โป๊ปร่วมย้ำศาสนาคริสต์ถูกเบียดเบียนมากสุดยุคนี้
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 18, 2010 2:20 am
โป๊ปร่วมย้ำศาสนาคริสต์ถูกเบียดเบียนมากสุดยุคนี้
17 December 2010

สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงย้ำ ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ถูกเบียดเบียนมากสุดในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ ทรงระบุชัดเจน การสั่งห้ามปฏิบัติศาสนกิจในที่สาธารณะ โดยอ้างว่าละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ต่างอะไรกับการนำสิทธิเสรีภาพมาเป็นตัวประกันแบบผิดๆ
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา สันตะสำนักได้เปิดตัวสารวันสันติภาพสากล ประจำปี 2011 ซึ่งตามปกติ พระศาสนจักรคาทอลิกจะทำการฉลองในวันที่ 1 มกราคมของทุกปี โดยปีนี้ พระสันตะปาปาทรงระบุในสารอย่างชัดเจนถึงความสำคัญของเสรีภาพในการนับถือ ศาสนา เช่นเดียวกับ การย้ำว่า ยุคนี้ ศาสนาคริสต์โดนทำร้ายมากที่สุด
สารวันสันติภาพสากล 2011 มีหัวข้อว่า "เสรีภาพในการนับถือศาสนา และหนทางสู่สันติภาพ" โดยได้รับการตีพิมพ์ทั้งสิ้น 7 ภาษา ได้แก่ อิตาเลี่ยน, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สเปน, เยอรมัน, โปรตุเกส และโปแลนด์
ใจความสำคัญของสาร ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก เริ่มต้นด้วยการระบุว่า วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา มีการฆาตกรรมหมู่คริสตังชาวอิรัก 52 ศพในกรุงแบกแดด เหตุการณ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงขบวนการใช้ความรุนแรงทำร้ายกลุ่มคริสตชนอิรักซึ่งเป็น ชนกลุ่มน้อยของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงที่เกิดกับคริสตชนนั้น ไม่ได้มีแค่อิรักเท่านั้น แต่มันยังเกิดกับทุกภูมิภาคของโลก และในยุคปัจจุบัน คริสตชนคือกลุ่มผู้มีความเชื่อที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากการเบียดเบียนทาง ความเชื่อมากที่สุด
จากนั้น พระสันตะปาปาทรงประณามกฏหมายการห้ามปฏิบัติศาสนกิจในที่สาธารณะ กฏหมายนี้ เป็นที่แพร่หลายมากในแถบตะวันออกกลาง นอกจากนี้ พระองค์ยังตำหนิสังคมตะวันตกที่พยายามดำเนินนโยบายกีดกันศาสนาออกจากการ ดำเนินชีวิต ด้วยการห้ามไม่ให้ปฏิบัติศาสนกิจในที่สาธารณะเช่นกัน โดยหลายประเทศในยุโรป ให้เหตุผลการสั่งห้ามครั้งนี้ว่า เป็นการทำลายเสรีภาพของคนที่ไม่มีศาสนา พระสันตะปาปาจึงระบุว่า การยกเหตุผลไร้สาระแบบนี้ ไม่ต่างไปจากการนำเสรีภาพมาเป็นตัวประกัน ขณะเดียวกัน การยกเหตุผลตื้นๆแบบนี้ ก็สะท้อนถึงการไม่เคารพคนที่นับถือศาสนาเช่นกัน
พระสันตะปาปายังเตือนสติบรรดารัฐบาลประเทศต่างๆ โปรดให้สิทธิเสรีภาพแท้จริงในการนับถือศาสนาแก่ประชากรของตน พระองค์ย้ำว่า เสรีภาพในการนับถือศาสนาคือกฏเที่ยงแท้ทางธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนสมควรจะได้รับ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะอาศัยอยู่ในประเทศใดก็ตาม
http://www.popereport.com/2010/12/blog-post_2965.html
17 December 2010

สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงย้ำ ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ถูกเบียดเบียนมากสุดในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ ทรงระบุชัดเจน การสั่งห้ามปฏิบัติศาสนกิจในที่สาธารณะ โดยอ้างว่าละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ต่างอะไรกับการนำสิทธิเสรีภาพมาเป็นตัวประกันแบบผิดๆ
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา สันตะสำนักได้เปิดตัวสารวันสันติภาพสากล ประจำปี 2011 ซึ่งตามปกติ พระศาสนจักรคาทอลิกจะทำการฉลองในวันที่ 1 มกราคมของทุกปี โดยปีนี้ พระสันตะปาปาทรงระบุในสารอย่างชัดเจนถึงความสำคัญของเสรีภาพในการนับถือ ศาสนา เช่นเดียวกับ การย้ำว่า ยุคนี้ ศาสนาคริสต์โดนทำร้ายมากที่สุด
สารวันสันติภาพสากล 2011 มีหัวข้อว่า "เสรีภาพในการนับถือศาสนา และหนทางสู่สันติภาพ" โดยได้รับการตีพิมพ์ทั้งสิ้น 7 ภาษา ได้แก่ อิตาเลี่ยน, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สเปน, เยอรมัน, โปรตุเกส และโปแลนด์
ใจความสำคัญของสาร ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก เริ่มต้นด้วยการระบุว่า วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา มีการฆาตกรรมหมู่คริสตังชาวอิรัก 52 ศพในกรุงแบกแดด เหตุการณ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงขบวนการใช้ความรุนแรงทำร้ายกลุ่มคริสตชนอิรักซึ่งเป็น ชนกลุ่มน้อยของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงที่เกิดกับคริสตชนนั้น ไม่ได้มีแค่อิรักเท่านั้น แต่มันยังเกิดกับทุกภูมิภาคของโลก และในยุคปัจจุบัน คริสตชนคือกลุ่มผู้มีความเชื่อที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากการเบียดเบียนทาง ความเชื่อมากที่สุด
จากนั้น พระสันตะปาปาทรงประณามกฏหมายการห้ามปฏิบัติศาสนกิจในที่สาธารณะ กฏหมายนี้ เป็นที่แพร่หลายมากในแถบตะวันออกกลาง นอกจากนี้ พระองค์ยังตำหนิสังคมตะวันตกที่พยายามดำเนินนโยบายกีดกันศาสนาออกจากการ ดำเนินชีวิต ด้วยการห้ามไม่ให้ปฏิบัติศาสนกิจในที่สาธารณะเช่นกัน โดยหลายประเทศในยุโรป ให้เหตุผลการสั่งห้ามครั้งนี้ว่า เป็นการทำลายเสรีภาพของคนที่ไม่มีศาสนา พระสันตะปาปาจึงระบุว่า การยกเหตุผลไร้สาระแบบนี้ ไม่ต่างไปจากการนำเสรีภาพมาเป็นตัวประกัน ขณะเดียวกัน การยกเหตุผลตื้นๆแบบนี้ ก็สะท้อนถึงการไม่เคารพคนที่นับถือศาสนาเช่นกัน
พระสันตะปาปายังเตือนสติบรรดารัฐบาลประเทศต่างๆ โปรดให้สิทธิเสรีภาพแท้จริงในการนับถือศาสนาแก่ประชากรของตน พระองค์ย้ำว่า เสรีภาพในการนับถือศาสนาคือกฏเที่ยงแท้ทางธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนสมควรจะได้รับ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะอาศัยอยู่ในประเทศใดก็ตาม
http://www.popereport.com/2010/12/blog-post_2965.html