มโนธรรมหรือพระคัมภีร์บางฉบับแปลว่าใจวินิจฉัยผิดและชอบ(conscience) มีปรากฏในพระคัมภีร์หลายครัง
อาทิ
(1ซมอ 25:31)(กจ:23:1,24:16) (รม 9:1,13:5) (1คร 8:10,12 10:25,27-29) (2คร 1:12,4:2,5:11) (อฟ 4:19) (1ทธ 1:5,19, 3:19,4:2) (2ทธ 1:3) (ฮบ 9:9,14,10:2 13:18) (1ปต 2:19 3:16,21)
ความหมายก็ค่อนข้างตรงตัวนะครับ "ใจวินิจฉัยผิดและชอบ" หรือพูดง่ายๆก็คือความรู้จักผิดชอบชั่วดี โดยพระเจ้าทรงประทานให้เหมือนกันทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือคนต่างชาติ คริสตชนหรือผู้ที่ไม่เชื่อ (รม 2:14-15) โดยพระเจ้าได้บรรจุในวิญญาณ ซึ่งเป็นส่วนลึกที่สุดในสามส่วน อันได้แก่ กาย จิต และวิญญาณของมนุษย์
โดยในทางศาสนาพุทธ ผมว่ามันคงใกล้เคียงกับ หิริและโอตัปปะ คือความละอายชั่วกลัวบาป ซึ่งก็มีอยู่ในมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม
แต่ประเด็นก็คือ ความละอายชั่วกลัวบาป,มโนธรรมหรือหิริและโอตัปปะนั้น สัตตบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าเราหรือแม้แต่ประสบการณ์ของเราก็ได้สอนให้เรารู้ว่า มโนธรรมนั้นเป็นเพียงม่านอันเบาบางที่ฉีกขาดง่ายยิ่งกว่าฉีกกระดาษเสียอีก
เราทุกคนมีมโนธรรม และมโนธรรมนี้ จะแสดงผลตอนเราเริ่มทำความบาปเป็นครั้งแรกๆ แต่เมื่อเราฝืนทำ มันก็จะไม่ฟ้องร้องเราอีกต่อไป หรือเรียกว่ามโนธรรมด้านชา
ตัวอย่างเช่น โจร ครั้งแรกๆที่ขโมยของ ย่อมมีความรู้สึกผิด ละอายใจ แต่ความรู้สึกนี้มันเบาบางมาก เพียงฝืนทำต่อ ครั้งต่อๆไปก็รู้สึกว่าเป็นธรรมดา เป็นปกติวิสัย
มโนธรรมเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าใช้ในมนุษย์เพื่อไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเกินไปในขณะขาดการติดต่อกับพระเจ้า
ไม่ใช่ว่ามโนธรรมเป็นสิ่งไม่ดีพอ แต่สิ่งที่ประเสริฐกว่าคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเราจะได้รับเมื่อเชื่อในพระคริสต์เยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เข้าสู่ส่วนในสุดของมนุษย์เช่นกัน คือทรงสถิตในส่วนวิญญาณของมนุษย์ พระวิญญาณจะสอนเราตลอด ไม่เหมือนมโนธรรม ที่พูดๆหยุดๆ
ฉนั้นต้องขอบพระคุณพระเจ้านะครับ ที่ได้มอบสิ่งที่ดีเลิศเช่นนี้ คือตัวพระองค์เอง มาคอยสอนเราตลอด
ปล.อิมมานูเอล