นักบุญ วาเลนไทน์ <3
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 07, 2012 10:57 pm
นักบุญ วาเลนไทน์ (Valentine)

ตามประวัติกล่าวว่า วันนี้เป็นวันมรณภาพของนักบุญในศาสนาคริสต์ท่านหนึ่งชื่อว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือในภาษาโรมันคือ วาเลนตินุส (VALENTINUS) ท่านผู้นี้ถูกพวกโรมันจับลงโทษถึงแก่ความตายในสมัยพระเจ้าจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ช่วง ค.ศ. 269 เนื่องจากท่านเป็นชาวโรมัน แต่ไปนับถือศาสนาคริสต์ และได้เข้าบวชจนได้เป็นพระสังฆราชในเวลาต่อมา ในสมัยนั้น ประชาชนชาวโรมันนับถือศาสนาเดิมของชาวโรมัน ซึ่งมีเทพเจ้าและเทพธิดาหลายองค์
ในระยะเริ่มแรกที่ศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแพร่ในกรุงโรม ทางรัฐบาลกรุงโรมเห็นว่า การสอนว่ามนุษย์ทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า(สมัยนั้นจักรพรรดิ์โรมันถือเป็นมนุษย์ที่เปรียบเป็นเทพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว) เป็นลัทธิที่อันตรายต่อการเมืองการปกครองของชาวโรมันเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดนับถือศาสนาคริสต์ก็จะถูกจับตัวไปลงโทษอย่างรุนแรงต่อสาธารณชน เช่น ให้สัตว์ป่ากัดตาย ตรึงไม้กางเขนให้ตายบ้าง หรือเผาทั้งเป็น เป็นต้น พวกที่นับถือศาสนาคริสต์ต้องคอยหลบซ่อนตัวไม่บอกให้ใครรู้ว่าตนเป็นคริสต์ศาสนิกชน และเมื่อถึงเวลาทำพิธีกรรมทางศาสนาของตน จะต้องแอบหนีลงไปทำพิธีในอุโมงค์ที่ใช้บรรจุศพ นอกกรุงโรม

วาเลนไทน์เป็นผู้กล้าหาญและคอยช่วยเหลือคนที่นับถือศาสนาคริสต์อยู่เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ถูกทางราชการของกรุงโรมจับไปขังคุกหรือเอาไปทรมาน
ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลาย ครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือคริสตชนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ ด้วย

ในที่สุดท่านเองก็ถูกทางราชการของกรุงโรมจับตัวได้และเอาไปขังคุกไว้
เมื่อวาเลนไทน์อยู่ในคุก มีผู้คุมชื่อ อัสเตริอุส (ASTERIUS) เป็นผู้มีจิตใจเมตตาและคอยให้ความช่วยเหลือมิให้เดือดร้อน ผู้คุมมีลูกสาวอยู่คนหนึ่งตาบอดทั้ง 2 ข้าง ระหว่างที่วาเลนไทน์ติดคุกอยู่นั้น ลูกสาวผู้คุมก็นำอาหารให้และช่วยติดต่อกับคนนอกคุก ที่นับถือศาสนาศริสต์ให้แก่วาเลนไทน์ ขณะที่อยู่ในคุก วาเลนไทน์ได้ทำการรักษาด้วยการวอนขอพระเจ้า ทำให้ตาทั้งสองข้างของลูกสาวผู้คุมหายบอด กลับมาเป็นคนตาดี ทำให้ทั้งครอบครัวของผู้คุมหันมานับถือศาสนาคริสต์ด้วย

หลังจากวาเลนไทน์ติดคุกมาเป็นเวลา 1 ปีจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ก็มีคำสั่งให้ท่านเข้าเฝ้า เมื่อจักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นท่านก็รู้สึกต้องพระทัยในกริยามารยาท ความสำรวมและความมีสง่าราศีของท่าน จึงตรัสเกลี้ยกล่อมให้ท่านเลิกนับถือศาสนาคริตส์เสีย แล้วกลับมานับถือเทพเจ้าตามศาสนาของชาวโรมันต่อไปตามเดิม พระองค์จะพระราชทานอภัยโทษให้ แต่วาเลนไทน์ก็ปฏิเสธ ไม่ยอมเลิกนับถือศาสนาคริสต์ มิหนำซ้ำกับเริ่มสั่งสอนอบรมจักรพรรดิให้ทรงกลับใจ และเชื่อในพระเจ้า จักรพรรดิกริ้วมาก จึงมีรับสั่งให้นำตัววาเลนไทน์ไปตีด้วยไม้กระบองจนตาย
ผู้ที่ตายเพื่อศาสนาและได้สละชีวิตของตนยืนยันความศรัทธา และได้ช่วยให้ผู้อื่นได้รับความสว่างในพระเจ้า ท่านจึงเป็นมรณสักขี(ผู้ยอมตายเพื่อยืนยันความศรัทธาในคริสตศาสนา)พระศาสนจักรจึงได้ทำการยกย่องให้เป็นนักบุญ และกำหนดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ท่านถึงแก่มรณภาพ(14 กพ. คศ.270) เป็นวันที่ระลึกเฉลิมฉลองเกียรติของท่าน

บทภาวนา
ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระองค์โปรดให้นักบุญวาเลนไทน์เป็นแบบอย่างและกำลังใจแก่พวกเราในเรื่องของความเชื่อ และความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ โดยอาศัยแบบอย่างจากท่านที่มั่นคงต่อพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด

ตามประวัติกล่าวว่า วันนี้เป็นวันมรณภาพของนักบุญในศาสนาคริสต์ท่านหนึ่งชื่อว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือในภาษาโรมันคือ วาเลนตินุส (VALENTINUS) ท่านผู้นี้ถูกพวกโรมันจับลงโทษถึงแก่ความตายในสมัยพระเจ้าจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ช่วง ค.ศ. 269 เนื่องจากท่านเป็นชาวโรมัน แต่ไปนับถือศาสนาคริสต์ และได้เข้าบวชจนได้เป็นพระสังฆราชในเวลาต่อมา ในสมัยนั้น ประชาชนชาวโรมันนับถือศาสนาเดิมของชาวโรมัน ซึ่งมีเทพเจ้าและเทพธิดาหลายองค์
ในระยะเริ่มแรกที่ศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแพร่ในกรุงโรม ทางรัฐบาลกรุงโรมเห็นว่า การสอนว่ามนุษย์ทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า(สมัยนั้นจักรพรรดิ์โรมันถือเป็นมนุษย์ที่เปรียบเป็นเทพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว) เป็นลัทธิที่อันตรายต่อการเมืองการปกครองของชาวโรมันเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดนับถือศาสนาคริสต์ก็จะถูกจับตัวไปลงโทษอย่างรุนแรงต่อสาธารณชน เช่น ให้สัตว์ป่ากัดตาย ตรึงไม้กางเขนให้ตายบ้าง หรือเผาทั้งเป็น เป็นต้น พวกที่นับถือศาสนาคริสต์ต้องคอยหลบซ่อนตัวไม่บอกให้ใครรู้ว่าตนเป็นคริสต์ศาสนิกชน และเมื่อถึงเวลาทำพิธีกรรมทางศาสนาของตน จะต้องแอบหนีลงไปทำพิธีในอุโมงค์ที่ใช้บรรจุศพ นอกกรุงโรม

วาเลนไทน์เป็นผู้กล้าหาญและคอยช่วยเหลือคนที่นับถือศาสนาคริสต์อยู่เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ถูกทางราชการของกรุงโรมจับไปขังคุกหรือเอาไปทรมาน
ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลาย ครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือคริสตชนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ ด้วย

ในที่สุดท่านเองก็ถูกทางราชการของกรุงโรมจับตัวได้และเอาไปขังคุกไว้
เมื่อวาเลนไทน์อยู่ในคุก มีผู้คุมชื่อ อัสเตริอุส (ASTERIUS) เป็นผู้มีจิตใจเมตตาและคอยให้ความช่วยเหลือมิให้เดือดร้อน ผู้คุมมีลูกสาวอยู่คนหนึ่งตาบอดทั้ง 2 ข้าง ระหว่างที่วาเลนไทน์ติดคุกอยู่นั้น ลูกสาวผู้คุมก็นำอาหารให้และช่วยติดต่อกับคนนอกคุก ที่นับถือศาสนาศริสต์ให้แก่วาเลนไทน์ ขณะที่อยู่ในคุก วาเลนไทน์ได้ทำการรักษาด้วยการวอนขอพระเจ้า ทำให้ตาทั้งสองข้างของลูกสาวผู้คุมหายบอด กลับมาเป็นคนตาดี ทำให้ทั้งครอบครัวของผู้คุมหันมานับถือศาสนาคริสต์ด้วย

หลังจากวาเลนไทน์ติดคุกมาเป็นเวลา 1 ปีจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ก็มีคำสั่งให้ท่านเข้าเฝ้า เมื่อจักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นท่านก็รู้สึกต้องพระทัยในกริยามารยาท ความสำรวมและความมีสง่าราศีของท่าน จึงตรัสเกลี้ยกล่อมให้ท่านเลิกนับถือศาสนาคริตส์เสีย แล้วกลับมานับถือเทพเจ้าตามศาสนาของชาวโรมันต่อไปตามเดิม พระองค์จะพระราชทานอภัยโทษให้ แต่วาเลนไทน์ก็ปฏิเสธ ไม่ยอมเลิกนับถือศาสนาคริสต์ มิหนำซ้ำกับเริ่มสั่งสอนอบรมจักรพรรดิให้ทรงกลับใจ และเชื่อในพระเจ้า จักรพรรดิกริ้วมาก จึงมีรับสั่งให้นำตัววาเลนไทน์ไปตีด้วยไม้กระบองจนตาย
ผู้ที่ตายเพื่อศาสนาและได้สละชีวิตของตนยืนยันความศรัทธา และได้ช่วยให้ผู้อื่นได้รับความสว่างในพระเจ้า ท่านจึงเป็นมรณสักขี(ผู้ยอมตายเพื่อยืนยันความศรัทธาในคริสตศาสนา)พระศาสนจักรจึงได้ทำการยกย่องให้เป็นนักบุญ และกำหนดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ท่านถึงแก่มรณภาพ(14 กพ. คศ.270) เป็นวันที่ระลึกเฉลิมฉลองเกียรติของท่าน

บทภาวนา
ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระองค์โปรดให้นักบุญวาเลนไทน์เป็นแบบอย่างและกำลังใจแก่พวกเราในเรื่องของความเชื่อ และความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ โดยอาศัยแบบอย่างจากท่านที่มั่นคงต่อพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด