Belong to the Truth Jesus Christ

รูปดั้งเดิม แต่น่าเสียดายผมหาได้ดีที่สุดเท่านี้ :-[



นี่อีกรูป



ความจริงดวงตาของแม่จะต้องหันมามองเรา



รูปนี้สวยๆๆๆ


ความหมายของรูปพระมารดานิจจานุเคราะห์

ในรูปพระกุมารเยซูดูตกพระทัยเมื่อเห็นเครื่องมหาทรมาณของพระองค์ ซึ่งเทวดาสององค์(ท่านมีคาแอล และท่านแกเบรียล)เป็นผู้ชูให้พระองค์เห็น พระองค์จึงตกพระทัยวิ่งเข้าไปหาพระมารดาโดยเร็วจนกระทั่งรองเท้าสานเล็กๆของพระองค์หลุดออกมา พระแม่ทรงรับพระองค์ใว้ด้วยอ้อมแขนแห่งความรักพร้อมทั้งปลอบขวัญพระองค์ แต่จงสังเกตุ...พระนางมิได้มองดูพระเยซูเจ้าแต่กลับมองดูเราเพื่อเป็นการขอร้องเราให้เราหลีดเลี่ยงจากบาป

พระหัตตพระเยซูบีบแน่นอยู่กับพระหัตต์ของแม่พระเพื่อเตือนเราว่าเมื่อพระองคือยู่บนโลกนี้ พระองค์มอบพระองค์เองให้อยู่ในความคุ้มครองดูแลของพระแม่โดยสิ้นเชิง ฉะนั้นในเวลานี้พระองค์จึงมอบพระหรรษทานทั้งหมดในเมืองสวรรค์แด่พระแม่ เพื่อประทานให้สำหรับแจกจ่ายแก่ผุ้ที่วอนขอจากพระแม่

เนื่องจากรูปดั้งเดิมนั้นเป็นศิลปะแบบ ไบแซนติน ซึ่งเต็มไปด้วยความหมายและสัญลักษณ์ต่างๆ

1.ตัวอักษรกรีกใกล้ๆแม่พระ - แปลว่า "มารดาพระเจ้า"

2.ดาว - บนผ้าคลุมศรีศระของพระนางคือ ดาวสมุทร นำแสงสว่างของพระคริสตเจ้ามายังโลกที่มืดมัว

3.ตัวหนังสือกรีกด้ายซ้าย - ชื่อของท่านมีคาแอล ท่านกำลังถือหอกแลพฟองน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องหมายถึงพระมหาทรมาณของพระองค์

4.ปากแม่พระเล็ก - แสดงให้เห็นว่าแม่พระรักษาความเงียบ นบนอมถ่อมตน สำรวมใจ พูดน้อย

5.เสื้อสีแดง - เป็นสีที่พรหมจารีใช้ในสมัยของพระเยซูเจ้า

6.เสื้อคลุมสีน้ำเงิน - เป็นสีที่เหล่ามารดาใช้ในปาเลสไตน์ แม่พระจึ่งเป็นทั้งมารดา และ พรหมจารี

7.พระหัตถ์พระเยซูเจ้า - คว่ำอยู่บนมือแม่พระ แสดงให้เห็นว่าพระหรรษทานแห่งการไถ่บาปของมนุษย์อยู่ในความดูแลของพระแม่

8.พื้นหลังของรูป - เป็นสีทองซึ่งเป็นสีแห่งความรุ่งโรจน์ในสวรรค์วึ่งพระองคืและพระแม่ประทับอยู่ขณะนี้ บนเสื้อของพระเยซูเจ้าและพระแม่ก็มีสีทองอยู่ด้วยแสดงถึงความสุขแห่งสวรรค์ที่ทั้งสองจะนำมาให้แก่ใจที่เหน็จเหนื่อยของมนุษย์ได้

9.มงกุฏทอง - ซึ่งพระศาสนจักรสั่งให้สวมให้รูปแม่พระรูปนี้ในปี 1867 เป็นเครื่องหมายยืนยีนถึงอัศจรรย์ซึ่งแม่พระภายใต้นาม "นิจจานุเคราะห์" เป็นผู้ประทานให้

10.ตัวอักษรกรีกด้านขวา - ชื่อของท่านแกเบรียล ท่านถือกางเขนและตะปู

11.ดวงตาของแม่พระ - กว้างใหญ่สำหรับความทุกข์ยากของเราและหันมาทางเราเสมอ

12.ตัวอักษรกรีกใกล้พระกุมาร - ชื่อของพระเยซูเจ้า

13.มือซ้ายแม่พระ - พยุงพระกุมารอย่างหวงแหน พระนางคือพระมารดาของพระองค์ มือนั้นเป็นที่บรรเทาทุกข์ทุกคนที่เรียกหาพระนาง

14.รองเท้าสานที่กำลังตก - เป็นสัญลักษณ์ต่อวิญญาณที่ยังติดอยู่กับพระเยซูเจ้าด้วยด้ายเส้นสุดท้าย คือ "ความศรัทธาต่อแม่พระ"


เอามาจากหนังสือนพวารแด่พระมารดานิจานุเคราะห์ครับ :)

ขอบพระคุณค่ะ :D

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ *thx

ภาพจริงพระรูปแม่พระนิจจานุเคราะห์ ผมถ่ายเมื่อครั้งไปอิตาลีปี 2002
ปัจจุบันหลังจากการซ่อมแซมพระรูปนี้แล้ว เขาก็นำมงกุฏออกจากพระรูป เพราะอะไรนั้นคงต้องถามคุณพ่อคณะพระมหาไถ่นะครับ แต่ผมสันนิษฐานว่า เขาคงต้องการให้พระแม่ดูเป็นแม่ของมนุษย์ซึ่งรู้สึกถึงความอบอุ่นใกล้ชิดมากกว่า เพราะรูปนี้แต่เดิมผู้วาดก็วาดเอาไว้แบบไม่มีมงกุฏอยู่แล้ว

รูปพระมารดานิจจานุเคราะห์ประดิษฐานอยู่เหนือตู้ศีลภายในวัดนักบุญอัลฟองโซ กรุงโรม
ภาพนี้ Alleluia ถ่ายไว้คราวไปอิตาลีปี 2002

อีกรูปนึงที่ Alleluia ถ่ายเช่นกัน

รูปแม่พระนิจจานุเคราะห์
จากหนังสือ มารีย์ นิจจานุเคราะห์ แม่พระพันปีที่สาม
เขียนโดย คุณพ่อศิริชัย เล้ากอบกุล,C.Ss.R.



ที่มาของรูปแม่พระนิจจานุเคราะห์


ประวัติของรูปแม่พระนิจจานุเคราะห์ได้ถ่ายทอดมาถึงเรานั้น เริ่มจากข้อความที่เขียนไว้บนแผ่นหนังสัตว์แผ่นหนึ่งที่ผนึกติดกับแผ่นไม้ที่แขวนไว้บนฝาผนังในโบสถ์นักบุญมัทธิวที่กรุงโรม ต่อมาเขานำเอาแผ่นประวัติมาผูกติดกับรูปแม่พระนี้
บทความที่บันทึกนั้นเป็นทั้งภาษาลาตินและภาษาอิตาเลียน มิได้บรรยายว่ารูปนี้เข้ามาในกรุงโรม(ปี ค.ศ. 1499)ได้อย่างไร และได้มาตั้งบูชาในโบสถ์นักบุญมัทธิวโดยมีนักบวชคณะนักบุญออกัสตินดูแลอยู่ได้อย่างไร ตัวจริงก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ที่เห็นอยู่ในห้องสมุดวาติกันก็เป็นเพียงเอกสารที่ “คัดลอก” มาอีกที อย่างไรก็ตาม ข้อความต่อไปนี้เป็นการแปลอย่างย่อ ๆ จากแผ่นหนังจารึกอีกที

ประวัติการได้มาของรูปที่อยู่ในวัดนักบุญมัทธิว

���มีพ่อค้ากรีกคนหนึ่ง ได้ขโมยรูปแม่พระนี้จากเกาะครีต (หมู่เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) เป็นรูปแม่พระที่มีอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้น เขาซ่อนรูปแม่พระนี้รวม ๆ กับสัมภาระในเรือของเขาซึ่งแล่นอยู่ในทะเล เมื่อเกิดพายุอย่างแรงจนน่ากลัว พวกเขาจึงอธิษฐานถึงพระเจ้าและแม่พระ แต่ไม่รู้ว่าบนเรือนี้มีรูปแม่พระนิจจานุเคราะห์อยู่ พายุก็สงบลงทันที
���หนึ่งปีต่อมา พ่อค้าคนนี้ได้เดินทางมาถึงกรุงโรม และได้นำแม่พระรูปนี้มาด้วย วันหนึ่งเขาป่วยหนัก จึงเรียกเพื่อนชาวโรมันมาข้าง ๆ และขอให้เขามาช่วยดูแลเขาด้วย เพื่อนชาวโรมันก็พาเขาไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน และพยายามช่วยพยาบาลเขาเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่โรคของเขาก็กำเริบขึ้นเรื่อย ๆ จนอาการหนักมาก
���ที่สุด เขาได้เปิดเผยความลับเกี่ยวกับรูปแม่พระนิจจานุเคราะห์นี้ด้วยน้ำตา ได้เล่าถึงสิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากรูปนี้ จนกระทั่งตนได้ขโมยมาอย่างไร ได้ขอให้เพื่อนของเขาสัญญาว่า จะนำรูปแม่พระที่ขโมยมานี้ ให้ไปไว้ที่วัด ๆ หนึ่งที่เหมาะสม สำหรับผู้คนจะได้เคารพบูชา เพื่อนชาวโรมันก็สัญญาจะทำเช่นนั้น หลังจากที่เขาตายแล้ว ภรรยาของเพื่อนชาวโรมันบอกว่า ไม่ต้องทำตามสัญญา ให้เอาไปไว้ในห้องนอนของเธอเอง และรูปนั้นก็ตั้งอยู่ในห้องของเธอ
���แม่พระได้ปรากฏองค์แก่เพื่อนชาวโรมันคนนั้น และบอกว่าอย่าเก็บรูปนี้ไว้ แต่จงเอาไปไว้ที่วัดใดวัดหนึ่งที่เหมาะสม แต่เพื่อนชาวโรมันคนนี้ก็เมินคำสั่งนั้น และแม่พระก็ปรากฏมาอีก เขาก็ไม่สนใจเหมือนเดิม ที่สุดแม่พระปรากฏองค์มาหาลูกสาวของเขา อายุ 6 ขวบ และสั่งให้เธอบอกแม่และปู่ของเธอว่า “แม่พระนิจจานุเคราะห์สั่งมาว่าต้องเอารูปนี้ออกจากบ้านนี้” ต่อมาแม่พระก็ปรากฏมาอีกเป็นครั้งที่สอง และสั่งว่า “ต้องเอารูปนี้ไปไว้ที่วัดนักบุญมัทธิว ซึ่งอยู่ระหว่างพระมหาวิหารซานตามารีอา มาจอเร และพระมหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน” แม่ของเด็กหญิงนั้น จึงทำตามคำสั่งและได้มอบรูปนี้ให้กับวัดนักบุญมัทธิว ซึ่งเป็นวัดที่คณะนักบวชออกัสตินดูแลอยู่ในวันที่ 27 มีนาคน 1499 และอยู่ที่นั่นต่อไปเกือบสามร้อยปี (ถึง 3 มิถุนายน 1798)

ความหมายของรูปแม่พระนิจจานุเคราะห์

1.มารีย์ มารดาพรหมจารีแห่งพระผู้ไถ่
ในรูปแม่พระนิจจานุเคราะห์ มีรูป

3.รองเท้าหลุด

ภาพรองเท้าหลุดนี้ มองได้ 2 ประเด็นคือ ประเด็นแรกพระเยซูตกใจ ต้องหดเท้า ทำให้รองเท้าหลุดได้ หรือาจจะวิ่งเข้าหาแม่เมื่อเห็นทูตสวรรค์ทั้งสองนำเครื่องทรมานมา ทำให้สายรองเท้าขาด หรืออีกประเด็นหนึ่งคือ พระเยซูเจ้าได้สลัดรองเท้าออกข้างหนึ่ง เป็นการตอบรับแผนไถ่กู้ของพระเจ้าที่ทูตสวรรค์ได้เสนอมา ความคิดนี้ได้มาจากแนวคิดที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเรื่องนางรูธ ได้กล่าวถึง

5.การกลับคืนชีพ
ถ้าสังเกตดู จะเห็นว่าใบหน้าของพระกุมารนั้น ค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่ และหน้าตาไม่เศร้าโศก เป็นการแสดงว่า พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์นั้น บัดนี้กลับเป็นขึ้นมามีชีวิตแบบใหม่ และเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าพระทรมานผ่านไปแล้วคือ ทูตสวรรค์ทั้งสองที่ถือเครื่องทรมานนั้นอยู่ฉากหลัง กลายเป็นอดีตไปแล้ว และพระเยซูก็ไม่ได้มองเครื่องทรมานด้วย แต่กำลังสนใจมองอะไรที่อยู่ข้างหน้านอกรูปกางเขน ในศิลปะไอคอนนั้นเราสามารถมองได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับแนวคิดของความเชื่อและความตั้งใจของผู้วาด
-แบบแรกนั้น เป็นกางเขนที่ทูตสวรรค์กาเบรียลถืออยู่นั้น หมายถึงกางเขนแห่งพระทรมาน และความตาย
-ในขณะที่คริสตชนออโธดอกซ์รัสเซีย มองดูกางเขนอันเดียวกันนี้เป็นกางเขนชัย พระเยซูมีชัยต่อความตายแล้ว และท่าทีของทูตสวรรค์ทั้งสองที่อยู่ในรูปก็มิได้แสดงท่าทีว่ากำลังนำข่าว

7.มือที่รองรับองค์พระเยซู
มือซ้ายที่อุ้มชูพระกุมาร ซึ่งเป็นพระเจ้าทั้งที่สวรรค์และแผ่นดินไม่สามารถจะรองรับพระองค์ได้ แต่มือของพระนางมารีย์ เป็นเหมือนบัลลังก์ซึ่งรองรับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้สามารถช่วยทุกคนที่วอนขอให้ได้รับความรอดพ้นด้วย
มือที่อุ้มและรองรับมือของพระกุมาร แสดงว่าแม่พระให้การสนับสนุนและร่วมมือกับพระเยซูในการไถ่บาปมนุษย์อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นของลูกก็เป็นของแม่ด้วย ลูกต้องไถ่กู้มนุษยชาติด้วยชีวิต และแม่ก็มอบชีวิตให้อยู่เคียงข้างลูก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่พระอยู่ที่นั้นแล้ว ตั้งแต่พระเยซูเกิดในถ้ำเลี้ยงสัตว์.....หนีไปอียิปต์......ตามหาพระเยซูและพบในพระวิหาร......มีคนว่า

9.ภาวนา
ตาของแม่พระมองไปยังคนที่มาภาวนาต่อหน้ารูปนี้ ในเวลาเดียวกัน มือขวาก็ชี้ไปทางพระเยซู ก็หมายความว่า แม่พระได้เห็นความต้องการของผู้ที่มาภาวนาต่อหน้ารูปนี้ แล้วนำเสนอลูกที่อยู่ในอ้อมแขน สายตาที่มองลงมายังผู้วิงวอนเท่ากับชี้(ด้วยสายตา)ให้พระเยซูช่วยคนเหล่านั้นด้วย การยกมือขึ้นหรือชี้ไปหาพระเยซู เป็นเครื่องหมายของการภาวนา

10.รูปดาวที่หน้าผาก
รูปดาวแปดแฉกอยู่บนหน้าผากของแม่พระ มีความหมายว่า

ขอบคุณครับ

พี่ปอน่าเอาไปใส่ในหน้า Article ด้วยนะครับ อิอิ

ว้าวสุดยอดไปเลยครับพี่เพชร ;D

ได้ทราบความหมายอย่างละเอียดจริงๆ ขอบคุณค่ะ :D

ขอบคุณจ๊า~

ถวายแม่พระครับ แล้วก็เป็นการพลีกรรมใช้โทษบาปด้วยครับ