หน้า 1 จากทั้งหมด 1

พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 12:17 am
โดย Holy
มีหนังสือเล่มหนึ่ง เขียนโดย ดร. โจเอล เอ. ฟรีแมน.พิมพ์โดย กนกบรรณสาร

ชื่อหนังสือว่า         พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน

รูปภาพ

ซึ่งจัดพิมพ์มาตั้งแต่ปี  2001 จึงคิดว่า พี่น้องโปรแตสแตนท์น่าจะเคยอ่านหรือเคยเห็นกันมาบ้าง หนังสือมีหลายหน้าหลายบท แต่มีบาางตอนน่าสนใจ ผมจึงขอตัดทอน และเรียบเรียง มาแบ่งปันให้ลองอ่านกันดู เผื่อท่านไหนมีปัญหา ชอบคิดว่าพระเจ้าไม่ยุติธรรม จะลองหามาอ่านกันดูบ้าง



บทที่ 8 คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

ความทุกข์ยากของเราไม่มีค่าควรที่จะเรียกว่าความทุกข์ยากเมื่อข้าพเจ้าคิดถึงกางเขนของข้าพเจ้า  การทนทุกข์  และการทดลอง  ข้าพเจ้ารู้สึกละอายแก่ใจจนเกือบจะตาย  เมื่อคิดว่ามันเป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับการทนทุกข์ของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า

มาร์ติน  ลูเธอร์


รูปภาพ

คนขี้บ่น! คนขี้บ่น!  พวกเขามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง!  พวกเขามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง!  จะเห็นพวกเขาได้ในร้านอาหาร  ตามร้านเหล้า  พวกเขาจะร้องไห้คร่ำครวญอยู่ตามม้านั่งในโบสถ์  จะรู้จักพวกเขาได้ในโรงพยาบาลและสถานศึกษาและยังมีคนขี้บ่นอีกจำนวนหนึ่งที่เห็นได้ในดินแดนที่ห่างไกลเพื่อไปประกาศข่าวประเสริฐ

พวกเขามีส่วนร่วมในตัวหารเดียวกันนั่นคือ  พวกเขารู้สึกว่าชีวิตได้กระทำกับพวกเขาอย่างไม่ยุติธรรม อย่าถามพวกเขาว่ารู้สึกอย่างไร  นอกเสียจากว่าคุณจะเตรียมตัวมาพร้อมที่จะรับฟัง  “เรื่องสงคราม”  ที่ชุ่มฉ่ำครบครันไปด้วยเรื่องของคนโน้นคนนี้  พวกเขาจะทำให้หูของคุณเอียงไปเป็นชั่วโมง ๆ  ถ้าคุณยอมฟังพวกเขา  ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง  พวกเขาจะทำให้ข้อปลีกย่อยเป็นเรื่องที่น่าทึ่งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์  แท้จริงแล้วคุณจะถูกทดลองด้วยการให้รางวัลออสการ์สำหรับการแสดงของพวกเขา

ใน 1 โครินธ์  11:18-19 อาจารย์เปาโลกล่าวว่ามีหลายครั้งที่เกิดการแตกแยกและแบ่งพรรคแบ่งพวกขึ้นในคริสตจักร  เพื่อว่าจะสามารถมองเห็นคนที่จริงใจได้ง่าย ๆ  ด้วยแรงจูงใจที่มาจากความรักในฐานะที่เป็นศีรษะของคริสตจักร  พระเยซูคริสต์ทรงอนุญาตให้วิกฤติการณ์เกิดขึ้นในระหว่างผู้เชื่อ  ไม่นานนักคนขี้บ่นมืออาชีพสองสามคนก็เริ่มออกลายแสดงอาการต่อต้านศิษยาภิบาล  และในที่สุดก็บ่นเรื่องนโยบายที่  “ไม่ยุติธรรม”  ของคริสตจักรว่าเป็นยังงั้นเป็นยังงี้  ในที่สุดพวกเขาก็จูงจมูกคนที่ไม่มีจุดยืนให้ร่วมก๊วนบ่นตามพวกเขาไปด้วย

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 12:21 am
โดย Holy
ในการเสี่ยงที่ดูเหมือนยาก  พวกเขาไม่ค่อยตระหนักว่าพระเจ้าจะสงวนสิทธิเพื่อทดสอบจิตใจของประชากรของพระองค์  พระองค์จะใช้มนุษย์คนอื่น ๆ  เหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้  สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง  การแทงทะลุของพระวจนะ  และการทำให้สำนึกโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์  เพื่อสำแดงว่าพวกเขาได้นำสิ่งที่ได้ยินได้ฟังไปใช้ได้ดีอย่างไร

สิ่งนี้เตือนให้ผมคิดถึงคนขี้บ่นที่บาดเจ็บในพระคัมภีร์จำนวนมาก  ผู้ที่ไม่พอใจกับการได้รับค่าจ้างที่เท่ากันในงานที่ไม่เท่ากัน  ให้เรามาหยุดพักสักหน่อยและอ่านเรื่องราวอมตะเรื่องนี้และแปลความหมายที่ซ่อนอยู่ด้วยกัน

“ด้วยแผ่นดินสวรรค์อุปมาเหมือนเจ้าของสวนคนหนึ่ง  ออกไปจ้างคนทำงานในสวนองุ่นของตนแต่เวลาเช้าตรู่  ครั้นตกลงกับลูกจ้างวันละเดนาริอันแล้ว  จึงใช้ให้ไปทำงานในสวนองุ่น
พอเวลาประมาณสามโมงเช้า  เจ้าของสวนก็ออกไปอีก  เห็นคนอื่นยืนอยู่เปล่า ๆ  กลางตลาด  จึงพูดกับเขาว่า  'ท่านทั้งหลายจงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด  เราจะให้ค่าจ้างแก่พวกท่านตามสมควร'  แล้วเขาก็พากันไป
พอเวลาเที่ยงวันและเวลาบ่ายสามโมง  เจ้าของสวนก็ออกไปอีกทำเหมือนก่อน  ประมาณบ่ายห้าโมงก็ออกไปอีกครั้งหนึ่ง  พบอีกพวกหนึ่งยืนอยู่  จึงพูดกับเขาว่า  'พวกท่านยืนอยู่ที่นี่เปล่า ๆ  วันยังค่ำทำไม'
เขาตอบว่า  'เพราะไม่มีใครจ้างพวกข้าพเจ้า'
เจ้าของสวนบอกว่า  'ท่านทั้งหลาย  จงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด'
ครั้งถึงเวลาพลบค่ำ  เจ้าของสวนจึงสั่งเจ้าพนักงานว่า  'จงเรียกคนทำงานมา  และให้ค่าจ้างแก่เขา  ตั้งแต่คนมาทำงานสุดท้ายจนถึงคนที่มาแรก'
คนที่มาทำงานเวลาประมาณบ่ายห้าโมงนั้น  ได้ค่าจ้างคนละหนึ่งเดนาริอัน  ส่วนคนที่มาแรกนึกว่าเขาคงจะได้มากกว่านั้น  แต่ก็ได้คนละหนึ่งเดนาริอันเหมือนกัน
เมื่อเขารับเงินไปแล้วก็บ่นต่อว่าเจ้าของสวนว่า  'พวกที่มาสุดท้ายได้ทำงานชั่วโมงเดียว  และท่านได้ให้ค่าจ้างแก่เขาเท่ากันกับพวกเราที่ทำงานตรากตรำกลางแดดตลอดวัน'”


ในเรื่อง ณ จุดนี้  คุณรู้สึกอย่างไรกับชายที่น่าสงสารที่เริ่มทำงานตั้งแต่ไก่โห่  คุณรู้สึกเสียใจกับพวกเขาไหม  คุณคิดว่าพวกเขามีสิทธิถูกต้องที่จะบ่นต่อว่าเจ้าของสวนไหม  พวกเขาควรจัดตั้งสหภาพแรงงานและประท้วงไม่ทำงานจนกว่ามาตรฐานที่เที่ยงธรรมจะตั้งขึ้นสำหรับคนงานไหม  คุณเชื่อว่าพวกเขากำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไหม  สิทธิของพวกเขาสำคัญไหม


รูปภาพ

ก่อนที่เราจะตั้งคำถามกันมากเกินไป  ให้เรามาค้นหาว่าเจ้าของสวนตอบโต้อย่างไรในสถานการณ์ที่ยุ่งยากนี้  เขากำลังจัดการกับคนขี้บ่นตัวเบ้งที่สุดของพวกที่มาแต่เช้า  คุณพร้อมหรือยัง

“ฝ่ายเจ้าของสวนก็ตอบแก่คนหนึ่งในพวกนั้นว่า  'สหายเอ๋ย'  เรามิได้โกงท่านเลย  ท่านได้ตกลงกันแล้ววันละหนึ่งเดนาริอันมิใช่หรือ  รับค่าจ้างของท่านไปเถิด  เราพอใจจะให้คนที่มาทำงานหลังที่สุดนั้นเท่ากันกับท่าน  เราจะใช้เงินทองของเราตามใจของเราเองไม่ได้หรือ  ทำไมท่านอิจฉาเมื่อเห็นเราใจดี'”

ถ้าเราพิจารณากรณีนี้จากทัศนะของตรรกะแห่ง  “ความยุติธรรม”  เราอาจจะถูกดึงเข้าสู่ความรู้สึกเสียใจไปกับชายที่ทำงานทั้งวัน  ในที่สุด  มันก็จะไม่เป็นการ  “ยุติธรรม”  ที่พวกเขาต้องทำงานเกือบทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น  เจ้าของสวนก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนถึงความจริงที่ว่า  พวกเขาทำงานในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน  ส่วนคนทำงานอื่น ๆ  ทำงานเพียงหนึ่งชั่วโมงในช่วเวลาแดดร่มลมตกแล้ว  และพวกเขาก็ยังได้ค่าจ้างเท่ากัน  แต่ตอนที่ยากที่สุดที่จะเข้าใจได้ก็คือ  เจ้าของสวดดูเหมือนจงใจที่จะจ่ายค่าจ้างให้คนที่มาสุดท้ายก่อน  แต่คนที่มาก่อนกลับจ่ายทีหลัง  ดูเหมือนว่าจะไม่  “ยุติธรรม!”  ใช่ไหม

ขณะที่เรื่องนี้ยากที่จะเข้าใจจากทัศนะของมนุษย์  ให้เรามาเปลี่ยนแว่นตากันและมองฉากทั้งหมดจากจุดยืนในเรื่องความเที่ยงธรรมของพระเจ้า

คำอุปมาเรื่องนี้เกี่ยวกับแผ่นดินสวรรค์  ซึ่งเป็นที่ที่ครอบครองอยู่ด้วยพระคุณและความเที่ยงธรรมของพระเจ้า  และอุดมคติแบบมนุษย์ในเรื่องจริยธรรมตามสถานการณ์และตรรกะแห่ง  “ความยุติธรรม”  กลายเป็นเรื่องแปลกไปโดยสิ้นเชิง

ประเด็นสำคัญของกรณีนี้ก็คือ  พระเจ้า  ที่แสดงออกในฐานะที่เป็นเจ้าของสวนในคำอุปมานี้  พระองค์มีสิทธิ์ที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ต้องการเมื่อพระองค์ทรงต้องการจะทำ  พระองค์สามารถมีพระเมตตาอย่างกว้างขวางถ้าพระองค์ทรงปรารถนา แม้ว่าคนบางคนอาจเสียเวลาตลอดชีวิตในการบ่นต่อว่าเรื่องความเมตตาของพระองค์  พระองค์มีสิทธิ์ที่จะแสดงท่าทีที่จะทำให้งานของพระองค์สำเร็จ  พระองค์ทรงใช้สิทธิของพระองค์เพื่อท้าทายคนขี้บ่นที่บาดเจ็บด้วยสถานการณ์ที่  “ไม่ยุติธรรม”  ด้วยหวังว่าบางทีพวกเขาจะหยุดบ่นต่อว่าและเริ่มที่จะเติบโต  พระองค์ทรงแบ่งทุกสิ่งในแผ่นดินของพระองค์ให้อยู่ในระดับเดียวกัน

หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งคือ  เมื่อผู้เชื่อทุกคนยืนอยู่ต่อหน้าพระเยซู  ทุกคนจะได้รับค่าจ้างเท่ากันนั่นคือ  พระคุณ  มันไม่สำคัญว่าใครคนใดคนหนึ่งเป็นมิชชันนารีที่ทุกข์ยากลำบากมาถึงห้าสิบปีในดินแดนที่ห่างไกล  หรืออีกคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างกับโจรผู้ร้ายมาตลอดชีวิตและแล้วก็กลับใจในตอนใกล้จะตาย  แต่ละคนจะได้อยู่ในสวรรค์แม้ว่าพวกเขาไม่สมควรจะได้  และไม่สมควรจะได้แม้ว่าเขาพยายามแล้วก็ตาม

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 12:24 am
โดย Holy
เมื่อพระเยซูตรัสว่า  “รับกางเขนของตนแบกและตามเราไป  แม้ว่าเจ้าจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม” เรามักจะพูดว่า  “ตกลง  แล้วเราจะได้อะไรตอบแทนล่ะ”  เมื่อชีวิตยื่นมืออันน่ารังเกียจเข้ามาจัดการกับชีวิตของเรา เรามีแนวโน้มที่จะร้องไห้คร่ำครวญและถนอมกล่อมเกลี้ยงท่าทีที่ชั่วร้ายต่อต้านพระเจ้า

รูปภาพ

เรามักจะติดตามพระเยซูด้วยมาตรฐานที่ว่าเท่าที่เราจะได้รับผลประโยชน์  นี่เป็นข้อกล่าวหาแรกที่ซาตานกล่าวหาโยบมิใช่หรือ  ในทางกลับกันพระเยซูปรารถนาให้เรารับใช้พระองค์โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ติดตามมา  เราเรียนรู้เหมือนกับคนงานที่มีประสบการณ์ในความชื่นชมยินดีในการทำงานเพื่อพระองค์ในสวนองุ่น  และเชื่อวางใจในพระองค์ที่จะประทานบำเหน็จให้กับเราบนมาตรฐานของความเที่ยงธรรมของพระองค์

เมื่อเราประพฤติเหมือนคนงานแรกที่ไม่พอใจในส่วนที่เขาได้รับ  นั่นมักเป็นเพราะเจ้าเข้าไปในอาณาเขตที่ยังไม่มีใครแตะต้องมาก่อน พระองค์ทรงคอยเวลาอันเหมาะสมอย่างอดทน  และแล้วก็ท้าทายเราด้วยการทดสอบใหม่หลังจากจัดเตรียมเราด้วยกำลังของพระองค์แล้ว  ถ้าเราปฏิเสธการจัดเตรียมของพระองค์  เราจะกลายเป็นคนขี้บ่นที่บาดเจ็บ  คอยปลุกเร้าความเห็นอกเห็นใจจากเหล่าผู้สังเกตการณ์ที่ไร้ปัญญา แต่พระเจ้าทรงมองผ่านสิ่งที่เราทำอยู่ที่เปล่าประโยชน์  และยังคงทดสอบเราต่อไปจนกว่าเราจะยอมต่อแผนการของพระองค์  ด้วยการยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 12:34 am
โดย Holy
ซาบรินา  เวอร์มแบรนด์  ได้อดทนต่อประสบการณ์ในค่ายกักกันในโรมาเนีย  ขอให้ดูท่าทีของเธอขณะที่คุณอ่านจากตอนหนึ่งในหนังสือที่เธอเขียน  The Pastor's Wife  (ภรรยาของศิษยาภิบาล)

เช้าวันรุ่งขึ้นยามมาบอกให้ฉันเก็บข้าวของ  ในวันเดียวกันนั้นฉันถูกส่งกลับไปที่อาณานิคมแรงงาน  ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงหมูของรัฐ  เป็นที่ที่มีผู้หญิงห้าสิบคนเลี้ยงหมูหลายร้อยตัว  หลายปีมานี้ลำบากยิ่งนัก  แต่ครั้งนี้สาหัสที่สุด  อาหารที่ได้แทบจะไม่พอยาไส้  เราต้องลากสังขารตื่นตั้งแต่ตีห้า  เสื้อผ้าก็สกปรกเป็นชุดเดียวกันกับที่เราใส่นอน  และต้องออกไปข้างนอกเผชิญอากาศหนาวเหน็บและมืดเพื่อให้อาหารหมู  คอกหมูที่มีของเหลวสกปรกที่ลึกถึงข้อเท้า  เป็นที่เพียงแห่งเดียวที่ไม่เป็นน้ำแข็ง  กลิ่นเหม็นอันน่าขยะแขยงตลบอบอวลไปทั่วและแทรงซึมเข้าสู่ทุกซอกทุกมุมในกระท่อมของเรา  มันติดไปทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า  อาหารที่เราได้กินด้วยช้อนไม้ก็มีกลิ่นนี้ติดอยู่ด้วย  แต่เรายังดีกว่าบุตรน้อยหลงหายเพราะว่า  เราเติมท้องของเราด้วยเปลือกผลไม้ที่หมูกิน

ความหมายเลือนหายไปจากสิ่งต่าง ๆ  ความตายจ้องมาที่ใบหน้าของฉัน  โลกทั้งโลกถูกสร้างมาด้วยน้ำตาและความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  และเสียงร้องออกมาจากหัวใจของฉัน  “พระเจ้าของข้าพระองค์  พระเจ้าของข้าพระองค์  ทำไมพระองค์จึงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย”

รูปภาพ

การพยายามทำความสะอาดกลิ่นเหม็นเป็นเรื่องสิ้นหวังพอ ๆ  กับการพยายามทำความสะอาดโลกนี้ทั้งใบ  แต่ละวันเราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการลากรถเข็นที่บรรจุมูลสกปรกกองเท่าภูเขา  ทั้งหิวทั้งเหนื่อยใจจะขาด  ฉันรู้ว่าไม่มีความหวังสำหรับฉันหรือโลกนี้  และคาดหวังเพียงความตายเท่านั้น

และบางทีในสภาพจิตใจเช่นนี้  ฉันไม่น่าจะมีชีวิตรอด  แต่ฉันขอบคุณอย่างที่สุดที่ไม่ต้องทนอยู่กับสภาพแบบนี้ไปอีกหลายอาทิตย์  ฉันเชื่อว่าพระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของฉัน  และนำฉันออกมาตามแผนการของพระองค์  ฉันเพียงแต่ต้องเรียนรู้บทเรียนที่ลึกซึ้งให้มาก  ต้องดื่มถ้วยแห่งความขมขื่นไปจนถึงตะกอนของมัน  และตอนนี้ฉันขอบคุณพระเจ้าที่สามารถผ่านโรงเรียนอันยากลำบากแห่งนี้  ซึ่งสอนฉันถึงความรักที่สูงสุด  ความรักต่อพระเจ้า  แม้เมื่อพระองค์ไม่ได้ประทานสิ่งใดให้ฉันเลยนอกจากความทนทุกข์


ซาบรินาได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่า  ขณะที่ต้องอดทนต่อการมีชีวิตอยู่อันน่ากลัวเช่นนี้  เธอเรียนรู้ที่จะรักและเชื่อวางใจในพระองค์แม้ในท่ามกลางความเจ็บปวด  เธอปรนนิบัติรับใช้พระองค์  ชื่นชมกับสันติสุขแม้ว่าจะไม่เข้าใจสภาพแวดล้อมของเธอว่า  “ทำไม”

อย่างไรก็ตาม  เราไม่จำเป็นต้องอยู่ในค่ายกักกันนั้นเพื่อจะเรียนรู้หลักการเดียวกันนี้  ชีวิตได้จัดห้องเรียนมากมายไว้ให้เรา  เพื่อช่วยในการเรียนรู้ที่จะปรนนิบัติพระเจ้า  โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่มองเห็นได้  ตัวอย่างเช่น 

ในคณะนักร้องคริสตจักร  “ราเชลได้ร้องเดี่ยวเสียเป็นส่วนใหญ่” 
ในหน้าที่การงาน  “เฮิร์บได้รับการเลื่อนขั้นก่อนผม” 
ในโรงพยาบาล  “ไม่มีใครมาเยี่ยมฉันเลย” 
ที่บ้าน  “ครอบครัวของฉันไม่เคยชื่นชมในงานทุกอย่างที่ฉันทำ”

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 12:36 am
โดย Holy
ผมรู้ว่าในฐานะที่เป็นศิษยาภิบาลคนหนึ่ง  ผมสังเกตเมื่อคนใหม่เข้ามาในโบสถ์  และแสดงความตื่นเต้นในเรื่องของดนตรี  คำเทศนา  ผู้คน  และบรรยากาศทั่วไปของคริสจักร

หลังจากมานมัสการได้สักสองเดือน  พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมในพันธกิจบางอย่างของคริสตจักร  ต่อมาไม่นานพวกเขาจะเข้ามาหาผมพร้อมด้วยสีหน้าขาวซีด  พูดว่า  “โจเอล  เมื่อผมมาที่นี่ตอนแรกผมรู้สึกชื่นชม  แต่เมื่อผมเข้าไปร่วมด้วย  ผมคิดว่าคริสตจักรนี้เป็นเหมือนกับสวนสัตว์  ที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ทั้งนั้น!”

ผมพยายามจัดการกับปัญหาและคำร้องเรียนที่สมควรจะได้รับการแก้ไข  ด้วยวิธีการที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  แต่ด้วยเรื่องเหล่านี้ผมมักขอบพระคุณพระเจ้าว่า  ตอนนี้เราได้เผชิญกับโอกาสในภาคปฏิบัติที่จะนำหลักการฝ่ายจิตวิญญาณไปใช้ในชีวิต  และเติบโตขึ้นในพระคุณและความรู้ถึงพระเยซูคริสต์!

มันทำให้ผมเศร้าใจเสมอเมื่อต้องพบกับที่ที่มีคนงานเก่าที่ถูกทำให้ขมขื่นจากสถาบันทางธุรกิจต่าง ๆ  หรือสมาชิกเก่าที่ไม่เป็นที่ต้องการของหลาย ๆ  คริสตจักร  บางคนถูกกดดันเพราะความปรารถนาที่จะทำลายผู้นำคนก่อน  ขณะที่คนอื่นยังคงยึดจิตวิญญาณที่บาดเจ็บไว้แน่นในความสิ้นหวังอย่างเงียบ ๆ

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้ก็คือ คนจำนวนมากถูกครอบงำด้วยเรื่อง  “ความยุติธรรม”  อย่างแน่นหนา  พวกเขามองข้ามพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และอัศจรรย์ไป  ตรงกันข้ามพวกเขากลับมุ่งเน้นไปในเรื่องที่ว่า  พวกเขาบาดเจ็บร้ายแรงแค่ไหน  และพวกเขาจะตอบโต้ได้อย่างไร  คำอธิษฐานร้อนรน  การนำวิญญาณและศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัว ทั้งหมดไม่มีความสำคัญเท่าเรื่อง  “ความไม่ยุติธรรม”  ที่ผ่านมา  ซึ่งครอบงำพวกเขาอยู่

อย่างไรก็ตาม  ผมไม่ไวในการพิพากษา  เนื่องจากผมเคยเป็นอย่างพวกเขามาก่อน  แต่ละครั้งผมระลึกถึงความจำเป็นที่จะต้องอธิษฐานเผื่อพวกเขา  และรักษางบอันยุ่งเหยิงของผมเองให้สมดุล

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 12:37 am
โดย Holy
แนวทางการอภิปราย(รำพึง-กรณีเฝ้าเดี่ยว)

1. มีใครบ้างในอดีตที่ผ่านมา  ที่คุณจำเป็นต้องให้อภัย  คุณต้องทำอย่างไรถึงจะให้ความทรงจำที่เจ็บปวดนั้สูญสลายไป

2. คุณจะตอบสนองอย่างไร  เมื่องานของคุณไม่เป็นที่รู้จัก


3. คุณได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าบ้างไหม  ขอให้ถ่อมใจลงต่อพระองค์และทูลขอนิมิตใหม่ในความยิ่งใหญ่และฤทธิ์เดชของพระองค์


ดร. โจเอล เอ. ฟรีแมน. พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน หน้าที่ 78 – 87. กนกบรรณสาร,  2001.

เรียบเรียงโดย กลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสต์เจ้า http://www.newmana.com

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 10:39 am
โดย Valkyrie Zero Number
ขอเวลาคิด......แต่ไม่ขอกำหนดเวลา เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องใช้เวลาทำความเข้าใจอีกนานมั้ย

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 05, 2010 12:29 pm
โดย Batholomew
^
^
เรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปครับ เวลาเท่านั้นที่ช่วยได้

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 29, 2010 1:05 am
โดย ~@Little lamb@~
อย่าให้โอกาสแก่มารค่ะ

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 29, 2010 1:09 pm
โดย พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
บทความนี้สุดฤทธิ์

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 29, 2010 9:19 pm
โดย Valkyrie Zero Number
วันนี้มีความรู้สึกอยากยื่นใบลาออกชอบกล.......

Re: พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน --- คนขี้บ่นที่บาดเจ็บ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 14, 2011 3:37 pm
โดย s.gabriel
เตือนสติดีครับ