วันนี้ได้พบและสนทนากับคุณสเตเล่ย์และสารเกี่ยวกับประเทศไทย
คุณสแตนเลย์ผู้ตายแล้วฟื้นได้พบพระเยซู และรับสารจากพระองค์จนถึงวันนี้ ประวัติตามกระทู้นี้
viewtopic.php?f=35&t=11023
และได้เดินทางมาแบ่งปันที่ประเทศไทยตามกระทู้นี้
viewtopic.php?f=1&t=16729
ผมได้สนทนากับคุณสแตนเลย์เย็นวันพุธที่ผ่านมา ได้บังเอิญถามคำถามไปข้อหนึ่ง ทำให้คุณสแตนเลย์ ได้พูดขึ้นมาในระหว่างการสนทนา ก็คือ
ที่จริงเดือนนี้(กค.)เขามีตารางว่าต้องไปอินโดนีเซีย แต่พระเยซูได้มาหาเขาในฝัน และสั่งว่า เดือน กรกฎาคมพระองค์มีพระประสงค์ให้เขามาเมืองไทย
เขาตื่นขึ้นมา และอธิษฐานว่าจะทำยังไง เพราะเขามีตารางว่าต้องไปบรรยายที่อินโดนีเซีย พระองค์ตรัสตอบเขา(ได้ยินเสียง)ว่า
เพราะพระองค์ต้องการให้คนไทยได้สวดพระเมตตา เพื่อ Peace and Unity of Thailand
เขาจึงต้องโทรไปขอยกเลิกการบรรยายที่อินโดนีเซีย และมาเมืองไทยแทน
ปรากฎว่า เขาเพิ่งทราบเมื่อลงจากเครื่องบิน(วันนี้) และคนที่ไปรับเขาบอกว่า เมืองไทยเพิ่งเลือกตั้งเสร็จไปเมื่อ3วันก่อน
ผมจึงถามว่า แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า ตอนนี้คนไทยยังด่ากันอยู่เลย ตามเฟสบุ๊คและเวบบอร์ดต่างๆ กล่าวอาฆาตมาดร้าย และด่าฝ่ายตรงข้าม และรวมทั้งด่าคนที่เลือกคนที่ตัวเกลียด(ไม่ได้ด่านักการเมืองแต่ด่าประชาชนคนอื่นที่เขาใช้สิทธิ์) ว่า โง่ บ้าง ว่า ชั่ว บ้าง ฯลฯ
เขาตกใจบอกว่า นั่นเป็นสิ่งที่แย่มาก และไม่ควรเกิดขึ้นเลย
และเราได้เข้าใจพร้อมกันทันทีว่า พระเยซูเจ้า ได้ขอให้คุณสแตนเลย์ รีบมาเมืองไทยในเดือนนี้ เพื่อสวดขอ Peace and Unity ทำไม
------------------------------------------------------------------------
วันศุกร์ และเสาร์นี้ คุณสแตนเลย์จะมาแบ่งปันที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ตามลิงค์นี้ครับ
viewtopic.php?f=1&t=16729
ทางผู้จัดบอกว่าค่ำวันศุกร์ เป็นการบรรยายที่เน้นคนต่างศาสนาและคริสตชนต่างนิกายโดยเฉพาะ เขาจึงอยากเชิญชวนให้มากันมากๆ
ผมก็ขอย้ำประชาสัมพันธ์ครับว่า
พระเจ้ารักและห่วงใยประเทศไทยตลอดเวลา และในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ขอให้พวกเราอธิษฐานเพื่อความสงบสุขและเอกภาพของชาติเราด้วยครับ
ปล. เรื่องการไขแสดงของคุณสแตนเลย์ ได้รับการรับรองจากพระคาลดินัลของฟิลิปปินส์แล้วนะครับ และทางผู้จัดได้ยื่นจดหมายรับรองจากพระคาลดินัลฟิลิปปินส์ต่อสภาพพระสังฆราชไทยแล้ว เรื่องนี้เชื่อถือได้ และเผยแพร่ได้เต็มที่ครับ
viewtopic.php?f=35&t=11023
และได้เดินทางมาแบ่งปันที่ประเทศไทยตามกระทู้นี้
viewtopic.php?f=1&t=16729
ผมได้สนทนากับคุณสแตนเลย์เย็นวันพุธที่ผ่านมา ได้บังเอิญถามคำถามไปข้อหนึ่ง ทำให้คุณสแตนเลย์ ได้พูดขึ้นมาในระหว่างการสนทนา ก็คือ
ที่จริงเดือนนี้(กค.)เขามีตารางว่าต้องไปอินโดนีเซีย แต่พระเยซูได้มาหาเขาในฝัน และสั่งว่า เดือน กรกฎาคมพระองค์มีพระประสงค์ให้เขามาเมืองไทย
เขาตื่นขึ้นมา และอธิษฐานว่าจะทำยังไง เพราะเขามีตารางว่าต้องไปบรรยายที่อินโดนีเซีย พระองค์ตรัสตอบเขา(ได้ยินเสียง)ว่า
เพราะพระองค์ต้องการให้คนไทยได้สวดพระเมตตา เพื่อ Peace and Unity of Thailand
เขาจึงต้องโทรไปขอยกเลิกการบรรยายที่อินโดนีเซีย และมาเมืองไทยแทน
ปรากฎว่า เขาเพิ่งทราบเมื่อลงจากเครื่องบิน(วันนี้) และคนที่ไปรับเขาบอกว่า เมืองไทยเพิ่งเลือกตั้งเสร็จไปเมื่อ3วันก่อน
ผมจึงถามว่า แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า ตอนนี้คนไทยยังด่ากันอยู่เลย ตามเฟสบุ๊คและเวบบอร์ดต่างๆ กล่าวอาฆาตมาดร้าย และด่าฝ่ายตรงข้าม และรวมทั้งด่าคนที่เลือกคนที่ตัวเกลียด(ไม่ได้ด่านักการเมืองแต่ด่าประชาชนคนอื่นที่เขาใช้สิทธิ์) ว่า โง่ บ้าง ว่า ชั่ว บ้าง ฯลฯ
เขาตกใจบอกว่า นั่นเป็นสิ่งที่แย่มาก และไม่ควรเกิดขึ้นเลย
และเราได้เข้าใจพร้อมกันทันทีว่า พระเยซูเจ้า ได้ขอให้คุณสแตนเลย์ รีบมาเมืองไทยในเดือนนี้ เพื่อสวดขอ Peace and Unity ทำไม
------------------------------------------------------------------------
วันศุกร์ และเสาร์นี้ คุณสแตนเลย์จะมาแบ่งปันที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ตามลิงค์นี้ครับ
viewtopic.php?f=1&t=16729
ทางผู้จัดบอกว่าค่ำวันศุกร์ เป็นการบรรยายที่เน้นคนต่างศาสนาและคริสตชนต่างนิกายโดยเฉพาะ เขาจึงอยากเชิญชวนให้มากันมากๆ
ผมก็ขอย้ำประชาสัมพันธ์ครับว่า
พระเจ้ารักและห่วงใยประเทศไทยตลอดเวลา และในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ขอให้พวกเราอธิษฐานเพื่อความสงบสุขและเอกภาพของชาติเราด้วยครับ
ปล. เรื่องการไขแสดงของคุณสแตนเลย์ ได้รับการรับรองจากพระคาลดินัลของฟิลิปปินส์แล้วนะครับ และทางผู้จัดได้ยื่นจดหมายรับรองจากพระคาลดินัลฟิลิปปินส์ต่อสภาพพระสังฆราชไทยแล้ว เรื่องนี้เชื่อถือได้ และเผยแพร่ได้เต็มที่ครับ
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
แล้วคาทอลิกควรไปศุกร์หรือเสาร์คะ?
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
ขอพระเจ้าทรงเมตตาประเทศไทยของเราด้วยเทอญ
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
จะพยายามลากสังขารไปเช้าพรุ่งนี้ให้ได้ค่ะ = ="
littleseal เขียน:จะพยายามลากสังขารไปเช้าพรุ่งนี้ให้ได้ค่ะ = ="
แก่แล้วเหรอครับต้องลากสังขาร^^''
ไปแล้วฝากกลับมาแบ่งปันด้วยนะครับ
เผอิญติดธุระสองวันเลย^^
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
เกือบแก่แต่ยังไม่แก่...
จริง ๆ เพิ่งไปบริจาคเลือดมาเมื่อวาน รอบนี้ตัวเองไม่เวิร์ค
บริจาคแล้วจะหน้ามืดเอา ไม่รู้เพราะอากาศร้อนหรือเปล่า
เลยไม่กล้าไปซ่านอกบ้านค่ะ
จริง ๆ เพิ่งไปบริจาคเลือดมาเมื่อวาน รอบนี้ตัวเองไม่เวิร์ค
บริจาคแล้วจะหน้ามืดเอา ไม่รู้เพราะอากาศร้อนหรือเปล่า
เลยไม่กล้าไปซ่านอกบ้านค่ะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
บร้า ... สาว ๆ บอร์ดนี้ อายุ 21 กันทั้งนั้น
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
เพิ่ง 21 หมาด ๆ เลยรู้สึกว่าแก่ค่ะ แต่ละคน 20 กันทั้งนั้น
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
เริ่มจากช่วงเช้าบรรยายโดยคุณพ่อพงศ์เทพเกี่ยวกับเรื่องพระเมตตา
ไปถึง 10.30 น. นึกว่ามิสซาจบไปแล้ว พอเข้าไปนั่งพอดีคุณพ่อกำลังเทศน์อยู่
นึกว่ากำลังพูดบรรยาย คุณพ่อเทศน์จบเดี๋ยวบอกพูดต่อหลังมิสซา ห๋า...
กรี๊ด... เรามาทันมิสซา (สายอยู่ดี) ด้วยเหรอ
นอกเรื่องไปไกล สรุปเนื้อหาของคุณพ่อจะอยู่ที่สัญลักษณ์พระเมตตา
การสวด วิธีสวด วัตถุประสงค์ ประวัิติ ที่จะมีอยู่ในหนังสือพระเมตตาที่แจกค่ะ
ความรู้เรื่องนี้น่าจะมีกันครบแล้ว
แนวคิดที่ได้จากช่วงนี้คือ "จงให้ จงทำ ให้มากกว่าแค่กฏเขียนเอาไว้"
ทุกวันนี้เราทำแค่ที่สังคมกำหนดไว้ กฏหมายตีเส้นไว้ หากเราให้เกินไปให้อีกคนละหน่อย
สังคมเราจะไม่วุ่นวาย ไม่แก่งแย่งกันแบบนี้ โดยเฉพาะการให้ความรัก น้ำใจและ
ความเมตตากับเพื่อนพี่น้อง ให้ไปเกินกว่าที่เขียนข้อบังคับเอาไว้ ให้และทำให้เหมือนกับ
พระเจ้าทรงเมตตาและรักเรา
ตรงนี้นึกถึงคำสอนประมาณนี้ ถ้าให้เดินไป 1 กิโลก็เดินไปให้เขา 1.5 กิโล
แต่แมวน้ำหาอ้างอิงคำสอนนี้ไม่เจอ เปิดหาแล้วไม่เจอจริง ๆ ว่าอยู่ตรงไหน
ไปถึง 10.30 น. นึกว่ามิสซาจบไปแล้ว พอเข้าไปนั่งพอดีคุณพ่อกำลังเทศน์อยู่
นึกว่ากำลังพูดบรรยาย คุณพ่อเทศน์จบเดี๋ยวบอกพูดต่อหลังมิสซา ห๋า...
กรี๊ด... เรามาทันมิสซา (สายอยู่ดี) ด้วยเหรอ
นอกเรื่องไปไกล สรุปเนื้อหาของคุณพ่อจะอยู่ที่สัญลักษณ์พระเมตตา
การสวด วิธีสวด วัตถุประสงค์ ประวัิติ ที่จะมีอยู่ในหนังสือพระเมตตาที่แจกค่ะ
ความรู้เรื่องนี้น่าจะมีกันครบแล้ว
แนวคิดที่ได้จากช่วงนี้คือ "จงให้ จงทำ ให้มากกว่าแค่กฏเขียนเอาไว้"
ทุกวันนี้เราทำแค่ที่สังคมกำหนดไว้ กฏหมายตีเส้นไว้ หากเราให้เกินไปให้อีกคนละหน่อย
สังคมเราจะไม่วุ่นวาย ไม่แก่งแย่งกันแบบนี้ โดยเฉพาะการให้ความรัก น้ำใจและ
ความเมตตากับเพื่อนพี่น้อง ให้ไปเกินกว่าที่เขียนข้อบังคับเอาไว้ ให้และทำให้เหมือนกับ
พระเจ้าทรงเมตตาและรักเรา
ตรงนี้นึกถึงคำสอนประมาณนี้ ถ้าให้เดินไป 1 กิโลก็เดินไปให้เขา 1.5 กิโล
แต่แมวน้ำหาอ้างอิงคำสอนนี้ไม่เจอ เปิดหาแล้วไม่เจอจริง ๆ ว่าอยู่ตรงไหน
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ช่วงบ่ายเนื่องจากข้าวอร่อยคนเข้าฟังหลับกันเต็มเลย ฮา...
เข้าเรื่องเนื้อหา ช่วงแรกเป็นเล่าประวัติและประสบการณ์ ไม่รู้ว่าเพราะ...(ตื้อ...เซ็นเซอร์)
หรือเปล่า เลยทำให้ฟังแล้วแปลกที่ต้องเน้นว่า พระศาสนจักรคาทอลิกของฟิลิปปินส์รับรองแล้ว
เยอะมาก ๆ
แนวคิดที่ได้ ตอนที่คุณสแตนเล่ย์เล่าว่าระหว่างอยู่บนเครื่องบินครั้งหนึ่งเครื่องตกหลุมอากาศ
เขาเห็นผู้โดยสารหวาดกลัวรวมทั้งซิสเตอร์ท่านหนึ่งถือสายประคำด้วย เขาเลยยิ้มให้
ปรากฏว่าซิสเตอร์โกรธมาก พอเครื่องกลับสู่ภาวะปกติซิสเตอร์ท่านนั้นก็เขามาต่อว่า
ว่าทำไมเขาไม่สวดภาวนา ไม่กลัวตายหรือไง คุณสแตนเล่ย์เลยตอบว่า ไม่เลย
เมื่อถึงเวลา ฝูงคนจะเรียกหาพระเจ้าแต่พระองค์ไม่รู้จัก เพราะคนเหล่านั้นเรียกหาพระเจ้าด้วย
ความกลัว ไม่ใช่เรียกหาด้วยความรัก ซิสเตอร์ท่านนั้นจึงก้มหน้าลง และผู้คนในเครื่องก็ด้วย
คุณสแตนเล่ย์เน้นย้ำว่า คุณพร้อมตายแล้วหรือยัง? ทำทุกอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง?
อย่าผลัดว่าพรุ่งนี้จะทำเพราะพรุ่งนี้ก็คือวันนี้ สวดภาวนาอย่างตั้งใจทุก ๆ ครั้ง
เพราะการสวดครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของคุณแล้วก็ได้ คุณไม่รู้เลยว่าวินาทีต่อไป
พระเจ้าจะทรงเรียกคุณกลับไปแล้วหรือเปล่า
การสวดไม่จำเป็นต้องสวดตามบทภาวนา แต่ต้องสวดด้วยทั้งหมดของตัวคุณ
ด้วยหัวใจ ด้วยความรัก ด้วยวิญญาณ
ในวันนี้เวลานี้คุณคืนดีกับเพื่อนพี่น้องครอบครัวของคุณแล้วหรือยัง? เพราะคุณอาจจะไม่มี
โอกาสได้แสดงความเสียใจหรืออภัยพวกเขาในวันพรุ่งนี้ก็ได้
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวไทยในเวลานี้ สวดภาวนาให้มากขึ้นและตั้งใจ
มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้
มันสมองแมวน้ำจำได้แค่นี้ค่ะ เพราะต้องรีบไปวัดราชินีฯ ต่อเลยต้องรีบเผ่นไม่ได้ทบทวน
แถมเครื่องอัดเสียงมันทรยศอัดไม่ติดเลย T^T
ส่วนบรรยากาศ (โหมดนินทา) มีท่านหนึ่งยกมือขวางการบรรยายตอน 2.55 น.
เพราะต้องการสวดตอนบ่ายสามโมง พอคุณสแตนเล่ย์ยังพูดไม่จบเนื้อหา
เธอก็สะกิดเพื่อนคุกเข่านั่งสวดทั้งที่คุณสแตนเล่ย์ยังบรรยายอยู่แถมเลยอยู่หน้าด้วย
แบบ... รออีกนิดไม่ได้เหรอ สวดตอน 3.05 แล้วพระจะไม่ฟังเหรอนี่
ไม่ชอบอีกนิดตรงที่... เอ่อ... (เซ็นเซอร์ตัวเองดีกว่า)
แถมดีใจได้จับมือขอบคุณคุณสแตนเล่ย์ด้วย (แอบเห่อ) ขอบคุณค่ะที่นำกำลังใจ
มาสู่ประเทศนี้
สรุปแล้วขอบคุณกลุ่มคณะพระเมตตาเซนต์หลุยส์มากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้
และการแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ ในวันนี้
ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรทุกท่านค่ะ
เข้าเรื่องเนื้อหา ช่วงแรกเป็นเล่าประวัติและประสบการณ์ ไม่รู้ว่าเพราะ...(ตื้อ...เซ็นเซอร์)
หรือเปล่า เลยทำให้ฟังแล้วแปลกที่ต้องเน้นว่า พระศาสนจักรคาทอลิกของฟิลิปปินส์รับรองแล้ว
เยอะมาก ๆ
แนวคิดที่ได้ ตอนที่คุณสแตนเล่ย์เล่าว่าระหว่างอยู่บนเครื่องบินครั้งหนึ่งเครื่องตกหลุมอากาศ
เขาเห็นผู้โดยสารหวาดกลัวรวมทั้งซิสเตอร์ท่านหนึ่งถือสายประคำด้วย เขาเลยยิ้มให้
ปรากฏว่าซิสเตอร์โกรธมาก พอเครื่องกลับสู่ภาวะปกติซิสเตอร์ท่านนั้นก็เขามาต่อว่า
ว่าทำไมเขาไม่สวดภาวนา ไม่กลัวตายหรือไง คุณสแตนเล่ย์เลยตอบว่า ไม่เลย
เมื่อถึงเวลา ฝูงคนจะเรียกหาพระเจ้าแต่พระองค์ไม่รู้จัก เพราะคนเหล่านั้นเรียกหาพระเจ้าด้วย
ความกลัว ไม่ใช่เรียกหาด้วยความรัก ซิสเตอร์ท่านนั้นจึงก้มหน้าลง และผู้คนในเครื่องก็ด้วย
คุณสแตนเล่ย์เน้นย้ำว่า คุณพร้อมตายแล้วหรือยัง? ทำทุกอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง?
อย่าผลัดว่าพรุ่งนี้จะทำเพราะพรุ่งนี้ก็คือวันนี้ สวดภาวนาอย่างตั้งใจทุก ๆ ครั้ง
เพราะการสวดครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของคุณแล้วก็ได้ คุณไม่รู้เลยว่าวินาทีต่อไป
พระเจ้าจะทรงเรียกคุณกลับไปแล้วหรือเปล่า
การสวดไม่จำเป็นต้องสวดตามบทภาวนา แต่ต้องสวดด้วยทั้งหมดของตัวคุณ
ด้วยหัวใจ ด้วยความรัก ด้วยวิญญาณ
ในวันนี้เวลานี้คุณคืนดีกับเพื่อนพี่น้องครอบครัวของคุณแล้วหรือยัง? เพราะคุณอาจจะไม่มี
โอกาสได้แสดงความเสียใจหรืออภัยพวกเขาในวันพรุ่งนี้ก็ได้
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวไทยในเวลานี้ สวดภาวนาให้มากขึ้นและตั้งใจ
มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้
มันสมองแมวน้ำจำได้แค่นี้ค่ะ เพราะต้องรีบไปวัดราชินีฯ ต่อเลยต้องรีบเผ่นไม่ได้ทบทวน
แถมเครื่องอัดเสียงมันทรยศอัดไม่ติดเลย T^T
ส่วนบรรยากาศ (โหมดนินทา) มีท่านหนึ่งยกมือขวางการบรรยายตอน 2.55 น.
เพราะต้องการสวดตอนบ่ายสามโมง พอคุณสแตนเล่ย์ยังพูดไม่จบเนื้อหา
เธอก็สะกิดเพื่อนคุกเข่านั่งสวดทั้งที่คุณสแตนเล่ย์ยังบรรยายอยู่แถมเลยอยู่หน้าด้วย
แบบ... รออีกนิดไม่ได้เหรอ สวดตอน 3.05 แล้วพระจะไม่ฟังเหรอนี่
ไม่ชอบอีกนิดตรงที่... เอ่อ... (เซ็นเซอร์ตัวเองดีกว่า)
แถมดีใจได้จับมือขอบคุณคุณสแตนเล่ย์ด้วย (แอบเห่อ) ขอบคุณค่ะที่นำกำลังใจ
มาสู่ประเทศนี้
สรุปแล้วขอบคุณกลุ่มคณะพระเมตตาเซนต์หลุยส์มากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้
และการแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ ในวันนี้
ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรทุกท่านค่ะ
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
แถมนิดไปต่อที่วัดราชินีฯ วันนี้พระสังฆราชไปเป็นประธานเลยได้พระพรเพิ่มอีกค่ะ
คำเทศน์วันนี้เกี่ยวกับเรื่องผู้หว่านและเมล็ดที่งอก (คงรู้กันหมดแล้วเน้อะ)
การที่เรารับฟังพระวาจาแล้วไม่ใช่ไม่รับเหมือนเมล็ดกลุ่มแรก
ไม่ใช่รับแล้วละเลยเหมือนกลุ่มแรก ไม่ใช่รับแล้วสักพักก็เลิกใส่ใจเหมือนกลุ่มสาม
แต่รับแล้วตระหนักและให้มันงอกเงยด้วยกิจการเหมือนกลุ่มที่สี่
การรับพระวาจามีลำดับ 3 ขั้น รับด้วยสมอง รับด้วยหัวใจ รับด้วยวิญญาณ
เมื่อแล้วฟังแล้วคิดจดจำคือรับด้วยสมอง เมื่อการจดจำนั้นซาบซึ้งเป็นแรงจูงใจให้
เปลี่ยนแปลงความคิดนั่นคือรับด้วยหัวใจ และสุดท้าย คือการกระทำการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมใหม่ ๆ ที่ดีออกมานั่นคือการรับด้วยวิญญาณ
จบแล้วค่ะ ความสุขวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่าน
คำเทศน์วันนี้เกี่ยวกับเรื่องผู้หว่านและเมล็ดที่งอก (คงรู้กันหมดแล้วเน้อะ)
การที่เรารับฟังพระวาจาแล้วไม่ใช่ไม่รับเหมือนเมล็ดกลุ่มแรก
ไม่ใช่รับแล้วละเลยเหมือนกลุ่มแรก ไม่ใช่รับแล้วสักพักก็เลิกใส่ใจเหมือนกลุ่มสาม
แต่รับแล้วตระหนักและให้มันงอกเงยด้วยกิจการเหมือนกลุ่มที่สี่
การรับพระวาจามีลำดับ 3 ขั้น รับด้วยสมอง รับด้วยหัวใจ รับด้วยวิญญาณ
เมื่อแล้วฟังแล้วคิดจดจำคือรับด้วยสมอง เมื่อการจดจำนั้นซาบซึ้งเป็นแรงจูงใจให้
เปลี่ยนแปลงความคิดนั่นคือรับด้วยหัวใจ และสุดท้าย คือการกระทำการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมใหม่ ๆ ที่ดีออกมานั่นคือการรับด้วยวิญญาณ
จบแล้วค่ะ ความสุขวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่าน
ขอบคุณมากครับแมวน้ำ
สุขสันต์วันพระเจ้าสำหรับพรุ่งนี้ครับ
สุขสันต์วันพระเจ้าสำหรับพรุ่งนี้ครับ
littleseal เขียน:เริ่มจากช่วงเช้าบรรยายโดยคุณพ่อพงศ์เทพเกี่ยวกับเรื่องพระเมตตา
ไปถึง 10.30 น. นึกว่ามิสซาจบไปแล้ว พอเข้าไปนั่งพอดีคุณพ่อกำลังเทศน์อยู่
นึกว่ากำลังพูดบรรยาย คุณพ่อเทศน์จบเดี๋ยวบอกพูดต่อหลังมิสซา ห๋า...
กรี๊ด... เรามาทันมิสซา (สายอยู่ดี) ด้วยเหรอ
นอกเรื่องไปไกล สรุปเนื้อหาของคุณพ่อจะอยู่ที่สัญลักษณ์พระเมตตา
การสวด วิธีสวด วัตถุประสงค์ ประวัิติ ที่จะมีอยู่ในหนังสือพระเมตตาที่แจกค่ะ
ความรู้เรื่องนี้น่าจะมีกันครบแล้ว
แนวคิดที่ได้จากช่วงนี้คือ "จงให้ จงทำ ให้มากกว่าแค่กฏเขียนเอาไว้"
ทุกวันนี้เราทำแค่ที่สังคมกำหนดไว้ กฏหมายตีเส้นไว้ หากเราให้เกินไปให้อีกคนละหน่อย
สังคมเราจะไม่วุ่นวาย ไม่แก่งแย่งกันแบบนี้ โดยเฉพาะการให้ความรัก น้ำใจและ
ความเมตตากับเพื่อนพี่น้อง ให้ไปเกินกว่าที่เขียนข้อบังคับเอาไว้ ให้และทำให้เหมือนกับ
พระเจ้าทรงเมตตาและรักเรา
ตรงนี้นึกถึงคำสอนประมาณนี้ ถ้าให้เดินไป 1 กิโลก็เดินไปให้เขา 1.5 กิโล
แต่แมวน้ำหาอ้างอิงคำสอนนี้ไม่เจอ เปิดหาแล้วไม่เจอจริง ๆ ว่าอยู่ตรงไหน
มธ 5:41
ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ขอบคุณคุณ holy ค่ะ (แอบคิดว่าคุณ holy ต้องรู้และจำได้แน่เลยว่าบทไหน)
โม้ต่อ ตื่นสวดภาวนาสั้น ๆ ตอนตื่นเลยนึกขึ้นได้อีก
เป็นคำถามที่ตัวเองจะไปถามคุณสแตนเล่ย์เลยว่า "ถ้าสวดพระเมตตาแล้ว
ไม่ต้องสวดสายประคำอื่น ๆ ได้มั้ย" แต่คุณสแตนเล่ย์ให้คำตอบก่อนถาม
คุณสแตนเล่ย์อธิบายคำถามว่า "สวดพระเมตตาต่างจากสวดอื่น ๆ อย่างไร"
การสวดสายประคำหรือสวดภาวนาอื่น ๆ คือ การที่เราซึ่งเป็นมนุษย์ทำสัญญากับพระเจ้า
ทำสัญญากับสวรรค์ อธิบายเพิ่มคือ เราสัญญากับพระเจ้าว่าจะสวดภาวนาทุกวัน
เป็นการที่เราทำสัญญากับพระเป็นเจ้า หรือเราสัญญากับแม่พระ (หรือนักบุญท่านอื่น)
จะสวดสายประคำทุกวัน (หรือบทภาวนาทุกวัน) ก็คือเราทำสัญญากับสวรรค์
นั่นคือ เราเป็นผู้สร้างสัญญาและปฏิบัติตามสัญญานั้น
แต่พระเมตตาคือสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทำสัญญากับมนุษย์
โดยที่พระองค์ทรงสัญญาว่าจะช่วยหากมีมนุษย์คนใดทำตามที่พระองค์กล่าวไว้
การที่เราสวดพระเมตตา การที่เราเผยแพร่พระเมตตา จึงเป็นการช่วยให้พระสัญญาสำเร็จ
เราจึงได้พระเมตตาจากพระองค์มากมาย
ดังนั้นคำถามที่ว่าสวดพระเมตตาแล้วต้องสวดสายอื่น ๆ ด้วยมั้ย? แมวน้ำได้คำตอบของตัวเอง
เราเป็นผู้สร้างพันธะสัญญานั้น เราจะทำลายสัญญาเหล่านั้นหรือไม่
และมีอีกคำถามหนึ่งที่ถามคุณสแตนเล่ย์ว่า "เคยถูกผจญมั้ย" เขาได้คำตอบว่า
"เคย หลายครั้งด้วย ครั้งหนึ่งซาตานยื่นขอเสนอว่าจะให้เขาร่ำรวยที่สุด
อยากได้ผู้หญิงคนไหนเขาจะได้ เขาจะมีชื่อเสียงที่สุด แต่เขาก็ปฏิเสธไปทั้งหมด"
นี่เป็นสิ่งที่เตือนพวกเราแม้พวกเราจะไม่เห็นซาตานอย่างที่คุณสแตนเล่ย์เห็น
แต่มันมีจริง และมันก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เราปฏิเสธพระเจ้า
ขอให้พระเป็นเจ้าประทานความมั่นคงให้ักับทุก ๆ ท่านค่ะ
โม้ต่อ ตื่นสวดภาวนาสั้น ๆ ตอนตื่นเลยนึกขึ้นได้อีก
เป็นคำถามที่ตัวเองจะไปถามคุณสแตนเล่ย์เลยว่า "ถ้าสวดพระเมตตาแล้ว
ไม่ต้องสวดสายประคำอื่น ๆ ได้มั้ย" แต่คุณสแตนเล่ย์ให้คำตอบก่อนถาม
คุณสแตนเล่ย์อธิบายคำถามว่า "สวดพระเมตตาต่างจากสวดอื่น ๆ อย่างไร"
การสวดสายประคำหรือสวดภาวนาอื่น ๆ คือ การที่เราซึ่งเป็นมนุษย์ทำสัญญากับพระเจ้า
ทำสัญญากับสวรรค์ อธิบายเพิ่มคือ เราสัญญากับพระเจ้าว่าจะสวดภาวนาทุกวัน
เป็นการที่เราทำสัญญากับพระเป็นเจ้า หรือเราสัญญากับแม่พระ (หรือนักบุญท่านอื่น)
จะสวดสายประคำทุกวัน (หรือบทภาวนาทุกวัน) ก็คือเราทำสัญญากับสวรรค์
นั่นคือ เราเป็นผู้สร้างสัญญาและปฏิบัติตามสัญญานั้น
แต่พระเมตตาคือสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทำสัญญากับมนุษย์
โดยที่พระองค์ทรงสัญญาว่าจะช่วยหากมีมนุษย์คนใดทำตามที่พระองค์กล่าวไว้
การที่เราสวดพระเมตตา การที่เราเผยแพร่พระเมตตา จึงเป็นการช่วยให้พระสัญญาสำเร็จ
เราจึงได้พระเมตตาจากพระองค์มากมาย
ดังนั้นคำถามที่ว่าสวดพระเมตตาแล้วต้องสวดสายอื่น ๆ ด้วยมั้ย? แมวน้ำได้คำตอบของตัวเอง
เราเป็นผู้สร้างพันธะสัญญานั้น เราจะทำลายสัญญาเหล่านั้นหรือไม่
และมีอีกคำถามหนึ่งที่ถามคุณสแตนเล่ย์ว่า "เคยถูกผจญมั้ย" เขาได้คำตอบว่า
"เคย หลายครั้งด้วย ครั้งหนึ่งซาตานยื่นขอเสนอว่าจะให้เขาร่ำรวยที่สุด
อยากได้ผู้หญิงคนไหนเขาจะได้ เขาจะมีชื่อเสียงที่สุด แต่เขาก็ปฏิเสธไปทั้งหมด"
นี่เป็นสิ่งที่เตือนพวกเราแม้พวกเราจะไม่เห็นซาตานอย่างที่คุณสแตนเล่ย์เห็น
แต่มันมีจริง และมันก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เราปฏิเสธพระเจ้า
ขอให้พระเป็นเจ้าประทานความมั่นคงให้ักับทุก ๆ ท่านค่ะ
พระเป็นเจ้าส่ง "คุณ สแตนเล่ย์ วิลลาวีเซนซีโอ Mr. Stanley Villavicencio" มาเผยแพร่กิจศรัทธาพระเมตตาของพระองค์ http://goo.gl/Ce7JE