คาทอลิกต้องบริจาครายได้ให้กับวัดมั้ยครับ
-
- โพสต์: 407
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am
บทบัญญัติพื้นฐานของพระศาสนจักร
ข้อ 5 จงบำรุงพระศาสนจักรตามความสามารถ
ข้อ 5 จงบำรุงพระศาสนจักรตามความสามารถ
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ลก 21:1-4 เศษเงินของหญิงม่าย
21 1พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีกำลังใส่เงินถวายลงในตู้ทาน 2ทรงเห็นหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งใส่เหรียญทองแดงสองเหรียญลงในตู้ทานด้วย 3จึงตรัสว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ทำทานมากกว่าทุกคน 4เพราะทุกคนนำเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมดสำหรับเลี้ยงชีพมาทำทาน'
คาทอลิกไม่มีกำหนดว่าเท่าไรค่ะ หากไม่มีเงินก็ลงแรง
ช่วยเหลือศาสนาด้วยความเต็มที่เต็มใจ
บำรุงด้วยความยินดีไม่ใช่ความรู้สึกว่าถูกบังคับให้ทำค่ะ
21 1พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีกำลังใส่เงินถวายลงในตู้ทาน 2ทรงเห็นหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งใส่เหรียญทองแดงสองเหรียญลงในตู้ทานด้วย 3จึงตรัสว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ทำทานมากกว่าทุกคน 4เพราะทุกคนนำเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมดสำหรับเลี้ยงชีพมาทำทาน'
คาทอลิกไม่มีกำหนดว่าเท่าไรค่ะ หากไม่มีเงินก็ลงแรง
ช่วยเหลือศาสนาด้วยความเต็มที่เต็มใจ
บำรุงด้วยความยินดีไม่ใช่ความรู้สึกว่าถูกบังคับให้ทำค่ะ
ผมว่ามันแปลกๆอยู่นะครับ คุณเข้ามาถามทั้งที่คุณเคยพูดว่าเป็นคาทอลิค ถ้าคุณเคยไปวัดทุกsayonara เขียน:ตามหัวนะครับ ผมเคยได้ยินมาว่าคาทอลิกต้องบริจาครายได้ให้กับพระศาสนจักร
แต่กี่%ต่อปีจำไม่ได้
ผลเลยอยากทราบว่าจริงๆแล้วต้องบริจาคมั้ยครับ แล้วบริจาคเท่าไร
วันอาทิตย์คุณก็ต้องรู้ว่า คาทอลิคเวลาไปวัดเค้ามีถุงทานให้ใส่ไม่ได้มีการบังคับให้ใครใส่
แต่พอเข้าไปหาอ่าน ในหัวข้อเก่าๆของคุณ
คุณใช้คำว่า
(คือผมเป็นผู้มีความเชื่อใหม่ )เหมือนกับไม่ใช่คาทอลิค
(อันที่จริงผมเองก็เป็นคาทอลิกแต่แค่ไม่ค่อยมั่นใจเท่านั้นในเรื่องรูปเคารพ )
ผมก็เลยงงๆคุณเหมือนกัน
คาทอลิคไม่บังคับว่าต้องบริจาคครับsayonara เขียน:ตามหัวนะครับ ผมเคยได้ยินมาว่าคาทอลิกต้องบริจาครายได้ให้กับพระศาสนจักร
แต่กี่%ต่อปีจำไม่ได้
ผลเลยอยากทราบว่าจริงๆแล้วต้องบริจาคมั้ยครับ แล้วบริจาคเท่าไร
ขอย้ำไม่มีการบังคับ ให้ทำทานครับ
การทำบุญแล้วแต่ความสมัครใจครับ
แต่ที่คุณได้ยินมาเป็นคนละนิกายครับ
ผมว่ามันแปลกๆอยู่นะครับ คุณเข้ามาถามทั้งที่คุณเคยพูดว่าเป็นคาทอลิค ถ้าคุณเคยไปวัดทุก
วันอาทิตย์คุณก็ต้องรู้ว่า คาทอลิคเวลาไปวัดเค้ามีถุงทานให้ใส่ไม่ได้มีการบังคับให้ใครใส่
แต่พอเข้าไปหาอ่าน ในหัวข้อเก่าๆของคุณ
คุณใช้คำว่า
(คือผมเป็นผู้มีความเชื่อใหม่ )เหมือนกับไม่ใช่คาทอลิค
(อันที่จริงผมเองก็เป็นคาทอลิกแต่แค่ไม่ค่อยมั่นใจเท่านั้นในเรื่องรูปเคารพ )
ผมก็เลยงงๆคุณเหมือนกัน
วันอาทิตย์คุณก็ต้องรู้ว่า คาทอลิคเวลาไปวัดเค้ามีถุงทานให้ใส่ไม่ได้มีการบังคับให้ใครใส่
แต่พอเข้าไปหาอ่าน ในหัวข้อเก่าๆของคุณ
คุณใช้คำว่า
(คือผมเป็นผู้มีความเชื่อใหม่ )เหมือนกับไม่ใช่คาทอลิค
(อันที่จริงผมเองก็เป็นคาทอลิกแต่แค่ไม่ค่อยมั่นใจเท่านั้นในเรื่องรูปเคารพ )
ผมก็เลยงงๆคุณเหมือนกัน
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ที่คุณว่านี่นิกายไหนครับs.gabriel เขียน: แต่ที่คุณได้ยินมาเป็นคนละนิกายครับ
เท่าที่ผมทราบที่ไหนเค้าก็ไม่บังคับกันทั้งนั้นหละครับ
ขอเพิ่มเติมนิดนะครับ........ว่า
แม้จะไม่ใช่การบังคับ แต่เราคริสตชนก็ควรทำโดยมโนธรรมและจิตสำนึก ด้วยความสมัครใจ
และเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งครับ
ในสมัยพันธสัญญาเดิม บังคับให้ถวาย10% แต่ในพันธสัญญาใหม่ พระองค์ให้เราทำตามความสมัครใจครับ(ที่ว่าสมัครใจนั้น เราควรทำมากกว่าบัญญัติเก่าด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าเห็นพระคัมภีร์บอกตามสมัครใจ กลายเป็นว่ามาตรฐานต่ำลงเหลือแค่ ให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ได้)
แท้จริงแล้ว รายได้ทุกบาท เราถือว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานให้ และอย่างน้อยที่สุด(แม้เราจะไม่ได้อยู่ในพระบัญญัติแล้ว)10%ก็ยังเป็นของพระเจ้า ถ้าในสมัยพันธสัญญาเดิมนี่ ไม่ให้พระเจ้าถือว่าโกงพระเจ้าครับ แต่เราผู้ซึ่งอยู่ในยุคพันธสัญญาใหม่ จะตอบแทนพระองค์สักนิดจะเป็นไรไป
อนึ่ง พระเจ้าไม่เคยอนุญาตให้มนุษย์หน้าไหนท้าทายลองดีกับพระเจ้าเลยซักเรื่อง ยกเว้นเรื่องการมอบถวาย
มาลาคี3:10. พระยะโฮวาจอมพลโยธาตรัสต่อไปว่า "จงเอาบรรดาส่วนสิบชักหนึ่งนั้นมาส่ำสมไว้ในคลัง เพื่อจะมีโภชนาหารไว้ในวิหารของเรา และจงมาลองดูเราในเรื่องนี้ ดูทีหรือว่า เราจะเปิดบัญชรท้องฟ้าให้เจ้าและเทพรให้แก่เจ้าจนเกินความต้องการหรือไม่"
และพระคัมภีร์อีกหลายตอนที่กล่าวถึงการถวายทรัพย์ในพันธสัญญาใหม่ เช่น(ลก21:1-4)(มธ 6:19-21)ฯลฯ
ยังมีบางคริสตจักรบังคับให้ถวายสิบลดอยู่ครับ ในเมืองไทยเคยเป็นเรื่องอยู่บ่อยๆ นานแล้วในเวบเราเคยมีคนเอาซองถวายของคริสตจักรนั้นมาลงด้วย ลองดูอันนี้ครับ
http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=1&t=9197
ส่วนของคาทอลิกนั้นใช้คำว่า บำรุงพระศาสนาจักรตามความสามารถ ซึ่งเอาเข้าจริง หลายๆคนก็ไม่ทำสุดความสามารถหรอกครับ ทำแค่ตามความพอใจ
ส่วนกระทู้เกี่ยวกับการถวาย ลองอ่านอันนี้ครับวิชาการ ไม่วิชาเกิน
http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=37&t=322
http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=1&t=9197
ส่วนของคาทอลิกนั้นใช้คำว่า บำรุงพระศาสนาจักรตามความสามารถ ซึ่งเอาเข้าจริง หลายๆคนก็ไม่ทำสุดความสามารถหรอกครับ ทำแค่ตามความพอใจ
ส่วนกระทู้เกี่ยวกับการถวาย ลองอ่านอันนี้ครับวิชาการ ไม่วิชาเกิน
http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=37&t=322
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ผมงงอะครับ เค้าบังคับกันยังไง
เงินก็อยู่ในกระเป๋าเรา จะมาฉกไปจากกระเป๋าเราเลยหรือโดยวิธีใด
แต่อย่างไรก็ตาม
(ส่วนนี้ขอพูดถึงโปรฯนะครับ เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคาทอลิกปฏิบัติกันอย่างไร)
แต่ถ้าในกรณีที่มีบางโบสถ์เทศน์ว่า ไม่ให้แล้วจะถูกสาปแช่ง ฯลฯ
อันนี้ก็ต้องพิจารณาดูว่าคำสอนนี้อยู่ในชีวิตโดยพระวิญญาณ หรือนอนอืดตายคาพระบัญญัติไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้หรอครับ ง่ายๆก็คือเป็นเพราะพระคัมภีร์มีปรากฏภาคปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่เราดันไปปฏิบัติอีกอย่าง
นี่คือตามพระคัมภีร์ครับ
-ทุกคคนคงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยความฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี(2 โครินธ์ 9: 7)
- พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีทั้งหลายนำเงินมาใส่ในตู้เก็บเงินถวาย
พระองค์ทรงเห็นหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนจนนำสตางค์แดงสองสตางค์มาใส่ด้วย
พระองค์ตรัสว่า "เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า หญิงม่ายจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนั้น
เพราะว่าคนทั้งหลายได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่รวมกับเงินถวาย แต่ผู้หญิงคนนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด" (ลูกา21:1-4)
-ฝ่ายท่านทั้งหลายเมื่อทำทาน อย่าให้มือซ้ายรู้การซึ่งมือขวากระทำนั้น
เพื่อทานของท่านจะเป็นทานลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลับลี้ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จให้ท่าน(มัทธิว 6:3-4)ฯลฯ
นี่คือตามที่โปรฯส่วนมาก อาจพูดได้ว่าเกือบ100%ทำ(ขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่เป็นหนึ่งในนั้น)
-เดินถุง
-(ในเมื่อเป็นการเดินถุง)ไม่เป็นทานลับ รู้หมดทั้งที่ประชุมเลยครับ คนไหนถวายเท่าไหร่ ครบ10ลดรึเปล่า มากหรือน้อย
-มีตู้เก็บเงินถวายไหม?
-ฉนั้นก็รับคำอวยพรจากมนุษย์ไปครับ
จริงๆแล้วถ้าจะแก้ไขกันก็ง่ายๆนิดเดียว แต่เค้าไม่ยอมแก้กันง่ายๆหรอกครับ
เงินก็อยู่ในกระเป๋าเรา จะมาฉกไปจากกระเป๋าเราเลยหรือโดยวิธีใด
แต่อย่างไรก็ตาม
(ส่วนนี้ขอพูดถึงโปรฯนะครับ เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคาทอลิกปฏิบัติกันอย่างไร)
แต่ถ้าในกรณีที่มีบางโบสถ์เทศน์ว่า ไม่ให้แล้วจะถูกสาปแช่ง ฯลฯ
อันนี้ก็ต้องพิจารณาดูว่าคำสอนนี้อยู่ในชีวิตโดยพระวิญญาณ หรือนอนอืดตายคาพระบัญญัติไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้หรอครับ ง่ายๆก็คือเป็นเพราะพระคัมภีร์มีปรากฏภาคปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่เราดันไปปฏิบัติอีกอย่าง
นี่คือตามพระคัมภีร์ครับ
-ทุกคคนคงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยความฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี(2 โครินธ์ 9: 7)
- พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีทั้งหลายนำเงินมาใส่ในตู้เก็บเงินถวาย
พระองค์ทรงเห็นหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนจนนำสตางค์แดงสองสตางค์มาใส่ด้วย
พระองค์ตรัสว่า "เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า หญิงม่ายจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนั้น
เพราะว่าคนทั้งหลายได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่รวมกับเงินถวาย แต่ผู้หญิงคนนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด" (ลูกา21:1-4)
-ฝ่ายท่านทั้งหลายเมื่อทำทาน อย่าให้มือซ้ายรู้การซึ่งมือขวากระทำนั้น
เพื่อทานของท่านจะเป็นทานลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลับลี้ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จให้ท่าน(มัทธิว 6:3-4)ฯลฯ
นี่คือตามที่โปรฯส่วนมาก อาจพูดได้ว่าเกือบ100%ทำ(ขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่เป็นหนึ่งในนั้น)
-เดินถุง
-(ในเมื่อเป็นการเดินถุง)ไม่เป็นทานลับ รู้หมดทั้งที่ประชุมเลยครับ คนไหนถวายเท่าไหร่ ครบ10ลดรึเปล่า มากหรือน้อย
-มีตู้เก็บเงินถวายไหม?
-ฉนั้นก็รับคำอวยพรจากมนุษย์ไปครับ
จริงๆแล้วถ้าจะแก้ไขกันก็ง่ายๆนิดเดียว แต่เค้าไม่ยอมแก้กันง่ายๆหรอกครับ
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
อันนี้ควรปลูกฝังตั้งแต่เล็กครับ(ในกรณีที่เป็นเด็ก)ส่วนของคาทอลิกนั้นใช้คำว่า บำรุงพระศาสนาจักรตามความสามารถ ซึ่งเอาเข้าจริง หลายๆคนก็ไม่ทำสุดความสามารถหรอกครับ ทำแค่ตามความพอใจ
หรือตั้งแต่เเรกเชื่อ(ในกรณีที่เชื่อตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว)
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
เค้าบังคับกันยังไง เงินก็อยู่ในกระเป๋าเรา จะมาฉกไปจากกระเป๋าเราเลยหรือโดยวิธี
บังคับกันไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นสำนึกของแต่ละบุคคลซึ่งจะถูกบาปตระหนี่กัดกินแค่ไหน-เดินถุง
-(ในเมื่อเป็นการเดินถุง)ไม่เป็นทานลับ รู้หมดทั้งที่ประชุมเลยครับ คนไหนถวายเท่าไหร่ ครบ10ลดรึเปล่า มากหรือน้อย
-มีตู้เก็บเงินถวายไหม?
หมายถึง ถุงทานตอนมิสซาเหรอคะ คงไม่มีใครมาจับผิดใครให้มากให้น้อยมั้งคะ
ตู้ที่ให้ใส่ถวายในวัดก็มีค่ะ ตู้บริจาคก็มี ส่วนใครจะถวายครบ 10 คงไม่มีใครตัดสินได้
ในถุงเขาใส่น้อยแต่ตู้ทานเขาใส่เยอะก็ได้ เขาทำให้วัดน้อยแต่เขาไปช่วยคนยากไร้ก็ได้
ในความคิดของตัวเอง อย่าเอาแต่จำนวนตัวเลขมาตำหนิตัดสินใครเลย
คนที่เขาไม่มี เขาไม่สามารถช่วยด้วยตัวเลขของจำนวนเองให้ครบ
เขาใช้วิธีอื่นช่วยศาสนาก็ได้ ไม่ว่าจะตั้งใจช่วยภาวนาให้ผู้อื่น
พยายามเผยแพร่ความเชื่อ เขาทำความสะอาดวัด ฯลฯ
ในความคิดของผม คาทอลิกควรจะบริจาคทรัพย์ต่าง ๆ เพื่องานของพระศาสนจักรให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แม้พระศาสนจักรจะไม่ได้กำหนดตัวเลขที่ต้องบริจาคแบบตายตัว เพียงแต่บอกว่า "จงบำรุงพระศาสนจักรตามความสามารถ" ซึ่งพระเจ้าทรงเห็นและทราบถึงระดับความสามารถของแต่ละคน คนรวย คนฐานะปานกลาง และคนจนล้วนมีความสามารถไม่เท่ากัน ถ้าคนมีฐานะร่ำรวยถวายทรัพย์ให้พระศาสนจักรเท่าคนฐานะปานกลาง ก็แสดงว่าคนที่มีฐานะดีนั้นยังไม่ได้บำรุงพระศาสนจักรตามความสามารถ
ผมเองทราบมาว่าเงินจากกระปุกมหาพรตนั้น จะนำเข้ามายังสภาพระสังฆราช เพื่อให้กับหน่วยงานด้านสังคมของพระศาสนจักร ใช้ในการอภิบาลด้านสังคมและการพัฒนาสังคม ส่วนหน่วยงานอื่น ๆ โดยเฉพาะฝ่ายอภิบาล ซึ่งมีทั้งด้านพิธีกรรม คำสอน พระคัมภีร์ ครอบครัว เยาวชน ศาสนสัมพันธ์ฯลฯ นั้นได้รับเงินสนับสนุนจากสภาพระสังฆราช หน่วยงานละไม่มากนัก แค่ใช้สำหรับการจ้างพนักงานและค่าใช้สถานที่ก็หมดแล้ว แต่ละหน่วยงานจึงต้องแสวงหาแหล่งทุนกันเองตามความสามารถ เพื่อที่จะใช้ดำเนินโครงการต่าง ๆ
อย่าไปคิดว่าคาทอลิกเรามีสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงมากมายที่ผู้ปกครองต้องจ่ายค่าเรียน ค่าแป๊ะเจี๊ยแพง ๆ พระศาสนจักรคาทอลิกน่าจะร่ำรวย ไม่จำเป็นต้องบริจาคทรัพย์ช่วยเหลืออะไรอีก เพราะในความเป็นจริง แต่ละปีสภาพระสังฆราชได้รับบริจาคเงินจากบรรดาสถานศึกษาของคณะนักบวชดัง ๆ เหล่านั้นได้ปีละไม่ถึง 10 ล้านบาท ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมดของสถานศึกษาเหล่านั้น ส่วนที่ยังขาดก็ต้องขอจากผู้ที่มีฐานะเพียงไม่กี่ท่านที่เรา ๆ คงพอจะทราบ
ดังนั้น คริสตชนทุกคนควรมีส่วนร่วมในงานของพระศาสนจักร ถ้าไม่ได้ด้วยแรงกาย ก็กำลังทรัพย์ มีมากให้มาก มีน้อยให้น้อย และที่สำคัญที่สุดคือต้องสวดภาวนาพลีกรรมให้พระศาสนจักรมาก ๆ เพื่องานของพระศาสนจักรจะได้บังเกิดผล ไม่สูญเปล่า
ผมเองทราบมาว่าเงินจากกระปุกมหาพรตนั้น จะนำเข้ามายังสภาพระสังฆราช เพื่อให้กับหน่วยงานด้านสังคมของพระศาสนจักร ใช้ในการอภิบาลด้านสังคมและการพัฒนาสังคม ส่วนหน่วยงานอื่น ๆ โดยเฉพาะฝ่ายอภิบาล ซึ่งมีทั้งด้านพิธีกรรม คำสอน พระคัมภีร์ ครอบครัว เยาวชน ศาสนสัมพันธ์ฯลฯ นั้นได้รับเงินสนับสนุนจากสภาพระสังฆราช หน่วยงานละไม่มากนัก แค่ใช้สำหรับการจ้างพนักงานและค่าใช้สถานที่ก็หมดแล้ว แต่ละหน่วยงานจึงต้องแสวงหาแหล่งทุนกันเองตามความสามารถ เพื่อที่จะใช้ดำเนินโครงการต่าง ๆ
อย่าไปคิดว่าคาทอลิกเรามีสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงมากมายที่ผู้ปกครองต้องจ่ายค่าเรียน ค่าแป๊ะเจี๊ยแพง ๆ พระศาสนจักรคาทอลิกน่าจะร่ำรวย ไม่จำเป็นต้องบริจาคทรัพย์ช่วยเหลืออะไรอีก เพราะในความเป็นจริง แต่ละปีสภาพระสังฆราชได้รับบริจาคเงินจากบรรดาสถานศึกษาของคณะนักบวชดัง ๆ เหล่านั้นได้ปีละไม่ถึง 10 ล้านบาท ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมดของสถานศึกษาเหล่านั้น ส่วนที่ยังขาดก็ต้องขอจากผู้ที่มีฐานะเพียงไม่กี่ท่านที่เรา ๆ คงพอจะทราบ
ดังนั้น คริสตชนทุกคนควรมีส่วนร่วมในงานของพระศาสนจักร ถ้าไม่ได้ด้วยแรงกาย ก็กำลังทรัพย์ มีมากให้มาก มีน้อยให้น้อย และที่สำคัญที่สุดคือต้องสวดภาวนาพลีกรรมให้พระศาสนจักรมาก ๆ เพื่องานของพระศาสนจักรจะได้บังเกิดผล ไม่สูญเปล่า
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ไม่ครับหมายถึง ถุงทานตอนมิสซาเหรอคะ
ขอย้ำ ผมกำลังหมายถึงโปรฯ ไม่ใช่คาทอลิก (เพราะสืบเนื่องต่อจากlinkที่คุณHolyยกมาไงครับ )แต่อย่างไรก็ตาม
(ส่วนนี้ขอพูดถึงโปรฯนะครับ เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคาทอลิกปฏิบัติกันอย่างไร)
บังคับโดยอ้างพระเจ้ามาบังคับไงครับ อ้างว่าถ้าไม่ให้จะเป็นบาป โกงพระเจ้าบลาๆๆ นี่คือการบังคับข่มขืนจิตใจโดยอ้างว่าพระเจ้าจะเป็นผู้ลงโทษ แม้ที่จริงพระองค์จะไม่ลงโทษแบบที่เขาอ้าง จากนั้นมีการไซโคต่างๆ โทรจิก ให้จ่ายให้ได้ ถ้ายังไม่จ่ายก็เหมือนอยู่ในฐานะคนบาปคนเลวในคริสตจักร
ก็เหมือนโรงเรียน บังคับให้เด็ก ตัดผมเกรียน ไม่ใช่ว่าต้องจิกหัวเด็กมาเอาแบตตาเลี่ยนไถๆๆ แต่หักคะแนน คอยดุด่าจนกว่าจะไปตัด เขาเรียกบังคับแล้วครับ ไม่ใช่ต้องไปจิ๊กออกมาจากกระเป๋า แบบนั้นเรียกขโมย แต่ถ้าบีบให้ทำแม้ไม่เต็มใจก็ต้องทำ เรียกบังคับ
อีกอย่าง เวลาพูดถึง "บางคริสตจักร" ขอให้เข้าใจว่าเป็นบางคริสตจักรตามตัวอักษร ไม่ได้หมายความว่าโปรแตสแตนทืทั้งหมด
เพราะโปรฯไม่ได้ขึ้นต่อกันเลยล้วนมีอิสระในการตีความและกำหนดหลักข้อเชื่อของแต่ละคริสตจักร ของตัวเอง ดังนั้นบางคริสตจักร ไม่เอาสิบลดแบบสมัยก่อนแล้ว แต่บางคริสตจักรเอามาใช้แบบนั้นทั้งดุ้นแถมเคร่งครัดอีก
ก็เหมือนโรงเรียน บังคับให้เด็ก ตัดผมเกรียน ไม่ใช่ว่าต้องจิกหัวเด็กมาเอาแบตตาเลี่ยนไถๆๆ แต่หักคะแนน คอยดุด่าจนกว่าจะไปตัด เขาเรียกบังคับแล้วครับ ไม่ใช่ต้องไปจิ๊กออกมาจากกระเป๋า แบบนั้นเรียกขโมย แต่ถ้าบีบให้ทำแม้ไม่เต็มใจก็ต้องทำ เรียกบังคับ
อีกอย่าง เวลาพูดถึง "บางคริสตจักร" ขอให้เข้าใจว่าเป็นบางคริสตจักรตามตัวอักษร ไม่ได้หมายความว่าโปรแตสแตนทืทั้งหมด
เพราะโปรฯไม่ได้ขึ้นต่อกันเลยล้วนมีอิสระในการตีความและกำหนดหลักข้อเชื่อของแต่ละคริสตจักร ของตัวเอง ดังนั้นบางคริสตจักร ไม่เอาสิบลดแบบสมัยก่อนแล้ว แต่บางคริสตจักรเอามาใช้แบบนั้นทั้งดุ้นแถมเคร่งครัดอีก
คือผมยังไม่ได้เป็นคาทอลิกครับ แต่อาจจะมีข้อผิดพลาดที่ใช้คำผิดไปs.gabriel เขียน:ผมว่ามันแปลกๆอยู่นะครับ คุณเข้ามาถามทั้งที่คุณเคยพูดว่าเป็นคาทอลิค ถ้าคุณเคยไปวัดทุก
วันอาทิตย์คุณก็ต้องรู้ว่า คาทอลิคเวลาไปวัดเค้ามีถุงทานให้ใส่ไม่ได้มีการบังคับให้ใครใส่
แต่พอเข้าไปหาอ่าน ในหัวข้อเก่าๆของคุณ
คุณใช้คำว่า
(คือผมเป็นผู้มีความเชื่อใหม่ )เหมือนกับไม่ใช่คาทอลิค
(อันที่จริงผมเองก็เป็นคาทอลิกแต่แค่ไม่ค่อยมั่นใจเท่านั้นในเรื่องรูปเคารพ )
ผมก็เลยงงๆคุณเหมือนกัน
ที่ว่าเป็นคาทอลิกในที่นี้หมายถึง เชื่อแบบคาทอลิกครับ
ขออภัยด้วยหากทำให้ขัดเคือง หรือ สะดุด
...
ขอบคุณทุกๆท่านนะครับที่ตอบ ตอนนี้ผมกระจ่างแล้ว
สรุปว่าผมคงฟังผิดมา
-
- โพสต์: 407
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am
sayonara เขียน:คือผมยังไม่ได้เป็นคาทอลิกครับ แต่อาจจะมีข้อผิดพลาดที่ใช้คำผิดไปs.gabriel เขียน:ผมว่ามันแปลกๆอยู่นะครับ คุณเข้ามาถามทั้งที่คุณเคยพูดว่าเป็นคาทอลิค ถ้าคุณเคยไปวัดทุก
วันอาทิตย์คุณก็ต้องรู้ว่า คาทอลิคเวลาไปวัดเค้ามีถุงทานให้ใส่ไม่ได้มีการบังคับให้ใครใส่
แต่พอเข้าไปหาอ่าน ในหัวข้อเก่าๆของคุณ
คุณใช้คำว่า
(คือผมเป็นผู้มีความเชื่อใหม่ )เหมือนกับไม่ใช่คาทอลิค
(อันที่จริงผมเองก็เป็นคาทอลิกแต่แค่ไม่ค่อยมั่นใจเท่านั้นในเรื่องรูปเคารพ )
ผมก็เลยงงๆคุณเหมือนกัน
ที่ว่าเป็นคาทอลิกในที่นี้หมายถึง เชื่อแบบคาทอลิกครับ
ขออภัยด้วยหากทำให้ขัดเคือง หรือ สะดุด
...
ขอบคุณทุกๆท่านนะครับที่ตอบ ตอนนี้ผมกระจ่างแล้ว
สรุปว่าผมคงฟังผิดมา
เพราะมีปัญหาจึงมีปัญญาครับ
แกะจะร้องเสียงแบบไหนก็ขอให้เป็นแกะเถอะ อาเมน
ผมยินดีนะครับที่คุณเข้าใจ ผมไม่ได้เคืองหรือโกรธคุณนะครับ และผมก็เข้าใจแล้วครับsayonara เขียน:คือผมยังไม่ได้เป็นคาทอลิกครับ แต่อาจจะมีข้อผิดพลาดที่ใช้คำผิดไปs.gabriel เขียน:ผมว่ามันแปลกๆอยู่นะครับ คุณเข้ามาถามทั้งที่คุณเคยพูดว่าเป็นคาทอลิค ถ้าคุณเคยไปวัดทุก
วันอาทิตย์คุณก็ต้องรู้ว่า คาทอลิคเวลาไปวัดเค้ามีถุงทานให้ใส่ไม่ได้มีการบังคับให้ใครใส่
แต่พอเข้าไปหาอ่าน ในหัวข้อเก่าๆของคุณ
คุณใช้คำว่า
(คือผมเป็นผู้มีความเชื่อใหม่ )เหมือนกับไม่ใช่คาทอลิค
(อันที่จริงผมเองก็เป็นคาทอลิกแต่แค่ไม่ค่อยมั่นใจเท่านั้นในเรื่องรูปเคารพ )
ผมก็เลยงงๆคุณเหมือนกัน
ที่ว่าเป็นคาทอลิกในที่นี้หมายถึง เชื่อแบบคาทอลิกครับ
ขออภัยด้วยหากทำให้ขัดเคือง หรือ สะดุด
...
ขอบคุณทุกๆท่านนะครับที่ตอบ ตอนนี้ผมกระจ่างแล้ว
สรุปว่าผมคงฟังผิดมา
ว่าคุณไม่ใช่คาทอลิคครับ ถ้าคุณได้ไปเข้าวัดวันอาทิตย์แล้วคุณจะเข้าใจเองครับ
ว่าเวลาร่วมในบูชามิสซาจะมีคนยื่นถุงทานให้คุณใส่ทำบุญ จะมีคนที่ใส่และคนที่ไม่ใส่ครับ
ไม่มีใครบังคับใครนะครับว่าต้องใส่ คุณจะเห็นว่าคำพูดของผมเป็นจริง คุณต้องไปวัดและสัมผัสด้วยตัวเองครับ หลายๆอย่างต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองครับ ถ้าคุณมีเวลาช่วงนี้ปิดเทอม ตามวัดคาทอลิคจะมีสอนคำสอนนะครับ คุณจะได้ล้างบาปและมาเป็นลูกพระด้วยกัน
ตามที่คุณ aqua-alta ได้โพสมาเรื่อง
-เดินถุง
-(ในเมื่อเป็นการเดินถุง)ไม่เป็นทานลับ รู้หมดทั้งที่ประชุมเลยครับ คนไหนถวายเท่าไหร่ ครบ10ลดรึเปล่า มากหรือน้อย
-มีตู้เก็บเงินถวายไหม?
-ฉนั้นก็รับคำอวยพรจากมนุษย์ไปครับ
จริงๆแล้วถ้าจะแก้ไขกันก็ง่ายๆนิดเดียว แต่เค้าไม่ยอมแก้กันง่ายๆหรอกครับ
-การเดินถุงนี่เวลาคนจะใส่ถุงทาน จะว่าไปไม่มีใครหยิบเงินมากางโชว์นะครับ
อย่างตัวผมเองเวลาจะใส่ถุงทานก็จะกำเงินที่อยู่ในมือไม่ให้ใครเห็นว่าเราใส่เท่าไหร่
ลูกสาวผมทั้งสองคน ผมก็จะสอนเค้าเวลาใส่ถุงทานให้พับแบงค์แล้วกำเงินใส่ถุง
ก็ไม่มีใครน่าจะเห็นครับ แล้วเงินที่ใส่ถุงทานเค้าจะรวมกันครับ ทำให้ไม่สามารถรู้ว่า
คุณบริจาคเท่าไหร่ครับ
-ฉนั้นก็รับคำอวยพรจากมนุษย์ไปครับ
ส่วนคำอวยพรจากมนุษย์ ผมคิดว่าตรงนี้มันอยู่ที่ความตั้งใจของคนที่ทำทานมากกว่าครับ
จะได้รับบุญหรือไม่อยู่ที่พระเจ้าครับ ไม่ได้อยู่ที่เราคิดกันเองครับว่าจะได้หรือไม่ได้ครับ
-เดินถุง
-(ในเมื่อเป็นการเดินถุง)ไม่เป็นทานลับ รู้หมดทั้งที่ประชุมเลยครับ คนไหนถวายเท่าไหร่ ครบ10ลดรึเปล่า มากหรือน้อย
-มีตู้เก็บเงินถวายไหม?
-ฉนั้นก็รับคำอวยพรจากมนุษย์ไปครับ
จริงๆแล้วถ้าจะแก้ไขกันก็ง่ายๆนิดเดียว แต่เค้าไม่ยอมแก้กันง่ายๆหรอกครับ
-การเดินถุงนี่เวลาคนจะใส่ถุงทาน จะว่าไปไม่มีใครหยิบเงินมากางโชว์นะครับ
อย่างตัวผมเองเวลาจะใส่ถุงทานก็จะกำเงินที่อยู่ในมือไม่ให้ใครเห็นว่าเราใส่เท่าไหร่
ลูกสาวผมทั้งสองคน ผมก็จะสอนเค้าเวลาใส่ถุงทานให้พับแบงค์แล้วกำเงินใส่ถุง
ก็ไม่มีใครน่าจะเห็นครับ แล้วเงินที่ใส่ถุงทานเค้าจะรวมกันครับ ทำให้ไม่สามารถรู้ว่า
คุณบริจาคเท่าไหร่ครับ
-ฉนั้นก็รับคำอวยพรจากมนุษย์ไปครับ
ส่วนคำอวยพรจากมนุษย์ ผมคิดว่าตรงนี้มันอยู่ที่ความตั้งใจของคนที่ทำทานมากกว่าครับ
จะได้รับบุญหรือไม่อยู่ที่พระเจ้าครับ ไม่ได้อยู่ที่เราคิดกันเองครับว่าจะได้หรือไม่ได้ครับ
- Joachim
- โพสต์: 29
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 15, 2010 12:28 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร ราชอาณาจักรไทย
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา
"พระองค์เงยพระพักตร์ทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีทั้งหลายนำเงินมาใส่ในตู้เก็บเงินถวาย พระองค์ทอดพระเนตรเห็นหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนยากจนนำเหรียญทองแดงสองอันมาใส่ด้วย พระองค์ตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนี้ เพราะว่าคนทั้งปวงนี้ได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่ถวายแด่พระเจ้า แต่ผู้หญิงนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด"
นี่คือพระวาจาของพระเจ้า
โอ...นี่แหละคือท่าทีที่เหมาะสมสำหรับเราคริสตชนครับ จะบริจาคมากหรือน้อย เพียงใดเหมาะสมอยู่ที่เจตนาและบริบทของแต่ละคนนะครับ
"พระองค์เงยพระพักตร์ทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีทั้งหลายนำเงินมาใส่ในตู้เก็บเงินถวาย พระองค์ทอดพระเนตรเห็นหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนยากจนนำเหรียญทองแดงสองอันมาใส่ด้วย พระองค์ตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนี้ เพราะว่าคนทั้งปวงนี้ได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่ถวายแด่พระเจ้า แต่ผู้หญิงนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด"
นี่คือพระวาจาของพระเจ้า
โอ...นี่แหละคือท่าทีที่เหมาะสมสำหรับเราคริสตชนครับ จะบริจาคมากหรือน้อย เพียงใดเหมาะสมอยู่ที่เจตนาและบริบทของแต่ละคนนะครับ
บางคนก็เอาพระวรสารตอนนี้มาเป็นข้ออ้างที่จะทำบุญแค่เล็กน้อย บอกว่าเห็นไหม ขนาดคนมั่งมีนำเงินมาถวายจำนวนมากมายยังไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า แต่หญิงหม้ายถวายเงินเพียงน้อยนิดกัลเป็นที่พอพระทัย โดยที่คนที่ชอบอ้างแบบนั้น ไม่ได้ดูที่ข้อความหลังสุดว่า "หญิงหม้ายเอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด"Joachim เขียน:บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา
"พระองค์เงยพระพักตร์ทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีทั้งหลายนำเงินมาใส่ในตู้เก็บเงินถวาย พระองค์ทอดพระเนตรเห็นหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนยากจนนำเหรียญทองแดงสองอันมาใส่ด้วย พระองค์ตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนี้ เพราะว่าคนทั้งปวงนี้ได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่ถวายแด่พระเจ้า แต่ผู้หญิงนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด"
นี่คือพระวาจาของพระเจ้า
โอ...นี่แหละคือท่าทีที่เหมาะสมสำหรับเราคริสตชนครับ จะบริจาคมากหรือน้อย เพียงใดเหมาะสมอยู่ที่เจตนาและบริบทของแต่ละคนนะครับ
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ผมไม่ได้พูดเองนะครับs.gabriel เขียน: ส่วนคำอวยพรจากมนุษย์ ผมคิดว่าตรงนี้มันอยู่ที่ความตั้งใจของคนที่ทำทานมากกว่าครับ
จะได้รับบุญหรือไม่อยู่ที่พระเจ้าครับ ไม่ได้อยู่ที่เราคิดกันเองครับว่าจะได้หรือไม่ได้ครับ
ลองอ่านมัทธิวบทที่6ทั้งบทดูครับ
แต่เอาเถอะครับ(จากใจจริง ผมไม่อยากให้หัวข้อนี้ต้องกลายเป็นกระทู้ร้อนคาทอลิก-โปรฯ )
ผมขอย้ำอีกทีว่าที่ผมโพสอะครับ ผมพูดถึงโปรฯนะครับ ไม่ได้พูดถึงคาทอลิก
(ผมทราบครับว่าสิ่งที่คาทอลิกปฏิบัติมิได้ยึดแต่เพียงในพระคัมภีร์อย่างเดียว ยังมีธรรมประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาด้วย แต่โปรฯไม่ใช่ครับ โปรฯยึดตามพระคำภีร์อย่างเดียว และแก้ข้อปฏิบัติได้)
อ้อ อีกประการหนึ่ง บุญอะครับ เราคงไม่อยากได้กันหรอก ที่อยากได้คือพระพรจากพระเป็นเจ้าครับ เหนือกว่าบุญเป็นไหนๆ^^
เรานับถือพระเจ้าองค์เดียวกันครับ เหมือนเป็นพี่น้องกันครับ ไม่ต้องกลัวเป็นกะทะร้อนครับ ผมตอบตามความคิดaqua-alta เขียน:ผมไม่ได้พูดเองนะครับs.gabriel เขียน: ส่วนคำอวยพรจากมนุษย์ ผมคิดว่าตรงนี้มันอยู่ที่ความตั้งใจของคนที่ทำทานมากกว่าครับ
จะได้รับบุญหรือไม่อยู่ที่พระเจ้าครับ ไม่ได้อยู่ที่เราคิดกันเองครับว่าจะได้หรือไม่ได้ครับ
ลองอ่านมัทธิวบทที่6ทั้งบทดูครับ
แต่เอาเถอะครับ(จากใจจริง ผมไม่อยากให้หัวข้อนี้ต้องกลายเป็นกระทู้ร้อนคาทอลิก-โปรฯ )
ผมขอย้ำอีกทีว่าที่ผมโพสอะครับ ผมพูดถึงโปรฯนะครับ ไม่ได้พูดถึงคาทอลิก
(ผมทราบครับว่าสิ่งที่คาทอลิกปฏิบัติมิได้ยึดแต่เพียงในพระคัมภีร์อย่างเดียว ยังมีธรรมประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาด้วย แต่โปรฯไม่ใช่ครับ โปรฯยึดตามพระคำภีร์อย่างเดียว และแก้ข้อปฏิบัติได้)
อ้อ อีกประการหนึ่ง บุญอะครับ เราคงไม่อยากได้กันหรอก ที่อยากได้คือพระพรจากพระเป็นเจ้าครับ เหนือกว่าบุญเป็นไหนๆ^^
ของผม ไม่ได้คิดไรมากครับ ยินดีที่ได้ออกความเห็นโต้แย้งกันครับ ทำให้มีหลายมุมมองครับ
ทำให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านครับ อย่าซีเรียสไปครับ