หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ข้อสงสัย ตีความ กาลาเทีย

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 29, 2011 3:55 pm
โดย s.gabriel
จะพูดอีกนัยหนึ่งว่า ตลอดเวลาที่ทายาทคนหนึ่งยังเป็นเด็ก เขาก็ไม่แตกต่างอะไรจากทาสเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นนายของทรัพย์สินทั้งหมด เขายังต้องถูกผู้ปกครองและผู้จัดการควบคุมดูแลจนกว่าจะถึงเวลาที่บิดากำหนดไว้
พวกเราก็เช่นเดียวกัน เมื่อยังเป็นเด็ก เราก็เป็นทาสของบรรดาจิตที่ควบคุมโลกนี้อยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม ข้อพิสูจน์ว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรก็คือพระเจ้าทรงส่งพระจิตของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา
พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงอันดังว่า "อับบา พ่อจ๋า" ดังนั้น ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร
ถ้าเป็นบุตรก็ย่อมเป็นทายาทตามพระประสงค์ของพระเจ้า

ก่อนที่ความเชื่อจะมาถึง ธรรมบัญญัติควบคุมดูแลเราอย่างเคร่งครัด จนกว่าความเชื่อจะถูกเปิดเผย ดังนั้น ธรรมบัญญัติจึงเป็นเหมือนครูพี่เลี้ยง นำเราไปพบพระคริสตเจ้า เพื่อเราจะได้เป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อ แต่เมื่อความเชื่อมาถึงแล้ว เราก็ไม่ถูกครูพี่เลี้ยงควบคุมดูแลอีกต่อไป ท่านทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า โดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู เพราะท่านทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาป ในพระ คริสตเจ้า ก็สวมพระคริสตเจ้าไว้ ไม่มีชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่มีทาสหรือไทย ไม่มีชายหรือหญิงอีกต่อไป เพราะท่านทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู และ ถ้าท่านเป็นของพระคริสตเจ้าแล้ว ท่านก็เป็น "เชื้อสาย" ของอับราฮัม เป็นทายาทตามพระสัญญา


คำถาม

พระเยซูสอนให้เรารักเพื่อนมนุษย์ และสอนให้เรารักพระเป็นเจ้าสิ้นสุดจิตใจ 2ข้อนี้ไม่พอหรือ

เพราะความรักคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงาม ตรงข้ามกับการเห็นแก่ตัวความโกรธเกียจชังทุกรูปแบบ
ทำไมเรายังต้องใช้ธรรมบัญญัติเป็นกฏข้อบังคับอยู่ เรายังต้องเป็นทาสต่อไปอีกหรือ
ในเมื่อพระผู้ไถ่ ทรงไถ่เราแล้ว เราก็เป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้าแล้ว โดยอาศัยความเชื่อ
เราก็ต้องไม่อยู่ใต้ธรรมญัติอีกต่อไป (หรือผมตีความหมายผิดไป)

Re: ข้อสงสัย ตีความ กาลาเทีย

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 29, 2011 6:10 pm
โดย Holy
ก็ ก่อนที่ความเชื่อจะมาถึง ไงครับ ธรรมบัญญัติทำงานก่อน เพื่อปูทางสู่การรอดทางความเชื่อ

Re: ข้อสงสัย ตีความ กาลาเทีย

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 29, 2011 6:43 pm
โดย s.gabriel
ปัจจุบันทำไมยังต้องใช้บัญญัติ10ประการอยู่ครับ ในเมื่อมีความเชื่อแล้ว ผมสงสัยตรงนี้ครับ

Re: ข้อสงสัย ตีความ กาลาเทีย

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 30, 2011 12:19 am
โดย Holy
พระเยซูเราสรุปเหลือรักพระเจ้าสุดจิตใจและรักคนอื่นเหมือนรักตัวเองแล้ว

แต่ส่วนขยายของมันก็คือบัญญัติ10ประการไงครับ

Re: ข้อสงสัย ตีความ กาลาเทีย

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 30, 2011 8:39 am
โดย Cherval
บัญญัท 10 ประการ

ตั้งแต่ข้อที่ 1 -3
1. จงนมัสการพระเป็นเจ้า พระสวามีเจ้าผู้เดียวของเจ้า
2. อย่าเอ่ยนามพระสวามีเจ้าโดยไม่สมเหตุ
3. วันพระเจ้าจงอย่าลืมฉลองเป็นวันศักดิ์สิทธิ์

พระเยซูเจ้าสรุปออกมาเป็น "รักพระเป็นเจ้าสิ้นสุดจิตใจ"


ส่วนข้อที่ 4-10
พระเยซูสรุปเป็น "จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง"

4. จงนับถือบิดามารดา
5. อย่าฆ่าคน
6. อย่าทำอุลามก
7. อย่าลักขโมย
8. อย่าใส่ความนินทา
9. อย่าปลงใจในความอุลามก
10. อย่ามักได้ทรัพย์ของเขา

เพิ่มเติมเนื้อหา 30-10-2011

ตั้งแต่ข้อที่ 1-3 พระเยซูเจ้าได้บอกเราหมดแล้ว ว่าหากกเรารักพระเจ้าด้วยสุดใจของเราแล้ว
มันจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะละเมิดบัญญัติ 3 ข้อต้นนี้

และตั้งแต่ข้อที่ 4-10 เมื่อเรารักเพื่อนมนุษย์ บิดามารดา ทุกๆคน เราก็จะไม่คิดร้ายต่อเขา
เพราะฉะนั้นหากเรารักเพื่อมนุษย์แล้ว จะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะละเมิดบัญญัติ ข้อที่ 4-10

Re: ข้อสงสัย ตีความ กาลาเทีย

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 30, 2011 10:54 am
โดย s.gabriel
ขอบคุณครับ

Re: ข้อสงสัย ตีความ กาลาเทีย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 11, 2011 12:46 am
โดย aqua-alta
ที่จริง key word คือ
s.gabriel เขียน:พระเจ้าทรงส่งพระจิตของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา
พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงอันดังว่า "อับบา พ่อจ๋า" ดังนั้น ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป


ผู้เชื่อในพระเยซูน่าจะรู้ดีกันแล้วว่า หากเราอาศัยกำลังของตนในการทำดี หรือทำตามศีลข้อห้ามหรือพระบัญญัติ ไม่กี่วันก็พ่ายแพ้ล้มเลิก ทุกวันนี้ทำดีได้ก็โดยอาศัยพระกรุณาคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์(พระจิต) ทำผิดบ้างก็อาศัยพระเมตตาแห่งพระโลหิตของพระเมษโปดกแล้วกลับใจจริงอย่างสิ้นเชิง

แต่ก่อนผมก็เคยสงสัยเช่นกันว่า พระเจ้าผู้ทรงรู้ทุกสิ่ง แต่
-ทำไมต้องให้พระบัญญัติมากมายแก่ชาวอิสราเอล ทั้งที่ก็ทรงรู้ว่ามนุษย์ไม่มีปัญญาทำสมบูรณ์ ทั้งยังมีข้อพระคัมภีร์ที่ว่า"ตัวอักษรตามพระบัญญัติประหารให้ตาย แต่พระวิญญาณประทานชีวิต"(2คร 3:6 ในบทนี้อ่านเพิ่มเติมได้ครับ พูดถึงพระบัญญัติกับพระวิญญาณเช่นกัน^^)
-ทำไมไม่บังคับให้ทุกคนเชื่อในพระองค์ให้หมดเลย ทั้งที่พระองค์ทำได้ทุกสิ่ง
-ทำไมไม่ประทานพระบุตรมาไถ่แล้วก็จบเรื่องไปเลย ไม่ต้องมีประวัติศาสตร์แห่งยุคพระบัญญัติยาวนานขนาดนี้

เมื่อผมได้รับคำตอบก็สรรเสริญพระเจ้าพระบิดาผู้ทรงน่ารักและเปี่ยมพระปัญญา พระองค์น่ารักจริงๆ ทรงให้เกียรติ์มนุษย์ในการตัดสินใจเอง และเพื่อไถ่กู้นานาประเทศให้รอด ไม่ใช่รอดเพียงชาวอิสราเอลชาติเดียว
โดยอาศัยวิธีการให้บัญญัติมาลองทำ ให้ชิมลางจนรู้ตัวก่อนว่า ตัวมนุษย์เองโดยลำพังไม่มีปัญญาทำอะไรทั้งนั้น หลังจากนั้นจึงประทานพระบุตรมาไถ่ และประทานพระวิญญาณมาเป็นโค้ชส่วนตัวเพื่อมนุษย์จะได้ยอมรับในการนี้โดยไม่ต้องบังคับกัน (เอาพระเยซูมาไถ่ชาวยิวเลย คุณคิดว่าเค้าจะยอมรับกันหรอครับ ขนาดเอาพระบัญญัติมาให้ชิมลางจนรู้แล้วว่าตนเองอ่อนกำลัง ต้องการพระผู้ช่วย เค้ายังปฏิเสธพระองค์เลย )
และเมื่ออิสราเอลปฏิเสธพระองค์ ความรอดจึงมาถึงเราชาวต่างประเทศได้ สรรเสริญพระเจ้า^^ แต่อย่างไรก็ดี สุดท้ายพระองค์ก็จะทรงไถ่อิสราเอลทั้งประเทศกลับอยู่ดีเพราะนี่คือพระสัญญาของพระองค์

ปล.พระเจ้ารักเราขนาดนี้ ถ้าใครยังอยากอยู่ใต้บัญญัติ ทำตามบัญญัติด้วยตัวเองก็เชิญทำต่อเถอะครับ ผมไม่เอาด้วย ผมมีโค้ชส่วนตัวแล้ว ขอพึ่งในพระวิญญาณเอาชนะบัญญัติทุกข้อสบายกว่า^^
อิมมานูเอล