Belong to the Truth Jesus Christ

เมื่อก่อนเป็นคนไม่ชอบสวดมนต์ แต่ชอบแผ่เมตตาอ่ะค่ะ
หลักๆเวลาไปค้างผิดที่ผิดทาง ก็จะแผ่เมตตาให้เจ้าที่ เจ้าทาง วิญญาณไม่มีญาติ และ วิญญาณ รวมทั้ง สัตว์ และ คนที่อยู่ในบริเวณนั้นๆทั้งหมด ขอให้เค้ามีความสุขความเจริญ

ยังทำได้อยู่ไหมคะ หรือว่ามีบทสวดอื่นๆที่คล้ายๆกันนี้มั๊ยคะ
รู้สึกว่า เวลาแผ่เมตตาแล้วจะนอนฝันดีอ่ะค่ะ

SugarRei เขียน: เมื่อก่อนเป็นคนไม่ชอบสวดมนต์ แต่ชอบแผ่เมตตาอ่ะค่ะ
หลักๆเวลาไปค้างผิดที่ผิดทาง ก็จะแผ่เมตตาให้เจ้าที่ เจ้าทาง วิญญาณไม่มีญาติ และ วิญญาณ รวมทั้ง สัตว์ และ คนที่อยู่ในบริเวณนั้นๆทั้งหมด ขอให้เค้ามีความสุขความเจริญ

ยังทำได้อยู่ไหมคะ หรือว่ามีบทสวดอื่นๆที่คล้ายๆกันนี้มั๊ยคะ
รู้สึกว่า เวลาแผ่เมตตาแล้วจะนอนฝันดีอ่ะค่ะ

พี่เรจังฮะ คริสเตียนจะไม่มีแผ่เมตตาฮับ วิญญาณอะไรพวกนี้ อยู่คนละโลกกันแล้ว
เราจะหยุดอยู่ที่ก่อนเขาตาย เขาเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ หรือป่าว

การที่เราไปพักที่ไหน เราจะอธิษฐานขอการปกป้องคุมครอง ดูแลจากพระเจ้า
ขอพระองค์เป็นผู้ชำระให้พ้นจาก การรบกวนของพวกวิญญาณ หรือ สิ่งที่จะมารบกวน
ขอพระเมตตาของพระเจ้าที่จะดูแลตัวเรา เจ้าของบ้าน เพื่อนบ้าน คนอื่นๆ

เจี๊ยบก็นอนอย่างสุขสบายเสมอฮะ 8)

เดี๊ยวพี่โทรไปหานะจ๊ะ

สวดบทนี้แทนดีกว่าครับ

1. เริ่มต้นด้วยการทำสำคัญมหากางเขน สวดบทข้าแต่พระบิดา 1 บท,วันทามารีอา 1 บท และข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้า

2. สวด "ข้าแต่พระบิดานิรันดร ข้าพเจ้าขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพ ขององค์พระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปสำหรับข้าพเจ้าและชาวโลกทั้งมวล"

3. สวด "เดชะพระมหาทรมานอันน่าเศร้าสลดยิ่งของพระเยซูเจ้า โปรดทรงเมตตาข้าพเจ้าและชาวโลกทั้งมวลเทอญ".

(สวดตามข้อ 2 และ 3 ครบห้าทศ ).

4. สวด "ข้าแต่พระเป็นเจ้าผู้ศักดิสิทธิ์ ผู้ทรงฤทธิ์ และผู้มิรู้ตาย ขอโปรดทรงพระเมตตาข้าพเจ้าและชาวโลกทั้งมวลเทอญ".




ปี 1933 พระเป็นเจ้าทรงให้ซิสเตอร์เฟาสตีนาเห็นนิมิตพระเมตตาของพระองค์ ซิสเตอร์เล่าว่า
"ฉันได้เห็นแสงสว่างไสว พระบิดาทรงอยู่ท่ามกลางแสงนั้น ระหว่างแสงและโลก ฉันเห็นร่างของพระเยซูเจ้าถูกตรึงอยู่บนกางเขน พระบิดาจึงทรงมองดูโลกโดยผ่านทางพระบุตร และทรงมองเห็นโลกผ่านทางรอยบาดแผลขององค์พระบุตร ฉันจึงเข้าใจว่า พระเป็นเจ้าทรงประทานพระพรแก่โลกเพราะเห็นแก่พระเยซูเจ้า."

นิมิตอีกครั้งหนึ่ง วันที่ 13 กันยายน 1935 เธอเขียนว่า :

"ฉันเห็นเทวดาผู้ที่ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเป็นเจ้า...... กำลังจะลงโทษโลก....ฉันเริ่มสวดวิงวอนขอความกรุณาต่อพระเป็นเจ้าสำหรับโลกด้วยคำภาวนาที่ฉันได้ยินเสียงตรัสภายใน. ขณะที่ฉันสวด, ก็เห็นว่าเทวดาอ่อนแรงและไม่สามารถปฏิบัติตามพระยุติธรรมที่จะลงโทษได้....."

นี่เป็นที่มาของบทสวดพระเมตตานี้:

พระเยซูเจ้าทรงตรัสแก่ซิสเตอร์ว่า.:

จงสวดบทภาวนาที่เราสอนเธอนี้อย่างไม่หยุดหย่อน ผู้ใดที่สวดบทภาวนานี้จะได้รับพระเมตตายิ่งใหญ่ในเวลาใกล้ตาย พระสงฆ์จะแนะนำบทภาวนาแก่คนบาปสำหรับเป็นความหวังครั้งสุดท้าย. แม้แต่คนที่ทำบาปที่หนักที่สุด, ถ้าหากเขาสวดบทภาวนานี้แม้เพียงครั้งเดียว เขาก็จะได้รับพระหรรษทานจากพระเมตตานิรันดรของเรา. เราปรารถนาให้โลกได้รู้จักพระเมตตานิรันดรของเรา. เราปรารถนาจะประทานพระหรรษทานซึ่งไม่สามารถพรรณนาได้นี้แก่ผู้ที่วางใจในพระเมตตาของเรา......"

"....เมื่อพวกเขาสวดบทภาวนานี้ต่อหน้าผู้ตาย, เราจะยืนอยู่ระหว่างเขากับพระบิดาของเรา ไม่ใช่ในฐานะผู้พิพากษา แต่ในฐานะพระผู้ไถ่"..


-------------------------------------------------------------------------------------



ลองอ่านต่อนี่นะครับ

http://uk.geocities.com/palangjai2004/C ... Web41.html

ผมมักจะสวดบทอารักขเทวดาอ่ะครับ
"ข้าแต่อารักขเทวดาพระเป็นเจ้าทรงมอบข้าพเจ้าไว้ในอารักขาของท่านโปรดส่องสว่างพิทักษ์รักษาข้าพเจ้าตามทางแห่งความรอด ณ วันนี้(คืนนี้) ด้วยเทอญ อาแมน"

หรือจะเอาชัวร์ๆสวดบทอัครเทวดามิคาแอล รับรองครับวิญญาณชั่วเผ่นหนีแทบไม่ทัน
ป.ล.รบกวนพี่ปอนำมาลงทีงับ __/\__

งั้นเปลี่ยนเป็นขอพระบิดาทรงเมตตา บุคคล และ สัวต์ทั้งหมดในสถานที่นี้
และขอพระเจ้าทรงคุ้มครองเราด้วย ดีกว่าเนาะ ^^

ว่าแล้วก็งัดสายประคำมาสวดๆๆๆ

อ่านกระทู้นี้ประกอบครับ :D

http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... eadid=1331

ขอบคุณค่ะ น่ารักมากๆ มาจุ๊บๆ @^.^@

ว่าแต่ นพวาร กับ ปัสกา แปลว่าอะไรคะ
ลูกแกะใหม่ งง ???

นพวารคือการนำบทสวด ไปสวดติดต่อกัน9วันครับ ส่วนปัสกา คือวันสำคัญทางคริสตศาสนา คือวันที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ

In Bhuddism, they don't have LOVE. What you did by Pae Metta in Bhuddism was pretty much like you give your LOVE to others. ..... In catholic, we believe in souls in purgatory. We pray for them. .. When we pray for someone, simply because we love that one and what we give them is not just our love and mercy, which is so limited. But by praying, we ask for the love of God to bestow on that one. The love of God is unlimited.

The difference between Pae Metta and praying is when you Pae Metta, the source of love and mercy is from you, which is limited. But when we pray for them, we ask God for His love and mercy on them. The source of love and mercy is from God, not from you. So, they will receive more than when you Pae Metta. .. They wil receive the unlimited love and mercy from God.. :)

Summary

Pae Metta --> Source of mercy = you

Pray --> Source of mercy = God

~@Little lamb@~ เขียน: เดี๊ยวพี่โทรไปหานะจ๊ะ

สังเกตว่าพี่จิงโทรหาคุงเรบ่อยเป็นพิเศษในการตอบข้อสงสัยต่างๆ อิๆ ;D

Nihil เขียน:

~@Little lamb@~ เขียน: เดี๊ยวพี่โทรไปหานะจ๊ะ

สังเกตว่าพี่จิงโทรหาคุงเรบ่อยเป็นพิเศษในการตอบข้อสงสัยต่างๆ อิๆ ;D

พี่จิงน่าร๊ากก *kis

SugarRei เขียน:

Nihil เขียน:

~@Little lamb@~ เขียน: เดี๊ยวพี่โทรไปหานะจ๊ะ

สังเกตว่าพี่จิงโทรหาคุงเรบ่อยเป็นพิเศษในการตอบข้อสงสัยต่างๆ อิๆ ;D

พี่จิงน่าร๊ากก *kis

เห็นด้วย (ก๊ากๆ) ;D

โกเจ๋ง เขียน:

SugarRei เขียน:

Nihil เขียน: สังเกตว่าพี่จิงโทรหาคุงเรบ่อยเป็นพิเศษในการตอบข้อสงสัยต่างๆ อิๆ ;D

พี่จิงน่าร๊ากก *kis

เห็นด้วย (ก๊ากๆ) ;D

เป็นการเห็นด้วยอย่างมีเลศนัยแฮะ ( - - "

บอกจะโทรแต่ยังไม่ได้โทรเลย :-[

เด๋วนี้ผมชอบสวดประคำพระเมตตามากเลยครับ
สวดเเล้วดีมากเลยครับ ยับยั๊งการทำบาปของเราได้มากเลยทีเดียวครับ
แล้วอีกอย่างหนึ่งผมเคยอ่านหนังสือพระเมตตาในหนังสือเขียนว่า
ผู้ที่จะตัดสินเราก็คือพระเยซูแล้วพระเยซูท่านบอกว่าถ้าใครสวดพระเมตตา
จะได้รับพระเมตตาจากพระองค์งับผม :)