สวัสดีครับพี่น้อง,
เนื่องในวันนี้ คริสตชนในประเทศไทย กำลังจะมีการเฉลิมฉลองการเสด็จลงมาจากฟ้าสวรรค์ขององค์พระเยซูคริสตเจ้า
ซึ่งพี่น้องคริสตชนในประเทศไทย ร่วมกับพี่น้องคริสตชนทั่วโลก ได้มีการเตรียมจิตใจต่อเนื่องเป็นอย่างดีอาศัยคำแนะนำของพระศาสนจักร
เกี่ยวกับ "อาทิตย์เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า" หรือที่รู้จักกันในชื่อ"มหาพรตน้อย"
ผมเชิญชวนให้วันนี้ พี่น้องที่พอมีเวลา ก่อนมิสซาอยู่บ้าง ทำกิจศรัทธาและปฏิบัติตามคำแนะนำของพระศาสนจักรเป็นพิเศษ
เป็นต้นว่า
(1) สวดพระเมตตา ในเวลาแห่งพระเมตตา(บ่ายสามโมง) อันเป็นเวลาที่องค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงเสด็จมาในวันนี้ สิ้นพระชนมชีพเพื่อชาวเรา
(2) สวดสายประคำ อุทิศเป็นพิเศษสำหรับมนุษยชาติที่รู้จักวันคริสตสมภพแต่ไม่ได้รู้จักพระองค์อย่างแท้จริง
และรำลึกถึงความทุกข์ยากลำบากของแม่พระ "ภาชนะรองรับพระจิต" บุคคลแรกที่พระเป็นเจ้าทรงเสด็จมาประทับด้วยในโลกมนุษย์
(3) เดินรูป 14 ภาค เป็นการย้อนดูที่มาทั้งหมดทั้งมวลแห่งประวัติศาสตร์ความรอด"การประสูติของพระองค์ในวันนี้ จะนำพระองค์ไปสู่วันนั้น"
(4) เฝ้าศีลมหาสนิท(แบบส่วนตัว) เพื่อพิศเพ่งองค์พระเยซูคริสตเจ้าผู้ประทับอยู่ในตู้ศีลอาศัยพระเทวภาพ ขอให้การรับศีลมหาสนิทในวันนี้มีความหมาย
(5) การรับศีลอภัยบาป การแก้บาปในวันสำคัญ หลายคนอาจคิดว่า ทำให้เกิดความรีบเร่ง แต่อีกแง่หนึ่งวันสำคัญนี้ล่ะ ที่จะทำให้คนที่ห่างวัดไป หรือมาวัดไม่สม่ำเสมอ ได้แก้บาป
"คุณพ่อที่เคารพ ลูกตั้งใจจะกลับมาคืนดีกับพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักร ลูกไม่ได้แก้บาปมาเป็นเวลา ...................."
รับศีลอภัยบาปเถิดเพื่อจะได้รับศีลมหาสนิทอย่างสมควรเถิด
สำคัญที่สุด
สำหรับผู้ที่ ติดภาระกิจ หรือไม่สามารถหาเวลาว่างทำสิ่งข้างต้นดังกล่าวได้ในวันนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไปมิสซา
ผมเชิญชวนให้ฟังมิสซาอย่างตั้งใจ พิศเพ่ง ภาวนา อย่างล้ำลึก ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความชื่นชมยินดีนั้น
เริ่มต้น มิสซาด้วยการร้องเรียกหาพระองค์สุดจิตใจ อาศัยเพลงเริ่มพิธี
จากนั้น ตรอมตรมถ่อมตนในความห่างพระที่เรากระทำปรากฎอยู่ทุกวันๆ
สำนึกเสียใจ ขอโทษพระองค์ "ยอมรับว่าเราเป็นคนบาป และไม่ลืมที่จะขอร้องให้ผู้อื่นช่วยเหลือ"
ทูลพระองค์อาศัยเสียงเพลง กีรีเอ "ขอให้ทรงเมตตาเทอญ" วิงวอนจากใจจริง
และตั้งใจเป็นพิเศษสำหรับ การเคารพพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระตรีเอกภาพ
ท้ายที่สุด "ให้เราภาวนา"(เราทุกคน สำรวมใจภาวนาพร้อมกับพระสงฆ์)
สังเกตในทุกสูตรของพิธีกรรม ทั้งที่เป็นสูตรที่เราได้ยินอยู่บ่อยๆ จงให้คุณค่า
"ทั้งนี้ อาศัยพระบารมีพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรผู้ทรงจำเริญและครองราชย์
เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวกับพระองค์และพระจิตตลอดนิรันดรด้วยเทอญ"
เมื่อเราเตรียมจิตใจแล้ว มากไปกว่านั้นให้เรา"เปิดใจ"
"เปิดใจ"เพื่อฟัง บทอ่านและพระวรสาร ที่พระศาสนจักรแนะนำอาศัยความปรารถนาดี
"ให้เราเข้าถึงความสำคัญของชีวิตในแต่ละวัน อาศัยพระวรสารตามคำแนะนำของพระศาสนจักรเป็นเครื่องมือ"
เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่เราไม่ต้องไปแสวงหา ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่มักเป็นสิ่งที่เราละเลย
เมื่อฟังจบ เป็นธรรมชาติที่เราต้อง"ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับพระกรุณาที่เราได้รับเสมอมา แม้เราเป็นคนบาป"
จงเปล่งเสียงร้องเพลงสดุดีให้ดังก้อง เพื่อประกาศพระเกียรติที่มงคลแห่งพระเป็นเจ้า พระยาห์เวห์
เมื่อความปีติยินดีอันเกิดจากการได้รับข่าวประเสริฐงอกงามขึ้น
พอดีกับที่"เพลงอัลเลลูยา"ดัง เราจงยืนและตะโกนป่าวร้องให้ก้องเถิด
พระวรสารกำลังจะมาแล้ว เราคอยท่าใจจดจ่อกับข่าวดีนั้น อาศัยประกาศกของพระองค์
เหนืออื่นใด"จงถวายพระเกียรติ"แด่พระเป็นเจ้า
และตั้งใจฟังพระวรสารด้วยท่าทีสำรวม ใช้หูฟัง แล้วปล่อยให้ปรีชาญาณทำงาน อาศัยความไว้วางใจ ความรัก ความเชื่อ
"ขอพระคริสตเจ้าทรงพระเจริญเทอญ!!!!!!"
คงมีความหมายเป็นพิเศษ ในวันนี้
ช่วงเวลาแห่งการเทศน์ก็เป็นอีกช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง
เราได้เห็น การเสด็จมาขององค์พระจิต ผ่านทางศาสนบริกรของพระเจ้า ที่ได้รับเจิมไว้
ขอให้เราตั้งใจฟัง "ทุกครั้งที่ฟังเทศน์ มีสิ่งที่พระบอกกับเราแต่ละคนเสมอ อาศัยพระจิตเจ้า"
เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ อย่าลืม ขอบคุณพระสงฆ์สำหรับบทเทศน์ดีดีด้วย
เวลานี้เป็นเวลาแห่งการประกาศความเชื่อ และภาวนาเพื่อมนุษยชาติ
ขอให้เราสำรวมใจเป็นอย่างดี เพราะนี่คือวิถีชีวิตของเรา
"ประกาศความเชื่ออย่างมั่นใจ และทำเพื่อผู้อื่น เหมือนพระอาจารย์เจ้า"
ช่วงเวลาสำคัญจะมาถึง คือ ของถวาย
"มอบถวาย กายและใจ แด่พระบิดา" เช่นเดียว กับที่องค์พระเยซูเจ้าทรงเป็น
เวลานี้ ให้เราน้อมจิตใจ พร้อมกับพระสงฆ์ ยกถวายของที่ผู้ต่ำต้อย สรรหามาทูลถวาย
ตามแต่กำลังความคิด สติปัญญา
และยกจิตใจขึ้นสูงส่ง อาศัย"เพลงศักดิ์สิทธิ์"
สาธุการแด่พระเจ้าสูงสุด โฮซานนา ณ สวรรค์ และ ณ แผ่นดิน
ฟ้าและดิน ประสานเสียงเป็นหนึ่งเดียวกัน สดุดี พระองค์ผู้ทรงสรรพานุภาพ
ช่วงนี้ ขอให้เราตั้งใจฟัง"การบรรยายงานเลี้ยงอาหารค่ำ"อย่างตั้งใจ
นึกถึง คำพูดที่เราได้ยินเสมอ แต่ไม่สู้ซาบซึ้ง "รับทรมานโดยสมัครพระทัย"
"นี่เป็นกายของเราที่มอบเพื่อท่าน"
จงพิศเพ่ง แผ่นศีลนั้นเถิด และจงทำความเคารพ พระองค์ได้เสด็จมาอยู่กับเราแล้ว
เช่นเดียวกันกับพระโลหิต
พระสงฆ์เชิญชวนให้เราประกาศพระธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อของเรา
จงประกาศด้วยความหนักแน่น สุขุม และเข้าใจดี
"สิ้นพระชนม์ กลับคืนพระชนมชีพ และจะเสด็จมาอีกครั้ง"
จากนั้น ให้เราน้อมระลึกถึง เพื่อนพี่น้องเริ่มจากใกล้ตัวที่สุด คือ เพื่อนพี่น้องที่อยู่พิธีมิสซากับเรา
พระศาสนจักร จนถึงพระคุณเจ้าที่รักของเราในแต่ละสังฆมณฑล และพระสงฆ์ นักบวชชายหญิง
ตลอดจนประชากรของพระองค์ ทั้งที่ล่วงหลับไปแล้ว และที่ยังไม่ล่วงหลับไป
จดจ่ออีกครั้ง
"อาศัยพระคริสตเจ้า พร้อมกับพระคริสตเจ้า และในพระคริสตเจ้า"
จากนั้น ให้เราทบทวนบทภาวนาที่สวดบ่อย บทภาวนาที่นักบุญออกัสติน สรรเสริญว่า สรุปใจความพระคัมภีร์ไว้ทั้งเล่ม
เราสวดอย่างรู้คุณค่าหรือไม่ "โปรดประทานอภัยให้แก่ข้าพเจ้า เหมือนที่ข้าพเจ้าอภัยแก่ผู้อื่น"
พระศาสนจักรเชิญชวนเราอีกครั้งให้ มอบสันติสุข
โดยจำลองการมอบสันติสุข มาอยู่ในรูปแบบที่ทำได้จริง ณ วินาทีนี้ ปัจจุบันนี้
อาศัยพระสงฆ์"เรามอบสันติสุขของพระเยซูเจ้าแก่กันและกัน"
ไม่ยากเลยทีเดียว เราหันไปมอบสันติสุขแด่พระเยซูเจ้า
เป็นพิเศษสำหรับวันนี้ "สุขสันต์วันพระคริสตสมภพ"
อาศัยเพลงลูกแกะพระเจ้า เมื่อเราเรียนรู้จะเป็นผู้ให้สิ่งเล็กน้อยแล้ว
ให้เราน้อมใจ พิศเพ่งผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ "ผู้ทรงถ่อมองค์ลงมา"
ผู้เสด็จมาประทับอยู่กับเรา อย่างบริสุทธิ์ วิมล บนพระแท่น พร้อมพระโลหิต
เราจึงไม่ลังเลใจที่จะคุกเข่า
คุกเข่าให้สำหรับความสูงส่งของพระองค์ และสำหรับบาปของเราที่ทำร้ายพระองค์ทุกวัน
"พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมควรจะรับเสด็จมาประทับอยู่กับข้าพเจ้าโปรดตรัสเพียงพระวาจาเดียวแล้วจิตใจข้าพเจ้าก็จะบริสุทธิ์"
"ขอพระกายพระคริสตเจ้านำข้าพเจ้าไปสู่ชีวิตนิรันดร ขอพระโลหิตพระคริสตเจ้า นำข้าพเจ้าไปสู่ชีวิตนิรันดร"
ให้เรา เตรียมจิตใจเป็นพิเศษ ที่จะรับประทาน อาหารเลี้ยงวิญญาณ อาหารศักดิ์สิทธิ์น่าพิศมัย
จากนั้นไม่ขอแนะนำอะไรต่อ
เพราะเชื่อแน่แท้จริงว่า
"อานุภาพของศีลมหาสนิท ย่อมเกิดประสิทธิผลกับเพื่อนพี่น้อง อาศัยความรัก ความเชื่อ ความวางใจ ที่พี่น้องมี"
ปล.เลยเวลา 15.00 มานิดนึง เอาเป็น 15.15 แล้วกัน ภาวนาให้สำหรับทุกคน ขอพระเมตตา ผลักดันพี่น้องให้วันนี้เป็นวันที่พระเจ้าจะเสด็จมาบังเกิดในใจพี่น้องครับ
ขอพระเจ้าอวยพร,
