+เรื่องเล่าจากชายตาบอดได้แง่คิดดีเลิศ+
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 4:06 pm
ไม่ได้แต่งเองครับ เอามาจากสารวัดพระชนนี เป็นเรื่องของชายตาบอดจาก ยน "9:1-41" เดินตุปดตุเป๋ มาเจอกับชายตาบอดจาก "มธ 9:27-31"
ชายจาก ยน 9:1-41 :"ไงพวกบัดนี้ขาพเจ้าก็สรรเสิญพระเป็นเจ้า เพราะพระองคทรงรักษาขาพเจ้าให้หายตาบอด"
ชายจาก มธ 9:27-31: "ใช่แล้วเพราะพระองค์ทรงแตะตาของขาพเจ้า และขาพเจ้าก็มองเห็น"
ชายจาก ยน 9:1-41 : "เฮ่ย! เอ็งมั่วเปล่า พระองค์ท่านต้องเอาโคลนมาป้ายตาสิถึงจะมองเห็น แค่จับเฉยๆได้ไง!"
ชายจาก มธ 9:27-31: "อุบ๊ะ! ข้าก็ได้รับการรักษามาเหมือนกันนะโว้ย แค่จับตาเท่านั้นแหละถึงจะถูก"
ชายจาก ยน 9:1-41 : "ไม่จริง เอ็งแหละมั่วแล้ว!"
ชายจาก มธ 9:27-31: "เอ็งแหละ!!"
ชายจาก ยน 9:1-41 : "ไม่จริง เอ็งแหละ!"
~.
~.
~.
~.
~.
บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่า....
2ทธ 2:14-26
(14)จงเตือนพวกเขาเรื่องนี้และจงกำชับพวกเขาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า อย่าโต้เถียงกันเรื่องถ้อยคำ เพราะไม่มีประโยชน์ใดนอกจากความพินาศของผู้ฟัง (15)ท่านจงขวนขวายที่จะแสดงตนว่าพระเจ้าทรงรับรองท่านแล้ว เป็นคนงานที่ไม่ต้องอายใคร เป็นผู้สั่งสอนพระวาจาแห่งความจริงอย่างถูกต้อง (16)จงหลีกเลี่ยงคำพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ เพราะมีแต่จะทำให้ห่างพระเจ้ามากขึ้น (17)และคำพูดของบุคคลเหล่านี้จะแพร่ออกไปเหมือนกับเนื้อร้าย เช่นเดียวกับฮีเมเนอัสและฟิเลทัส (18)เขาทั้งสองคนหลงผิดจากความจริงโดยพูดว่าการกลับคืนชีพเกิดขึ้นแล้ว จึงทำให้ความเชื่อของคนบางคนสับสน (19)แต่รากฐานของพระเจ้าก็ตั้งอยู่อย่างมั่นคง และมีตราประทับเป็นข้อความว่า
ชายจาก ยน 9:1-41 :"ไงพวกบัดนี้ขาพเจ้าก็สรรเสิญพระเป็นเจ้า เพราะพระองคทรงรักษาขาพเจ้าให้หายตาบอด"
ชายจาก มธ 9:27-31: "ใช่แล้วเพราะพระองค์ทรงแตะตาของขาพเจ้า และขาพเจ้าก็มองเห็น"
ชายจาก ยน 9:1-41 : "เฮ่ย! เอ็งมั่วเปล่า พระองค์ท่านต้องเอาโคลนมาป้ายตาสิถึงจะมองเห็น แค่จับเฉยๆได้ไง!"
ชายจาก มธ 9:27-31: "อุบ๊ะ! ข้าก็ได้รับการรักษามาเหมือนกันนะโว้ย แค่จับตาเท่านั้นแหละถึงจะถูก"
ชายจาก ยน 9:1-41 : "ไม่จริง เอ็งแหละมั่วแล้ว!"
ชายจาก มธ 9:27-31: "เอ็งแหละ!!"
ชายจาก ยน 9:1-41 : "ไม่จริง เอ็งแหละ!"
~.
~.
~.
~.
~.
บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่า....
2ทธ 2:14-26
(14)จงเตือนพวกเขาเรื่องนี้และจงกำชับพวกเขาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า อย่าโต้เถียงกันเรื่องถ้อยคำ เพราะไม่มีประโยชน์ใดนอกจากความพินาศของผู้ฟัง (15)ท่านจงขวนขวายที่จะแสดงตนว่าพระเจ้าทรงรับรองท่านแล้ว เป็นคนงานที่ไม่ต้องอายใคร เป็นผู้สั่งสอนพระวาจาแห่งความจริงอย่างถูกต้อง (16)จงหลีกเลี่ยงคำพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ เพราะมีแต่จะทำให้ห่างพระเจ้ามากขึ้น (17)และคำพูดของบุคคลเหล่านี้จะแพร่ออกไปเหมือนกับเนื้อร้าย เช่นเดียวกับฮีเมเนอัสและฟิเลทัส (18)เขาทั้งสองคนหลงผิดจากความจริงโดยพูดว่าการกลับคืนชีพเกิดขึ้นแล้ว จึงทำให้ความเชื่อของคนบางคนสับสน (19)แต่รากฐานของพระเจ้าก็ตั้งอยู่อย่างมั่นคง และมีตราประทับเป็นข้อความว่า