คริสเตียนเล่นหุ้นบาปหรือไม่ โดย ดร.เลิศ ทิสยากร
คริสเตียนเล่นหุ้นบาปหรือไม่
โดย ดร.เลิศ ทิสยากร
คนไทยบอกว่า "คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น" ฟังดูแล้วคล้ายกับว่าเล่นหวยเล่นหุ้นเป็นการเสี่ยงโชค เป็นการพนันที่ผิดต่อพระวจนะคำสอนของพระเจ้า
ความจริงจุดประสงค์ของการแล่นหุ้นมีอยู่ 2 ประการ คือ
ประการแรก ที่เราเรียกว่าลงทุนระยะยาว 3 ถึง 5 ปี หรือ 10 ปี เป็นการที่เราเอาเงินไปซื้อหุ้นแล้วทิ้งไว้เป็นเป็นเวลายาวนานเพื่อที่จะรับผลตอบแทนเป็น เงินปันผล และส่วนต่างของราคา
เช่นการซื้อหุ้นธนาคารทิสโก้ เมื่อต้นปีนี้ที่ราคา 7.5 บาทต่อหุ้น รับเงินปันผล 1.2 บาทเมื่อเดือน เมษายน และ 1.2 ในเดือนตุลาคมรวม 2 ครั้งในปีนี้ ปัจจุบันหุ้นธนาคารทิสโก้ มีราคาที่ 24.4 ต่อหุ้นที่คุณเลือกที่จะขายทำกำไรหรือเก็บไว้รับเงินปันผลต่อก็ได้
ประการที่สอง ที่เราเรียกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น และหาผลตอบแทนในส่วนต่างของราคาหุ้น คือซื้อวันนี้ขายพรุ่งนี้ หรือซื้ออาทิตย์นี้ไว้ขายอาทิตย์หน้าเพื่อเอากำไรส่วนต่างของราคา
เช่นซื้อบ้านปู ที่ราคา 500 บาทต่อหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมาขายในสัปดาห์นี้ที่ราคา 594 บาทต่อหุ้น
ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีอะไรที่เป็นการกระทำผิดต่อพระวจนะของพระเจ้า แต่ความผิดนั้นเป็นความผิดที่เกิดจากท่าทีของผู้เล่นหุ้นมากกว่า คริสต์เตียนบางคนใช้เวลาจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาในกระดานหุ้น ขณะที่ทำงานอยู่จนไม่เป็นการทำงาน บางคนกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อเล่นหุ้น บางคนเกิดอาการหงุดหงิดตลอดเวลา หุ้นขึ้นก็กินข้าวไม่ได้เพราะซื้อน้อยไป หุ้นลงก็กินข้าวไม่ได้เพราะขาดทุน ซ้ำร้ายบางคนติดสินบนพระเจ้าอธิษฐานจะเอา 10 ลดมาถวายถ้าพระเจ้าอวยพรให้กำไรจากหุ้น และไม่มาโบสถ์เฉยเลยถ้าเกิดสิ่งตรงกันข้ามขึ้น รวม ๆ แล้ว คือหาสันติสุขไม่ได้เลยจากการเล่นหุ้น
พระวจนะของพระเจ้าได้สอนไว้ว่า
* มัทธิว 6:24 และ ลูกา16:13 บอกว่าเราจะรักและรับใช้นาย 2 คนทั้งพระเจ้าและเงินไม่ได้
* 1 ทิโมธี 16:13 บอกว่า การรักเงินทองเป็นมูลรากแห่งความชั่ว ทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อและตรอมตรมด้วยความทุกข์
* ฮีบรู 13:5 บอกว่าอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน แต่พอใจในสิ่งที่มีเพราะพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเรา
จริงอยู่ที่ว่า การเล่นหุ้นที่ถูกกับท่าทีที่ผิดนั้นเป็นสิ่งที่แยกแยกออกยาก จนทำให้บางคนปัดความยุ่งยากนี้ทิ้งไป แล้วเทศสอนว่า มันพูดยากนะ ดีที่สุดก็อย่าไปเล่นมัน หรือเหมือนกับพูดว่า เงินมันไม่ดี อย่าไปมีมันเลย ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นคำสอนในพระคัมภีร์
สรุปคือ คริสต์เตียนเล่นหุ้นได้ด้วยท่าทีที่ถูกต้อง และขอพระเจ้าทรงช่วยเราให้มีท่าทีที่พอพระทัยนั้น
12/19/2009
http://groups.google.com/group/christia ... 9c0dbe74a1#
โดย ดร.เลิศ ทิสยากร
คนไทยบอกว่า "คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น" ฟังดูแล้วคล้ายกับว่าเล่นหวยเล่นหุ้นเป็นการเสี่ยงโชค เป็นการพนันที่ผิดต่อพระวจนะคำสอนของพระเจ้า
ความจริงจุดประสงค์ของการแล่นหุ้นมีอยู่ 2 ประการ คือ
ประการแรก ที่เราเรียกว่าลงทุนระยะยาว 3 ถึง 5 ปี หรือ 10 ปี เป็นการที่เราเอาเงินไปซื้อหุ้นแล้วทิ้งไว้เป็นเป็นเวลายาวนานเพื่อที่จะรับผลตอบแทนเป็น เงินปันผล และส่วนต่างของราคา
เช่นการซื้อหุ้นธนาคารทิสโก้ เมื่อต้นปีนี้ที่ราคา 7.5 บาทต่อหุ้น รับเงินปันผล 1.2 บาทเมื่อเดือน เมษายน และ 1.2 ในเดือนตุลาคมรวม 2 ครั้งในปีนี้ ปัจจุบันหุ้นธนาคารทิสโก้ มีราคาที่ 24.4 ต่อหุ้นที่คุณเลือกที่จะขายทำกำไรหรือเก็บไว้รับเงินปันผลต่อก็ได้
ประการที่สอง ที่เราเรียกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น และหาผลตอบแทนในส่วนต่างของราคาหุ้น คือซื้อวันนี้ขายพรุ่งนี้ หรือซื้ออาทิตย์นี้ไว้ขายอาทิตย์หน้าเพื่อเอากำไรส่วนต่างของราคา
เช่นซื้อบ้านปู ที่ราคา 500 บาทต่อหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมาขายในสัปดาห์นี้ที่ราคา 594 บาทต่อหุ้น
ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีอะไรที่เป็นการกระทำผิดต่อพระวจนะของพระเจ้า แต่ความผิดนั้นเป็นความผิดที่เกิดจากท่าทีของผู้เล่นหุ้นมากกว่า คริสต์เตียนบางคนใช้เวลาจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาในกระดานหุ้น ขณะที่ทำงานอยู่จนไม่เป็นการทำงาน บางคนกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อเล่นหุ้น บางคนเกิดอาการหงุดหงิดตลอดเวลา หุ้นขึ้นก็กินข้าวไม่ได้เพราะซื้อน้อยไป หุ้นลงก็กินข้าวไม่ได้เพราะขาดทุน ซ้ำร้ายบางคนติดสินบนพระเจ้าอธิษฐานจะเอา 10 ลดมาถวายถ้าพระเจ้าอวยพรให้กำไรจากหุ้น และไม่มาโบสถ์เฉยเลยถ้าเกิดสิ่งตรงกันข้ามขึ้น รวม ๆ แล้ว คือหาสันติสุขไม่ได้เลยจากการเล่นหุ้น
พระวจนะของพระเจ้าได้สอนไว้ว่า
* มัทธิว 6:24 และ ลูกา16:13 บอกว่าเราจะรักและรับใช้นาย 2 คนทั้งพระเจ้าและเงินไม่ได้
* 1 ทิโมธี 16:13 บอกว่า การรักเงินทองเป็นมูลรากแห่งความชั่ว ทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อและตรอมตรมด้วยความทุกข์
* ฮีบรู 13:5 บอกว่าอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน แต่พอใจในสิ่งที่มีเพราะพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเรา
จริงอยู่ที่ว่า การเล่นหุ้นที่ถูกกับท่าทีที่ผิดนั้นเป็นสิ่งที่แยกแยกออกยาก จนทำให้บางคนปัดความยุ่งยากนี้ทิ้งไป แล้วเทศสอนว่า มันพูดยากนะ ดีที่สุดก็อย่าไปเล่นมัน หรือเหมือนกับพูดว่า เงินมันไม่ดี อย่าไปมีมันเลย ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นคำสอนในพระคัมภีร์
สรุปคือ คริสต์เตียนเล่นหุ้นได้ด้วยท่าทีที่ถูกต้อง และขอพระเจ้าทรงช่วยเราให้มีท่าทีที่พอพระทัยนั้น
12/19/2009
http://groups.google.com/group/christia ... 9c0dbe74a1#
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
เงินเหลือก้อต้องเอาไปทำให้งอกเงย
ตลาดเงินเด๋วนี้ไม่น่าเอาเงินไปลงเพราะผลตอบแทนต่ำและใช้เวลานาน
แต่ตลาดทุนเนี่ย มันมีลูกเล่นเยอะ สนุกดี
ตลาดเงินเด๋วนี้ไม่น่าเอาเงินไปลงเพราะผลตอบแทนต่ำและใช้เวลานาน
แต่ตลาดทุนเนี่ย มันมีลูกเล่นเยอะ สนุกดี
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
นักพนันจะค่อยๆถูกเขี่ยออกจากตลาดเอง โดยอัตโนมัติ
ส่วนนักลงทุน จะอยู่ได้..
อิอิ
ส่วนนักลงทุน จะอยู่ได้..
อิอิ
-
- โพสต์: 250
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 3:33 am
ศาสนจักรผมเขาไม่สนับสนุนการเล่นหุ้นนะครับ
เพราะมันอาจนำไปสู่ความโลภ
และเราก็สนับสนุนความขยันขันแข็งหรือการที่ได้รายได้มาด้วยความสามารถของตนเอง
เพราะมันอาจนำไปสู่ความโลภ
และเราก็สนับสนุนความขยันขันแข็งหรือการที่ได้รายได้มาด้วยความสามารถของตนเอง
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
นั่นสิ ... บาปหรือไม่ ?
แต่ที่รู้ๆ นอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ พอตื่นมาก็เอาแต่จะดูหุ้น จิตใจพะวักพะวง ทำให้ไม่ค่อยสวดภาวนา เพราะจิตใจไปจดจ่ออยุ่ที่หุ้น
เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหนใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย.. มัทธิว 6:21
ตอนนี้เลิกเล่นหุ้นแล้วค่ะ ถึงแม้จะไ้ด้กำไรมาพอสมควรก็เหอะ
ตอนนี้นอนหลับฝันดีค่ะ ::051:: เลยหันมาสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์แทนค่ะ คือ ทำบุญตามกำลังและความสามารถค่ะ
แต่ที่รู้ๆ นอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ พอตื่นมาก็เอาแต่จะดูหุ้น จิตใจพะวักพะวง ทำให้ไม่ค่อยสวดภาวนา เพราะจิตใจไปจดจ่ออยุ่ที่หุ้น
เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหนใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย.. มัทธิว 6:21
ตอนนี้เลิกเล่นหุ้นแล้วค่ะ ถึงแม้จะไ้ด้กำไรมาพอสมควรก็เหอะ
ตอนนี้นอนหลับฝันดีค่ะ ::051:: เลยหันมาสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์แทนค่ะ คือ ทำบุญตามกำลังและความสามารถค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ม.ค. 23, 2010 3:37 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
โตขึ้นผมไม่เล่นหุ้นแน่ๆๆ
แค่ดูข่าวเศรษฐกิจเห็นตัวเขียวตัวแดงวิ่งไปวิ่งมาก้อมึนหัวจาตายแระฮะ
แค่ดูข่าวเศรษฐกิจเห็นตัวเขียวตัวแดงวิ่งไปวิ่งมาก้อมึนหัวจาตายแระฮะ
- Jeanne d'Arc
- โพสต์: 235
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm
เงิน เป็นข้ารับใช้และเป็นทาสที่ยอดเยี่ยม
แต่มันกลับเป็นนายที่ต่ำช้าเลวทรามมากครับ
แต่มันกลับเป็นนายที่ต่ำช้าเลวทรามมากครับ
ผมไม่มีวันเล่นแน่นอน
เพราะถึงได้มาทำงาน ก็คงไม่มีรายได้มากพอเล่นหุ้นได้ หุหุ^_^
เพราะถึงได้มาทำงาน ก็คงไม่มีรายได้มากพอเล่นหุ้นได้ หุหุ^_^
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะProd Pran เขียน: ลองลงทุนกับพระเจ้าสิคะ ดอกผลกำไรจะได้เป็นสันติสุขค่ะ
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
พูดถึงเรื่องเงิน ก็ นะ ต่อให้รวย มากมายแค่ไหน แต่ถ้าคนๆนั้น ไปอยู่ในเหตุการณ์ แบบที่ประเทศ เฮติ แม้เงินจะเยอะขนาดไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เงินทองของนอกกาย อิอิJesus loves You เขียน: พูดถึงเรื่องเงิน ก็ นะ ต่อให้รวย มากมายแค่ไหน แต่ถ้าคนๆนั้น ไปอยู่ในเหตุการณ์ แบบที่ประเทศ เฮติ แม้เงินจะเยอะขนาดไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้
ปล.เฮติยังคงต้องการรับเงินบริจาค เพราะการช่วยเหลือบางอย่างก็ต้องเอาเงินไปซื้อของจากพ่อค้ามาให้เพื่อนมนุษย์อยู่ดี เหอออออ
ปล2.เงินของสมมติ มีและใช้อย่างพอดีก็พอ ถ้ามีเหลือก็เอามาให้ผม เอ้ย เอาไปให้ผู้ที่ยากไร้ก็ได้
หุ้นและการซื้อขายล่วงหน้าต่างๆ เป็นไปตามตัวเลขทางเศรษฐกิจ การประกาศตัวเลขต่างๆ(มีเกือบทุกวัน และอาจจะวันละหลายหนตามเวลาที่แน่นอนและนอกเวลาที่ไม่แน่นอน) สภาวะเศรษฐกิจ การเคลื่อนที่ของกราฟเกิดจากอุปสงค์อุปทาน ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆsinner เขียน: การเล่นหุ้น เป็นเศรษฐกิจที่อยู่บนความไม่จริง
จะมีกรณี Hammer เกิดขึ้นก็คงจะเป็นบางชนิด และความไม่แน่นอนฯลฯ
ยกตัวอย่างทองคำ
ทองไปทางไหน(ตลาดล่วงหน้า) ราคาทองแท่งทั้งราคานอกและราคาพี่ไทยก็จะเดินไปทางนั้น
ดังนั้นมันคือเศรษฐกิจจริงๆนั่นแหละ
ถ้าถามว่า สัปดาห์ก่อนๆราคาทองปรับตัวขึ้น พี่ไทยแห่ไปซื้อ (แมงเม่า)
ปรากฏว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาทองลงฮวบฮาบ (พี่ไทยก็แห่ไปซื้อจนต้องเขียนใบจองกันเลย)
เป็นเรื่องของการหลอกล่อราคาไหม...??
คำตอบคือ ไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องทางเศรษฐกิจ (ที่รู้ประเทศที่มีบทบาทที่ทำให้ราคาทองลงรอบนี้ก็คือ จีน และซ้ำเติมด้วยอเมริกา โอ้อาม่านั้นเอง)+จิตวิทยาตลาด
(ใต้เส้นนี้ไม่เกี่ยวกับ quote)
ตลาดหุ้น มีไว้สำหรับนักลงทุน ไม่ใช่สำหรับนักพนัน
กว่าจะทำการซื้อขาย อาจจะต้องตอบคำถามหลายอย่าง รวมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน+ปัจจัยทางเทคนิก หลายๆอย่างผสมกัน
นักพนัน มี 100ล้าน ก็หมด 100 ล้าน
การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และการซื้อขายล่วงหน้า ไม่ใช่สิ่งที่ผิดศีลธรรม
หากแต่เป็นการซื้อขาย ที่เรียกว่า ลงทุนและเก็บกำไร หรือขาดทุน
บนความคิด เหตุผล และกลไกที่ถูกต้อง
แต่ทว่า การพนันในตลาดหลักทรัพย์และการซื้อขายล่วงหน้า ไม่ต่างอะไรจากการแทงหวยเลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้ที่เห็นความสำคัญของเงินทอง ทรัพย์สมบัติ และความมั่งคั่ง ก็มักจะมีข้ออ้างที่ชอบธรรม เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง
ในชีวิตที่ผ่านมา ได้มีแฟนที่เป็นนักวิเคราะห์หุ้นที่เก่งมากคนนึง อยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทย
ก็ทำให้เราเรียนรู้ว่า คนเหล่านี้ไม่ได้มีความรู้สึกเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ ทำทุกอย่างเพื่อผลกำไรสูงสุด
ทำให้ชีวิตของตนเองร่ำรวยมากขึ้นและได้กำไร มีการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ทองคำ ใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย
แต่ไม่เคยก้มลงมามองว่าในความเป็นจริงเหล่านี้ เงินทองและความร่ำรวยที่ได้มา ได้ทำให้คนอิกจำนวนมากยากจนลง
ลองหันไปมองสถิติของผู้ที่ร่ำรวยกับผู้ที่ยากจนและไม่มีจะกิน ชาวนาที่สูญเสียที่ดินในการทำกิน
คนยากจนในอินเดีย เด็กที่ไม่มีจะกินในเอธิโอเปีย คนยากจนอีกมากมายในโลกนี้
นักธุรกิจระดับโลก อย่างจอร์จ โซรอส ได้มองเห็นความแตกต่างเหล่านี้
และได้นำเงินมาสนับสนุนกิจการต่างๆ เพื่อสังคมมากมาย
จอร์จ โซรอส เป็นคนใจบุญมาตั้งแต่ 1970 เมื่อ
เขาเริ่มให้ทุนทรัพเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนผิวดำเพื่อจะได้เข้าเรียนต่อที่ University of Cape Town ในประเทศ South Africa
และเริ่มให้ทุนต่อกลุ่มต่อต้าน Iron Curtain จอร์จ โซรอส สนับสนุนทุนทรับเพื่อสนับสนุนการรณรงค์การงดใช้ความรุนแรงในการเปลี่ยนแปลงระบบประชาธิปไตย์ในประเทศที่เคยตกอยู่ในอำนาจของโซเวียต ส่วนมากจะอยู่บริเวณ ยุโรปกลาง และ ยุโรปตะวันออก เกิดขึ้นจากการมี Open Society Institute (OSI) สถาบันสังคมเปิด และ Soros Foundation ซึ่งบางครั้งก็ใช้ชื่ออื่นเช่น Stefan Batory Foundation ใน โปแลนด์ 2003 PBS คำนวณว่าเขาได้บริจาคเงินทั้งหมดประมาน $4,000,000,000 OSI บอกว่าเขาใช้เงินประมาน $400,000,000 ต่อปีเมื่อปีที่ผ่านๆมา ในปี2007 นิตยาสาร Times ได้กล่าวถึงผลงานสองผลงาน นั่งคือ $100,000,000 เพื่อการพัฒนา Internet Infrastructure ของ Russian Universities และ $ 50,000,000 สำหรับ Millennium Promise เพื่อกำจัดปัญหาการขาดแคลนอาหารใน อาฟริกา แต่ไม่กล่าวถึง $ 742,000,000ที่โซรอส บริจาคให้กับโครงการต่างๆในสหรัฐ หรือ ว่าเขาได้ใช้เงิน กว่า $6,000,000,000,000 ไปกับการกุศล
อีกโครงการที่เห็นได้ชัดคือการช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์และมหาลัยทั่วทั้งยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ช่วยประชาชนช่วง Siege of Sarajevo และ Transparency International Muhamed Yunus ผู้ได้รับรางวัล Noble ได้รับการสนับสนุนจาว Open Society Institute เช่นกัน National Review บอกว่า Open Society Institute บริจาคเงิน $ 20,000 ให้กับ Defense Committee ของ Lynne Stewart เมื่อเดือน กันยายน ปี 2002 Lynne Stewart เป็นทนายที่ปกป้องผู้ก่อการร้าย ในชั้นศาล และจำคุก 2 ปี สี่เดือน ข้อหา สนับสนุน แผนการก่อการร้าย ผ่านทางการประชุมกับลูกค้า โฆษก Open Society Institute บอกว่า ณ เวลานั้นการกระทำของเขาดูมีเหตุผลที่ดีพอที่เราจะสนับสนุน กันยายน
ปี 2006 จอร์จ โซรอส ได้ถอนตัวจากการสนับสนุนโครงการสร้างเสริมประชาธิปไตย์ และมอบเงินกว่า $ 50,000,000 ให้กับ Jeffry Sach ในโครงการ Millennium Promise ที่ช่วยผู้ที่ขาดอาหารอาหารใน Africa เขาบอกว่าสิ่งที่ควรสังเกตคือความสัมพันธ์ ระหว่างคามหิวโหย กับ การปกครองที่ไม่ดีจึงทำให้การช่วยเหลือครั้งนี้มีค่า
ในปี1980 New School for Social Research มหาวิทยาลัย Oxford ได้มอบประกาศณียบัตรระดับการศึกษาชั้นปริญญาเอกให้กับ จอร์จ โซรอส ในปี 1991 Corvinus University of Budapest และนอกจากนี้ หาวิทยาลัย Yale International Center for Finance Award จาก Yale School of Management และ Laurea Honoris Causon เกียรติสูงสุด ของ University of Bologna ในปี 1995
อยากให้นักการเงินทั้งหลายหันกลับมามองตัวเองว่าได้ ได้สร้างเศรษฐกิจที่อยู่บนความเป็นจริงแล้วหรือยัง
ปล. การเขียนข้อความนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะกระทบกระแทกผู้ใดนะคะ แต่อยากให้มองความเป็นจริงของสังคมค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
ในชีวิตที่ผ่านมา ได้มีแฟนที่เป็นนักวิเคราะห์หุ้นที่เก่งมากคนนึง อยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทย
ก็ทำให้เราเรียนรู้ว่า คนเหล่านี้ไม่ได้มีความรู้สึกเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ ทำทุกอย่างเพื่อผลกำไรสูงสุด
ทำให้ชีวิตของตนเองร่ำรวยมากขึ้นและได้กำไร มีการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ทองคำ ใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย
แต่ไม่เคยก้มลงมามองว่าในความเป็นจริงเหล่านี้ เงินทองและความร่ำรวยที่ได้มา ได้ทำให้คนอิกจำนวนมากยากจนลง
ลองหันไปมองสถิติของผู้ที่ร่ำรวยกับผู้ที่ยากจนและไม่มีจะกิน ชาวนาที่สูญเสียที่ดินในการทำกิน
คนยากจนในอินเดีย เด็กที่ไม่มีจะกินในเอธิโอเปีย คนยากจนอีกมากมายในโลกนี้
นักธุรกิจระดับโลก อย่างจอร์จ โซรอส ได้มองเห็นความแตกต่างเหล่านี้
และได้นำเงินมาสนับสนุนกิจการต่างๆ เพื่อสังคมมากมาย
จอร์จ โซรอส เป็นคนใจบุญมาตั้งแต่ 1970 เมื่อ
เขาเริ่มให้ทุนทรัพเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนผิวดำเพื่อจะได้เข้าเรียนต่อที่ University of Cape Town ในประเทศ South Africa
และเริ่มให้ทุนต่อกลุ่มต่อต้าน Iron Curtain จอร์จ โซรอส สนับสนุนทุนทรับเพื่อสนับสนุนการรณรงค์การงดใช้ความรุนแรงในการเปลี่ยนแปลงระบบประชาธิปไตย์ในประเทศที่เคยตกอยู่ในอำนาจของโซเวียต ส่วนมากจะอยู่บริเวณ ยุโรปกลาง และ ยุโรปตะวันออก เกิดขึ้นจากการมี Open Society Institute (OSI) สถาบันสังคมเปิด และ Soros Foundation ซึ่งบางครั้งก็ใช้ชื่ออื่นเช่น Stefan Batory Foundation ใน โปแลนด์ 2003 PBS คำนวณว่าเขาได้บริจาคเงินทั้งหมดประมาน $4,000,000,000 OSI บอกว่าเขาใช้เงินประมาน $400,000,000 ต่อปีเมื่อปีที่ผ่านๆมา ในปี2007 นิตยาสาร Times ได้กล่าวถึงผลงานสองผลงาน นั่งคือ $100,000,000 เพื่อการพัฒนา Internet Infrastructure ของ Russian Universities และ $ 50,000,000 สำหรับ Millennium Promise เพื่อกำจัดปัญหาการขาดแคลนอาหารใน อาฟริกา แต่ไม่กล่าวถึง $ 742,000,000ที่โซรอส บริจาคให้กับโครงการต่างๆในสหรัฐ หรือ ว่าเขาได้ใช้เงิน กว่า $6,000,000,000,000 ไปกับการกุศล
อีกโครงการที่เห็นได้ชัดคือการช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์และมหาลัยทั่วทั้งยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ช่วยประชาชนช่วง Siege of Sarajevo และ Transparency International Muhamed Yunus ผู้ได้รับรางวัล Noble ได้รับการสนับสนุนจาว Open Society Institute เช่นกัน National Review บอกว่า Open Society Institute บริจาคเงิน $ 20,000 ให้กับ Defense Committee ของ Lynne Stewart เมื่อเดือน กันยายน ปี 2002 Lynne Stewart เป็นทนายที่ปกป้องผู้ก่อการร้าย ในชั้นศาล และจำคุก 2 ปี สี่เดือน ข้อหา สนับสนุน แผนการก่อการร้าย ผ่านทางการประชุมกับลูกค้า โฆษก Open Society Institute บอกว่า ณ เวลานั้นการกระทำของเขาดูมีเหตุผลที่ดีพอที่เราจะสนับสนุน กันยายน
ปี 2006 จอร์จ โซรอส ได้ถอนตัวจากการสนับสนุนโครงการสร้างเสริมประชาธิปไตย์ และมอบเงินกว่า $ 50,000,000 ให้กับ Jeffry Sach ในโครงการ Millennium Promise ที่ช่วยผู้ที่ขาดอาหารอาหารใน Africa เขาบอกว่าสิ่งที่ควรสังเกตคือความสัมพันธ์ ระหว่างคามหิวโหย กับ การปกครองที่ไม่ดีจึงทำให้การช่วยเหลือครั้งนี้มีค่า
ในปี1980 New School for Social Research มหาวิทยาลัย Oxford ได้มอบประกาศณียบัตรระดับการศึกษาชั้นปริญญาเอกให้กับ จอร์จ โซรอส ในปี 1991 Corvinus University of Budapest และนอกจากนี้ หาวิทยาลัย Yale International Center for Finance Award จาก Yale School of Management และ Laurea Honoris Causon เกียรติสูงสุด ของ University of Bologna ในปี 1995
อยากให้นักการเงินทั้งหลายหันกลับมามองตัวเองว่าได้ ได้สร้างเศรษฐกิจที่อยู่บนความเป็นจริงแล้วหรือยัง
ปล. การเขียนข้อความนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะกระทบกระแทกผู้ใดนะคะ แต่อยากให้มองความเป็นจริงของสังคมค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
จะดีจะชั่วก็อยู่ที่ตัวคนแหละครับ คุณsinner เหมือนแฟนคุณนั่นแหละ จะดีจะชั่วคุณคงรู้จักเขาดี?sinner เขียน: ผู้ที่เห็นความสำคัญของเงินทอง ทรัพย์สมบัติ และความมั่งคั่ง ก็มักจะมีข้ออ้างที่ชอบธรรม เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง
ในชีวิตที่ผ่านมา ได้มีแฟนที่เป็นนักวิเคราะห์หุ้นที่เก่งมากคนนึง อยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทย
ก็ทำให้เราเรียนรู้ว่า คนเหล่านี้ไม่ได้มีความรู้สึกเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ ทำทุกอย่างเพื่อผลกำไรสูงสุด
ทำให้ชีวิตของตนเองร่ำรวยมากขึ้นและได้กำไร มีการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ทองคำ ใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย
แต่ไม่เคยก้มลงมามองว่าในความเป็นจริงเหล่านี้ เงินทองและความร่ำรวยที่ได้มา ได้ทำให้คนอิกจำนวนมากยากจนลง
ลองหันไปมองสถิติของผู้ที่ร่ำรวยกับผู้ที่ยากจนและไม่มีจะกิน ชาวนาที่สูญเสียที่ดินในการทำกิน
คนยากจนในอินเดีย เด็กที่ไม่มีจะกินในเอธิโอเปีย คนยากจนอีกมากมายในโลกนี้
นักธุรกิจระดับโลก อย่างจอร์จ โซรอส ได้มองเห็นความแตกต่างเหล่านี้
และได้นำเงินมาสนับสนุนกิจการต่างๆ เพื่อสังคมมากมาย
ในทุกวิชาชีพ มีทั้งดีทั้งชั่ว
เหมือนคนขายหมา มีทั้งรักหมา และหากินกับหมาโดยไม่ได้รักไม่ได้เมตตาหมา ก็มี
ในการค้าขายทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือกระดาษ(ปัจจุบันอาจเป็นอิเล็คทรอนิกกันส่วนมาก) มีทั้งผู้กำไร และผู้ขาดทุน มีผู้ซื้อและผู้ขายsinner เขียน: อยากให้นักการเงินทั้งหลายหันกลับมามองตัวเองว่าได้ ได้สร้างเศรษฐกิจที่อยู่บนความเป็นจริงแล้วหรือยัง
ปล. การเขียนข้อความนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะกระทบกระแทกผู้ใดนะคะ แต่อยากให้มองความเป็นจริงของสังคมค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
ที่สำคัญคือ มีทั้งคนรวย และคนจน มี + มี - อยู่เสมอไป
คุณsinner คงต้องแยกออกระหว่างธุรกิจ การค้าขาย ความเห็นแก่ตัว และ การแบ่งปันช่วยเหลือ สักนิด ครับ
ความจริงของสังคมคือ คนจนมากกว่าคนรวย
ดังนั้น ทางคริสต์จึงมีกลุ่มนักธุรกิจคริสเตียนไงครับ ของคาทอลิกก็มี ลองไปทำความเข้าใจจุดประสงค์ส่วนนี้ดู
ปล.เอาเรื่องแฟนเก่ามากำหนดมุมมองไม่ได้หรอก มันเป็นเรื่องของคนซึ่งมีหลากหลายในทุกสถาบันใดๆทางสังคม
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
แป่ว คิดอะไรอยู่ครับ? ไม่ได้จะคุยเพื่อเอาชนะนะครับsinner เขียน:
ขอยอมแพ้ขอเป็นคนยากจนแบบคานธีดีกว่าค่ะ
ขอเป็นคนที่ยึดมั่นและมีอุดมคติ แบบอาจารย์ทั้งหลายดีกว่าร่ำรวยค่ะ
หญิงผู้หนึ่งในพระคัมภีร์กล่าวถึง เธอถวายทั้งหมดที่เธอมี เธอเป็นแบบอย่างของการถวายครับ
มีบางคนตั้งแต่เป็นคริสเตียนมา หลังรับศีลล้างบัพติส.. แตะเอียงานตรุษจีน ใส่ซองถวายหมด ทำแบบไม่ต้องมีใครรู้อะครับ
คริสเตียนหลายคน ใส่ถุงถวายเยอะครับ (นักธุรกิจทั้งหลายนี่แหละ)
อา ของผม(ไม่เกี่ยวอะไรกับผมนะ) ก็บริจาคเงินสร้างวัดของทางพุทธ ช่วยเหลือคนยากจำนวนมาก ตามระดับฐานะของเค้า
คนดีๆเปี่ยมน้ำใจและแบ่งปันมีมาก โดยเฉพาะคริสตชนเรา แต่ว่า เค้าไม่ได้ออกมาป่าวประกาศอะไรอะครับ
การช่วยเหลือเงียบๆ และอยู่เงียบๆ แบบนี้ หากินเงียบๆแบบนี้ ก็มีสันติสุขในฐานะศิษย์พระคริสต์อะครับ