หน้า 1 จากทั้งหมด 1

<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 02, 2005 10:31 am
โดย Prod Pran
สงครามครูเสด
Conquest by Crusade : Age of Faith, Ann Fremantle เขียน


จิรกรณฑ์ เสวตรวิทย์ และ พ่อซีมอน, C.Ss.R. แปล/เรียบเรียง

   ในสงครามที่มนุษย์เคยขับเคี่ยวกันมาทั้งหมด ไม่มีครั้งใดที่กระทำด้วยความเร่าร้อนมากกว่าในนามของความเชื่อ และในบรรดา สงครามศักดิ์สิทธิ์ เหล่านี้ ไม่มีครั้งใดที่นองเลือด และยืดเยื้อเท่าสงครามครูเสดในสมัยกลางของชาวคริสต์ สงครามครูเสดครอบงำจิตใจคนในสมัยกลางเป็นเวลาถึง 200 ปี จากปลายศตวรรษที่ 11 จนถึงปลายศตวรรษที่ 13

   สงครามครูเสดเริ่มต้นด้วยความเร่าร้อนที่ระเบิดขึ้นอย่าง รุนแรง แต่ลงเอยด้วยความยุ่งเหยิงและมายาภาพที่ถูกทำลาย

มีแรงกระตุ้นหลายอย่างอยู่เบื้องหลังสงครามครูเสด

   ความตั้งใจที่ได้ประกาศออกมาในตอนเริ่มต้น คือยึดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของคริสตชนในกรุงเยรูซาเล็มกลับมาจากการควบคุมของมุสลิมนอกศาสนานั้น ฟังดูแล้วก็ไม่สมเหตุสมผลนัก เพราะแม้ว่าผู้แสวงบุญทั้งหลายจะถูกรังควานจากภาษีต่างๆ พวกเขาก็แทบไม่ถูกกีดขวางที่จะไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เหล่านี้

   มีความตั้งใจอื่นๆ ที่อยู่เบื้องหลังการประกาศสงครามศาสนานี้ด้วย นั่นก็คือ ศาสนจักรแห่งโรมมองเห็นโอกาสที่จะแผ่ขยายไปสู่เขตอิทธิพลของคู่แข่งขันที่สำคัญ คือศาสนจักรกรีก ออร์โธดอกซ์ บรรดากษัตริย์และขุนนางศักดินาของยุโรปตะวันตก เห็นโอกาสแห่งดินแดนใหม่ๆ และความร่ำรวยใหม่ๆ พวกขุนนางหวังที่จะพบทางออกสำหรับพวกบุตรหลานที่เกกมะเหรก พวกพระสงฆ์นักบวชหวังที่จะหาสถานที่ที่จะส่งพวกเหลือขอชอบก่อความวุ่นวายไปปล่อย

   นักรบสงครามครูเสดเองก็มีแรงจูงใจที่แตกต่างกัน ในขณะที่หลายคนสำนึกถึงรางวัลในการรบซึ่งพระศาสนจักรให้สัญญา ไม่ว่าจะเป็นการละเว้นโทษสำหรับบาปที่ผ่านมาและเลื่อนการชำระหนี้ออกไป แต่นักรบครูเสดหลายคนก็ป่าเถื่อนโหดร้าย หลายคนข่มขืนและปล้นสดมภ์คริสตชนด้วยกันและกระทำการโหดร้ายอย่างสุดบรรยายต่อศัตรู มีการเลื่อยศพเพื่อเอาทอง และบางครั้งเอาเนื้อมาทำอาหารรับประทาน ซึ่งพวกเขาพบว่าอร่อยกว่า นกยูงใส่เครื่องเทศ ตามที่ผู้บันทึกเหตุการณ์ในสมัยนั้นเขียนไว้

   อย่างไรก็ตาม ความเชื่ออย่างซื่อๆ และการมีความเคารพศรัทธาอย่างลึกล้ำต่อดินแดนที่พระคริสตเจ้าเคยย่างพระบาท ก็เป็นแรงผลักดันของนักรบสงครามครูเสดจำนวนมาก เช็คสเปียร์บรรยายถึงความรู้สึกนี้ด้วยคำพูดของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 กษัตริย์นักรบของอังกฤษ เรามีความฝังใจและพันธะที่จะต่อสู้ เพื่อขับไล่คนป่าเถื่อนเหล่านี้จากผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนที่พระบาทอันศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่เมื่อพันสี่ร้อยปีที่แล้วทรงถูกตรึงกางเขนเพื่อประโยชน์ของชาวเรา ได้ทรงก้าวดำเนิน

   นักรบสงครามครูเสดกู้แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์กลับมาได้ แต่รักษาไว้ไม่ถึงร้อยปี จุดมุ่งหมายของพวกเขาล้มเหลว เช่นเดียวกับความฝันที่จะขยายอำนาจของฝ่ายตะวันตกไปสู่ตะวันออก เมื่อพวกเขายุติ ชาวมุสลิมก็กลับมาตั้งมั่นในดินแดนที่เคยมีการสู้รบรุนแรง จักรวรรดิไบเซนไทน์แห่งศาสนจักรตะวันออกอ่อนแอลงจนเกือบพินาศ และยุโรปก็หวนกลับเข้าสนใจเรื่องภายในของตนอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่า สิ่งต่างๆ จะไม่เป็นเช่นเดิม หน้าต่างสู่โลกได้ถูกเปิดออกแล้ว และสภาพการณ์ทุกอย่างของชีวิตในยุคสมัยกลางก็ได้รับผลกระทบ แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวางเช่นนี้ไม่สามารถมองเห็นล่วงหน้าได้เมื่อสงครามครูเสดเริ่มต้น

   ชนวนเหตุโดยตรงของสงครามครูเสดคือการคุกคามทางทหารต่อเมืองคอนสแตนติโนเปิล ปราการทางตะวันออกของชาวคริสต์ เมืองนี้ตั้งขึ้นโดยคอนสแตนติน จักรพรรดิโรมันองค์แรกที่กลับใจมาเป็นคริสต์ ผู้สืบราชสมบัติต่อจากคอนสแตนติน บนบัลลังก์แห่งไบเซนไทน์ต้องรับมือกับผู้รุกรานทุกพวกจากเอเชีย พวกไบเซนไทน์เรียกผู้รุกรานเหล่านี้ว่า ซาราคีโนส (Sarakenos) แปลว่า ชาวตะวันออก และคำว่า ซาราเซ็น (Sarasen) ก็ได้กลายเป็นคำที่ทำให้เกิดมโนภาพนักรบที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง พวกผู้รุกรานเหล่านี้พวกหลังสุด ดุร้ายที่สุดและเป็นมุสลิมผู้ศรัทธาด้วย คือพวกเซลจุก เติร์ก (Seljuk Turk) ในปี ค.ศ.1071 พวกเขาตีชาวไบเซนไทน์นับพันๆ แตกพ่ายในการรบใกล้แมนซีเคอร์ท (Manzikert) อันเป็นการเริ่มต้นบุกลึกเข้ามาสู่ดินแดนเอเชียไมเนอร์ พวกเซลจุก เติร์กได้ยึดเอาดินแดนของอาณาจักรไบเซนไทน์ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง

   ในปี ค.ศ.1073 จักรพรรดิไมเกิลที่ 7 แห่งไบเซนไทน์ ร้องขอชาวคริสต์ตะวันตกให้ช่วย ทั้งที่เมื่อ 19 ปีก่อน ศาสนจักรตะวันออกและศาสนจักรตะวันตกได้แตกแยกกันอย่างสุดขีดจากการถกเถียงเรื่องข้อความเชื่อ จักรพรรดิไมเกิลได้ส่งผู้แทนทางการทูตเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาเกรกอรี่ที่ 7 ซึ่งให้การต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี แต่พระองค์ก็มีภาระเต็มมือในการต่อสู้กับศัตรูของการปฏิรูปพระศาสนจักรในเวลานั้น

   แล้วตลอดระยะเวลาสามในสี่ของศตวรรษต่อมา พวกเซลจุก เติร์กได้ดำเนินการบุกรุกต่อไปในดินแดนยุทธศาสตร์อื่นๆ พวกเขายึดป้อมนิเชอาอันเก่าแก่ และจากที่นั่น เพียงข้ามช่องแคบ บอสฟอรัสก็จะถึงคอนสแตนติโนเปิล จักรพรรดิไบเซนไทน์อีกองค์หนึ่ง คือ อาเล็กซีอุส คอมเนนุส ได้ร้องขอความช่วยเหลือ ไปยังพระสันตะปาปาอูร์บันที่ 2 อาเล็กซีอุสหลักแหลมกว่าจักรพรรดิ ไมเกิล ในสาส์นของพระองค์ที่ส่งไปยังโรม พระองค์ไม่ได้เน้นถึงอันตรายต่อบัลลังก์ของพระองค์ แต่เน้นถึงความจำเป็นร่วมกันของคริสตชนทั้งในศาสนจักรตะวันตกและตะวันออก ที่จะต้องช่วยกันขับไล่ผู้บุกรุกชาวมุสลิมออกไปจากดินแดนดั้งเดิมของชาวคริสต์

   พระสันตะปาปาสนองตอบในการประชุมสภาสังคายนาที่แคลร์มองต์ ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ในเดือน พฤศจิกายน 1095 ผู้มาประชุมมีทั้งพระคาร์ดินัล พระสังฆราชและขุนนางทั้งหลาย ส่วนพวกชาวบ้านธรรมดาชุมนุมอยู่ที่ลานนอกวัด หลังจากพิจารณาเรื่องราวอื่นๆ แล้ว พระสันตะปาปาอูร์บันก็ออกมาข้างนอก พระองค์ต้องการให้ทุกคนได้ยินสิ่งที่พระองค์จะกล่าว ตามคำบอกเล่าที่ตกทอดมา พระองค์เริ่มว่า สิ่งที่นำพวกเรามาที่นี่ ก็คือภยันตรายที่กำลังคุกคามเราและผู้มีความเชื่อทุกคน จากอาณาบริเวณของกรุงเยรูซาเล็ม และจากกรุงคอนสแตนติโนเปิล เรื่องราวที่น่ากลัวได้ปรากฏออกมา มีชนเผ่าที่ถูกสาป ชนเผ่าที่ห่างไกลจากพระเจ้าได้รุกรานดินแดนของชาวคริสต์ และได้ทำลายล้างพวกเขาด้วยดาบ การปล้นสดมภ์ และไฟ ต่อจากนั้นพระสันตะปาปาได้จาระไนการกระทำที่บ้าคลั่งของพวกเติร์ก ไม่ว่าจะเป็นการทำลายวัดหรือใช้วัดเพื่อพิธีทางศาสนาของมุสลิม การทุราจารต่อพระแท่นบูชา การข่มขืนบรรดาสตรีชาวคริสต์ การทรมานและสังหารพวกผู้ชาย พระองค์บอกเล่าชนิดไม่ละเว้นรายละเอียด พระองค์เล่าว่าเทคนิคอย่างหนึ่งของชาวเติร์กในการทรมานเหยื่อ คือเจาะสะดือของเหยื่อ แล้วลากปลายลำไส้ออกมามัดไว้กับเสา ต่อจากนั้น โบยตีเหยื่อซึ่งพยายามหนีทุรนทุรายไปรอบๆ เสา จนที่สุดไส้พุงไหลออกมา และเหยื่อล้มลงกับพื้นสิ้นใจ

   พระสันตะปาปากล่าวต่อว่า ดังนั้น ภารกิจแก้แค้นต่อความผิดเหล่านี้ และพันธกิจที่จะนำดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับมาจะเป็นหน้าที่ของใคร ถ้าไม่ใช่ของพวกท่าน? จงก้าวบนหนทางไปสู่ที่อันศักดิ์สิทธิ์ แย่งชิงดินแดนนั้นคืนมาจากชนเผ่าที่เลวร้าย

   ยังมีวาทะปลุกเร้าจิตใจอื่นๆ เพื่อสร้างผลในการลุกฮือขึ้นก่อการ พระสันตะปาปาอูร์บันเตือนผู้ฟังของพระองค์ว่าแผ่นดินที่พวกเขากำลังจะไป เต็มไปด้วยนมและน้ำผึ้งเป็นดังสวรรค์อีกแห่งหนึ่ง ส่วนดินแดนที่พวกเขากำลังจะจากไปนั้น อึดอัดคับแคบเกินไปสำหรับประชาชนของพวกท่าน โดยเฉพาะอาหารการกินที่ฝืดเคือง และสำหรับชาวฝรั่งเศส ซึ่งกำลังเดือดร้อนจากภาวะอดอยากขาดแคลนที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วในปีนั้น นับว่าเป็นสิ่งที่พูดได้ตรงจุดและทำให้เกิดผล

   เมื่อพระสันตะปาปาอูร์บันกล่าวจบลง เสียงโห่ร้องก็ดังประสานกระหึ่มจากมหาชน เดอุส โวลท์! เดอุส โวลท์! (Deus volt! Deus volt! พระเป็นเจ้าทรงประสงค์! พระเป็นเจ้าทรงประสงค์!) เสียงสนั่นสนับสนุนที่เกิดขึ้นอย่างเป็นไปเองเกินความคาดคิด ทำให้พระสันตะปาปาประกาศอย่างที่พระองค์ก็ไม่ได้คาดคิดก่อนว่า พระเป็นเจ้าทรงประสงค์จะเป็นเสียงโห่ร้องในสนามรบกับศัตรู และผู้ชายทุกคนที่รับเอาภารกิจเสี่ยงอันตรายอันศักดิ์สิทธิ์นี้ จะต้องติดสัญลักษณ์ไม้กางเขนไว้บนอาภรณ์ของเขา ฟูลเชอร์แห่งชาร์ต (Fulcher of Chartres) ซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย ได้เล่า อย่างปีติว่า โอ เป็นการเหมาะสมอะไรเช่นนั้น เป็นสิ่งที่น่ายินดีแก่พวกเราที่จะได้เห็นไม้กางเขนเหล่านั้น

   ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะแยกย้ายกันไป หลายคนในกลุ่มตัดเสื้อคลุมของตัวเอง เอาผ้ามาทำเป็นกางเขนติดใส่ชุดแต่งกายตน สัญลักษณ์นี้ในไม่ช้าก็แพร่หลายเป็นที่ปฏิบัติตามของคนจำนวนมากมายหลายพันคนทั่วตะวันตก บัดนี้ ผู้คนได้รับผลกระทบเต็มๆ ของการประกาศชวนเชื่อที่เผยแพร่อย่างฉลาดเชี่ยวชาญและพากเพียร นอกจากการเทศน์ปลุกเร้าของบรรดาพระสงฆ์และนักเทศน์แล้ว ก็มีใบปลิว แผ่นกระดาษ หนังสือต่างๆ ที่บรรจงบรรยายพฤติกรรมที่น่าเกลียดน่ากลัวของพวกมุสลิม แม้กระทั่ง ศิลปะการวาดภาพก็ถูกนำมาใช้ ภาพวาดชาวเติร์กดุจปีศาจกำลังเหยียบย่ำไม้กางเขนแพร่หลายจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 02, 2005 10:33 am
โดย Prod Pran
นักรบครูเสดชาวนา
   
   ผู้รณรงค์ประกาศชวนเชื่อเรื่องสงครามครูเสดสามารถกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกศรัทธาแท้จริงได้ ความศรัทธานี้เริ่มมาจากการปฏิรูปศาสนจักรในศตวรรษก่อน ประชาชนจำนวนมากได้ก้าวออกจากสภาพแวดล้อมชีวิตที่คุ้นเคย และเดินทางแสวงบุญไกลๆ ไปยังสุสานของนักบุญเปโตรในโรม สุสานนักบุญยากอบในคอมพอสเทลา และนักบุญมาระโกในเวนิส หลายคนได้เดินทางต่อไปยังแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์

   ผสานกับความร้อนรนในการแสวงบุญ การประกาศชวนเชื่อได้เร้าใจชาวคริสต์ตะวันตกถึงจุดเร่าร้อนสุดๆ ขณะที่คนในเมืองและพวกชนชั้นสูงกำลังวางแผนที่จะส่งกองทหารเป็นทางการ ประชาชนธรรมดาก็ลุกฮือขึ้นด้วยตนเอง มีบุคคลแปลกประหลาดผู้หนึ่งที่เป็นต้นเหตุของนักรบครูเสดชาวบ้าน คือ ปีเตอร์ ฤาษีแห่งอาเมียง (Amiens) เขาเหมาะจะอยู่ในกลุ่มพวกประกาศกสมัยเก่า ผมของเขายุ่งเป็นกระเซิง ตากรอกไปมา และพูดได้คล่องแคล่ว ผู้คนตามตลาดนิ่งฟังเขาเหมือนถูกสะกดจิต พวกเขาเชื่อว่าปีเตอร์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

   ปีเตอร์นับเป็นเลิศในฐานะผู้จุดไฟ บรรดาชาวไร่ชาวนาทั่วทั้งฝรั่งเศสและไรน์แลนด์ ทิ้งคราดไถออกรวมตัวกัน ในไม่ช้ากลุ่มชาวนาฝรั่งเศส 2 กอง และเยอรมัน 3 กอง ก็เริ่มหลั่งไหลไปยังหุบเขาดานูบ กองทัพชาวนานี้อาจนับได้ถึง 50,000 คนรวมทั้งคนในครอบครัวของพวกเขาทั้งหมด พวกเด็กเล็กๆ ในกลุ่มจะถามอย่างซื่อๆ เมื่อเดินทางไปถึงเมืองแต่ละเมืองว่า ใช่กรุงเยรูซาเล็มหรือเปล่า

   ในหมู่ชาวเยอรมัน ความฝังใจที่จะฆ่าคนนอกศาสนาทุกคนได้เกิดขึ้นก่อนที่ขบวนจะออกจากแผ่นดินของพวกเขาด้วยซ้ำ พวกยิวแห่งสเปเออร์ (Speyer) เมนซ์ (Mainz) วอร์ม (Worms) และเมืองอื่นๆ เป็นเป้าหมายที่รอพร้อมอยู่แล้ว อาร์คบิชอปแห่งโคโลนจ์ (Cologne)ให้ที่ลี้ภัยแก่ชาวยิวนับพันๆ ในทำเนียบของท่าน แต่พวกนักรบครูเสดชาวนาก็ใช้ขวานพังประตูเข้าไปและสังหารคนจำนวนมาก ไกลออกไปทางตะวันออก นักรบครูเสดชาวนาอีกกลุ่มมุ่งสายตาที่โกรธแค้นไปยังคลังเก็บข้าวสาลีที่บุลกาเรีย และพวกเขาตัดสินใจว่าชาวบุลกาเรียก็เป็นคนเลวร้ายด้วย ทว่า หลังจากต้องทนถูกสังหารหมู่และปล้นสดมภ์ พวกบุลกาเรียก็โจมตีกลับ พวกเขาเข่นฆ่า พวกมาจากตะวันตกเหล่านี้ขณะที่นอนหลับอยู่ข้างแคมป์ไฟ และทำให้บ่อน้ำทั้งหลายไม่สามารถดื่มได้ด้วยการโยนซากแกะเน่าลงไป

   ความเจ็บป่วยและความอ่อนเพลียยังเพิ่มความสูญเสียแก่นักรบครูเสดชาวนาด้วย ในที่สุด ก็เหลือเพียงคนกลุ่มเล็กน้อยที่มาถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิลในปลายฤดูร้อนปี 1096 จักรพรรดิอาเล็กซีอุสพินิจพิจารณาผู้รอดชีวิตที่หิวโหยเหล่านี้ แล้วจัดการส่งพวกเขาลงเรือข้ามไปยังเอเชียไมเนอร์ ที่นั่น พวกเติร์กได้ห้ำหั่นพวกเขาลงทั้งหมด

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 02, 2005 10:36 am
โดย Prod Pran
สงครามครูเสดครั้งที่หนึ่ง

   ขณะที่สงครามครูเสดของพวกชาวบ้านจบลงอย่างน่าเศร้า สงครามครูเสดครั้งแรกของเจ้าผู้ครองนครทั้งหลายจบลงด้วยชัยชนะ ตอนต้นปี 1097 กำลังทหาร 4 กองทัพ ได้มาบรรจบกันที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลโดยทางภาคพื้นดินและทางเรือ ในจำนวนนี้มีทั้งชาวฝรั่งเศส โปรวังซาล เฟลมิงก์ เยอรมัน ซิซีเลียน และที่น่าเกรงขามที่สุดก็คือพวกนอร์มัน พวกเขาเป็นนักสัญจรและนักต่อสู้โดยสัญชาตญาณ พวกนอร์มันที่สืบเชื้อสายของชาวนอร์เวย์โบราณเหล่านี้ ภายใต้การนำของกษัตริย์วิลเลียมผู้พิชิต ได้ปราบอังกฤษเมื่อ 30 ปีก่อน และเมื่อไม่นานก็ขับไล่พวกซาราเซ็นออกจากซิซีลี ในตอนสิ้นปี 1097 กองทัพครูเสดได้ยึดเอเชียไมเนอร์กลับมาให้จักรพรรดิอา-เล็กซีอุส และพวกเขาได้โจมตีต่อไปทางใต้เพื่อชัยชนะของพวกเขาเอง พวกเขาพิชิตได้เมืองใหญ่ๆ ของเอเดสซา ในอาร์เมเนีย อันทีโอค และทริโพลีในซีเรีย แล้วในวันที่ 15 กรกฎาคม 1099 ภายหลังการล้อมตีอยู่ห้าสัปดาห์ กองทัพครูเสดก็บรรลุถึงชัยชนะขั้นสุดท้ายคือกรุงเยรูซาเล็ม มีการรบสู้อย่างดุเดือด ถนนสายต่างๆ แดงฉานไปด้วยเลือด นักรบครูเสดได้ชิงเอาเมืองนี้จากพวกเติร์กสำเร็จ ล่วงถึงตอนกลางคืน ขณะที่เนื้อตัวยังอาบเลือดศัตรู นักรบครูเสดพนมมือและคุกเข่าภาวนาที่สุสานอันเคยวางพระวรกายของพระคริสต์ พวกเขา สะอื้นไห้ด้วยความปีติเหลือล้น

   นับแต่นั้นมา นามนักรบครูเสดก็ได้ให้มโนภาพที่น่ายกย่องชื่นชม เรื่องความกล้าหาญของพวกเขาไม่เป็นที่กังขา ชื่อผู้นำพวกเขาเป็นตำนานเล่าขานไปทั่ว อาทิ เจ้าชายชาวนอร์แมน โบเฮมอนด์ (Bohemond) และแทนเครด (Tancred) ก๊อดฟรีแห่งบุยยอง (Godfrey of Bouillon) และพี่ชายของพระองค์ บอลด์วินแห่งบูโลนย์ (Baldwin of Boulogne) เรย์มอนแห่งตูลูส (Raymond of Toulouse)

   แต่ก็มีความเป็นจริงซึ่งอาจทำให้ภาพสวยงามของนักรบครูเสดดูด้อยลง คือความอุ้ยอ้ายของนักรบในเสื้อเกราะที่ขี่คร่อมบนหลังม้า มือกำด้ามดาบหรือหอกเตรียมพร้อม อัศวินโดยเฉลี่ยสูงประมาณห้าฟุตสามนิ้ว ม้าของเขาเป็นต้นกำเนิดของม้าลากรถเพอเชอรอนสมัยใหม่ ท่าทางไม่องอาจนัก เสื้อเกราะที่เป็นแผ่นเหล็กแข็งยังไม่เกิดขึ้นจนกระทั่งหลังสงครามครูเสด พวกนักรบครูเสดสวมเสื้อคลุมหนังสัตว์หรือผ้าลินิน ซึ่งมีวงแหวนเหล็กเล็กๆ เย็บติดไว้จำนวนมากเป็นเกราะป้องกันแทน

   นอกสนามรบ ความประพฤติของพวกครูเสดไม่ใช่แบบอย่างที่ควรยึดถือ พลเมืองของกรุงคอนสแตนติโนเปิลรังเกียจนิสัยโง่ทึ่มของพวกเขา พวกนักรบครูเสดเหล่านี้แม้จะเป็นชาวเมือง แต่พวกเขาก็ต้องตื่นตะลึงไปกับเมืองคอนสแตนติโนเปิลอันอลังการ ในเวลานั้น ปารีส ลอนดอนและโรม มีสภาพที่เหนือกว่าตลาดใหญ่ๆ เพียงเล็กน้อย ส่วนคอนสแตนติโนเปิลมีถนนปูเรียบทั่วเมือง ยามค่ำคืนก็สว่างไสว มีร้านค้าอยู่เรียงราย มีสวนสาธารณะ โรงละคร มีสนามม้าหนึ่งแห่ง มีคฤหาสถ์ของเศรษฐี อาคารอยู่อาศัยของคนงาน โบสถ์ฮาเคีย โซเฟีย (Hagia Sophia) ที่งดงามจนไม่อาจเปรียบเทียบได้ และพระราชวังของจักรพรรดิ ซึ่งเพียบพร้อมด้วยหินอ่อน หินขัด เพชร พลอย ผ้าทอหรูหรา ความมั่งคั่งของคอนสแตนติโนเปิลเป็นสิ่งล่อใจอย่างยิ่ง และพวกครูเสด ก็ไม่ระงับใจที่จะปล้นและขโมย แอนนา คอมเนนา (Anna Comnena) พระธิดาของจักรพรรดิ ตราหน้าผู้มาสู่เมืองของเธอว่าเป็นพวกผมสีทองที่โหดเหี้ยม และ หิวเงินเสมอ

   พระบิดาของเจ้าหญิงไม่พอใจเช่นเดียวกัน พระองค์รู้สึกถึงอันตรายของพวกอนารยชนร่วม 50,000 คนที่มาถึงเมืองของพระองค์ พระองค์บังคับให้พวกผู้นำของพวกเขาปฏิญาณตนจงรักภักดีและปฏิญาณที่จะให้พระองค์เป็นผู้ครอบครองดินแดนที่พวกเขาอาจยึดได้ แต่ในไม่ช้า จักรพรรดิอาเล็กซีอุสก็กระทำสิ่งซึ่งพวกครูเสดถือว่าเป็นการทรยศ ในการล้อมรบที่เมืองนิเชอา พวกเติร์กกำลังจะยอมแพ้ แต่พระจักรพรรดิอาเล็กซีอุสได้ตกลงอย่างลับๆ กับศัตรูให้ยุติการสู้รบ จากนั้น พระองค์ก็สั่งให้กองทัพครูเสดเคลื่อนทัพต่อไป จริงๆ แล้ว ความคิดเรื่องสงครามศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งแปลกประหลาดในความคิดของพวกไบเซนไทน์ เมื่อพวกครูเสดสำนึกถึงความจริงเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สึกเป็นอิสระที่จะดำเนินการตามจุดมุ่งหมายที่ฝังใจพวกเขาที่สุด นั่นคือ สร้างอาณาจักรของพวกเขาเองในตะวันออก

   การพิชิตกรุงเยรูซาเล็มเป็นความสำเร็จสูงสุดของภารกิจนี้ ในวันคริสต์มาส ปี 1100 อาณาจักรลาตินแห่งเยรูซาเล็มก็บังเกิดขึ้น รัฐคริสตชนอื่นอีกสามรัฐได้ถูกจัดตั้ง คือ มณฑลเอเดสซา (Edessa) อาณาเขตเจ้าผู้ครองนครอันทีโอค (Antioch) และมณฑลทริโพลิ (Tripoli) ทั้งสี่แห่งได้ประสานเป็นแนวปราการปกป้องเมืองท่าต่างๆ ตามชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ในยุโรป รัฐเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันว่า อูเตรอแมร์ (Outremer) ดินแดน โพ้นทะเล

   นับจากนั้นเกือบ 200 ปี อูเตรอแมร์เป็นฐานที่มั่นคงทางตะวันออกของชาวคริสต์ตะวันตก บรรดาเมืองท่าเรือต่างๆ ของอิตาลี คือ เวนิส เจนัว และพีซา ถูกใช้เป็นเส้นทางที่จัดหาเสบียงและลำเลียงทหารใหม่ ในอูเตรอแมร์เอง ค่ายทหารได้รับการป้องกันโดยคณะนักบวชใหม่สองคณะ คือ

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 02, 2005 10:39 am
โดย Prod Pran
สงครามครูเสดครั้งที่สอง (1147-1148)

   ฟัลเชอร์แห่งชาร์ต (Fulcher of Chartres) ซึ่งเป็นพระสงฆ์ ได้สรุปสภาพการณ์ว่า

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 02, 2005 10:43 am
โดย Prod Pran
สงครามครูเสดของพวกเด็ก

   แปดปีต่อมา ในปี 1212 ได้เกิดการรณรงค์เข้าสู่สงครามครูเสดของเด็กๆ 2 ครั้ง เด็กชาวนาชาวฝรั่งเศสอายุ 12 ปีคนหนึ่ง ชื่อ สตีเฟินแห่งคลอย (Stephen of Cloyes) ยืนยันว่าพระคริสตเจ้าทรงปรากฏองค์แก่เขาในขณะที่เขากำลังเฝ้าแกะ พระองค์ทรงสั่งเขาให้จัดเตรียมเด็กๆไปรบสงครามครูเสดที่กรุงเยรูซาเล็ม พวกผู้ใหญ่ได้ยินแล้วพากันหัวเราะ แต่มีวัยรุ่นชาวฝรั่งเศสประมาณ 30,000 ทำตามการเรียกร้องของสตีเฟิน พวกเขาเดินทางผ่านเข้าไปในมณฑลมาร์ซัยย์ (Marseilles) ที่นั่น พวกเข้าคาดหวังว่าพระเป็นเจ้าจะทรงกระทำดังที่เคยทำกับโมเสส คือจะแยกน้ำออกเพื่อให้พวกเขาเดินข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์โดยรองเท้าไม่เปียก แต่พวกผู้ค้าทาสได้หลอกลวงเด็กเหล่านี้ให้ขึ้นเรือและขายพวกเขาให้แก่พวกซาราเซ็นในอาฟริกาเหนือและอียิปต์ นักรบครูเสดเด็กๆ ชาวเยอรมัน 20,000 กว่าคนในปีเดียวกันก็ไปไม่ไกลกว่าอิตาลี บางคนตุหรัดตุเหร่กลับบ้านและถูกบังคับใช้แรงงานโดยพวกชาวนาที่ได้เคยเยาะเย้ยการออกเดินทางของพวกเขา เด็กหญิงบางคนจบลงในซ่องโสเภณีเมืองโรม

สงครามครูเสดอื่นๆ

   ในปี 1229 สงครามครูเสดที่ประหลาดที่สุดได้เกิดขึ้น นั่นคือ เป็นสงครามครูเสดที่ไม่มีเลือดตกยางออกเพราะตกลงกันได้ทางการทูต ทั้งนี้โดยความสามารถของจักรพรรดิเฟรเดริค ที่ 2 (Frederick II) แห่งเยอรมนี กษัตริย์ผู้ซึ่งในขณะนั้นถูกพระสันตะปาปาประกาศขับออกจากศาสนา จักรพรรดิเฟรเดริคเป็นพระนัดดาของจักรพรรดิบาร์บารอสซา พระองค์เป็นคนพิเศษโดดเด่นในยุคของพระองค์ในทุกๆ ด้าน พระองค์ได้รับการศึกษาอย่างดีเลิศ พระองค์พูดได้ 6 ภาษา รวมทั้งภาษาอาหรับ พระองค์ได้รับการขนานนามว่า สตูปอร์ มุนดี (stupor mundi)

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 02, 2005 10:44 am
โดย Prod Pran
น้องโฮลี่ นำไปขึ้นบอร์ด บทความ ได้ค่ะ ;D

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 02, 2005 10:22 pm
โดย -Rei-
พี่พีพียอดเยี่ยมกระเทียมดองที่ซู๊ดดด *no1

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 03, 2005 7:30 am
โดย New lamb
ขอบคุณค่ะ คุณ พี พี *no1

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 03, 2005 10:35 am
โดย Pry-Kaew
ขอบคุณครับพี่พีพี สำหรับบทความดีๆจากนิตยสารอิสระ

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 04, 2005 12:43 am
โดย internazionale7
ขอบคุณมากครับสำหรับสิ่งดีๆ

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 08, 2005 12:22 am
โดย Wasu
ขอบคุณครับสำหรับความรู้ดีๆ :)

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 08, 2005 5:33 pm
โดย Champkun
ขอบคุณพี่พีพีครับ ยาวมากๆๆ
ยังอ่านไม่จบเลย แต่ปวดตาแล้ว ไว้เดี๋ยวมาอ่านต่อ *-*

Re:<<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 08, 2005 10:51 pm
โดย Prod Pran
Champkun เขียน: ขอบคุณพี่พีพีครับ ยาวมากๆๆ
ยังอ่านไม่จบเลย แต่ปวดตาแล้ว ไว้เดี๋ยวมาอ่านต่อ *-*
แหมๆๆ น้องแชมป์ ไม่ชอบความยาว เหรอ ;D

ต้องขอบคุณ ผู้แปลและเรียบเรียง คือ จิรกรณฑ์ เสวตรวิทย์ และ พ่อซีมอน, C.Ss.R.

Re: <<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 03, 2007 7:26 pm
โดย Jeab Agape
อ่านกันก่อนไปทำสงครามคร้าบ :cheesy:

Re: <<: สงครามครูเสด :>>

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 04, 2007 11:16 pm
โดย Batholomew
Jeab Agape เขียน:
อ่านกันก่อนไปทำสงครามคร้าบ :cheesy:
สงคราม :huh: