ขอคำแนะนำหน่อยครับ คือผมเป็นชาวพุทธที่อยากทำในสิ่งที่ถูกฯ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
truelove_name
โพสต์: 137
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm

เสาร์ ก.พ. 26, 2011 9:25 pm

คือ ก่อนอื่นผมต้องออกตัวก่อนว่าผมเป็นชาวพุทธนะครับ แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องศาสนาพุทธ
เท่าไหร่เพราะเรียนอยู่ในโรงเรียนคริสต์(ในสังฆมณทล จันทบุรี) ครับ และมีคุณตาเป็นคริสต์เตียน
เริ่มคือตอนเด็กๆผมชอบไปโบสถ์กับตาบ่อยๆไปแบบไม่รู้เรื่องอะไร ไปเรียนคำสอนบ้าง วาดรูประบายสีเรื่องๆ แต่พอโตขึ้นผมก็เลิกไป ก็มีอธิฐานที่โรงเรียน (บท สวดข้าแต่พระบิดา) บ้าง แต่ไม่ได้ศรัทธาอะไร พอมอปลาย ก็มีเพื่อนเป็นชาวคริสต์ เค้าได้สอนผมให้รู้จักกับพระเจ้า ซึ่งผมรู้จักพระองค์อยู่แล้วเพราะผมโตมาในโรงเรียนคริสต์ เค้าเป็นชาวคริสต์ที่ยังไม่ได้ไปเปลี่ยนที่อำเภอ คือประวัติยังเป็นชาวพุทธอยู่ แต่เค้าบอกว่าเค้ารับเชื่อแล้ว ผมก็สงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไร ผมก็เริ่มศึกษาจากเว็บต่างๆบ้าง ทำให้ผมเริ่มที่จะอธิฐาน บ้าง อาจทำได้ไม่ถูกวิธี เพราะเริ่มต้นเองไม่มีคำแนะนำ ตอนนี้ก็อยู่โรงเรียนรัฐบาลแล้วคุณพ่อ ที่จะให้คำแนะนำก็ไม่มี เลยไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ผมกลัวว่าผมจะเหมือน เมล็ดพืชตกลงบนหิน เป็นคนเสื่อมศรัทธาง่ายๆ เหมือนพวกตามกระแสเฉยๆ หลังจากการอธิฐาน ผมก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้น เหมือนเราได้พูดอะไรที่อยู่ในใจออกมาได้ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า ถ้าผมจะเปลี่ยนศาสนาก็กลัวพ่อแม่จะไม่ยอมเพราะเหมือนผมจะผ่าเหล่าเป็นคนที่ 2 ของบ้านไปอีกอย่างผมอายุยังน้อยอยู่ (ปีนี้ 17) พ่อแม่คงไม่อยากให้ผมตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองมากนัก ผมเริ่มสับสนในความเชื่อของตัวเอง เลยจะขอคำแนะนำจากพี่ๆหน่อยครับ ถ้ามีประโยคใดไม่ถูกต้องก็ขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

เสาร์ ก.พ. 26, 2011 10:52 pm

อันดับแรก เดินเข้าไปที่วัดหาคุณพ่อขอเรียนคำสอนทุกอาทิตย์ค่ะ
(หรือถ้าจะเป็นคริสเตียนก็เข้าคริสต์จักร)

การเรียนคำสอนของผู้ใหญ่จะสมัครประมาณเดือน พฤษภาคม เรียน มิถุนายน ค่ะ

ปัญหาของคนเป็นพุทธแล้วไม่สามารถคงความเชื่อต่อจนล้างบาปได้คือ
"ขี้เกียจ" ไปวัด (นมัสการ) ทุกอาทิตย์ค่ะ มารมันร้ายกาจมาก
1 ปีในการเรียนจะทำให้ตัดสินใจได้ว่าอยากจะเป็นคริสตชนจริงหรือเปล่า

บอกกับทางบ้านเราแค่อยากศึกษาเปรียบเทียบ จะได้รู้เรื่องศาสนาจริง ๆ
และเอาไปสอบวิชาสังคมได้ (ฮา...) เพราะเรียนแล้วไม่จำเป็นต้องล้างบาปทุกคน

ความรู้คู่กับปัญญาและความรักของพระองค์ ขอให้พระเป็นเจ้าทรงนำทางค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
truelove_name
โพสต์: 137
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2011 3:57 pm

ขอบคุณ พี่ๆมากเลยครับ :s002:
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2011 5:37 pm

ปัญหาของคนเป็นพุทธแล้วไม่สามารถคงความเชื่อต่อจนล้างบาปได้คือ
"ขี้เกียจ" ไปวัด (นมัสการ) ทุกอาทิตย์ค่ะ มารมันร้ายกาจมาก
1 ปีในการเรียนจะทำให้ตัดสินใจได้ว่าอยากจะเป็นคริสตชนจริงหรือเปล่า
เห็นด้วยครับ
ขออนุญาตเพิ่มเติมหน่อยนะครับ
เค้าได้สอนผมให้รู้จักกับพระเจ้า ซึ่งผมรู้จักพระองค์อยู่แล้วเพราะผมโตมาในโรงเรียนคริสต์
(ผมพูดขอตรงๆจากประสบการณ์ส่วนตัว^^)
คุณต้องทำความรู้จักกับพระองค์ให้มากขึ้นนะครับ
ที่คุณ truelove_name ว่ารู้จักพระองค์คือคือด้านไหนครับ แค่ประวัติของพระองค์ หรือ ธาตุแท้ของพระองค์ครับ
ไม่มีใครสอนให้เรารู้จักพระเจ้า(พระเจ้าตรีเอกภาพ)ได้หรอกครับ ที่ว่าสอนได้ก็ได้แค่ภายนอก ตัวอย่างเช่น
ใครๆก็สอนคุณให้รู้ได้ว่า : พระคัมภีร์บันทึกว่าพระบิดาเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่ง ทรงรักมนุษย์ ทรงช่วยเหลือผู้ที่พึ่งพระองค์ ทรงกอบกู้พลไพร่ของพระองค์ ฯลฯ แต่ไม่มีใครสอนให้คุณรู้จักพระเมตตา ความรัก ความยุติธรรม ฯลฯ ของพระองค์ได้หรอกครับ เว้นแต่คุณจะสัมผัสกับพระองค์ด้วยตัวเอง

ใครๆก็สอนคุณให้รู้จัก : เยซูชาวนาซาเร็ธผู้เคยบังเกิดเมื่อ2000กว่าปีที่แล้วได้ แต่ไม่มีใครสอนให้คุณรู้จักกับองค์พระคริสต์ พระผู้ไถ่บาป พระผู้เป็นทุกสิ่งของเราได้หรอกครับ เว้นแต่คุณจะได้สัมผัสพระองค์ด้วยตัวเอง

ใครๆก็สอนหลักศาสนาให้คุณได้ว่า : พระวิญญาณบริสุทธิ์(พระจิตเจ้า)ที่พระคริสต์ทรงสัญญาจะประทานแก่ผู้ที่เชื่อและรับความรอดในนามของพระองค์ แต่ไม่มีใครสอนให้คุณรู้ถึงการทรงสถิตอยู่กับเรา การทรงนำของพระองค์ กำลังที่เป็นมาจากพระองค์ฯลฯได้หรอกครับ เว้นแต่คุณจะได้สัมผัสพระองค์ด้วยตัวเอง
ปล.ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรคุณและประทานการมองเห็นที่ามาจากพระองค์แก่คุณ truelove_name นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
truelove_name
โพสต์: 137
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2011 8:56 pm

ใช่ครับ ผมรู้จักพระองค์เพียงแค่ ประวัติ ในหนังสือเรียน หรือตามมิสซาที่โรงเีรียนจริงๆ ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับ แถวบ้านผมไม่มีศาสนจักรด้วย คือ ผมอยู่คนเดียวหนะครับมาเรียน เลยไม่รู้จักใคร ดีจริงๆที่มาเจอเว็บนี้ :s013:
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2011 9:10 pm

สู้ ๆ ค่ะ ภาคทฤษฏีกับภาคปฏิบัติต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะตอนที่ต้องสู้
กับจิตใจตัวเองว่า "วันอาิทิตย์วันหยุดอย่าออกจากบ้านเลย" "วันนี้นอนต่อเถอะ"
ทรมานสุด ๆ >.<

ลองหาวัดที่สะดวกแวะไปร่วมมิสซาได้นะ (แต่ตอนที่เขาออกไปรับศีลอย่าออกไปรับนะคะ)
ปกติจะมีมิสซาทุกวัน บางวันมีเช้า 6.00 น. บางวัดมีเย็น 18.00 น. ลองโทรถามก่อนนะ

ถ้าสนใจเป็นคาทอลิกก็ http://www.thailiturgy.org/main/files/prayer_text.pdf
ลองซ้อม ๆ สวด บทสำคัญหลัก ๆ

1. สำคัญมหากางเขน
2. บทข้าแต่พระบิดา
3. บทวันทามารีย์
4. บทพระสิริรุ่งโรจน์
5. บทเชิญเสด็จพระจิตเจ้า
6. บทข้าพเจ้าเชื่อ
7. บทข้าพเจ้าขอสารภาพต่อพระเจ้า

ขอให้พระเป็นเจ้าทรงนำทางค่ะ
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2011 9:40 pm

ขอบคุณ พี่ๆมากเลยครับ
:s008: ผมเป็นน้องนะครับ เพิ่ง16ได้เดือนเดียวเอง
55+
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2011 9:54 pm

ขอโทษนะครับ คือ
ดูจากที่คุณ truelove_nameโพสแล้วผมเดาว่าเพื่อนที่มาแนะนำน่าจะเป็นคริสเตียน คุณเลยรู้จักคำว่าอธิษฐาน(คือปกติคาทอลิกจะใช้คำว่าสวดภาวนาอะครับ) และ คุณก็พอรู้จักศาสนาคริสต์ผ่านทางที่โรงเรียนคาทอลิกสินะครับ
เลยงงนิดอยู่ว่าคุณสนใจเป็นคาทอลิกหรือเป็นคริสเตียน
ถ้าสนใจเป็นคาทอลิก พี่ๆในบอร์ดเค้าให้คำแนะนำได้
แต่ถ้าสนใจเป็นคริสเตียน ผมก็ยินดีให้คำปรึกษาครับ
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
truelove_name
โพสต์: 137
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2011 11:56 pm

ที่แท้ก็น้องนี่เอง โทษทีที่พี่ใช้สรรพนามผิดไป คือผมสนใจเป็นคริสเตียนครับ เพื่อนผมก็เป็นคริสเตียน แต่โรงเรียนที่ผมเรียนเป็นคาทอลิก ครับส่วนเรื่องบทสวดที่ผมสวดในโรงเรียนก็มี 1.ข้าแต่พระบิดา
2.วันทามารีอา 3.ไหว์องค์พระทรงศักดิ์(บทนี้เหมือนจะมีที่โรงเรียนอย่างเดียวรึเปล่าผมไม่แน่ใจเพราะไม่เคยได้ยินที่อื่น) ส่วนเพลงมิสซา ก็มีทั่วไปตามที่โรงเรียนผมจัดหนะครับ ปกติตอนทำพิธีโรงเรียนจะให้เนื้อเพลงมา เลยพอจำได้ ที่ร้องได้ก็มี ที่ขึ้นต้นว่า่ แม่รักลูกยิ่งสิ่งใด ลูกวอนขออะไรแม่ให้ดังปรารถนา ไม่ทราบว่าเคยได้ยินกันรึเปล่า ไว้ผมจะหาทางไปโบสถ์ให้ได้นะครับ ขอบคุณทุกคนมากครับ :s015:
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

จันทร์ ก.พ. 28, 2011 5:21 pm

(ขออนุญาตพี่ๆน้องๆชาวคาทอลิก ผมขอคุยเรื่องคริสเตียนหน่อยนะ)
คุณtruelove_nameจะทำความรู้จักกับพระเจ้าได้ดียิ่งขึ้น ทางหนึ่งก็โดยการอธิษฐานครับ ตอนนี้ ถ้าคุณtruelove_nameยังทำตัดสินใจเองไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ผมแนะนำให้คุณอธิษฐานต่อพระองค์มากๆนะครับ ผมเชื่อว่าที่คุณอธิษฐานแล้วรู้สึกอะไรบางอย่าง แสดงว่าพระเจ้าก็พร้อมที่จะให้คุณมาลองสัมผัสพระองค์ดูและพร้อมจะตอบทุกคำถามครับ

คริสเตียนเราจะไม่มีการสวดภาวนาครับ จะมีก็แต่การอธิษฐานต่อพระเจ้า
การอธิษฐานที่ว่านั้น(ผมไม่ทราบว่าคุณtruelove_nameทำอย่างไรนะครับ^^)คือการคุยกับพระเจ้าครับ ไม่ต้องใช้คำหรูหราอลังการมากมาย เหมือนลูกคนหนึ่งคุยกับพ่อ
อยากขอ อยากให้ช่วย อยากถาม อยากขอบคุณ อยาก...ฯลฯ ก็ตามสบายนะครับ

คุยกับพระองค์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำกัดจำนวนครั้ง(ยิ่งมากยิ่งดี)ไม่จำเป็นต้องมีท่าทางกิริยาที่ตายตัว ขอแค่ใจสงบก็โอเคแล้ว(แต่ปกติตอนเช้า ก่อนนอนผมก็อธิษฐานต่อพระเจ้าโดยคุกเข่า และหลับตาครับ จะคุยกับพระองค์ออกเสียงรึไม่ก็ได้ครับ)

ส่วนตัวผม ผมมักอธิษฐานต่อพระเยซู พระผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพื่อน(ยามเราเหงา) เป็นพี่ชาย เป็นหมอ(ยามเราป่วย) เป็นสติปัญญา(ยามเราจะสอบ55+) เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป(ยามเรากระทำผิดแล้วสำนึก ขอการอภัยจากพระเจ้า)ฯลฯ
คริสเตียนจะอธิษฐานหรือทำอะไรก็ตาม พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะสถิตอยู่ด้วย พระวิญญาณจะทรงนำเราครับ ส่วนคุณtruelove_nameถ้ายังไม่ได้รับบัพติศมา(ศีลจุ่ม)ก็ยังไม่มีพระวิญญาณอยู่ภายในนะครับ

ไม่ทราบว่าคุณtruelove_nameตอนนี้อยู่กรุงเทพรึเปล่า ถ้าไม่ ผมก็แนะนำให้ลองไปนมัสการวันอาทิตย์ ที่สถานที่ประชุมคริสเตียนที่ใกล้ที่สุด(ผมไม่ใช้คำว่าคริสตจักรนะครับ คริสตจักรหรือพระศาสนจักร=church=ekklesia=กลุ่มชนที่ถูกเรียกออกมา=เราทั้งหลายผู้เชื่อครับ ไม่ใช่สถานที่)
และ ปกติแต่ละที่ประชุมก็จะมีการจัดประกาศข่าวประเสริฐ(กิตติคุณ) ในวาระต่างๆกัน ถ้ามีโอกาสก็ลองไปดูนะครับ

นอกจาก2ประการที่กล่าวมาแล้ว ผมก็ขอแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งครับ ก็คือพระคัมภีร์ ลองหาอ่านดูนะครับ สิ่งนี้ก็จะช่วยคุณรู้จักกับพระองค์มากขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากให้คุณtruelove_nameรับความรอดเร็วๆนะครับ วันเวลา การพิพากษาโลกใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
ปล.ลืมไป ถ้าคุณtruelove_nameอยู่กรุงเทพ ผมพอจะแนะนำผ่านทางMSNได้ครับ นี่เมลล์ผม kittiphan_joe@windowslive.com หรือมีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติมก็ถามได้เช่นกันครับ

ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรคุณtruelove_nameครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
truelove_name
โพสต์: 137
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm

จันทร์ ก.พ. 28, 2011 10:54 pm

ขอบคุณมากครับ ไว้จะทำตามทุกอย่างเลย :s012:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร มี.ค. 01, 2011 2:00 am

สวดภาวนา = pray
อธิษฐาน = pray


มันคือสิ่งเดียวกัน

เมืองนอกไม่แยก เมืองไทย เหมือนจะ แยก


ลก 11:1-4 บทภาวนาของพระเยซูเจ้า
วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับที่ยอห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า
“ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
พระอาณาจักรจงมาถึง
โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายทุกวัน
โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
เหมือนข้าพเจ้าทั้งหลายให้อภัยแก่ผู้อื่น
โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การประจญ”
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

อังคาร มี.ค. 01, 2011 12:17 pm

จะว่าเหมือนมันก็เหมือนนะครับ
แต่ภาคปฏิบัติมันคนละแบบกันอะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พุธ มี.ค. 02, 2011 10:38 am

เอาไว้ตอน 20 แล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ค่ะ
มีเวลาอีก 3 ปี ในการพิจารณาความเชื่อ ความศรัทธาของตัวเอง
จะได้รุ้ว่า เราเอาทางไหนแน่

ช่วง 3 ปีนี้ ก็ศึกษาไปเรื่อย ๆ
รีบมากไปก็ไม่ใช่ว่าจะดี ถ้า 3 ปีแล้ว
ความเชื่อยังมั่นคง จะเปลี่ยนเลยค่ะ

ขอพระเจ้าอวยพร
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

พุธ มี.ค. 02, 2011 5:18 pm

ขอให้พระองค์ทรงนำทางค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2011 3:58 am

ในพระศาสนจักรคาทอลิกมีรูปแบบการอธิษฐานภาวนาหลายหลากสไตล์ โดยใช้ตามกาละเทศะและความเหมาะสม ตลอดจนความถนัดของผู้อธิษฐาน


1.การอธิษฐานตามบทสวดที่มีการแต่งขึ้น
แต่ดั้งเดิมมา การอธิษฐานตามบทที่มีเขียนบันทึกไว้เป็นกิจกรรมพื้นฐานของชาวยิวและคริสตชนในสมัยแรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน ในพระคัมภีร์บันทึกถึง พระเยซูคริสต์ เอง ทั้งเคยแต่งบทอธิษฐานให้คนอื่นสวดตาม หรือแม้แต่สวดตามบทสดุดีโดยไม่ได้ทรงแต่งใหม่ รวมทั้งเหล่าสาวกต่อๆมา ยังมีการใช้บทสวดแบบประยุต์ เช่นนำบทสดุดีต่างๆ มาดัดแปลงบางประโยคเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ใดสถานกการณ์หนึ่งเป็นพิเศษ เพราะบทสดุดี เป็นบทประพันธ์เชิงกลอน และเพลง จึงมีทั้งความไพเราะห์ และสละสลวยของภาษา ตลอดจนเป็นที่คุ้นเคยของผู้ได้ยินได้ฟังที่เคยอ่านพระคัมภีร์ ซึ่งจะสามารถมีส่วนร่วมได้ และที่สำคัญ คนจำนวนมาก มีปัญหาแบบเดียวกับที่สาวกของพระเยซูเคยมีคือ ไม่ทราบจะอธิษฐานอย่างไร การมีบทสวดจะช่วยพวกเขาเหล่านั้นได้ในทันที

ในปัจจุบัน พระศาสนจักรคาทอลิคซึ่งเป็น ศาสนจักรสากล มักมีพิธีหรืองานต่างๆที่มีสมาชิกเข้าร่วมจำนวนมาก การใช้บทสวดที่แต่งไว้ จะมีประโยชน์สำคัญในการทำให้ผู้เข้าร่วมทุกคนสามารถอธิษฐานโดยพร้อมเพรียงกัน แทนที่จะใช้ตัวแทนคนเดียวพูดแทนคนนับร้อยนับพันหรือนับหมื่น


2.การอธิษฐานวอนขอ
การที่แต่ละคนจะคุยหรือจะขอสิ่งต่างๆจากพระเจ้า โดยเฉพาะในเวลาส่วนตัวหรืออธิษฐานส่วนตัว เป็นเรื่องปรกติธรรมดาที่กระทำมาตั้งแต่มนุษย์เริ่มรู้จักพระเจ้า ในพระศาสนจักรคาทอลิกมักสอนให้ อธิษฐานวอนขอส่วนตัวนี้หลังการสวดตามบทที่มีการแต่งไว้ เพื่อว่า ผู้ที่สวดภาวนา จะมีทั้งความครบครันไม่ตกหล่นในเนื้อหาที่ควรอธิษฐาน และยังเสริมหรือเน้นในส่วนที่ตนต้องการเป็นพิเศษ

แม้ในพิธีที่มีการสวดภาวนาพร้อมๆกัน หลายๆครั้งจะมีจุดที่มีการหยุดสักครู่ใหญ่ เพื่อให้แต่ละคน อธิษฐานขอความต้องการส่วนตัวต่อพระเจ้า ก่อนจะมีการสวดแบบออกเสียงด้วยบทเดียวกันพร้อมเพรียงกันกับหมู่คณะต่อ


3.การอธิษฐานด้วยภาษาแปลกๆ
พระศาสนจักรคาทอลิกไม่เน้นสอนการอธิษฐานภาษาแปลกๆ เนื่องจากในพระคัมภีร์ก็บอกอยู่แล้วว่า เป้นพระพรพิเศษจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากการฝึกฝนประสามนุษย์ แต่อณุญาติให้กระทำในกลุ่มคาริสมาติก และในกลุ่มส่วนตัว สำหรับผู้ที่มีความเชื่อในแนวทางเหล่านั้นเป็นพิเศษ โดยไม่เน้นการทำในที่สาธารณะ เพราะเป็นที่สะดุดแก่คนส่วนมากและผู้ที่เข้ามาใหม่ ดังที่พระคัมภีร์ตักเตือนไว้ว่าให้ทำในห้อง และโดยเฉพาะห้ามทำต่อหน้าผู้ไม่เชื่อหรือผู้เชื่อใหม่ และยังไม่แนะนำให้ทำในกลุ่มที่ไม่มีผู้ที่มีพระพรในการแปลภาษาแปลกๆ ด้วยความเข้มงวดเหล่านี้ จึงอาจมีกลุ่มนิกายอื่นบางแห่งที่เน้นการพูดภาษาแปลกๆ เยอะๆ (และเน้นพูดแม้แต่ในเวลามีผู้ไม่เชื่อเข้ามาดู) เข้าใจว่าคริสตจักรอื่นหรือนิกายอื่นไม่มีเหมือนตน และค่อนแคะไปว่าพระศาสนจักรคาทอลิกไม่มี ความจริงคือมีแต่ไม่เน้นโชว์


4.การอธิษฐานโดยไร้ภาษาและคำพูด
การอธิษฐานในระดับที่สูงที่สุดในการอธิาฐานภาวนาทั้งหลาย เพราะเป็นการส่งความรักล้นพ้นไปยังพระเจ้าโดยที่บรรยายถ้อยคำไม่ได้

รม 8:26
ในทำนองเดียวกัน พระจิตเจ้าเสด็จมาช่วยเหลือเราผู้อ่อนแอ เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องอธิษฐานภาวนาขอสิ่งใดที่เหมาะสม แต่พระจิตเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาวอนขอแทนเราด้วยคำที่ไม่อาจบรรยาย และพระผู้ทรงสำรวจจิตใจ ทรงทราบความปรารถนาของพระจิตเจ้า เพราะว่าพระจิตเจ้าทรงอธิษฐานเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า


ในพระศาสนจักรคาทอลิก ได้พัฒนารากฐานการภาวนาแบบนี้มาตั้งแต่ในสมัยแรกเริ่ม ในการตกทอดของบรรดาผู้ถือพรตในทะเลทราย เช่นกลุ่มแอสซีน(ซึ่ง น.ยอห์น ผู้ทำพิธีล้างก็อยู่ในกลุ่มนี้)

หลายๆครั้งการบรรยายพระเมตตารักของพระเจ้า หรือการจะสรรเสริญพระเทวภาพอันลึกซึ่งของพระองค์ มันเกินที่ภาษามนุษย์อันต้อยต่ำจะทำได้ ผู้ภาวนา ได้กระโดดข้ามความบกพร่องของถ้อยคำในภาษาที่มนุษย์คิดค้นขึ้น โดยใช้ความรักอันล้ำลึกเป็นศรพุ่งทะยานทะลุเมฆไปยังพระบัลลังค์ของพระเจ้า โดยไม่ใช้แม้แต่ความคิด ไม่ว่าจะคิดคำอธิษฐาน หรือคิดว่าพระเจ้าทรงความดีอย่างไร เพราะความคิดของมนุษย์จะจำกัดความดีของพระเจ้าเพียงเท่าที่มนุษย์คิดได้ ทั้งที่จริงพระองค์ทรงเหนือกว่านั้นมหาศาล การสรรเสริญองค์ความรักได้ใกล้เคียงที่สุดจึงไม่อาจใช้ภาษามนุษย์ได้ แต่ใช้ความรักนั้นเองขึ้นสรรเสริญองค์ความรัก

มีนักบุญมากมายที่พัฒนาชีวิตฝ่ายจิตด้วยการภาวนารูปแบบนี้ เช่น น.เทเรซาแห่งอาวิลา น.ยอห์นแห่งไม้กางเขน ฯลฯ ผู้ที่เข้าถึงญาณระดับนี้จะเป็นการภาวนาที่ตัดทุกอย่างออกทั้งหมดเหลือแต่วิญญาณของผู้ภาวนากับพระเจ้า จะเหมือนมารีย์ที่พิศเพ่งพระเยซูเจ้า ที่เลือกเอา "ส่วนที่ดีที่สุดที่ไม่มีใครเอาไปจากเธอได้" และพระเจ้าจะยินดีที่จะมาสนทนากับคนผู้นั้นโดยส่วนตัวเหมือนที่ทรงทำต่อมารีย์ ซึ่งมาร์ธา(คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จักวิธีภาวนาแบบนี้)จะไม่เข้าใจ แม้กิจการที่มาร์ธาทำจะเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็น แต่วิธีของมารีย์คือส่วนที่ดีที่สุด(และไม่มีใครแย่งเอาไปจากเธอได้)

ดังที่น.เทเรซา แห่งพระกุมารเยซูกล่าวไว้ว่า ความรักเท่านั้นที่คู่ควรกับความรัก ผู้อธิษฐานภาวนาระดับนี้ จะชำระตนด้วยความรัก และมอบถวายและสรริสริญและวอนขอโดยความรัก ไม่ใช่ถ้อยคำ เหมือนหญิงที่เอาผมเช็ดพระบาทพระองค์ และจูบไม่หยุด เธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว โดยเธอได้รับมากตามความรักที่มาก ไม่ใช่ถ้อยคำที่มาก หรือเพราะกิจกรรมมีมาก ดังนั้นด้วยวิธีนี้ แม้คนบาปที่สุดก็สามารถเข้าสวรรค์ก่อนคนอื่นได้ โดยสัมผัสกลิ่นอายของมันตั้งแต่ในการภาวนานั้นแล้ว และจะไปต่อนิรันดร์ในสวรรค์ได้อีก เพราะคนนั้นไม่ใช่ได้รับพระพรของพระเยซู แต่ได้รับพระเยซูเอง

ดังที่ น.เทเรซา แห่งพระกุมารเยซู เมื่อเข้าถึงการพิศเพ่งระดับสูงนี้ ได้กล่าวถ้อยคำเปี่ยมปรีชาญาณอันน่าทึ่งว่า "ดิฉันยินดีอยู่ในนรกก็ได้ขอเพียงที่นั่นมีพระเยซูคริสต์อยู่กับดิฉัน" ท่านนักบุญ อายุเพียง20 แต่สามารถก้าวข้ามข้อขัดขวางของภาษาในคำว่า "นรก" หรือ "สวรรค์" ก้าวความการยึดติดเรื่อง "สถานที่" ว่ารอดแล้ววิญญาณอยู่ "ที่ไหน" แต่เข้าถึงความจริง(ที่ทำให้เป็นอิสระ)ว่า ความรอดพ้นที่แท้จริงคือการอยู่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าเท่านั้นเอง

ปัจจุบัน การอธิษฐานภาวนาแบบนี้ มีผู้สนใจปฎิบัติน้อย และจำกัดสอนในหมู่นักบวชที่ถือพรต เพราะเข้าใจยาก สำหรับผู้มีสติปัญญาแบบคนปรกติ(มาร์ธา) เพราะคนนั้นต้องเป็นคนที่ทิ้งสติปัญญาของตนไปหมดจนอาจดูงี่เง่าในสายตาคนอื่น(มารีย์) และผู้ภาวนาในระดับนี้ มักจดจ่อกับการใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอธิษฐานภาวนาเงียบๆ ผู้ทำมาหากินในชีวิตปรกติ หรือแม้แต่นักบวชที่บริหารโรงเรียนหรือกิจการต่างๆ(มาร์ธา) จะทำได้ยาก จึงมักปฎิบัติกันในหมู่นักบวชที่เก็บตัวในอาราม แต่ก็มีหนังสือ และการเปิดอบรม สำหรับฆารวาสที่ต้องการฝึกฝนการอธิษฐานแบบนี้อยู่บ้าง
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2011 6:47 pm

ขอบคุณมากค่ะ ขอรับไปพิจารณาตนเองและปฏิบัิติค่ะ
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

ศุกร์ มี.ค. 04, 2011 11:19 am

คริสเตียนเราจะไม่มีการสวดภาวนาครับ จะมีก็แต่การอธิษฐานต่อพระเจ้า
ถ้างั้นผมคงเขียนผิดเอง ต้องเขียนใหม่ว่า
คริสเตียนเราจะไม่มีการอธิษฐานภาวนาตามบทสวดฯ จะมีก็แต่การอธิษฐานภาวนาแบบไม่ตามบทสวด
น่าจะเขียนถูกแล้วนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
truelove_name
โพสต์: 137
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 26, 2011 8:54 pm

อาทิตย์ มี.ค. 06, 2011 12:21 am

ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ผมจะรอจนถึงโอกาศเหมาะสมครับ
ในระหว่างนี้ผมยังไม่ได้รับเชื่อ ผมจะสามารถอธิษฐานได้รึเปล่าครับ
ผมหมายความว่าพระองค์จะทรงตอบกลับ คนที่เชื่อในพระองค์แต่ไม่ได้
ทำพิธีอะไรเลยรึเปล่าครับ ? แล้วถ้าพระองค์รับฟังผมต้องอธิษฐานว่าอะไรบ้างอะครับ
ถึงจะถูกต้อง :s007:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ มี.ค. 06, 2011 9:36 am

truelove_name เขียน:ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ผมจะรอจนถึงโอกาศเหมาะสมครับ
ในระหว่างนี้ผมยังไม่ได้รับเชื่อ ผมจะสามารถอธิษฐานได้รึเปล่าครับ
ผมหมายความว่าพระองค์จะทรงตอบกลับ คนที่เชื่อในพระองค์แต่ไม่ได้
ทำพิธีอะไรเลยรึเปล่าครับ ? แล้วถ้าพระองค์รับฟังผมต้องอธิษฐานว่าอะไรบ้างอะครับ
ถึงจะถูกต้อง :s007:
อธิษฐานได้เลยครับ จะอธิษฐานง่ายๆแบบคุยกับพระองค์

พระองค์ไม่มีพิธีรีตองมากมาย ทรงพอพระทัยในความเชื่อแบบเด็กๆ เข้าหาพระองค์แบบเด็กๆที่พูดซื่อๆ กับพ่อแม่ของตน

หรือจะใช้แนวทางตามแบบที่พระคัมภีร์บอกไว้ว่าพระเยซูสอนก็ได้

“ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
พระอาณาจักรจงมาถึง
โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายทุกวัน
โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
เหมือนข้าพเจ้าทั้งหลายให้อภัยแก่ผู้อื่น
โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การประจญ”
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 07, 2011 3:55 pm

บทข้าแด่พระบิดา (คำอธิษฐาน
พระเยซู) และบทข้าพเจ้าเชื่อ (หลักข้อเชื่ออัครทูต)

เป็นสองบทหลัก ของคริสตจักรในเครือสภาฯคณะเพรสไบทีเรียน
ถ้าแบ๊พติสต์ไม่มีฮะ
tach
โพสต์: 200
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 22, 2009 9:53 pm

อังคาร มี.ค. 08, 2011 9:54 pm

สู้ๆๆๆ อาศัยสวดภาวนา หรือไม่ก็ลองไปร่วมมิสซาดูเพราะ มี รร คาทอลิกก็ต้องมีวัดคู่กัน
สวดบทวันทามารีย์ เเละศึกษาบทสวดเพราะบทสวดนั้นมีการเปลี่ยนใหม่หมดเลย
เเม่พระ คุ้มครอง
anatasia
โพสต์: 449
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 21, 2011 6:18 am

จันทร์ มี.ค. 21, 2011 3:03 pm

เราก็เคยนับถือพุทธค่ะและเคยเป็นคริสเตียนด้วย
ตอนเป็นคริสเตียนเราก็เข้าโบสถ์ทุกอาทิตย์
แต่พอยายตายเราก็ไม่ไปโบสถ์อีกเลยย
เพราะพ่อแม่และน้องก็ไปอยู่ที่กรุงเทพ
ส่วนคุณตากับป้าก็อยู่กับเรา
บ้านเราเคยมีโจรบุกเข้าบ้านและขโมยเงินในกระปุกหมดเกลี้ยง(เหตุเกิดที่ห้องสมุดประจำบ้านเรา)

คุณตาเข้าใจว่าเราหาว่าเราเข้าห้องสมุดและทำข้าวของกระจุยกระจาย
แต่เราบอกคุณตาว่าเราเพิ่งจะตื่นนอนและนึกว่าคุณตาดูทีวีในห้องสมุด
แล้วเราโทร.ไปบอกย่า
ตำรวจก็มาที่บ้านเพื่อดูร่องลอยแต่ก็ยังจับขโมยคนนั้นไม่ได้อ่ะ


เราเลยไม่กล้าไปนานๆเพราะกลัวขโมยบุกบ้านอีกค่ะ
ตอบกลับโพส