Belong to the Truth Jesus Christ

ค่ำวันเสาร์ ( 12 กย. 2009 ) เลย์ไปมิสซาค่ำที่วัดรังสิต ตอนมิสซาจบคุณพ่อเจ้าวัดประกาศว่า วันที่ 31 ตุลาคมที่จะมาถึง จะมีการแก้บาปใหญ่ที่

วัดมารีย์สวรรค์ ดอนเมือง จะมีพระสงฆ์มาบริการให้ศีลอภับบาป กว่า 20 องค์ และสามารถแก้บาปสงวนได้ โดยไม่ต้องแก้จากพระสังฆราชโดย

ตรง เลย์ตั้งใจว่าจะไปแก้บาปมูล แต่เลย์สงสัยว่าการแก้บาปมูล เลย์ต้องสารภาพบาปทั้งหมดตั้งแต่ที่เลย์ สามารถจำความได้ตั้งแต่เกิด หรือ

ตั้งแต่บาปที่ทำมาหลังรับศีลล้างบาป แล้วการแก้บาปมูลเขามีพีธีการอย่างไร ต้องบอกเหมือนกับการแก้บาปธรรมดาหรือป่าว ของพี่ๆ นิวมานา รบกวน

บอกเลย์ด้วยนะครับ  

ปล.เดี๋ยวเลย์มาดูคำตอบนะครับ  ไปกินข้าวก่อนครับ  : xemo026 :

บาปมูล คือบาปหลังการแก้บาปครั้งก่อนๆ
ที่เรา "นึกได้"ว่ายังไม่ได้สารภาพครับ

เวลาเราจะแก้บาปมูล เราก็บอกว่า "ลูกขอแก้บาปมูล...."


บาปไหนที่แก้ไปแล้ว  ก็ไม่ต้องแก้ครับ

ขอบคุณคร๊าบบบบบบบบบ 

ขอบคุณอีกคนค่ะ เพิ่งรู้นะเนี่ย

ความรู้เพืิ่มเติมนะเนี่ยยย

แล้วเลย์ขอถามเพิ่มนะครับว่า..........  : xemo016 :

เราสามารถแก้บาปกับพระสงฆ์ทางโทรศัพท์ได้หรือป่าวครับ  ประเภทแบบทำบาปปุ๊บ เป็นทุกข์ถึงบาปปั๊บ โทรศัพท์ไปหาพระสงฆ์

เพื่อขอแก้บาปทางโทรศัพท์อะไรประมาณนี้ครับ สามารถทำได้ไหมครับ ?  : xemo028 :

ขอคำแนะนำด้วยครับ  ขอบคุณครับ  : xemo026 :

เลย์ เขียน: แล้วเลย์ขอถามเพิ่มนะครับว่า..........  : xemo016 :

เราสามารถแก้บาปกับพระสงฆ์ทางโทรศัพท์ได้หรือป่าวครับ  ประเภทแบบทำบาปปุ๊บ เป็นทุกข์ถึงบาปปั๊บ โทรศัพท์ไปหาพระสงฆ์

เพื่อขอแก้บาปทางโทรศัพท์อะไรประมาณนี้ครับ สามารถทำได้ไหมครับ ?  : xemo028 :

ขอคำแนะนำด้วยครับ  ขอบคุณครับ  : xemo026 :

อันนี้ไม่ได้เเน่นอนค่ะ เคยถามคุณพ่อมาเเล้ว

เเม้เป็นทุกข์ถึงบาป ใจจะขาด ก็ต้องรอไปแก้ตัวต่อตัวค่ะ  
ดีซะด้วย เพราะระหว่างที่รอแก้บาปจะได้สำนึกว่า บาปทำให้ข้าฯเป็นทุกข์อึดอัดใจถึงเพียงนี้...

ยศิยล:ผู้แสวงหาพระเจ้า เขียน: บาปมูล คือบาปหลังการแก้บาปครั้งก่อนๆ
ที่เรา "นึกได้"ว่ายังไม่ได้สารภาพครับ

เวลาเราจะแก้บาปมูล เราก็บอกว่า "ลูกขอแก้บาปมูล...."


บาปไหนที่แก้ไปแล้ว  ก็ไม่ต้องแก้ครับ

ขอมองต่างมุม 

ข้าพเจ้าคิดว่าบาปมูลไม่ใช่ "บาปหลังการแก้บาปครั้งก่อนๆที่เรานึกได้ว่ายังไม่ได้สารภาพ" นะครับ 

บาปมูลคือ "บาปที่เรามักจะทำเป็นนิสัย จนหลายครั้งอาจกลายเป็นความเคยชิน เป็นรากเหง้ามูลฐานของนิสัย" เช่น คนใจร้อนขี้โมโห มักจะทำบาปที่เกี่ยวข้องกับความโมโหบ่อยครั้ง เช่น โกรธเกลียดชาวบ้าน ด่าทอเพื่อนบ้าน ตบตีเพื่อนฝูง ขึ้นเข้าลูกฟันศอกเมีย อะไรทำนองนี้ ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะทบทวนนิสัยไม่ดีที่เป็นบาปรากเหง้ามูลฐานของชีวิตดังกล่าว และงัดขึ้นมาสารภาพอีกสักครั้ง ด้วยสำนึกในพระเมตตารักของพระเจ้า และตั้งใจจะไม่ทำอีกอย่างจริงจัง ยิ่งเป็นบาปมูลนี่ก็ยิ่งต้องตั้งใจหนักหน่อย เพราะเป็นความเคยชินที่หยั่งรากเหง้าลงลึกเป็นรากแก้วอันเป็นมูลฐานของพยศชั่ว ยืนยงแน่นหนา การจะขุดรากถอนโคนก็ย่อมลำบากไปตามส่วนของความแน่นหนามั่นคงของรากเหง้ามูลฐานนั้น 

อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณค่ะ

Viridian เขียน: อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณค่ะ

ครับ เป็นดังนั้นแล 

สำหรับบาปที่หลงลืมไปในการสารภาพแต่ละครั้ง ก็ได้รับการยกไปแล้ว เพราะเราจะกล่าวตบท้ายการสารภาพบาปแต่ละครั้งว่า "และขอสารภาพบาปอื่นๆทีได้หลงลืมไปด้วย" แต่ทั้งนี้ ต้องเป็นการหลงลืมจริงๆ จำไม่ได้จริงๆ เพราะหากเราหลงลืมโดยเจตนา หรือกล่าวอีกอย่างก็คือ จงใจปกปิดบาป ก็ถือเป็นการทุราจารศีลอภัยบาป นอกจากบาปทั้งหลายจะไม่ได้รับการอภัยแล้ว ยังแถมบาปทุราจารศีลอภัยบาปเข้ามาอีกอย่างหนึ่งครับ ฉะนั้น เราต้องซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าในการสารภาพบาปด้วยใจจริงและจริงใจครับ

แต่กระนั้นก็ดี ก็จะนับเป็นการดีและควรกระทำอย่างยิ่งๆๆๆ หากเราจำบาปที่เราหลงลืมเมื่อเราสารภาพบาปครั้งก่อนๆขึ้นมาได้ แล้วนำมาสารภาพอีกครั้งโดยบอกคุณพ่อผู้ฟังบาปถึงบริบทของการสารภาพบาปเหล่านี้ว่าไม่ใช่บาปที่ทำใหม่หลังการสารภาพบาปครั้งสุด หากแต่เป็นบาปที่ได้หลงลืมไปในการสารภาพบาปครั้งเก่าก่อน ใคร่จะขอสารภาพอีกครั้งหนึ่งด้วยว่าในการสารภาพบาปครานั้น ลูกได้หลงลืมไป ในครานี้เป็นโอกาสอันดีที่นึกขึ้นมาได้ จึงใคร่ขอสารภาพอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ด้วยหวังใจในพระเมตตารักของพระเจ้า

ครับ เป็นดังนี้แล 

ขอบพระคุณค่า