++ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ "บาปต้น" 7 ประการ++
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2011 8:42 pm

ในประสบการณ์ชีวิตของคริสตชนคาทอลิก เราคงเคยได้ยินคำว่า "บาปต้น (Capital Sins)" ในหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 1866 อ้างถึง นักบุญยอห์น คาสเซียโน และนักบุญเกรโกรี องค์ใหญ่ (คศ. 540 - 604) ได้อธิบายเรื่องบาปต้นว่ามี 7 ประการ
บาปต้น ตามความหมายแท้จริงคือ ท่าที แนวโน้ม ที่จะนำไปสู่บาป ดังนั้น จึงเป็นเพียง "ปฐมเหตุ" ของการทำบาป มากกว่า จะเป็นตัวบาปเสียเอง เพราะองค์ประกอบที่จะทำให้เกิดบาปนั้น จะต้องเกิดจากการกระทำที่ "รู้ตัว และเต็มใจ" จากการคล้อยตามตัวเหตุนั้น
แต่ในการแปลหนังสือคำสอนพระศาสนจักรเป็นภาษาไทยในครั้งแรก ใช้คำว่า "บาปต้น" เพราะต้องการสื่อว่า เป็น "ต้น"เหตุของการกระทำบาป ไม่ใช่บาปเบื้องต้น คริสตชนจึงเกิดความสับสนมาตลอดว่า บาปต้น คือบาป ดังนั้น คุณพ่อไพบูลย์ และคณะสงฆ์ซาเลเซียน จึงเสนอว่า ควรใช้คำว่า "พยศชั่ว (Vices)" มากกว่าคำว่าบาปต้น
เมื่อพิจารณาเจาะลึกไปถึงศัพท์ดั้งเดิมของพยศชั่วทั้ง 7 ประการ นั้น คุณพ่อได้มุ่งประเด็นไปที่คำว่า "ตระหนี่" (Avaritia) และได้ให้ความเห็นว่า ตระหนี่ ไม่น่าจะเป็นคำแปลที่ตรงความหมายของคำว่า Avaritia เพราะ ตระหนี่ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน หมายถึง "หวง ไม่อยากให้ง่ายๆ เหนียวแน่น" หรือถ้าแปลตามประสาชาวบ้านก็คือ "ขี้เหนียว" นั่นเอง ขณะที่คำว่า Avaritia หมายความว่า "การปรารถนาในสิ่งของเครื่องใช้ หรือความร่ำรวยมั่งคั่งจนมากล้นเกินพอดี" ซึ่งถ้าพิจารณาดูแล้ว มันผิดตรงที่เอาความร่ำรวยเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต แทนที่จะเป็นแนวทางหรือวิถีทางนำเราไปสู่ชีวิตแห่งความดีงาม ซึ่งน่าจะตรงกับภาษาไทยว่า "ความโลภ"
ส่วนคำว่า Gluttony (Gula) ซึ่งแปลว่า โลภอาหาร นั้น ก็ควรจะเปลี่ยนเสียใหม่ว่าเป็น "ตะกละ" เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับความโลภ และคำว่า Lust (Luxuria) ที่แปลว่า อุลามก นั้น คำว่า "อุลามก" หมายถึง "สกปรก น่าเกลียด" ก็ไม่ตรงนักกับศัพท์เดิม ควรจะเปลี่ยนเป็น "ตัณหา" มากกว่า
คุณชัยณรงค์ สมิงชัยโรจน์ ให้ความเห็นว่า คำว่า Pride (Superbia) ที่เคยแปลว่า จองหอง ก็น่าจะเปลี่ยนเป็น "ความทะนงตัว" มากกว่า ทะนงตัว หมายถึงความภูมิใจในตัวเอง ซึ่งอาจเป็นความภูมิใจอย่างสมเหตุสมผล (ทางบวก) หรืออาจหมายถึงความภูมิใจแบบ "หลงตัวเอง" จนกลายเป็น ความเย่อหยิ่ง ซึ่งเป็นความหมายทางลบก็ได้ คนที่มีความทะนงตัว แบบเย่อหยิ่ง จะไม่เห็นว่าตนเองเป็นหนี้บุญคุณต่อพระเจ้า เขาจะมองว่าสิ่งดีงามทั้งปวงในชีวิต เป็นผลมาจากการกระทำของตัวเขาเอง ไม่ใช่เป็นพระพรจากพระเจ้า เมื่อชื่นชมตัวเองถึงขีดหนึ่ง ก็จะกลายเป็นคนที่ไม่ฟังใคร และไม่ฟังเสียงของพระเจ้าด้วย จึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้กระทำสิ่งต่างๆที่เลวร้ายตามมา
คุณพ่อกิลลิส กล่าวว่า ความทะนงตัว ถือได้ว่าเป็นรากแก้วแห่งความชั่วทั้งมวล เราจึงจัดลำดับพยศชั่ว "ทะนงตัว" ไว้เป็นลำดับแรก ซึ่งอาจเชื่อมโยงได้กับพระคัมภีร์ปฐมกาล นั่นคือ บาปแรกของมนุษยชาติ จากการที่อาดัมและเอวา ไม่เชื่อฟังพระเจ้า กิน "ผลไม้แห่งชีวิต" ซึ่งหมายถึง ท่าทีของมนุษย์ที่คิดจะทัดเทียมพระเจ้า ด้วยเหตุแห่งความทะนงตัวนี้เอง
ดังนั้น เมื่อเรียบเรียง พยศชั่ว 7 ประการ ตามเหตุผลดังกล่าว น่าจะเป็นเช่นนี้
1. ทะนงตน (Pride) หมายรวมถึง เจ้าทิฐิ เชื่อภูมิตัวเอง โอ้อวด ขี้โม้ วางมาด ไม่ต้องการคำแนะ
นำ ถือตัว หยิ่งยโส มักใหญ่ใฝ่สูงโดยไม่รู้จักประมาณตนเอง
2. โลภ (Avarice or Greed) หมายรวมถึง การปรารถนาในสิ่งของนอกกายมากจนเกินความพอดี ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งของของโลก วัตถุนิยม สะสม ขาดเมตตา ขาดความเผื่อแผ่ ใจแคบและไม่สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น
3. ริษยา (Envy) หมายรวมถึง ความอิจฉา เกลียดชัง ซุบซิบนินทา กล่าวร้ายป้ายสี ไม่ชอบให้คนอื่นได้ดีกว่าตนเอง
4. โมโห (Wrath or Anger) หมายรวมถึง ความฉุนเฉียว อาฆาต แก้แค้น ไม่สะกดอารมณ์
5. ตัณหา (Lust) หมายรวมถึง การหมกมุ่น ฝักใฝ่อยู่แต่ฝ่ายเนื้อหนัง กิริยาวาจาหยาบโลน ไม่รักษาเกียรติและศักดิ์ศรี แต่งกายล่อแหลม ความคิดสกปรก ลุ่มหลง
6. ตะกละ (Gluttony) หมายรวมถึง การคิดพูดแต่เรื่องอาหาร ไม่ยับยั้งในการกินการดื่ม มูมมาม มักได้ตลอดเวลา ไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมี
7. เกียจคร้าน (Sloth) หมายรวมถึง ความเฉื่อยชา ลังเล ไม่ใส่ใจ ท้อถอย ขาดความรับผิดชอบ ไม่สม่ำเสมอ ตามใจตนเอง รักความสบาย ผัดวันประกันพรุ่ง
ที่มา : ข้อมูลจากแผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
http://www.catholic.or.th/spiritual/boo ... ach02.html
