีสิทธิในตัวเธอและในกองมรดกของเธอ เพราะท่านเป็นชายในตระกูลเดียวของเธอ
12. ทั้งหญิงสาวนั้นก็สวยและเป็นผู้มีไหวพริบดี บัดนี้ขอให้ฟังแผนการณ์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไปพูดกับบิดาของเธอ และเมื่อเรากลับมาจากราเกสเมื่อไร เราก็จะทำพิธีมงคลสมรสเมื่อนั้น เพราะข้าพเจ้าทราบว่า ตามกฎของโมเสส รากุเอลไม่อาจมอบเธอให้ชายอื่นใดได้ โดยไม่ทำผิดถึงขั้นประหารชีวิต เหตุว่าตัวท่านเท่านั้น ที่มีสิทธิในกองมรดก มิใช่ชายอื่นใด"
13. แล้วเด็กหนุ่มกล่าวกับเทวดาว่า "อาสาริยาห์พี่ชายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าหญิงนั้นได้ถูกมอบตัวให้ชายเจ็ดคนด้วยกัน แต่ละคนตายในเรือนหอนั่นเอง
14. ข้าพเจ้าเป็นบุตรคนเดียวของบิดา ข้าพเจ้ากลัวว่า เมื่อข้าพเจ้าเข้าไปหานาง ข้าพเจ้าก็คงจะตายเช่นชายทั้งเจ็ดนั้น เหตุว่าเจ้าปีศาจคงจะหลงรักเธอ มันทำร้ายเฉพาะแต่ผู้ที่เข้าใกล้เธอเท่านั้น ข้าพเจ้ากลัวว่าหากข้าพเจ้าตายไปเสียแล้ว ตัวข้าพเจ้าก็จะเป็นต้นเหตุให้บิดามารดาต้องตายด้วยความเสียอกเสียใจ ท่านทั้งสองก็ไม่มีบุตรใดอีกแล้วที่จะจัดการฝังศพท่าน"
15. เทวดากล่าวแก่เขาว่า "ท่านจำคำสั่งบิดาของท่านได้ไหม ท่านสั่งให้เลือกภรรยาในหมู่ชนเผ่าเดียวกับท่านมิใช่หรือ? น้องชายที่รัก ขอให้ฟังข้าพเจ้าเถิด เลิกเป็นห่วงเรื่องปีศาจเสียทีนางจะตกเป็นภรรยาของท่าน
16. เมื่อท่านเข้าเรือนหอ ท่านจงเอาหัวใจและตับบางส่วนของปลานั้นวางไว้บนเถ้ากำยานที่ยังไม่ดับ
17. เจ้าปีศาจได้กลิ่นเข้ามันก็จะหนีไปเอง และมันจะไม่กลับมาอีก เมื่อท่านเข้าใกล้เธอ เจ้ากับเธอจงยืนขึ้นพร้อมกันอ้อนวอนพระเป็นเจ้าผู้ทรงพระเมตตา พระองค์จะทรงช่วยท่านทั้งสองให้รอด และจะทรงแสดงพระเมตตาต่อท่านเอง อย่าหวาดกลัวไปเลย เหตุว่าพระเป็นเจ้าทรงมุ่งหมายเธอไว้สำหรับท่านตั้งแต่นิรันดรแล้ว ท่านจะช่วยเธอให้รอด แล้วเธอจะไปกับท่าน ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงจะมีบุตรกับเธอ" เมื่อโทบิยาห์ได้ยินดังนี้ก็หลงรักนาง และปรารถนานางดังดวงใจ
Re: แบ่งปันพระคำโทบิต ( สารบบ2)
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 11, 2009 10:07 pm
โดย เจนจิรา
บทที่ 7. ที่บ้านของรากุเอล
1. เมื่อทั้งสองมาถึงบ้านรากุเอล ที่เอกบาทานา ซาราห์ก็ออกมาต้อนรับ ทั้งสองก็ทักทายเธอเป็นการตอบแทน แล้วเธอก็นำทั้งสองเข้าไปในบ้าน
2. รากุเอล กล่าวแก่เอดนาผู้เป็นภรรยาว่า "เจ้าหนุ่มน้อยผู้นี้หน้าตาเหมือนโทบิตญาติของฉันจริงๆ "
3. แล้วรากุเอลก็ถามทั้งสองว่า "น้องชาย ทั้งสองมาจากไหนกัน" ทั้งสองตอบว่า "เราอยู่ในตระกูลนัฟทาลี ที่ตกเป็นเชลยอยู่ที่นีนะเวห์"
4. รากุเอลถามเขาว่า "ท่านรู้จักโทบิตพี่น้องของข้าพเจ้าไหม" " รู้จักซิครับ" ทั้งสองตอบ" รากุเอลถามต่อไปว่า "เขามีสุขภาพดีอยู่หรือ?"
5. ทั้งสองตอบว่า "ท่านยังมีชีวิตอยู่และสุขภาพดี" แล้วโทบิยาห์กล่าวขึ้นว่า "ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้าเอง"
6. รากุเอลพรวดพราดลุกขึ้น สวมกอดเขา แล้วก็ร้องห่มร้องไห้
7. แล้วท่านก็ให้พรโทบิยาห์ว่า "ท่านเป็นบุตรชายของผู้ที่มีคุณงามความดีและน่าสรรเสริญ" เมื่อทราบว่าโทบิตนัยน์ตาบอด รากุเอลก็เสียใจถึงกับร้องไห้ออกมา
8. เอดนาภรรยาและซาราห์ก็พลอยร้องไห้ไปด้วย พวกเขาทำการต้อนรับทั้งสองอย่างอบอุ่น เขาเอาแกะตัวผู้จากฝูงมาฆ่าจัดอาหารมากมายออกมารับรอง โทบิยาห์กล่าวแก่ราฟาเอลว่า "อาสาริยาห์ พี่ชายข้าพเจ้า ขอให้ท่านช่วยพูดถึงเรื่องที่ท่านกล่าวในระหว่างเดินทางซิ จะได้จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย"
การแต่งงานระหว่างโทบิยาห์กับซาราห์
9. ราฟาเอลก็ทำการเจรจาสู่ขอซาราห์ รากุเอลกล่าวแก่โทบิยาห์ว่า
10. "ขอให้ท่านจงกินจงดื่มและสนุกร่าเริงเถิด เหตุว่าท่านมีสิทธิได้บุตรสาวของข้าพเจ้า แต่ขอให้ข้าพเจ้าอธิบายเรื่องราวให้ท่านทราบอย่างตรงไปตรงมา
11. ข้าพเจ้าได้มอบบุตรสาวของข้าพเจ้าให้กับสามีทั้งเจ็ดคนแล้ว เมื่อเขาเข้าไปหาเธอทั้งเจ็ดคนต่างก็ตายในคืนนั้น แต่บัดนี้ ขอให้ท่านสนุกสนานกันไปก่อนเถิด" โทบิยาห์กล่าวขึ้นว่า "ข้าพเจ้าจะไม่รับประทานสิ่งใดที่นี่เลย จนกว่าท่านจะให้คำมั่นสัญญาแก่ข้าพเจ้า"
12. รากุเอลจึงกล่าวว่า "ท่านจงรับตัวบุตรสาวของข้าพเจ้าไปเถิด ตามกฎท่านเป็นญาติของเธอ เธอก็ย่อมเป็นของท่าน ขอพระเป็นเจ้าผู้ทรงเมตตาบันดาลให้ท่านประสบแต่สิ่งที่ดีเถิด"
13. แล้วท่านก็เรียกซาราห์บุตรสาวของท่าน จูงมือนางแล้วมอบตัวนางให้เป็นภรรยาของโทบิยาห์ พลางกล่าวว่า "นี่แน่ะจงรับนางไปเถิด ตามกฎของโมเสส นำตัวนางไปหาบิดาของท่าน"
14. ท่านให้พรทั้งสอง แล้วเรียกเอดนาภรรยาของท่านมาท่านเอาสมุดม้วนออกมาเขียนคำสัญญา ต่างฝ่ายต่างก็ประทับตราผนึก
15. แล้วทุกคนก็เริ่มรับประทานอาหาร รากุเอลเรียกเอดนาภรรยาของตนมา กล่าวว่า
16. "น้องช่วยจัดห้องหับอีกห้องหนึ่ง แล้วพาซาราห์เข้าไปในห้องนั้น" นางก็ทำตามที่ท่านสั่ง
17. นางพาลูกสาวเข้าไปในห้องนั้น หญิงสาวก็เริ่มร้องห่มร้องไห้ เมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้ ผู้เป็นมารดาก็ปลอบโยนว่า
18. "ลูกรักทำใจกล้าหาญไว้นะลูก ขอให้พระเจ้าแห่งฟ้าและแผ่นดิน ได้ประทานความชื่นชมยินดีให้แก่ลูกแทนความทุกข์นี้เถิด ทำใจไว้เถิดลูก" [Go Top]
บทที่ 8. ไล่ผี
1. เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาโทบิยาห์เข้าไปหานาง
2. ขณะที่โทบิยาห์เดินเข้าไปก็จำคำของราฟาเอลขึ้นมาได้ จึงเอาหัวใจ และตับของปลาวางไว้บนถ่านกำยานที่ยังไม่ดับทำให้มีควันขึ้น
3. เมื่อเจ้าปีศาจได้กลิ่นควันเข้า มันก็หนีไปอยู่สุดชายแดนประเทศอียิปต์ เทวดาก็มัดตัวมันไว้
4. เมื่อประตูปิดทั้งสองอยู่ด้วยกันแต่ลำพัง โทบิยาห์ลุกขึ้นจากเตียงกล่าวว่า "น้องรักลุกขึ้นเถิด ให้เรามาอธิษฐานภาวนาพร้อมกัน เพื่อพระเป็นเจ้าจะได้ทรงเมตตาต่อเรา"
5. แล้วโทบิยาห์ก็เริ่มภาวนาว่า "สาธุการแด่พระองค์ ข้าแต่พระเป็นเจ้าแห่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย สาธุการแห่งพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ รุ่งโรจน์ของพระองค์ตลอดกาล ขอให้สวรรค์และบรรดาสัตว์โลกของพระองค์ทั้งสิ้น จงสรรเสริญพระองค์
6. พระองค์ทรงเนรมิตอาดัม แล้วประทานเอวาให้เป็นภรรยาของท่าน ให้เป็นผู้ช่วยเหลือและสนับสนุน มนุษยชาติก็เกิดมาจากท่านทั้งสอง พระองค์ตรัสไว้ว่า 'ไม่ควรที่ชายจะอยู่คนเดียว เราจะเนรมิตคู่ครองที่เหมือนกับเขาขึ้น'
7. พระเจ้าเจ้าข้า ข้าพระองค์มิได้รับเอาน้องสาวของข้าพระองค์คนนี้ไว้ เพราะความใคร่ฝ่ายเนื้อหนัง แต่ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้รับพระเมตตา และให้ข้าพระองค์ร่วมอยู่กับเธอตราบจนวัยชรา"
8., 9. นางกล่าวพร้อมกับเขาว่า "สาธุ" แล้วทั้งสองก็หลับนอนในคืนนั้น
10. ส่วนรากุเอลลุกขึ้นไปขุดหลุมด้วยคิดในใจว่า "บางทีเขาอาจจะตายด้วย"
11., 12. เสร็จแล้วรากุเอลก็เข้าไปในบ้าน กล่าวกับเอดนาภรรยาของตนว่า "ส่งสาวใช้คนหนึ่งไปดูซิว่าเขายังมีชีวิตหรือเปล่า หากตายแล้ว เราก็จะไปฝังเขาเสีย โดยมิให้มีใครทราบ"
13. สาวใช้ก็เปิดประตูเข้าไปพบทั้งสองนอนหลับอยู่
14. เธอก็ออกมารายงานว่า เขายังมีชีวิตอยู่
15. รากุเอลก็สรรเสริญพระเป็นเจ้าว่า "ข้าแต่พระเป็นเจ้า ขอสรรเสริญพระองค์ด้วยคำอวยพรศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ ขอให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และสัตว์โลกของพระองค์ทั้งสิ้น จงสรรเสริญพระองค์ ขอให้ผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรจงสรรเสริญพระองค์ตลอดกาล สาธุการแด่พระองค์
16. เหตุว่าพระองค์ได้ทรงเมตตาให้ข้าพระองค์ชื่นชมยินดี สิ่งที่ข้าพระองค์เกรงว่าจะเกิดขึ้น ก็มิได้เป็นไปดังนั้น แต่พระองค์กลับทรงสำแดงพระกรุณา แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย อย่างมากมาย สาธุการแด่พระองค์
17. เหตุว่าพระองค์ทรงเมตตาต่อลูกสองคนนี้ พระเจ้าเจ้าข้า ขอได้โปรดแสงเมตตาของพระองค์แก่เขาทั้งสอง ขอได้โปรดให้ชีวิตของทั้งสองสมบูรณ์ด้วยสุขภาพ ความสุขสบาย และความเมตตา"
18. แล้วท่านก็สั่งให้คนใช้กลบหลุมเสีย
งานวิวาห์มงคล
19. หลังจากนั้น ท่านก็จัดงานวิวาห์มงคลให้ทั้งสอง เป็นเวลาถึงสิบสี่วัน
20. ก่อนที่วันฉลองจะสิ้นสุดลง รากุเอลสาบานว่าจะมิให้โทบิยาห์จากไป จนกระทั่งงานมงคลสิบสี่วันนั้นจะสิ้นสุดลง
21. หลังจากนั้นจะให้โทบิยาห์ เอาทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของท่านติดตัวกลับไปหาบิดาของเขาด้วยความปลอดภัย แล้วเสริมว่า "สมบัติอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นของท่าน เมื่อข้าพเจ้ากับภรรยาตาย" [Go Top]
บทที่ 9. พบเงินที่สูญไป
1. โทบิยาห์ก็เรียกราฟาเอลมากล่าวกับท่านว่า
2. "อาสาริยาห์พี่ชายข้าพเจ้า ท่านจงนำคนใช้หนึ่งคนกับอูฐสองตัวไปหากะบาเอล ที่ราเกสในมีเดีย ไปเอาเงินมาให้ข้าพเจ้าแล้วนำท่านมาร่วมงานวิวาห์มงคลด้วย
3. รากุเอลสาบานว่าจะไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้าไป
4. ส่วนบิดาข้าพเจ้าก็นั่งนับวันนับคืน หากข้าพเจ้ามัวชักช้าอยู่ ท่านก็จะเสียใจมาก"
5. ราฟาเอลออกเดินทาง แล้วค้างแรมอยู่กับรากุเอล ราฟาเอลมอบใบสำคัญให้กาบะเอล ท่านก็นำถุงเงินที่ยังมีตราประทับไว้ออกมา และมอบให้แก่ราฟาเอล
6. วันรุ่งขึ้นทั้งสองก็ตื่นนอน แต่เช้ามาร่วมในงานวิวาห์มงคล กาบะเอลก็ให้พรโทบิยาห์กับภรรยาของเขา [Go Top]
โทบิยาห์กลับบ้าน-การรักษาโทบิต ให้หายจากตาบอด
บทที่ 10. ความเป็นห่วงของบิดามารดา
1. ฝ่ายโทบิตผู้บิดาก็นั่งนับวันนับคืน เมื่อกำหนดวันเวลาของการเดินทางผ่านพ้นไปและทั้งสองยังมิได้กลับ
2. ท่านจึงกล่าวว่า "เขาอาจถูกหน่วงเหนี่ยวไว้ หรือว่า กาบะเอลคงเสียชีวิตไปแล้ว และไม่มีใครให้เงินเขา"
3., 4. ท่านเป็นทุกข์มาก ภรรยากล่าวแก่ท่านว่า "ลูกเราคงตายไปแล้ว การล่าช้าของเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาตายไปแล้ว"
5. แล้วนางก็เริ่มร้องไห้ กล่าวว่า "แม่จะไม่มีความทุกข์ได้อย่างไรลูกรัก ในเมื่อแม่ปล่อยให้ลูกผู้เป็นเสมือนแก้วตาของแม่ จากแม่ไป"
6. โทบิตกล่าวแก่นางว่า "นิ่งเสียเถิด อย่าห่วงไปเลย ลูกเราไม่เป็นอะไร"
7. นางตอบว่า "หยุดเสียเถิด อย่ามาหลอกลวงดิฉันเลย ลูกดิฉันตายไปแล้ว" แล้วทุกวันนางก็ออกไปที่ถนนที่ซึ่งทั้งสองออกเดินทางตอนกลางวันนางไม่รับประทานอะไรเลย ตลอดคืนนางก็ไม่ได้หยุดร่ำไห้ไว้ทุกข์แก่โทบิยาห์บุตรของนาง จนกระทั่งถึงวันที่สิบสี่แห่งงานวิวาห์มงคล ซึ่งรากุเอลสาบานไว้ว่าจะให้โทบิยาห์อยู่บ้านตน
การจากไปจากเอกบาทานา
ในเวลานั้นโทบิยาห์กล่าวแก่รากุเอลว่า "ส่งข้าพเจ้ากลับไปเถิด เหตุว่าบิดามารดาของข้าพเจ้าคงจะล้มเลิกความหวังที่จะได้เห็นข้าพเจ้าอีกต่อไปแล้ว"
8. แต่บิดาของภรรยาเขากล่าวว่า "อยู่กับข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจะส่งคนไปหาบิดาของท่านเอง แล้วเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้บิดาท่านทราบ"
9. โทบิยาห์ตอบว่า "ไม่ได้หรอก ท่านต้องส่งข้ากลับไปหาบิดา"
10. รากุเอลจึงลุกขึ้นมอบซาราห์ผู้เป็นภรรยาให้แก่เขา พร้อมกับทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่ง อันประกอบด้วย ทาส ฝูงสัตว์ และเงินทอง
11. หลังจากที่ท่านให้พรทั้งสองแล้ว ท่านก็ให้เขาออกเดินทางพลางกล่าวว่า "ลูกรัก ขอพระเป็นเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ ช่วยให้เจ้ารุ่งเรือง ก่อนที่พ่อจะตาย"
12. ท่านกล่าวแก่บุตรสาวของท่านว่า "จงนับถือบิดามารดาของสามีเจ้า บัดนี้ ท่านทั้งสองเป็นบิดามารดาของเจ้าแล้ว ขอให้พ่อได้รับข่าวคราวอันดีงามเกี่ยวกับตัวลูกเถิด"
13. แล้วท่านก็จูบลาลูกสาว เอดนากล่าวแก่โทบิยาห์ว่า "ขอให้พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ นำลูกกลับไปด้วยความปลอดภัย ขอให้พระองค์โปรดให้แม่ได้เห็นลูกหลานของลูก เพื่อแม่จะได้ชื่นชมยินดีเฉพาะเบื้องพระพักตร์พระเป็นเจ้า แม่ขอฝากลูกสาวของแม่ไว้กับลูกด้วย ขออย่าได้ทำให้เธอต้องชอกช้ำน้ำใจเลย" [Go Top]
บทที่ 11. การเดินทางกลับบ้าน
1. หลังจากนั้น โทบิยาห์ก็ออกเดินทาง พลางสรรเสริญพระเป็นเจ้า ที่พระองค์ได้ทรงโปรดให้การเดินทางของตนเป็นผลสำเร็จ โทบิยาห์ให้พรรากุเอลและเอดนาภรรยาของท่าน "แล้วเขาก็พากันเดินทางต่อไป จนเข้ามาใกล้นีนะเวห์
2. ราฟาเอลจึงกล่าวว่าแก่โทบิยาห์ว่า "น้องชาย ท่านจำมิได้หรือว่า ท่านปล่อยบิดาของท่านไว้ในสภาพใด
3. ให้เราเดินทางขึ้นหน้าภรรยาของท่านไปจัดเตรียมบ้านช่องเสียก่อนจะดีกว่า
4. ท่านจงเอาดีปลาติดตัวท่านไปด้วย" ทั้งสองเดินทางล่วงหน้าไป สุนัขก็ติดตามไปด้วย
5., 6. อันนากำลังนั่งมองหาบุตรของนางอยู่ที่ถนน นางเห็นบุตรกำลังเดินมา จึงกล่าวกับบิดาของโทบิยาห์ว่า "ดูโน่นซิ ลูกชายของท่านกำลังเดินมา และชายหนุ่มที่ไปกับเขาก็มาด้วย "
7. ราฟาเอลกล่าวว่า "โทบิยาห์ ข้าพเจ้าทราบว่าบิดาของท่านจะหายตาบอด
8. ดังนั้นให้ท่านเอาดีปลาเจิมนัยน์ตาบิดาท่าน เมื่อท่านรู้สึกแสบ ท่านก็ถูตา แล้วฝ้าขาวก็หลุดหายไป แล้วบิดาของท่านก็จะเห็นท่านได้"
โทบิตหายตาบอด
9. อันนาวิ่งไปหาทั้งสอง นางโอบกอดบุตรชาย พลางกล่าวว่า "ลูกรัก แม่พบลูกแล้ว บัดนี้แม่พร้อมที่จะตาย"
10. แล้วทั้งสองก็ร้องไห้ โทบิตเริ่มเดินไปที่ประตู และสะดุดล้ม
11. บุตรชายก็รีบไปประคองบิดาไว้ แล้วก็เอาดีปลาโรยที่ตาของบิดา พลางกล่าวว่า "ทำใจดีๆ ไว้เถิดครับ คุณพ่อ"
12., 13. เมื่อโทบิตรู้สึกแสบนัยน์ตา ท่านก็เริ่มถู แล้วฝ้าขาวก็หลุดออกจากนัยน์ตาของท่าน
14. ท่านก็เห็นบุตรชาย จึงกอดเขาไว้แน่น ท่านร้องไห้พลางกล่าวว่า "สาธุการ แด่พระองค์ ข้าแต่พระเป็นเจ้า สาธุการแด่พระนามของพระองค์ตลอดกาล สาธุการแด่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
15. เหตุว่าพระองค์ทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้รับความทุกข์ แต่ก็ได้ทรงสำแดงพระเมตตาแก่ข้าพระองค์ บัดนี้ ข้าพระองค์เห็นโทบิยาห์ลูกชายแล้ว" แล้วบุตรของท่านก็เข้าไปในบ้านด้วยความปิติยินดี เล่าให้บิดาฟังถึงเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นแก่ตัวเขาที่มีเดีย
16. แล้วโทบิต ก็ออกไปพบลูกสะใภ้ที่ประตูเมืองนีนะเวห์ ใจก็ชื่นชมสรรเสริญพระเป็นเจ้า ผู้ที่เห็นท่านในขณะที่ท่านเดินทางไปนั้น ก็พากันประหลาดใจที่ท่านมองเห็นได้
17. โทบิตขอบพระคุณพระเป็นเจ้าต่อหน้าคนเหล่านั้น ที่พระองค์ได้ทรงแสดงพระเมตตาต่อท่าน เมื่อโทบิตเดินเข้ามาใกล้ซาราห์ลูกสะใภ้ ท่านก็ให้พรนางว่า "พ่อขอต้อนรับลูก สาธุการแด่พระเป็นเจ้าที่ได้ทรงนำลูกมากับเรา ขอให้บิดามารดาของลูกได้รับพรด้วย" ดังนั้น จึงมีการชื่นชมสนุกสนานในระหว่างพี่น้องที่นีนะเวห์
18., 19. อาหิคาห์และนาดับหลานชายของท่านก็มาด้วย เขาก็พากันฉลองงานมงคลสมรสของโทบิยาห์กันใหญ่โตเป็นเวลาเจ็ดวัน
Re: แบ่งปันพระคำโทบิต ( สารบบ2)
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 11, 2009 10:08 pm
โดย เจนจิรา
ราฟาเอลเผยตัว
บทที่ 12. ค่าจ้างของราฟาเอล
1. แล้วโทบิตจึงเรียกโทบิยาห์ไปหาท่าน กล่าวกับบุตรชายว่า "ลูกรัก จงอย่าลืมชำระค่าจ้างให้บุคคลที่ไปกับลูก ลูกควรจะเพิ่มเงินให้เขาอีก"
2. โทบิยาห์ตอบว่า "คุณพ่อครับ คงไม่มีอะไรเสียหายแก่ลูกเลย หากลูกจะแบ่งทรัพย์สมบัติที่ลูกนำกลับมาให้แก่เขาครึ่งหนึ่ง
3. เหตุว่าเขานำลูกกลับมาหาคุณพ่อด้วยความปลอดภัย เขารักษาภรรยาของลูก ไปเอาเงินแทนลูก แล้วเขายังแถมรักษาคุณพ่ออีกด้วย"
4., 5. "สมควรแล้วลูก" โทบิตกล่าวตอบ แล้วท่านก็เรียกเทวดาเข้ามา กล่าวว่า "ขอให้ท่านได้กรุณารับทรัพย์ที่ท่านทั้งสองเอาติดตัวมาไปครึ่งหนึ่งเถิด"
คำตักเตือน
6. แล้วเทวดาก็เรียกทั้งสองไปพูดเป็นส่วนตัวว่า "ขอให้ท่านทั้งสองจงสรรเสริญพระเป็นเจ้า และขอบพระคุณพระองค์ จงเทิดทูนพระเกียรติพระองค์ และขอบพระคุณพระองค์ต่อหน้าสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ได้ทรงกระทำให้แก่ท่าน การสรรเสริญพระเป็นเจ้า การเทิดพระเกียรติพระนามพระองค์ และการประกาศพระราชกิจของพระองค์อย่างเหมาะสมนั้น นับว่าดีมาก
7. การรักษาความลับของกษัตริย์นับว่าเป็นสิ่งที่ดี ส่วนการเผยแพร่พระราชกิจของพระเป็นเจ้านั้นนับว่ายอดเยี่ยม จงทำดีไว้เถิด แล้วความชั่วจะมาไม่ถึงตัวท่าน
8. การอธิษฐานภาวนาและการจำศีลอดอาหารนั้น นับว่าดี แต่การให้ทานควบกับความชอบธรรมนั้นประเสริฐทั้งสอง เป็นเจ้าของสิ่งเล็กสิ่งน้อยอย่างชอบธรรมดีกว่ามีทรัพย์สินมากมายอย่างอยุติธรรม การให้ทานย่อมดีกว่าการสะสมทองคำ
9. เพราะการทำบุญให้ทานนั้น ช่วยให้พ้นจากความตาย จะช่วยลบล้างบาปทุกชิ้นให้สิ้นไป บรรดาประกอบกิจเมตตา และเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมจะมีชีวิตเต็มเปี่ยมเพียบพร้อม
10. แต่ผู้ที่ทำบาปกรรม ก็คือ ศัตรูชีวิตของตนเอง"
ราฟาเอลเผยตัว
11. "ข้าพเจ้าจะไม่ปิดบังสิ่งใดกับท่าน ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วว่า การรักษาความลับของกษัตริย์นั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดี ส่วนการเผยแพร่พระราชกิจของพระเป็นเจ้านับว่ายอดเยี่ยม
12. ดังนั้น เมื่อท่านและซาราห์สะใภ้ของท่านอธิษฐาน ข้าพเจ้าก็นำบันทึกอธิษฐานของท่านไปเสนอไว้เฉพาะพระพักตร์พระองค์ผู้ทรงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อท่านฝังคนตาย ข้าพเจ้าก็อยู่กับท่าน เมื่อท่านมิได้ลังเลใจ
13. รีบลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไปฝังศพผู้ตาย การกระทำอันดีงามของท่านนั้นข้าพเจ้าก็ทราบดี เพราะข้าพเจ้าอยู่กับท่าน
14. บัดนี้ พระเป็นเจ้าได้ทรงส่งข้าพเจ้าให้มารักษาท่าน และซาราห์สะใภ้ของท่าน
15. ข้าพเจ้าคือ ราฟาเอล หนึ่งในบรรดาเทวดาศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด ผู้นำคำอธิษฐานภาวนาของบรรดาธรรมมิกชนไปเสนอต่อเบื้องพระพักตร์พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์"
16. ทั้งสองตระหนกตกใจมาก หมอบกราบลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
17. แต่ท่านกล่าวว่า "อย่ากลัวเลยท่านจะปลอดภัย จงสรรเสริญพระเป็นเจ้าตลอดไป
18. เหตุว่า ข้าพเจ้ามิได้ตัดสินใจมาเอง แต่ข้าพเจ้ามาด้วยเดชะพระประสงค์ขององค์พระเป็นเจ้า ดังนั้น ท่านจงสรรเสริญพระองค์ตลอดกาล
19. ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้าเพียงแต่ปรากฎตัวมาให้ท่านเห็นเท่านั้น โดยมิได้กินหรือดื่ม ท่านเพียงแต่เห็นภาพนิมิตเท่านั้น
20. บัดนี้ ขอให้ท่านขอบพระคุณพระเป็นเจ้า เพราะข้าพเจ้ากำลังจะกลับไปหาพระองค์ผู้ได้ทรงส่งข้าพเจ้ามา ท่านจงจารึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างลงในหนังสือ"
21., 22. ทั้งสองลุกขึ้น แต่ก็มิได้เห็นท่านอีกแล้ว ทั้งสองสรรเสริญพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ และน่าประหลาดอัศจรรย์ของพระเป็นเจ้า และประกาศยอมรับว่าเทวดาของพระเจ้าได้ปรากฎมาให้ตนได้เห็นจริงๆ [Go Top]
บทที่ 13. บทเพลงสรรเสริญของโทบิต
1. โทบิตจึงจารึกคำอธิษฐานอันเปี่ยมด้วยความปิติว่า "สาธุการแด่พระเป็นเจ้า ผู้จำเริญตลอดนิรันดร สาธุการแด่พระอาณาจักรของพระองค์
2. เพราะพระองค์ทรงโปรดให้มีทุกข์ แต่แล้วก็ทรงสำแดงพระเมตตา ทรงส่งไปถึงโลกใต้บาดาล แล้วก็ทรงฉุดกลับขึ้นมาอีก ไม่มีผู้ใดจะหนีเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ไปได้
3. ชาวอิสราเอลเอ๋ย จงประกาศสรรเสริญพระองค์ต่อหน้านานาชาติ เหตุว่าพระองค์ทรงโปรดให้เรากระจัดกระจายไปในท่ามกลางพวกเขา
4. จงป่าวประกาศความยิ่งใหญ่ของพระองค์ในที่นั้นด้วย จงยอพระเกียรติพระองค์ต่อหน้าบรรดาผู้มีชีวิตเพราะพระองค์คือพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์คือพระบิดาของเขาตลอดนิรันดร
5. พระองค์จะทรงลงโทษ เพราะความชั่วร้ายของเรา แล้วพระองค์จะทรงแสดงพระเมตตาอีก พระองค์จะทรงรวบรวมเราจากบรรดานานาชาติ ซึ่งเราถูกกระจัดกระจายและไปอาศัยอยู่
6. หากท่านหันไปพึ่งพระองค์ด้วยสิ้นสุดดวงใจและวิญญาณของท่านแล้ว หากท่านประพฤติตนด้วยความซื่อสัตย์ เฉพาะพระพักตร์พระองค์แล้วไซร้ พระองค์ก็ทรงหันมาเอาพระทัยใส่ท่าน พระองค์จะไม่ซ่อนพระพักตร์จากท่าน ดูซิว่าพระองค์ทรงพระทัยดีต่อท่านเพียงใด ท่านจงขอบพระคุณพระองค์ด้วยเสียงอันดัง จงสรรเสริญพระเจ้าแห่งความชอบธรรม จงเทิดทูนพระเจ้าจอมราชันตลอดอายุขัย ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ในดินแดนที่ข้าพเจ้าถูกเนรเทศ ข้าพเจ้าประกาศพระเดชานุภาพและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ในดินแดนของคนบาป คนบาปเอ๋ย จงหันกลับมาเถิด มากระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรใครจะไปทราบได้ พระองค์อาจจะต้อนรับท่าน และสำแดงพระเมตตากับท่าน
7. ข้าพเจ้าเทิดทูนพระเป็นเจ้าของข้าพเจ้า วิญญาณข้าพเจ้าถวายเกียรติแด่พระราชาเมืองสวรรค์ ข้าพเจ้าจะชื่นชมโสมนัสในความยิ่งใหญ่ของพระองค์
8. ให้มนุษย์ทั้งหลายจงพร่ำกล่าว เฝ้าโมทนาคุณพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม
9. เยรูซาเล็มเมืองศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย พระองค์จะทรงลงโทษเจ้าเพราะบาปของลูกหลานเจ้า แต่แล้วพระองค์จะทรงสำแดงพระเมตตาแก่บรรดาบุตรของผู้ชอบธรรม
10. จงขอบพระคุณพระเจ้าอย่างเหมาะสม จงสรรเสริญพระเจ้าจอมราชันชั่วอายุขัย เพื่อพลับพลาของพระองค์จะได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยความปิติยินดี ขอให้พระองค์ทรงบันดาลให้ผู้ถูกจองจำได้รื่นเริงในตัวเจ้าให้พระองค์ทรงรักผู้ที่โศกเศร้าในนครตลอดอายุขัย
11. หลายชาติจะมาจากไกล เพราะเห็นแก่พระนามของพระผู้เป็นเจ้า ต่างก็นำเครื่องบรรณาการติดมือมา เครื่องบรรณาการเพื่อถวายแด่องค์พระราชาแห่งสวรรค์ ทุกยุคทุกสมัยจะสรรเสริญพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี
12. บรรดาผู้ที่เกลียดชังเจ้า จงถูกสาปแช่ง เป็นบุญตลอดกาลของผู้ที่รักเจ้า
13. จงชื่นชมโสมนัสกับลูกหลานของผู้ชอบธรรม เหตุว่า พวกเขาจะถูกรวบรวม และจะได้สรรเสริญองค์พระเจ้าแห่งชอบธรรม
14. ผู้ที่รักเจ้าช่างมีบุญเพียงใด เขาจะชื่นชมยินดีในสันติสุขของเจ้า เป็นบุญของผู้ที่ร่วมทุกข์กับเจ้า เพราะเขาจะชื่นชมโสมนัสเมื่อเห็นความรุ่งเรืองของเจ้า เขาจะชื่นชมยินดีตลอดไป
15. วิญญาณข้าเอ๋ย จงสรรเสริญพระเจ้าจอมราชัน
16. เหตุว่าเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นด้วยพลอยอันล้ำค่า และมรกต กำแพงเมืองทำด้วยเพชรนิลจินดาล้นค่า หอ และป้อมปราการทำด้วยทองคำล้วน
17. ถนนกรุงเยรูซาเล็มลาดด้วยนิลและทับทิม และพลอยจากโอเฟอร์
18. ทุกซอกทุกมุมจะร้องว่า "อัลเลลูยา" จะกล่าวคำสรรเสริญว่า "สาธุการแด่พระเป็นเจ้า ผู้ทรงเทิดเกียรติท่านตลอดนิรันดร" [Go Top]
บทที่ 14. บทส่งท้าย
คำอำลา
1., 2. โทบิตจบคำสรรเสริญของท่านแค่นี้ ท่านอายุสิบแปดปีเมื่อท่านตาบอด แปดปีต่อมาท่านก็หายบอด ท่านทำบุญให้ทาน ยังคงยำเกรงพระเป็นเจ้าและสรรเสริญพระองค์เสมอไป เมื่อท่านชรามากแล้ว ท่านเรียกบุตรหลานของท่านเข้ามาหา
3. พลางกล่าวว่า "ลูกรักจงรับลูกของเจ้าไว้ ดูเถิดตัวพ่อเองก็แก่ชรา กำลังจะจากชีวิตนี้ไปอยู่แล้ว
4. ลูกรัก จงย้ายไปอยู่ที่มีเดีย พ่อเชื่อคำที่ท่านประกาศกโยนาห์กล่าวถึงนีนะเวห์ว่า จะถูกทำลายแต่ในมีเดียจะมีสันติชั่วระยะเวลาหนึ่ง พี่น้องของเราจะกระจัดกระจายไปทั่วพื้นพิภพ จากดินแดนอันสวยงาม แล้วเยรูซาเล็มจะว่างเปล่า พระวิหารของพระเป็นเจ้าในเยรูซาเล็มจะถูกเผาผลาญพินาศสิ้น และจะปรักหักพังอยู่ชั่วระยะหนึ่ง
5. แต่พระเป็นเจ้าจะทรงเมตตาต่อพวกเขาอีก จะทรงนำพวกเขากลับมายังดินแดนของตน เขาจะสร้างพระวิหารของพระเป็นเจ้าใหม่ จะไม่เหมือนวิหารเดิม จนกระทั่งถึงเวลา หลังจากนั้น พวกเขาก็จะกลับจากดินแดนเนรเทศ และจะสร้างเยรูซาเล็มใหม่ให้รุ่งเรือง แล้วเขาก็จะสร้างพระวิหารของพระเป็นเจ้าใหม่อย่างสง่างาม ซึ่งจะคงอยู่ตลอดไป
6. ดังที่บรรดาประกาศกได้กล่าวไว้ แล้วชนต่างชาติก็จะหันมาเคารพยำเกรงพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง เขาจะพากันฝังเทวรูปทั้งหลายของเขา
7. บรรดาคนต่างศาสนาจะพากันสรรเสริญพระเป็นเจ้า ประชากรของพระเป็นเจ้าก็จะขอบพระคุณพระองค์ แล้วพระเจ้าก็จะทรงเทิดทูนประชากรของพระองค์ บรรดาผู้ที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริงและอย่างชอบธรรมจะชื่นชมยินดี เขาต่างพากันแสดงความเมตตาต่อบรรดาพี่น้องของเรา
8. "ลูกรัก ลูกจงจากนีนะเวห์ เหตุว่าสิ่งที่ท่านประกาศกโยนาห์กล่าวไว้ย่อมจะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
9. "จงถือตามกฎบัญญัติ จงมีเมตตาจิต จงเป็นผู้ชอบธรรมเพื่อเจ้าจะได้มีสุข
10. "เจ้าจงฝังพ่ออย่างสมเกียรติ และฝังแม่ของเจ้ากับพ่ออย่าอยู่ในนีนะเวห์อีกต่อไปเลย ลูกรัก คิดดูเถิดว่า นาดับทำกับอาหิยาห์ผู้ดูแลเลี้ยงเขาอย่างไร เขานำอาหิยาห์จากความสว่างไปสู่ความมืด ดูซิว่า นาดับตอบแทนอาหิยาห์อย่างไร แต่ในที่สุดอาหิยาห์เอาตัวรอดได้ ส่วนนาดับก็ได้รับการตอบแทน กล่าวคือ เขาต้องจมอยู่ในความมืดแทน อาหิยาห์ทำบุญให้ทาน เขาจึงรอดพ้นจากบ่วงมฤตยูซึ่งนาดับตั้งล่อไว้ ส่วนนาดับกลับตกเป็นเหยื่อจนถึงกับชีวิต
11. ลูกรัก จงพิจารณาดูซิว่า การทำบุญให้ทานเกิดผลอย่างไร และความชอบธรรมนั้นช่วยให้ปลอดภัยอย่างไร" ขณะที่โทบิตกล่าวดังนี้ ท่านก็สิ้นใจไปในเตียงนอนนั่นเอง ท่านมีอายุได้หนึ่งร้อยห้าสิบแปดปี โทบิยาห์ก็จัดให้มีการฝังศพอย่างสง่าสมเกียรติ
ความตายของโทบิตและโทบิยาห์
12. เมื่ออันนาสิ้นใจ โทบิยาห์ก็ฝังนางไว้เคียงข้างกับบิดาของตน แล้วโทบิยาห์ก็กลับไปยังเอกบาทานาพร้อมกับภรรยาและลูกๆ ของท่าน ไปอยู่กับรากุเอล บิดาภรรยาของท่าน
13. ท่านเลี้ยงดูพ่อตาแม่ยายอย่างสมเกียรติ ท่านจัดงานศพบิดามารดาภรรยาของท่านอย่าง เหมาะสม ท่านได้รับมรดกของบิดามารดาของภรรยารวมทั้งมรดกของโทบิตบิดาของท่าน
14. ท่านสิ้นใจที่เอกบาทานาในมีเดีย เมื่ออายุได้หนึ่งร้อยยี่สิบปี แต่ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีวิต ท่านได้ยินว่าข่าวว่า นีนะเวห์ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์และอาหสุเอรัสได้ยึดไว้นั้นถูกทำลาย ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีวิต ท่านได้มีโอกาสชื่นชมยินดีในนีนะเวห์
Re: หนังสือ โทบิต จากสารบบ สอง ลองอ่านดู นะค่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 09, 2009 12:38 pm
โดย เจนจิรา
ดัน กระทู้ ค่ะ หา มา อยากให้ได้อ่านกัน

Re: หนังสือ โทบิต จากสารบบ สอง ลองอ่านดู นะค่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 09, 2009 12:41 pm
โดย Ministry Of Men
jacky เขียน:
ดัน กระทู้ ค่ะ หา มา อยากให้ได้อ่านกัน
ขอบคุณครับ เพิ่งเห็น ๆๆ
Re: หนังสือ โทบิต จากสารบบ สอง ลองอ่านดู นะค่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 09, 2009 12:43 pm
โดย sinner
ขอบคุณค่ะคุณเจนสุดสวย

Re: หนังสือ โทบิต จากสารบบ สอง ลองอ่านดู นะค่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 09, 2009 2:42 pm
โดย Holy
อ่านแบบย่อ แล้วกลับมาอ่านแบบเต็มจะเข้าใจง่ายขึ้นครับ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=7544.0
Re: หนังสือ โทบิต จากสารบบ สอง ลองอ่านดู นะค่ะ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 18, 2009 9:52 pm
โดย เจนจิรา
ดันอีก