แฉ"ฮิตเล่อร์"ต้องการขโมย"ผ้าห่อพระศพพระเยซู"วาติกันต้องนำไปซ่อน
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 07, 2010 1:32 pm
แฉ"ฮิตเล่อร์"ต้องการขโมย"ผ้าห่อพระศพพระ เยซู"วาติกันต้องนำไปซ่อน
วันที่ 07 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 11:27:00 น. มติชนออนไลน์

"เดอะ เทเลกราฟ"รายงานเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ว่า บาทหลวง"อังเดร คารดิน"ให้สัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอิตาลีว่า ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ฮิตเลอร์มีแผนที่จะขโมย"ผ้าห่อพระศพพระเยซู"เนื่องจากคลั่งไคล้ในสิ่งดังกล่าว และทำให้วาติกันและสำนักซาวอยของราชวงศ์อิตาลีในขณะนั้น ได้ออกคำสั่งให้มีการนำผ้าห่อพระศพดังกล่าวไปซ่อนยังสถานศักดิ์สิทธิ์มอนเตอเวอร์จีนในเมืองอาวาเลลินา ในจังหวัดแคมปาเนีย ทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อปี 1939 ก่อนที่จะถูกสั่งให้นำไปยังเมืองตูริน เมื่อปี 1949

บาทหลวงอังเดรกล่าวว่า การสั่งย้ายซ่อนดังกล่าวในทางการแล้ว เพื่อป้องกันการถล่มจรวดโจมตีกรุงตูรินที่อาจจะมีขึ้น แต่จุดประสงค์แท้จริงคือ เพื่อให้พ้นจากมือฮิตเล่อร์ ซึ่งได้เคยเดินทางไปยังอิตาลีเมื่อปี 1938 และที่ปรึกษาระดับสูงของเขาได้ถามถึงผ้าพระห่อพระศพพระเยซูหลายครั้งอย่าง ผิดปกติ และว่าภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองเปิดฉากขึ้น โดยอิตาลีเข้าร่วมกับเป็นพันธมิตรกับเยอรมัน กองทัพนาซีถูกส่งมายังอิตาลี และเกือบพบกับผ้าห่อพระศพดังกล่าว โดยทหารเยอรมันได้บุกเข้าค้นโบสถ์มอนเตเวอร์จีน ขณะที่พระในโบสถ์ต่างอ้างว่าพวกเขากำลังคร่ำเคร่งกับการสวดมนต์ต่อหน้าแท่นบูชา ซึ่งเป็นสถานที่ซ่อนผ้าพระศพดังกล่าสว ทำให้พระห่อพระศพพระเยซูรอดพ้นการถูกขโมยมาได้

ทั้งนี้ ผ้าห่อพระศพแห่งเมืองตูรินเชื่อว่า ถูกใช้ห่อพระศพพระเยซูหลังถูกตรึงด้วยไม้กางเขน โดยถูกนำกลับมายังกรุงตูริน เมื่อปี 1946 จากคำสั่งให้กษัตริย์อุมเบอร์โตที่ 2 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์อิตาลี โดยกลายเป็นสมบัติวาติกัน หลังจากสิ้นราชวงศ์กษัตริย์อิตาลี โดยชาวอิตาลีได้โหวตให้ประเทศเป็นสาธารณรัฐ
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... =&catid=06
วันที่ 07 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 11:27:00 น. มติชนออนไลน์

"เดอะ เทเลกราฟ"รายงานเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ว่า บาทหลวง"อังเดร คารดิน"ให้สัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอิตาลีว่า ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ฮิตเลอร์มีแผนที่จะขโมย"ผ้าห่อพระศพพระเยซู"เนื่องจากคลั่งไคล้ในสิ่งดังกล่าว และทำให้วาติกันและสำนักซาวอยของราชวงศ์อิตาลีในขณะนั้น ได้ออกคำสั่งให้มีการนำผ้าห่อพระศพดังกล่าวไปซ่อนยังสถานศักดิ์สิทธิ์มอนเตอเวอร์จีนในเมืองอาวาเลลินา ในจังหวัดแคมปาเนีย ทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อปี 1939 ก่อนที่จะถูกสั่งให้นำไปยังเมืองตูริน เมื่อปี 1949

บาทหลวงอังเดรกล่าวว่า การสั่งย้ายซ่อนดังกล่าวในทางการแล้ว เพื่อป้องกันการถล่มจรวดโจมตีกรุงตูรินที่อาจจะมีขึ้น แต่จุดประสงค์แท้จริงคือ เพื่อให้พ้นจากมือฮิตเล่อร์ ซึ่งได้เคยเดินทางไปยังอิตาลีเมื่อปี 1938 และที่ปรึกษาระดับสูงของเขาได้ถามถึงผ้าพระห่อพระศพพระเยซูหลายครั้งอย่าง ผิดปกติ และว่าภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองเปิดฉากขึ้น โดยอิตาลีเข้าร่วมกับเป็นพันธมิตรกับเยอรมัน กองทัพนาซีถูกส่งมายังอิตาลี และเกือบพบกับผ้าห่อพระศพดังกล่าว โดยทหารเยอรมันได้บุกเข้าค้นโบสถ์มอนเตเวอร์จีน ขณะที่พระในโบสถ์ต่างอ้างว่าพวกเขากำลังคร่ำเคร่งกับการสวดมนต์ต่อหน้าแท่นบูชา ซึ่งเป็นสถานที่ซ่อนผ้าพระศพดังกล่าสว ทำให้พระห่อพระศพพระเยซูรอดพ้นการถูกขโมยมาได้

ทั้งนี้ ผ้าห่อพระศพแห่งเมืองตูรินเชื่อว่า ถูกใช้ห่อพระศพพระเยซูหลังถูกตรึงด้วยไม้กางเขน โดยถูกนำกลับมายังกรุงตูริน เมื่อปี 1946 จากคำสั่งให้กษัตริย์อุมเบอร์โตที่ 2 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์อิตาลี โดยกลายเป็นสมบัติวาติกัน หลังจากสิ้นราชวงศ์กษัตริย์อิตาลี โดยชาวอิตาลีได้โหวตให้ประเทศเป็นสาธารณรัฐ
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... =&catid=06