สงสัยเรื่องคุณพ่อมนัส จวบสมัย เรื่องวิปัสสนาและทีเอ็ม?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2011 1:23 pm

สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงประกาศแต่งตั้ง คุณพ่อมนัส จวบสมัย อธิการบ้านเณรแสงธรรม เป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ของสังฆมณฑลราชบุรี สืบต่อจาก พระสังฆราชเอก ทับปิง ซึ่งได้ถึงแก่มรณภาพ เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ.1985
พระสมณทูต เรนาโต อาร์ มาร์ติโน ได้ประกาศข่าวการแต่งตั้งพระสังฆราชใหม่ต่อหน้าบรรดาสัตบุรุษที่ได้ไปร่วมฉลอง 275 ปีของวัดแม่พระปฏิสนธินิรมลจันทบุรี เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1985 สร้างความตื่นตะลึงและปลื้มปีติกับผู้ได้ยินข่าวนี้อย่างปรีดาปราโมทย์
พระสมณทูตกล่าวว่า “บัดนี้ประเทศไทยมีพระสังฆราชครบทั้ง 10 สังฆมณฑลอีกครั้งหนึ่งแล้วเพราะสมเด็จพระสันตะปาปาได้ทรงแต่งตั้งพระสังฆราชใหม่แห่งสังฆมณฑลราชบุรีแล้ว คือ คุณพ่อ ยอห์น บอสโก มนัส จวบสมัย และพระองค์จะบวชคุณพ่อเป็นพระสังฆราชในวันที่ 6 มกราคม ค.ศ.1986 ที่พระมหาวิหารนักบุญเปโตร ในกรุงโรม”
สิ้นคำประกาศ บรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษหลายพันคนต่างพร้อมใจแสดงความยินดีอย่างกึกก้อง คุณพ่อมนัส จวบสมัย ซึ่งได้เดินทางไปร่วมฉลองวัดจันทบุรีด้วย ได้กล่าวแสดงความรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า “ถ้าจะมีใครสัมภาษณ์ตอนนี้ว่ารู้สึกอย่างไร ก็ต้องตอบว่า หัวใจมันเต้นแรง เพราะ ระเบิดมันแรง เพราะพวกเราได้รอคอยมาเป็นเวลานาน ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ประทานกางเขนให้แบก การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นทั้งเกียรติและกางเขน แต่เป็นกางเขนเสียมากกว่า”
คุณพ่อมนัสกล่าวต่อไปว่าพระสมณทูตได้แจ้งให้ทราบเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เป็นเหตุการณ์คล้ายกับในพระวรสาร (วันนี้) ที่เทวดาได้แจ้งสารแก่แม่พระ พระสมณทูตเร่งเร้าจะเอาคำตอบให้ได้ จึงได้ขอเวลาสวด และที่สุดน้อมรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า คุณพ่อมนัสกล่าวเสริมว่า “รู้สึกยินดีที่จะได้รับใช้พระศาสนจักรสูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง และขอคำภาวนาของพี่น้องทุกคนเพื่อที่จะได้ทำหน้าที่รับใช้พระศาสนจักรไปตลอดชีวิต”
พระสังฆราช ยอห์น บอสโก มนัส จวบสมัย เกิดเมื่อวันที่ 31ตุลาคม ค.ศ.1935 ณ ตำบล บางนกแขวก จังหวัดสมุทรสงคราม มีพี่น้องด้วยกัน 10 คน เป็นบุตรคนที่ 5 ของ นายวิจิตร และ นางกิมลั้ง จวบสมัย เมื่อเล็กๆ ชื่อใช่สุน ต่อมาเมื่อเข้าโรงเรียนเปลี่ยนเป็นไทยชื่อ มนัส ซึ่งแปลว่า สติปัญญา (Intellect)
คงจะมีแววฉลาดตั้งแต่เล็กๆ ก็เป็นได้ บิดาเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ.1975 ส่วนมารดายังแข็งแรงดีพอสมควร ยังสามารถไปวัดร่วมมิสซาทุกเช้า เด็กชายมนัสเข้าเรียนครั้งแรกที่โรงเรียนวัดเจริญสุขาราม ประตูน้ำบางนกแขวก 2 ปีต่อมาย้ายมาเรียนที่โรงเรียนดรุณานุเคราะห์ และเรียนอยู่ที่นี่นับตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 2 จนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 ผลการเรียนอยู่ในอันดับ 1 หรือ 2 เสมอ
เมื่อเป็นเด็กชอบเล่นที่วัดช่วยพิธีมิสซา อวยพร ชอบร้องเพลงวัด (เพลงเกรโกเรียน) หลังจากที่โรงเรียนดรุณานุเคราะห์สร้างอาคารเรียนใหม่เสร็จแล้ว พวกเณรข้ามมาเรียนที่โรงเรียนเหมือนเดิม ปีนั้นมีเด็กจากวัดต่างๆ เข้าบ้านเณรกันมากหลังจากที่ซบเซากันไปสองสามปี เด็กชายมนัสอายุ 14 ปี เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก็สมัครเข้าบ้านเณรพร้อมกับเพื่อนๆ วัดเดียวกัน 3 คน ปีนั้นมีเพื่อนร่วม รุ่นทั้งหมด 14 คน เพื่อนร่วมชั้น 4 คน แต่เมื่อเรียนไปๆ ค่อยๆ หายหน้ากันไปทีละคนสองคนจนหมด เหลือแต่เณรมนัสคนเดียว เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว ก็ได้รับเสื้อหล่อเป็นครูเณรดูแลเณร 1 ปี
หลังจากนั้นผู้ใหญ่ส่งครูเณรประเสริฐ นพคุณ และ ครูเณรมนัส จวบสมัย ไปศึกษาเทววิทยาและปรัชญาตามลำดับที่บ้านเณรพระหฤทัย ปูนามัลลี มัทราส อินเดีย เณรมนัสต้องเรียนอยู่ที่อินเดียรวดเดียว 7 ปีติดต่อกันด้วยความศรัทธาแกร่งกล้าอยากเป็นพระสงฆ์ทำให้ไม่กลัวความยากลำบากใดๆ ทั้งสิ้น มุมานะศึกษาเล่าเรียนด้วยความขยันขันแข็งอากาศร้อนและอาหารที่ซ้ำๆ กัน แกงกะหรี่ โรตี กระเจี๊ยบ ฟักทอง กล้วยน้ำว้า และน้ำส้ม มะขาม ทุกเย็นวันศุกร์ ไม่เป็นอุปสรรคทำให้เณรมนัสต้องยอมจำนนม้วนเสื่อกลับบ้าน เมื่อเรียนจบหลักสูตรปรัชญาและเทววิทยา 7 ปี แล้วก็เดินทางกลับสู่ประเทศไทยอย่างผู้มีชัย แม้จะซูบผอม หัวโตแก้มตอบไปบ้างก็ตามที วันก่อนฉลอง พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ วันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ.1961 สังฆานุกรมมนัส จวบสมัย ก็ได้รับศีลบวช เป็นพระสงฆ์ในวัดน้อยบ้านเณรเล็ก ราชบุรี
สมัยนั้นการบวชพระสงฆ์ไม่มีการจัดเป็น งานมโหฬารเหมือนสมัยนี้ รุ่งขึ้นฉลองพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ คุณพ่อใหม่ถวายมิสซาแรก ณ อาสนวิหาร แม่พระบังเกิด บางนกแขวก วัดบ้านเกิดเมืองนอน
สนามงานแรกในชีวิตสงฆ์ของคุณพ่อคือ วัดราชบุรี 2 ปีแรก คุณพ่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย คุณพ่อซาโบ เจ้าอาวาสและช่วยสอนเรียนทางบ้านเณร ต่อมารับหน้าที่เป็นพ่อศึกษาดูแลระเบียบวินัยของบ้านเณร โดยเฉพาะ 1 ปี ถัดจากนั้นล่องใต้ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแม่พระฟาติมา ห้วยยาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นาน 2 ปี ได้มีโอกาสฝึกงานอภิบาลสัตบุรุษและได้เรียนรู้ชีวิตสงฆ์ที่ศักดิ์ สิทธิ์ จากคุณพ่อเกรสปี เจ้าอาวาสวัดที่สามที่คุณพ่อประจำนานที่สุด นานถึง 9 ปี คือวัดแม่พระมหาทุกข์ ท่าม่วง กาญจนบุรี ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส 5 ปี และเป็นเจ้าอาวาส 4 ปี คุณพ่อได้เสียสละวิ่งเต้นเพื่อสร้างโบสถ์หลังใหม่ ให้สมกับวิหารของพระเจ้าและเป็นเกียรติศักดิ์ศรีแก่พี่น้องสัตบุรุษวัดท่าม่วง
ในปี ค.ศ.1973 พระสังฆราชรัตน์ ได้ส่งคุณพ่อสุเมธและคุณพ่อมนัสไปศึกษาวิชาหลักพัฒนาสังคม ณ สถาบันระบบสังคม (I.S.O.) ที่มะนิลา และศึกษาหลักการส่งเสริมชีวิตครอบครัว ณ ศูนย์ส่งเสริมชีวิตครอบครัวเดล มอนเต ฟิลิปปินส์ คุณพ่อทำงานเผยแพร่และส่งเสริมชีวิตครอบครัว รวมทั้งการวางแผนครอบครัวตามธรรมชาติ อยู่ 2 ปีในปี ค.ศ.1974 คุณพ่อย้ายไปเป็นอธิการโรงเรียนดรุณาราชบุรี และเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบุรี ควบ 2 ตำแหน่ง ช่วยงานวัดและงานโรงเรียนให้เจริญก้าวหน้า มีเอกภาพมากขึ้น ต่อมาในปี ค.ศ.1975 พระสังฆราชรัตน์ บำรุงตระกูล ย้ายไปปกครองสังฆมณฑลเชียงใหม่ พระสังฆราชเอก ทับปิง เข้ารับหน้าที่แทน ท่านตัดสินใจส่งคุณพ่อมนัสไปศึกษาทำปริญญาโททางปรัชญาที่มหาวิทยาลัยคาทอลิก สหรัฐอเมริกา เป็นเวลานาน 2 ปี เพื่อจะได้กลับมาสอนปรัชญาแทนท่านต่อไป คุณพ่อศึกษาสำเร็จแล้วก็เดินทางกลับทันที ในปี ค.ศ.1978 และเข้ารับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญา เป็นคณบดีคณะมนุษยศาสตร์สาขาวิชาปรัชญา วิทยาลัยแสงธรรม และเป็นรองอธิการฝ่ายบ้านเณรใหญ่อีกด้วย
หลังจากสอนเรียนได้ 6 ปีเต็ม คุณพ่อได้มีโอกาสไปศึกษาต่อเพิ่มเติมเพื่อติดตามแนวคิดใหม่ๆ ทางด้านปรัชญาและเทววิทยาบ้าง ณ มหาวิทยาลัยคาทอลิกลูแวง เบลเยี่ยม เป็นเวลา 1 ปีเมื่อกลับจากต่างประเทศ ก็เข้ารับหน้าที่เป็นอธิการบ้านเณรใหญ่แสงธรรมนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1985 เป็นต้นมา จนกระทั่งวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1985 พระสมณทูต เรนาโต อาร์. มาร์ตีโน ได้ประกาศเป็นทางการในโอกาสสมโภช275 ปีวัดคาทอลิก จันทบุรี ว่า สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ทรงแต่งตั้ง คุณพ่อมนัส จวบสมัย เป็นพระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลราชบุรี สืบต่อจาก พระสังฆราชเอก ทับปิง ซึ่งได้มรณภาพด้วยโรคมะเร็งในตับอ่อน เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1985
นอกจากงานประจำในบ้านเณรและวิทยาลัยแสงธรรมแล้ว คุณพ่อยังมีตำแหน่งหน้าที่ภายนอกอื่นๆ อีกหลายอย่าง อาทิเช่น เป็นประธานกรรมการบริหารศาสนสัมพันธ์ ปี
ค.ศ.1982-1985 เป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการที่กรุงโรม 2 แห่ง คือ สำนักเลขาธิการ ฝ่ายผู้ไม่มีความเชื่อ และสำนักเลขาธิการ ฝ่ายผู้ที่มิใช่ คริสตชน เพื่อส่งเสริมงานด้านศาสนสัมพันธ์ โดยเฉพาะปูพื้นฐานความรู้ด้าน ศาสนาคริสต์สำหรับฝ่ายคาทอลิก คุณพ่อได้สละเวลาเรียบเรียงหนังสือที่มีประโยชน์มาก 2 เล่ม คือ สารานุกรมคาทอลิกและ 50 บทความเทววิทยาใหม่
นอกจากนี้ คุณพ่อยังสนใจเรื่องการฝึกจิตแบบ T.M. (Transcendental Meditation) สมาธิวิปัสสนาแบบพุทธและแบบคริสต์โดยเฉพาะแบบสาธนาของ คุณพ่อแอนโทนี เด เมลโล เอส. เจ. คุณพ่อบอกว่า
การฝึกจิตให้เป็นสมาธิช่วยชีวิตภาวนาและชีวิตฝ่ายจิตหรือชีวิตภายในได้มากทีเดียว ยิ่งกว่านั้นยังมีผลพลอยได้ทางสุขภาพกายอีกด้วย คุณพ่ออายุ 50 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีสุขภาพแข็งแรง พลานามัยสมบูรณ์ คุณพ่อปวารณาตัวว่า ยินดีอุทิศความหนุ่มที่ยังเหลืออยู่นี้เพื่อรับใช้พี่น้องในพระศาสนจักร นอกพระศาสนจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังฆมณฑลราชบุรี ตามพระฉบับแบบของพระคริสตเจ้า โดยมี “ความรัก ของพระคริสต์” (Caritas Christi) เป็นแรงบันดาลใจและพลังใจให้ชนะทุกสิ่งเพื่อพระสิริมงคลของพระเจ้า และ พระราชัยของพระองค์
http://haab.catholic.or.th/story%20the% ... manat.html