สานุศิษย์ทั้ง 11 คน พากันไปที่ภูเขาในแคว้นกาลิลีตามที่พระเยซูตรัสสั่ง เมื่อเห็นพระองค์ต่างก็นมัสการพระองค์ถึงแม้ว่าบางคนยังสงสัยอยู่ พระเยซูเสด็จเข้าไปใกล้พวกเขาทรงบัญชาว่า เราได้รับอำนาจทั้งสิ้นทั้งในสวรรค์และในโลกแล้วพวกท่านจงไปทั่วโลก สอนคนทั้งปวงให้เป็นศิษย์ของเรา ให้เขารับพิธีใช้น้ำเข้าจารีตในพระนามพระบิดา พระบุตรและพระจิต
สอนให้เขาเชื่อฟัง และทำตามที่เราสั่งทุกประการ จำได้ว่าเราจะอยู่กับพวกท่านตลอดไปจนสิ้นยุคนี้ (มธ 28, 11-15)
ทำไมพวกสานุศิษย์บางคนยังสงสัยอยู่ ทั้ง ฟ ที่ได้อยู่กับพระเยซูมาเป็นเวลา 3 ปี ได้ยินได้ฟังได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ได้พูดได้ทำเหมือนสานุศิษย์องค์อื่น ๆ น่าคิดมาก ๆ เลย ยิ่งพวกเราทุกคนไม่เคยได้เห็นพระเยซูเลย ไม่ได้ยินไม่ได้ฟังพระองค์เลย ความเชื่อของเราจะเป็นอย่างไรเอ่ย แน่ใจมั่นคงไม่เปลี่ยนแปรมากน้อยแค่ไหน มีบางคนยังสงสัยอยู่ไหม
คนที่เชื่อโดยไม่ได้เห็นจะเป็นสุขใจมากสักแค่ไหน (ยน 20,29) เราทุกคนก็เชื่อโดยไม่ได้เห็นพระองค์ เราก็มีความสุขใจไหม ถ้าไม่มีแปลว่าไม่ได้เชื่อจริง ๆ เราก็เชื่ออยู่แต่บางทีบางขณะบางเวลาเราก็อาจสงสัยอยู่บ้างเหมือนกันในข้อความเชื่อต่าง ๆ ที่พระองค์ไขแสดง และพระศาสนจักรสั่งสอนจะทำอย่างไรดี?
เราไม่มีโอกาสจะเอานิ้วแหย่เข้าไปในรอยตะปูที่พระหัตถ์และจับสีข้างที่ถูกแทงพระองค์เหมือนโทมัน (ยน 20,25) เราจะแก้ความสงสัยต่าง ๆ เหล่านั้นได้อย่างไร
ก่อนอื่นหมด สวด, สวดมาก ๆ โดยเฉพาะบท “ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้า” เติมด้วย “บทแสดงความเชื่อ” ต่อจากนั้นค้นคว้าศึกษา อ่านพระคัมภีร์โดยเฉพาะตรงข้อที่สงสัย ต่อจากนั้นอีกให้ไต่ถามผู้รู้ ผู้ที่จะสามารถให้คำอธิบายให้เราจนอิ่มใจพอสมควรและที่สุดต้องสวด “บทแสดงความสุภาพ” (ยังไม่มีแต่งเอง) ว่าเราไม่สามารถเข้าใจในข้อความเชื่อทั้งหมดได้ รอในสวรรค์เราคงเข้าใจได้ดีขึ้นแน่ ๆ แล้วเราจะมีความสุขมากสักแค่ไหน
จากบทความ บางคนยังสงสัยอยู่ หน้า 168-170 หนังสือ ข้างธรรมาสน์ ผู้เขียน ไก่นักบุญเปโตรพิมพ์ครั้งแรก กุมภาพันธ์ 2005 สำนักพิมพ์ สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
---
จากหนังสือเล่มเดียวกัน
อย่าลองดีกับพระเจ้า
ใครอยากตามเรามา
จงมาหาเราเถิด
สวด ๆ แล้วก็สวดเยอะ ๆ เคยคิดเหมือนกันว่าอยากลองแหย่นิ้ว >.<
