ความวางใจเกินควร มิใช่ความรอด หากเป็นผลเสีย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 19, 2010 10:41 pm
Presumption – ความวางใจเกินควร
ความหมายของคำว่า presumption จาก Longdo
presumption [N] สิ่งที่เชื่อว่าเป็นจริง, Syn. hypothesis, conjecture
presumption [N] พฤติกรรมแสดงความมั่นใจมากเกินไป, See also: พฤติกรรมที่อวดดี, Syn. arrogance, audacity
presumption
(พรีซัมพฺ'เชิน) n. การทึกทักเอาเอง,การสันนิษฐาน,การอนุมาน,การสมมุติเอาเอง,การถือสิทธิ,การทำโดยพลการ,ข้อสมมุติ,ข้อสันนิษฐาน,ความทะนง, Syn. assumption,arrogance

Presumption มาจากคำภาษาลาติน praesumere และจากบัญญัติศัพท์คาทอลิก ได้แปลคำนี้ออกมาว่า “ความวางใจเกินควร”
ความวางใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ความวางใจที่เกินควรก็อาจเป็นอันตรายได้ ในทางเทวศาสตร์ ความวางใจเกินควร เป็นด้านตรงข้ามกันกับ “ความหวัง” (Hope) และยังอาจถูกพิจารณาเป็นผลพวงของ “ความหยิ่งจองหอง” (Pride) ได้อีกด้วย ความวางใจเกินควร อาจเกิดจากสภาวการณ์ที่คนหนึ่งๆ จะวางใจเชื่อในพระเมตตาของเจ้ามากเสียจนขนาดคิดว่าตัวเองได้รับความรอดแน่ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรให้สมกับการได้รับความรอดนั้นเลย หรือการหวังซึ่งการอภัยบาปโดยไม่ได้เป็นทุกข์ถึงบาปเลย
ความวางใจเกินควร เป็นด้านกลับของความหวัง ขณะที่ความสิ้นหวังเป็นส่วนด้านเสียของความหวัง ความหวังเป็นสิ่งที่ดีงามและถูกบรรจุเป็นคุณธรรมประการหนึ่ง แต่เมื่อความหวังมีมากเกินไปโดยไม่มีการควบคุม มันกลายเป็นความวางใจเกินควรที่ไม่ใช่คุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหวังที่สูงเกินไป หรือหวังเอาเองคิดเอาเอง
อ้างอิงจาก Suarez ("De spe", disp. 2a, sect. 3, n. 2) ได้มีการแบ่งตัวอย่างประเภทของความหวัง ความวางใจเกินไป ซึ่งถูกพิจารณาแล้วว่าเป็นความหวังที่ผิดและไม่ใช่คุณธรรม ได้ออกมา 5 ประการดังนี้
1. หวังว่าตัวเองจะยิ่งใหญ่ ได้ทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง (เป็นความคิดนอกรีต ที่คิดว่าตนมีอำนาจในการตัดสิน ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง เสมอเหมือนพระเจ้า)
2. หวังว่าจะได้รับการยกบาป โดยไม่ได้เป็นทุกข์ถึงบาปอย่างเพียงพอ (การมีความสุขที่ได้ทำบาปแล้วยังหวังจะได้รับความรอด ไม่ต่างอะไรเลยกับลัทธิเทียมเท็จนอกรีตที่สอนอย่างผิดๆ)
3. หวังให้พระเจ้าช่วยในกิจการที่ชั่วร้าย (ถือเป็นการลบหลู่พระเกียรติคุณ ความดีงามของพระเจ้า)
4. หวังได้รับพระพร อำนาจพลังพิเศษ โดยไม่ขึ้นตรงกับพระญาณสอดส่องของพระเจ้า (ถือเป็นการยกตนขึ้นเสมอผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรค์แล้ว)
5. หวังว่าใช้ชีวิตเสเพล ปล่อยตัวตามตัณหา จมในบาปไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขได้ (ถือเป็นการผิดต่อหลักความสะอาดบริสุทธิ์ที่พระเจ้าได้เรียกเรามา)
รากหลักของความวางใจเกินควร คือการปฏิเสธพระธรรมชาติของพระเจ้า และสรุปทึกทักเชื่อเอาเอง หรือพยายามบิดเบือนพระธรรมชาติและพระบัญญัติของพระเจ้า และเชื่ออย่างสนิทใจแทนว่าสิ่งที่เชื่อนั้นถูกต้อง ดีแล้ว เหมาะสมแล้ว นักเทวศาสตร์ได้จำแนกอย่างชัดเจนซึ่งความแตกต่างระหว่าง คนที่ดำเนินกิจการอันชั่วร้ายเป็นประจำ แล้วหวังจะได้รับการอภัย กับคนผู้ต้องทำกิจการชั่วร้ายโดยไม่ได้เต็มใจ และมีความหวังจะได้รับการอภัย คนผู้แรกมีความคิดที่น่าละอายของความวางใจเกินควร ขณะที่คนที่สองนั้นไม่ใช่ความวางใจเกินควร แต่เป็นเรื่องของความหวังจะได้รับความรอด
โดยสรุปแล้ว การคาดหวังว่าจะได้กลับคืนดีกับองค์พระผู้เป็นเจ้า จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีการเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างจริงจังจริงใจ และในระยะเวลาที่เหมาะสมเพียงพอ ความผิดของความวางใจเกินควร คือความหยิ่งจองหอง เชื่อในความคิดของตัวเองมากกว่าถือตามความเชื่อที่มาจากเบื้องบน
ความหมายของคำว่า presumption จาก Longdo
presumption [N] สิ่งที่เชื่อว่าเป็นจริง, Syn. hypothesis, conjecture
presumption [N] พฤติกรรมแสดงความมั่นใจมากเกินไป, See also: พฤติกรรมที่อวดดี, Syn. arrogance, audacity
presumption
(พรีซัมพฺ'เชิน) n. การทึกทักเอาเอง,การสันนิษฐาน,การอนุมาน,การสมมุติเอาเอง,การถือสิทธิ,การทำโดยพลการ,ข้อสมมุติ,ข้อสันนิษฐาน,ความทะนง, Syn. assumption,arrogance

Presumption มาจากคำภาษาลาติน praesumere และจากบัญญัติศัพท์คาทอลิก ได้แปลคำนี้ออกมาว่า “ความวางใจเกินควร”
ความวางใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ความวางใจที่เกินควรก็อาจเป็นอันตรายได้ ในทางเทวศาสตร์ ความวางใจเกินควร เป็นด้านตรงข้ามกันกับ “ความหวัง” (Hope) และยังอาจถูกพิจารณาเป็นผลพวงของ “ความหยิ่งจองหอง” (Pride) ได้อีกด้วย ความวางใจเกินควร อาจเกิดจากสภาวการณ์ที่คนหนึ่งๆ จะวางใจเชื่อในพระเมตตาของเจ้ามากเสียจนขนาดคิดว่าตัวเองได้รับความรอดแน่ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรให้สมกับการได้รับความรอดนั้นเลย หรือการหวังซึ่งการอภัยบาปโดยไม่ได้เป็นทุกข์ถึงบาปเลย
ความวางใจเกินควร เป็นด้านกลับของความหวัง ขณะที่ความสิ้นหวังเป็นส่วนด้านเสียของความหวัง ความหวังเป็นสิ่งที่ดีงามและถูกบรรจุเป็นคุณธรรมประการหนึ่ง แต่เมื่อความหวังมีมากเกินไปโดยไม่มีการควบคุม มันกลายเป็นความวางใจเกินควรที่ไม่ใช่คุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหวังที่สูงเกินไป หรือหวังเอาเองคิดเอาเอง
อ้างอิงจาก Suarez ("De spe", disp. 2a, sect. 3, n. 2) ได้มีการแบ่งตัวอย่างประเภทของความหวัง ความวางใจเกินไป ซึ่งถูกพิจารณาแล้วว่าเป็นความหวังที่ผิดและไม่ใช่คุณธรรม ได้ออกมา 5 ประการดังนี้
1. หวังว่าตัวเองจะยิ่งใหญ่ ได้ทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง (เป็นความคิดนอกรีต ที่คิดว่าตนมีอำนาจในการตัดสิน ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง เสมอเหมือนพระเจ้า)
2. หวังว่าจะได้รับการยกบาป โดยไม่ได้เป็นทุกข์ถึงบาปอย่างเพียงพอ (การมีความสุขที่ได้ทำบาปแล้วยังหวังจะได้รับความรอด ไม่ต่างอะไรเลยกับลัทธิเทียมเท็จนอกรีตที่สอนอย่างผิดๆ)
3. หวังให้พระเจ้าช่วยในกิจการที่ชั่วร้าย (ถือเป็นการลบหลู่พระเกียรติคุณ ความดีงามของพระเจ้า)
4. หวังได้รับพระพร อำนาจพลังพิเศษ โดยไม่ขึ้นตรงกับพระญาณสอดส่องของพระเจ้า (ถือเป็นการยกตนขึ้นเสมอผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรค์แล้ว)
5. หวังว่าใช้ชีวิตเสเพล ปล่อยตัวตามตัณหา จมในบาปไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขได้ (ถือเป็นการผิดต่อหลักความสะอาดบริสุทธิ์ที่พระเจ้าได้เรียกเรามา)
รากหลักของความวางใจเกินควร คือการปฏิเสธพระธรรมชาติของพระเจ้า และสรุปทึกทักเชื่อเอาเอง หรือพยายามบิดเบือนพระธรรมชาติและพระบัญญัติของพระเจ้า และเชื่ออย่างสนิทใจแทนว่าสิ่งที่เชื่อนั้นถูกต้อง ดีแล้ว เหมาะสมแล้ว นักเทวศาสตร์ได้จำแนกอย่างชัดเจนซึ่งความแตกต่างระหว่าง คนที่ดำเนินกิจการอันชั่วร้ายเป็นประจำ แล้วหวังจะได้รับการอภัย กับคนผู้ต้องทำกิจการชั่วร้ายโดยไม่ได้เต็มใจ และมีความหวังจะได้รับการอภัย คนผู้แรกมีความคิดที่น่าละอายของความวางใจเกินควร ขณะที่คนที่สองนั้นไม่ใช่ความวางใจเกินควร แต่เป็นเรื่องของความหวังจะได้รับความรอด
โดยสรุปแล้ว การคาดหวังว่าจะได้กลับคืนดีกับองค์พระผู้เป็นเจ้า จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีการเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างจริงจังจริงใจ และในระยะเวลาที่เหมาะสมเพียงพอ ความผิดของความวางใจเกินควร คือความหยิ่งจองหอง เชื่อในความคิดของตัวเองมากกว่าถือตามความเชื่อที่มาจากเบื้องบน