jacky เขียน:
Christophorus Uriel เขียน:
Little Boy เขียน:
พระคัมภีร์สารบบที่สองที่ทาง "คาทอลิค" ใช้ อันได้แก่
- โทบิต
- ยูดิธ
- เอสเธอร์
- มัคคาบี ฉบับที่1.
- มัคคาบี ฉบับที่2
- ปรีชาญาณ
- บุตรสิรา
- บารุค
- ดาเนียล
คำถามคือ
1. ทำไม? ที่อื่นถึงไม่ใช้กัน
2. ประวัติ ผู้เขียน หรือช่วงเวลาการเขียนหนังสือเหล่านี้เป็นเช่นไร?
3. เคยเห็นหนังสือ เอโนค แต่ไม่ได้อยู่ในสารบบที่สองนี้ งั้นหนังสือ เอโนค กับหนังสือต่าง ๆ นี้มีสถานะและที่มาต่างกันอย่างไรครับ?
รบกวนด้วยครับ
อ่านใน
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=1649.0 มาบ้างแล้วแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก
กราบสวัสดีพี่น้องทั้งหลาย..
ก่อนอื่น ข้าพเจ้าต้องขอเอ่ยก่อนว่า หนังสือ ดาเนียล "ที่อื่น"ท่ท่านกล่าวก็ใช่นะ..แต่มีข้อแตกแต่งกันนิดหน่อยคือ..
ดาเนียลของ(คาทอลิก)เรา (ถ้าจำไม่ผิด) มี 14 บท
ส่วนของ"ที่อื่น" มี 12 บท นะท่าน
ข้อแรกที่ถามว่า "ทำไม่? ที่อื่นถึงไม่ใช้กัน"
ขอตอบเท่าที่ความรุ้เท่าหางอื่งของข้าพเจ้าพอจะมี ว่า .."ก้อมีใช่กันอยู่บ้างนะท่าน.."
ก็ได้แก่ ยูดิท
ปรีชาญาณ
บารุค/บารุช
มาคาบี 1 และ 2
บุตรสิรา/สิราช
6 เล่มนี่ มีแปลในพระศาสนจักรตะวันออก(กรีก ออโธด๊อก)
เด๋วจะมาต่อให้นะท่าน ต้องขอตัวไปทำธุระสักหน่อยก่อนเด๋ว ค่ำๆจะมาต่อให้..
กราบลา.. ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงอำนวยพระพร..
พี่น้อง catholic ก็มีแปลแล้วเรียบร้อยค่ะ เพราะที่วัด orthodox ไทยก็ใช้เล่มเดียวกะ catholic แปลเป็นภาษาไทย เรียบร้อย ที่บ้านมีอยู่เล่ม หนึ่ง
รู้สึกเสียดายแทน พี่น้อง หลายคนทีั่ ยังไม่มีโอกาสได้อ่าน ยอมรับว่า หนุนความเชื่อมากๆ (และเนื้อเรื่องก็โหดใช้ได้เลย

)
กราบสวัสดีพ่น้องทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง...
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณท่านพี่น้องที่ได้มาต่อยอดและแนะนำ..
ในทัศนะของข้าพเจ้า ก็คิดว่าเราในฐานะที่เป็นคริสตศาสนิกชน(ไม่ว่าจะนิกายใดก็ตาม)
ควรที่หามาศึกษาไว้ไม่เสียหลาย..ไม่ว่างานนิพนธ์นั้นๆจะถูกจัดอยู่ในสาระบบ(ของนิกกายเรา)หรือไม่
ต่างก็เป็นงานนิพนธ์ที่มุ่งช่วยชุบเลี้ยงชุบชู"ชีวิตฝ่ายจิต(วิญญาณ)"ของเรา
ต่างก็เป็นงานนิพนธ์ที่มุ่งช่วยให้เราสนิดใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้ามากยิ่งขึ้น...ต่างก็"มีค่าทั้งนั้น"
ในทัศนะและสติปัญญาอันน้อยนิดของข้าพเจ้าก็มีพอจะกล่าวได้เพียงเท่านี้..ถ้าขัดกับท่านใดก็ต้องขออภัย..
เอาแหละ..มาต่อจากเมื่อกลางวันดีกว่า..นอกประเด็นไปซะไกลลิบละ..
+++ข้อนี้นี้เอาเป็นตรงประเด็นกับคำถามแรกที่ว่า"ทำไม่? ที่อื่นถึงไม่ใช้กัน"แล้วกันนะท่าน เพราะตอนแรกที่ตอบไปอันนั้นเพื่อให้เข้าใจว่ามี"คนอื่น"ใช้เหมือนกัน..
"ทำไม่? ที่อื่นถึงไม่ใช้กัน"น่ะเหรอ..ก็เพราะว่าเขาไม่คิดว่างานนิพนธ์เหล่านี้.."
ศักดิ์สิทธิ์" "
โบราณ" และ "
ดั้งเดิม" คิดว่าเป็น
ของใหม่ ไม่บริสุทธิ์!!
ถ้าจะยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆก็คือ ในปี ค.ศ.1529* ที่เกิดการปฏิรูปศาสนา ซึ่งก็คือการปฏิรูปโปรเตสแตนต์ โดย มาร์ติน ลูเทอร์ เป็นผู้นำการปฏฺรูปในครั้งนั้น..
ซึ่งตอนนั้นโปรเตสแตนต์นั้นยังเนหนึ่งเดียวกันอยู่ ยังไม่แตกแขนงออกไปเยอะแยะมากมายเหมือนปัจจุบันวันนี้..
ท่าน*ก็ปฏิเสธ การยอมรับงานนิพนธ์(พระคัมภีร์)สาระบบที่สองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์.. เพราะ..ไม่"ดั่งเดิม"คือ ไม่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ฉบับ "ทานัคห์(Tanakh)"หรือ พระคัมภีร์ฉบับภาษาฮีบรู ซึ้งเป็นของ
ชาวยิว
ซึ่งเป็นของ"
โบราณ ดั้งเดิม และบริสุทธ์" หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ งานนิพนธ์เหล่านี้ ไม่มีอยู่ในสาระบบเยรูซาเล็ม หรือ"
สาระบบของชาวยิวในปาเลสไตน์ที่ใช้ภาษาฮีบรู" นั่นเอง..
[นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลข้อหนึ่งของทางฝ่ายโปรเตสแตนต์ ที่ข้าพเจ้าพอที่จะ
เลาเลาเอาได้]
ส่วนของทางฝ่าย โรมันคาทอลิก(และกรีกออโธด็อกซ์)นั้น ใช้พระคัมภีร์สาระบบอาเล็กซานเดรีย หรือพูดให้ถูกคือ"
สารบบของชาวยิวในอเล็กซานเดรียที่ใช้ภาษากรีก"นั่นเอง..
พระคัมภีร์ที่ใช้ เรียกว่าพระคัมภีร์ฉบับ "เจ็ดสิบ(Septuagint=LXX
เลขโรมัน=70)" ซึ่ง
ชาวยิวในอเล็กซานเดรียที่ใช้ภาษากรีกได้ทำการแปลขึ้นในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 3 ถึงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตศักราช.(ถ้าจำไม่ผิด)
พระคัมภีร์สาระบบนี้มีอยู่ทั้งหมด 51*เล่มคือได้รวมหนังสือที่
เชื่อว่า
ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่
ชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกเข้าไปด้วย จึงทำให้มีจำนวนมากกว่า ฉบับทานัคห์ หลายเล่มอยู่..
มีการเพิ่มเติมและแก้ไขดังต่อไปนี้ เช่น ในหมวดประวัติศาสตร์ หนังสือโยชูวา และหนังสือผู้วินิจฉัยนั้น ไม่ได้ใช่สำนวนทานัคห์เดิม แต่ใช้สำนวน "B"และสำนวน"A"*(B=สำนวนวาติกัน A=สำนวนอเล็กซานเดรีย)เทียบเคียงกันแทน..
จากนั้นถัดจากหนังสือพงศวดารฉบับที่ 2 ได้เพิ่มหนังสืออสดฺราส์ ฉบับที่ 1(Esdras ดฺร อ่านควบกัน)เข้าไป..เล่มนี้ถือว่า "Apoclypha หรือ อธิกธรรม"เล่มแรกที่ถูกบรรจุไว้ในสารบบนี้ และถัดมาจากนั้นคือ ได้รวมหนังสือเอสรา และหนังสือเนหะมีย์เข้าไว้ด้วยกัน.
โดยใช้ชื่อว่า หนังสือเอสดฺราส์ฉบับที่ 2 อย่างนี้เป็นต้น...
และในเวลาต่อมา(ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 4-5 )ทางพระศาสนจักรตะวันตก ก็ได้จะดทำฉบับของตนเองขึ้นมา โดยเทียบเคียงจากหลายสำนวนหลายภาษาอันได้แก่ ฮีบรู อาราเมอิก(ที่พระเยซูใช้)และภาษากรีก มาเป็นฉบับภาษาละติน
โดยให้ชื่อว่า ฉบับวุลกาตา(Vulgata/Vulgate) ซึ้งมีทั้งหมด 73 เล่ม แบ่งเป็นพันธสัญญาเดิม 46 เล่มและพันธสัญญาใหม่ 27 เล่ม ที่เพิ่มเติมมาในพันธสัญญาเดิมก็ได้แก่
เอสเธอร์ บทที่10:4-13หรือปัจจุบันเป็น 10:3a-3k หนังสือดาเนียล บทที่ 3:23-24; บทที่ 13-14
และหนังสือในสารบบที่สองหรืออธิกธรรม อีก 7 เล่มด้วยกัน
(ถ้าต้องการหรือประสงค์ที่จะรู้อะไรมากกว่านี้โปรดถามมาอีกในภายหลัง..ข้าพเจ้าจะพยายามให้อยู่ในประเด็นเท่านั้น..)
"สะกิดใจเล็กๆน้อยๆ"
"...ประวัติศาสตร์ของชาวยิวนั้นผ่านทุกข์ผ่านโศกมาก็หลายครั้งอยู่..บ้านแตกสาแหรกขาด..ต้องตกเป็นทาศ..ตกเป็นเมืองขึ้นเขาก็หลายครั้งอยู่..หลังการถูกกวาดต้อนไปกรุงบาบิโลน ชาวยิวต่างกระจัดกระจายกันไปตามที่ต่างๆ
ที่ยังเหลือรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ มี 2 แห่งคือ ที่แผ่นดินปาเลสไตน์ ซึ่งยังคงใช้ภาษาฮีบรูเป็นหลัก และที่เมืองอเล็กซานเดรียในแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งใช้ภาษากรีกเป็นหลัก..."
+++ข้อสองที่ถามว่า"ประวัติ ผู้เขียน หรือช่วงเวลาการเขียนหนังสือเหล่านี้เป็นเช่นไร?"
----------"ประวัติ" อันนี้ไม่ทราบ...ไม่มีใครแน่ใจ(หรือมีช่วยบอกด้วย)..ไม่มีใครกล้าที่จะฟันธงหรือคอนเฟอร์ม..ยังคงจะเป็นความลึกลับต่อไป..
----------"ผู้เขียน(ผู้นิพนธ์)" อันนี้ก็ตอบได้เช่นเดียวกับ ประวัติ นั่นแหละพี่น้อง (ต้องขออภัย อันนี้ข้าพเจ้าไม่ได้เจตนาที่จะกวนท่านพี่น้องจริงๆ แต่ตัวข้าพเจ้าและสติปัญญาอันน้อยนิดของข้าพเจ้า..คิดไม่ออกจริงๆ..)
----------ส่วน"ช่วงเวลาการเขียน(นิพนธ์)หนังสือเหล่านี้"นั้นตอบได้เลยว่า ช่วงประมาณศตวรรษที่ 3 ลงมาจนถึงสมัยพระศาสนจักรยุกเริ่มแรก..ก็น่าจะกินเวลาประมาณ 300-400ปี
(เรื่องประวัตหรือผู้เขียนหรือช่วงเวลาในการนิพนธ์นั้นน่าจะมีอธิบายอยู่ในพระคัมภีร์ร์สารบบที่ 2 ที่ทางคาทอลิกใด้จัดพิมพ์ฉบับล่าสุด..
ท่านไดมีสดวกที่จะลงก็ขอให้ช่วยนำมาลงเพื่อใขแสดงให้พี่น้องท่านอื่นได้รับรู้ด้วยเถิด..ถ้าถ้าไม่มีไครมาลง..โอกาศหน่าข้าพเจ้าจะหามาลงให้ท่านพี่น้องทั้งหลายได้ศึกษา ประดับจิต ประดับใจกัน.. )
+++"เคยเห็นหนังสือ เอโนค แต่ไม่ได้อยู่ในสารบบที่สองนี้ งั้นหนังสือ เอโนค กับหนังสือต่าง ๆ นี้มีสถานะและที่มาต่างกันอย่างไร?"
อื่ม..เอโนค ก็เคยได้ยิน และได้เจอผ่านๆหูผ่านๆตามาบ้าง.. ถ้าจำไม่ผิดล่าสุดเคยเจออยู่ในเชิงอัถ ของพระคัมภีร์ฉบับปีพระวาจา (ฉบับล่าสุดของคาทอลิก)
เอโคหรือเอโนชห์ นั้น เป็นหนังสือที่ ไม่ได้จัดอยู่ในสารบบของพระคัมภีร์ (Non-canonical) ไม่ได้จัดอยู่ใน อธิกธรรม (Apoclypha)
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจอย่าง"คร่าวๆ"กันก่อนว่าประเภทของหนังสือต่างๆนั้นมีอะไรบ้าง..
-----ประเภทแรกได้แก่ พระคัมภีร์สารบบที่ 1 (Prto-canonical) ซึ่งก็คือพระคำภีร์ที่ทุกนิกายยอมรับและใช้เหมือนกันที่มาจากภาษาฮีบรู
-----ประเภทที่สองได้แก่ พระคัมภีร์สารบบที่ 2 (Deutero-canonical) คือพระคัมภีร์ที่พระศาสนจักรตะวันออกและตะวันตก และอาจจะมีอีกหลายนิกายที่ใช่ด้วย..โดยที่มีศักดิ์ศรีและความศักดิ์สิทธิ์เท่าเทียมกับสารบบที่ 1 ทุกประการ
ในที่นี้จะอธิบายแค่ในไทย สารบบที่ 2 ได้แก่ หนังสืออธิกธรรม 7 เล่ม และบางส่วนของหนังสือเอสเธอร์และดาเนียลที่เพิ่มเข้ามาจากสารบบที่หนึ่ง
ซึ่งได้รับการยอมรับโดยพระศาสนจักรคาทอลิก และมีศักดิ์ศรีเทียบเท่าหนังสือในสารบบที่ 1 ทุกประการ
-----ประเภทที่สามได้แก่ อธิกธรรม (Apoclypha) อธิก(ะ)แปลว่าเพิ่ม,เกิน อธิก(ะ)+ธรรม =ธรรมที่เพิมขึ้นมา
เป็นหนังสือที่ค้นพบในภายหลัง..ชึ่งมีส่วนที่เชื่อได้ว่าน่าจะเป้นการดลใจของพระเป็นเจ้าด้วยเช่นกัน..งานนิพนธ์เหล่านี้เชื่อว่าผู้นิพนธ์เป็นชาวยิว ทั้งที่เป็นชาวยิวแท้ๆ และเป็นลูกครึ่งยิว.. นิพนธ์ขึ้นประมาณ 200-300ปีก่อนคริสตกาล..
ซึ้ง(เท่าที่ทราบมา)มีอยู่ 16 เล่มด้วยกัน..
-----ส่วนประเภทสุดท้าย เอโนคนั้นจัดอยู่ใน ประเภทนี้คือ ประเภท หนังสือพิเศษ,เอกสารที่โดเด่น (Features) ที่ไม่ได้จัดอยู่ใน อธิกธรรม
ก็น่าจะเป็นเพราะเป็นหนังสือที่ไร้ที่มาที่ไป..เป็นหนังสือที่สุดโต่ง..อาจจะมีเรื่องของจินตนาการเทรกอยู่มาก..หรือมีความเชื่อที่ผิดแผกไปจากเดิมแฝงอยู่มาก..แต่ก็มีเรื่องที่นำมาใช้ได้เช่นกัน..
-----ดังนั้นในอีกทัศนะหนึ่ง เราอาจจะเรียบเรียงใด้อีกอย่างว่าทั้งอธิกธรรม และ เอกสารพิเศษนั้น เป็นพระคัมภีร์นอกสารบบ(Non-canonical)ก็ได้
ทั้งอธิกธรรมและเอกสารพิเศษนั้น เราก็สามารถที่จะอ่าน ศึกษา หรืออ้างถึงได้ แต่ก็ต้องสามารถที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรถูกอะไรผิดใด้เช่นกัน..
*ข้าพเจ้าขอย้ำเตือนอิกครั้งว่า ทั้งหมดข้างต้นที่กล่าวมา เป็นการอธิบายในทัศนะของข้าพเจ้าผู้มีปัญญาความรู้เท่าหางอื่งเท่านั้น..จำนวนตัวเลข วัน เวลา อาจจะคลาดเคลื่อนไปจากเดิมบ้างก็ต้องขออภัย
และถ้าไปขัดกับทัศนะของพี่น้องท่านอื่นก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย...
ท้ายนี้ ถ้าท่านพี่น้องท่านใดมีความสงสัยใน บทใด ตอนได้ ก็ขอให้ถามมาอีกภายหลัง..ถ้าข้าพเจ้าสามาถรที่จะตอบได้ไม่จนปัญญาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะช่วยตอบให้..
กราบลา..
ขอพระผู้เป็นเจ้า ทรงอำนวยพร..
ขอสุนติสุขจงอยู่ในใจท่านพี่น้องทั้งหลายเถิด..