หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ศรัทธา หรือ งมงาย ? ? ?
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 8:52 pm
โดย siner
แม้ผมจะไม่ได้รับศีลล้างบาป
และก็ไม่เคยเรียนคำสอน
แต่ผมก็เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง
และก็สวดภาวนาต่อพระองค์ทุกคืน
บางคนก็ว่ามันเป็นสิ่งที่งมงาย
เราจะแยกระหว่างความศรัทธา กับงมงายได้ยังไงคับ
แล้วผมควรจะทำยังไงต่อไปถึงจะเชื่อได้อย่างถูกต้อง ???
Re:ศรัทธา หรือ งมงาย ? ? ?
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 9:00 pm
โดย Prod Pran
ลองอ่าน พระคัมภีร์ ฮีบรู บทที่ ๑๑ พูดถึงความเชื่อค่ะ
11:1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
11:2 โดยความเชื่อนี้เองคนในสมัยก่อนก็ได้รับการรับรองจากพระเจ้า
11:3 โดยความเชื่อนี้เอง เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างกัลปจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น
11:4 เพราะอาแบลมีความเชื่อ จึงได้นำเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าของคาอินมาถวายแด่พระเจ้า ซึ่งทำให้ท่านได้รับการรับรองว่าเป็นคนชอบธรรม พระเจ้าก็ได้ทรงยืนยันโดยการทรงรับของถวายของท่าน แม้ว่าอาแบลตายไปแล้วก็จริง แต่เพราะท่านมีความเชื่อ ท่านจึงยังคงพูดอยู่
11:5 เพราะเอโนคมีความเชื่อ ฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงรับท่านขึ้นไป เพื่อไม่ให้ท่านประสบกับความตาย ไม่มีผู้ใดพบท่าน เพราะพระเจ้าทรงรับท่านไปแล้ว ก่อนที่ทรงรับท่านขึ้นไปนั้น มีผู้เป็นพยานว่าท่านเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
11:6 แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้าได้นั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์
11:7 เพราะโนอาห์มีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเตือนให้รู้ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านจึงยำเกรงและต่อเรือใหญ่ เพื่อช่วยครอบครัวของตนให้รอดพ้นจากความตาย และด้วยเหตุนี้เองท่านจึงได้ติเตียนชาวโลก และได้เป็นทายาทแห่งความชอบธรรม ซึ่งบังเกิดมาจากความเชื่อ
11:8 เพราะอับราฮัมมีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านออกเดินทาง ไปยังที่ซึ่งท่านจะรับเป็นมรดก ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้ไม่ว่าจะไปทางไหน
11:9 เพราะความเชื่อของท่าน ท่านได้พำนักในแผ่นดินซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้นั้น คือได้พำนักในเต็นท์เป็นคนต่างด้าว ดังอิสอัคและยาโคบซึ่งเป็นทายาทด้วยกัน ตามพระสัญญาอันเดียวกันนั้น
11:10 ท่านได้เฝ้ารอคอยนครที่ตั้งบนรากฐาน ซึ่งพระเจ้าทรงเป็นนายช่างและทรงเป็นผู้สร้าง
11:11 เพราะนางซาราห์มีความเชื่อ นางจึงได้รับพลังตั้งครรภ์เมื่อชรามากแล้ว เพราะนางถือว่าพระองค์ผู้ได้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงเป็นผู้สัตย์ซื่อ
11:12 เหตุฉะนั้นจากชายคนเดียวซึ่งเกือบจะกล่าวได้ว่า เป็นเสมือนคนที่ตายแล้วนั้น ก็ได้ทำให้มีผู้สืบเชื้อสายเกิดมามากมายดังดวงดาวในท้องฟ้า และเป็นดังเม็ดทรายอันนับไม่ถ้วน ที่ฝั่งทะเล
11:13 คนเหล่านั้นได้ตายไปขณะที่มีความเชื่อเต็มที่ และไม่ได้รับสิ่งที่ได้ทรงสัญญาไว้ แต่เขาก็ได้เห็นและได้เตรียมรับไว้ตั้งแต่ไกล และรู้ดีว่าเขาเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก
11:14 เพราะคนที่พูดอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า เขากำลังแสวงหาเมืองที่จะได้เป็นของเขา
11:15 ถ้าเขาคิดถึงบ้านเมืองที่เขาจากมานั้น เขาก็คงจะมีโอกาสกลับไปได้
11:16 แต่ความจริงเขาปรารถนาที่จะอยู่ในเมืองที่ประเสริฐกว่านั้น คือเมืองสวรรค์ เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงมิได้ทรงละอาย เมื่อเขาเรียกพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าของเขา เพราะพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้สำหรับเขาแล้ว
11:17 เพราะอับราฮัมมีความเชื่อฉะนั้นเมื่อท่านถูกลองใจ ท่านจึงได้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา และท่านซึ่งเป็นผู้ได้รับพระสัญญา ก็ได้พร้อมแล้วที่จะถวายบุตรคนเดียวของท่าน
11:18 คือบุตรที่มีพระดำรัสไว้ว่า เขาจะสืบเชื้อสายของเจ้าทางอิสอัค
11:19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถชุบคนตายให้ฟื้นได้ ฉะนั้นกล่าวโดยอุปมาได้ว่าท่านได้รับบุตรกลับคืนมา
11:20 เพราะอิสอัคมีความเชื่อ จึงได้ขอพรให้แก่ยาโคบและเอซาว สำหรับเหตุการณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นในภายหน้า
11:21 เพราะยาโคบมีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อจะตายจึงได้อวยพรแก่บุตรทั้งสองของโยเซฟ และ ได้นมัสการพระเจ้า เหนือหัวไม้เท้าของท่าน
11:22 เพราะโยเซฟมีความเชื่อเมื่อกำลังจะตาย จึงได้กล่าวถึงการอพยพของชาวอิสราเอล และสั่งเรื่องกระดูกของท่าน
11:23 เพราะความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อโมเสสเกิดมา บิดามารดาจึงได้ซ่อนท่านไว้ถึงสามเดือน เพราะเห็นว่าท่านเป็นเด็กรูปงาม และบิดามารดาของท่านไม่ได้กลัวคำสั่งของกษัตริย์เลย
11:24 เพราะความเชื่อ เมื่อโมเสสโตแล้วท่านไม่ยอมให้ใครเรียกท่านว่า เป็นบุตรของธิดากษัตริย์ฟาโรห์
11:25 ท่านเลือกการร่วมทุกข์กับชนชาติของพระเจ้าแทนการเริงสำราญในความชั่ว
11:26 ท่านถือว่าการอดทนต่อความอัปยศเพื่อพระคริสต์ ประเสริฐกว่าสมบัติของประเทศอียิปต์ เพราะท่านหวังบำเหน็จที่จะได้รับนั้น
11:27 เพราะความเชื่อ ท่านได้ออกจากประเทศอียิปต์ โดยมิได้เกรงกลัวความกริ้วของกษัตริย์ เพราะท่านมั่นใจประหนึ่งได้เห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา
11:28 เพราะความเชื่อ ท่านได้ถือเทศกาลปัสกาและพิธีประพรมเลือด เพื่อไม่ให้องค์เพชฌฆาตผู้ประหารบุตรหัวปีมาถูกต้องพวกอิสราเอลได้
11:29 เพราะความเชื่อ พวกอิสราเอลจึงเดินข้ามทะเลแดงเหมือนกับว่าเดินบนดินแห้ง แต่เมื่อพวกอียิปต์ได้ลองเดินข้ามดูบ้างก็จมน้ำตายหมด
11:30 เพราะความเชื่อ เมื่อพวกอิสราเอลล้อมกำแพงเมืองเยรีโคไว้ถึงเจ็ดวันแล้วกำแพงเมืองก็พังลง
11:31 เพราะความเชื่อ ราหับหญิงแพศยาจึงมิได้พินาศไปพร้อมกับคนเหล่านั้นที่มิได้เชื่อ เพราะนางได้ต้อนรับคนสอดแนมเป็นอย่างดี
11:32 และข้าพเจ้าจะกล่าวอะไรต่อไปอีกเล่า เพราะไม่มีเวลาพอที่จะกล่าวถึง กิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด และซามูเอล และผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย
11:33 เพราะความเชื่อท่านเหล่านั้นจึงได้มีชัยเหนือดินแดนต่างๆได้ตั้งระบบความยุติธรรม ได้รับผลของพระสัญญา ได้ปิดปากสิงห์
11:34 ได้ดับไฟที่ไหม้อย่างรุนแรง ได้พ้นจากคมดาบ ความอ่อนแอของท่านก็กลับเป็นความเข้มแข็ง มีกำลังความสามารถในการทำสงคราม ได้ตีกองทัพประเทศอื่นๆแตกพ่ายไป
11:35 พวกผู้หญิงก็ได้รับคนพวกของนางที่กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีก บางคนก็ถูกทรมาน แต่ก็ไม่ยอมรับการปลดปล่อย เพื่อเขาจะได้กลับมีชีวิตที่ดีกว่านั้นอีก
11:36 บางคนต้องทนต่อคำเยาะเย้ยและการถูกโบยตี และยังถูกล่ามโซ่และถูกขังคุกด้วย
11:37 บางคนก็ถูกขว้างด้วยก้อนหิน บางคนก็ถูกเลื่อยเป็นท่อนๆ {สำเนาต้นฉบับบางฉบับเพิ่มว่า บางคนถูกทดลอง} บางคนก็ถูกฆ่าด้วยคมดาบ บางคนก็นุ่งห่มหนังแกะหนังแพะพเนจรไป สิ้นเนื้อประดาตัว ตกระกำลำบากและถูกเคี่ยวเข็ญ
11:38 (แผ่นดินโลกไม่สมกับคนเช่นนั้นเลย) เขาพเนจรไปในถิ่นทุรกันดาร และตามภูเขาและอยู่ตามถ้ำและตามโพรง
11:39 คนเหล่านั้นทุกคนมีชื่อเสียงดีเพราะความเชื่อของเขา แต่เขาก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้
11:40 เพราะพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งซึ่งประเสริฐยิ่งกว่านั้นไว้สำหรับเขา เพื่อเขาทั้งหลายจะได้รับความสมบูรณ์ด้วยกันกับเราเท่านั้น
Re:ศรัทธา หรือ งมงาย ? ? ?
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 9:04 pm
โดย siner
ขอบคุณมากคับ พี่โปรดปราน
Re:ศรัทธา หรือ งมงาย ? ? ?
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 9:13 pm
โดย King Zadin
ขอบคุณด้วยคนครับดีจังเลยครับ
Re:ศรัทธา หรือ งมงาย ? ? ?
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 9:18 pm
โดย พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
ต้นไม้ย่อมเกิดมิได้ถ้าม่มีเมล็ด เช่นเดียวกันครับอะไรที่ไม่มีตัวตนหรืออะไรที่เมคขึ้นมาเองนั้นก็ไม่สามารถคงอยู่ได้ทน และไม่สามารถออกผลและมั่นคงได้
ผมเข้าใจดีว่าความเป็นมนุษย์นั้นสงสัยตลอดเวลาแต่พระเป็นเจ้าได้เข้าใจถึงข้อบกพร่องของมนุษย์นี้พระเป็นเจ้าจึงอนุญาติให้มีหมายสำคัญ หรือเรื่องเหนือธรรมชาติของพระองค์เกิดขึ้นในโลกนี้(สามารถอ่านได้ที่ article หน้าแรกของเว็ป) แต่สิ่งที่สำคัญมิใช่เพื่อใส่ใจเรื่องปาฏิหาร์ยเหนือธรรมชาติ แต่เราต้องใส่ใจในหลักธรรมคำสอนที่พระองค์ได้สอนใว้ครับ :)
Re:ศรัทธา หรือ งมงาย ? ? ?
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 27, 2005 8:37 pm
โดย Jeab Agape
ศรัทธา คือ ความเชื่อ ที่มีเหตุผล มีความหวัง ส่งผลในทางที่ดี
เช่นเราศรัทธาในคริสตศาสนา = เรายอมรับว่าเป็นคนบาปอ่อนแอ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
เราจึงพึ่งพาพระเยซูคริสต์ ให้เป็นผู้นำชีวิตของเรา เมื่อเรามีปัญหาเราได้อธิษฐานวิงวอนขอการช่วยเหลือจากพระองค์ และได้รับคำตอบ
จากพระคัมภีร์ฮีบรูที่พี่พีพียกมานั้น แต่ละคนที่ศรัทธา มีความเชื่อในสิ่งที่เรามองไม่เห็น
แต่สิ่งนั้นมีจริง เช่นเราเองเชื่อ พระเยซูเจ้า และหวังจะได้ชีวิตนิรันดร์ นั่นคือความหวัง
หลังจากโลกนี้ไปแล้ว
ส่วน ความงมงาย = ความเชื่อที่ไม่มีหลัก เช่น ไหว้จอมปลวก หวังในโชคลาภ ไปงมงายหมอดู หมอเสน่ห์ เห็นอะไรประหลาดๆ ไปกราบไหว้ ขอหวยเบอร์ เป็นต้น
Re:ศรัทธา หรือ งมงาย ? ? ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 28, 2005 4:35 am
โดย Pry-Kaew
Jeab Agape เขียน:
ศรัทธา คือ ความเชื่อ ที่มีเหตุผล มีความหวัง ส่งผลในทางที่ดี
เช่นเราศรัทธาในคริสตศาสนา = เรายอมรับว่าเป็นคนบาปอ่อนแอ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
เราจึงพึ่งพาพระเยซูคริสต์ ให้เป็นผู้นำชีวิตของเรา เมื่อเรามีปัญหาเราได้อธิษฐานวิงวอนขอการช่วยเหลือจากพระองค์ และได้รับคำตอบ
จากพระคัมภีร์ฮีบรูที่พี่พีพียกมานั้น แต่ละคนที่ศรัทธา มีความเชื่อในสิ่งที่เรามองไม่เห็น
แต่สิ่งนั้นมีจริง เช่นเราเองเชื่อ พระเยซูเจ้า และหวังจะได้ชีวิตนิรันดร์ นั่นคือความหวัง
หลังจากโลกนี้ไปแล้ว
ส่วน ความงมงาย = ความเชื่อที่ไม่มีหลัก เช่น ไหว้จอมปลวก หวังในโชคลาภ ไปงมงายหมอดู หมอเสน่ห์ เห็นอะไรประหลาดๆ ไปกราบไหว้ ขอหวยเบอร์ เป็นต้น
เห็นด้วยกับคุณเจี๊ยบอย่างแรง ขอคุณเจ้าของกระทู้จงเข้มแข็งในความเชื่อครับ อย่าหวั่นไหวต่อสิ่งไร้สาระจากลมปากคนรอบข้าง ความเชื่อเรารับรองโดยพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ครับ อย่าได้หวั่นไหวต่อสิ่งที่มนุษย์ที่ไร้ความเชื่อพูดจากความไม่รู้เรื่อง และไร้สาระครับผม
ขอพระอวยพรคุณเจ้าของกระทู้และทุกท่านครับผม[
Re:ศรัทธา หรือ งมงาย ? ? ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 28, 2005 5:28 pm
โดย sakda88
ผมได้คุยกับนักภาษาศาตร์ท่าน สมพร แหยมไทย
ให้ความหมายของศรัทธา ว่า ประจักษ์แล้ว เห็นชัดแจ้งแล้ว
ดังนั้นผู้ศรัทธาคือผู้มีประสบการณ์ตรงต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ส่วนงมงายผมจะสอบถามท่าน สมพร อีกครั้ง ???